เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 278 การยั่วยุอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 278 การยั่วยุอย่างต่อเนื่อง
ฝีมือการหั่นของซางเทียนซั่วนั้นไม่ธรรมดา เส้นที่หั่นออกมาไม่เพียงแต่ขนาดเท่ากัน แต่ยังรวดเร็วอีกด้วย
เทียบกันแล้ว ซ่งจื่อเซวียนสั่งให้ลูกน้องในครัวของสวนสวินเฟิงหั่นวัตถุดิบสำหรับทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายทุกวัน ใช้เวลาราวๆ หนึ่งชั่วโมง แต่ซางเทียนซั่วกลับใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น
ความแตกต่างของเวลานั้นเรียกได้ว่าเทียบไม่ติดฝุ่น
“เทียนซั่ว ฉันว่าช่วงนี้นายมาอยู่ที่สวนสวินเฟิงดีกว่า มาทำอาหารกับอาจารย์ที่นี่ ดีไหม”
ได้ยินดังนั้น ซางเทียนซั่วก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ได้สิ ให้หั่นของเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้อาจารย์ไม่อยู่ที่ร้านอาหารร่ำรวย ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “โอเค มาอยู่ที่นี่เถอะ จะได้ไม่ขาดใจตายไปซะก่อน”
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนจึงนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้ไปเก็บ ส่วนที่ต้องแช่เย็นก็แช่เย็น ส่วนที่ต้องแช่น้ำก็เอาไปแช่น้ำ แล้วทั้งสองคนก็ออกจากห้องครัว ไปที่ห้องทำงาน
ซ่งจื่อเซวียนนั่งลงที่โต๊ะแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สีหน้าของเขาฉายแววเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“อาจารย์ ยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่เหรอ”
ซางเทียนซั่ววางชาถ้วยหนึ่งตรงหน้าซ่งจื่อเซวียนแล้วเอ่ยถาม
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ตอนนี้อาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับวงการอาหารเมืองตู้เหมินเมื่อไรก็ได้ และไม่รู้ว่าพวกมันจะมาถึงเมื่อไร…”
“คือ…อาจารย์ ตามหลักแล้ว ไอ้ขยะเซียสๆ อะไรนั่น จะต้องไปหาเสี่ยหวงก่อนไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าว่ากันตามเหตุผลก็ต้องเป็นแบบนั้น พวกมันหวังจะใช้เสี่ยหวงเพื่อมาถึงตัวฉัน แต่…ใครจะรู้ว่าพวกมันจะเล่นตามเกมหรือเปล่า” ซ่งจื่อเซวียนพูด สีหน้าของเขาอึมครึมลงกว่าเดิมเล็กน้อย
ซางเทียนซั่วเองก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอย่างไรเสีย ในสถานการณ์นี้เราอยู่ในที่แจ้ง ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในที่มืด ไม่มีใครมีวิธีที่ดีกว่านี้
พวกเขาทำได้แค่รอ และคอยเฝ้ามองสถานการณ์
ซางเทียนซั่วนั่งอยู่ข้างๆ ไถโทรศัพท์มือถือไปเรื่อย ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็เบิกโพลง ลุกขึ้นเดินไปหาซ่งจื่อเซวียน
“อาจารย์ ดูสิ!”
ซ่งจื่อเซวียนคล้ายจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบรับโทรศัพท์มือถือจากเขาไป
ในคลิป เลคริเซียสยิ้ม ชี้ไปที่ป้ายร้านอาหารหงติ่งฟางด้านหลัง
“อีกเดี๋ยวผมจะเปิดศึกกับเชฟที่นี่ เขาว่ากันว่าชาวจีนในเมืองตู้เหมินพิถีพิถันเรื่องอาหารมาก ผมเลยอยากจะรู้ว่าฝีมือของเชฟที่นี่เป็นยังไง ต่อไปนี้ผมจะถ่ายทอดสด พาทุกคนไปดูว่าผมจะเอาชนะเชฟร้านนี้ได้ยังไง”
ซ่งจื่อเซวียนหายใจเข้าลึกๆ “ถ่ายทอดสดงั้นเหรอ”
“อาจารย์ น่าจะเป็นคลิปที่เพิ่งอัป หน้าจอถ่ายทอดสดปิดไปแล้ว พวกเขาน่าจะแข่งขันเสร็จกันแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้ว “อย่างที่คิด…มีคนโชคร้ายอีกแล้ว ร้านอาหารหงติ่งฟาง…ชื่อคุ้นๆ แฮะ”
“ใช่ ผมก็รู้สึกคุ้นเหมือนกัน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
พูดจบ ซางเทียนซั่วก็เปิดแอปพลิเคชันแผนที่ ค้นหาร้านอาหารหงติ่งฟางที่ว่านี้
“เจอแล้วอาจารย์ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเลย”
ซ่งจื่อเซวียนรับโทรศัพท์มาดู “จริงด้วย อยู่ตรงเขตเฉิงซี ห่างจากบ้านฉัน…น่าจะไม่เกินยี่สิบนาที”
“ฉิบหายแล้วอาจารย์ ไอ้พวกนี้มันจะหาบ้านอาจารย์เจอไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ตะลึงงัน แม้ว่าเขาจะเตรียมรีโนเวตบ้านของเฉียนปู้หลายแล้ว แต่…ถ้าเลคริเซียสเจอบ้านของเขาตอนนี้ล่ะก็ซวยแน่
คิดได้เช่นนี้ ซ่งจื่อเซวียนจึงโทรหาซ่งอีหนานทันที
เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ซ่งอีหนานฟัง ทำให้ปลายสายกลัวขึ้นมาฉับพลัน
“เจ้ารอง ฉันเห็นคลิปที่นายพูดถึงแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะตายแน่ ตอนนี้แม่อยู่ที่บ้านคนเดียว”
“ใช่ ผมเลยบอกพี่ไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะไปรับแม่นะ พวกพี่สองคนไปพักที่ข่ายอ้อก่อน รอรีโนเวตบ้านเสร็จอีกสองวัน ค่อยย้ายเข้าไปอยู่”
“ได้ พี่จะจัดการให้ นายเองก็ระวังตัวด้วย คนพวกนี้คงจ้องจะเล่นงานนายอยู่เหมือนกันนะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวลนะพี่”
หลังจากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ซางเทียนซั่วดูแลสวนสวินเฟิง แล้วเรียกให้ฟางรุ่ยขับรถพากลับบ้าน
ระหว่างทาง ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้เขาจะคิดว่าพวกมันไม่น่าจะเจอบ้านของเขาเร็วขนาดนี้ แต่แม่ก็ยังอยู่ที่บ้านตัวคนเดียว จึงไม่คลายความกังวล
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงบ้าน สายตาของซ่งจื่อเซวียนก็หยุดอยู่ที่ร้านอาหารริมถนนแห่งหนึ่ง
มันคือร้านอาหารหงติ่งฟางที่เขาเห็นในคลิปเมื่อสักครู่!
“รุ่ยจื่อจอดรถ!”
ฟางรุ่ยไม่ได้เตรียมตัว ได้ยินดังนั้น เขาจึงเบรกกะทันหัน พร้อมกับเลี้ยวขวา จนรถแทบจะหมุนไปจอดข้างถนน
การขับรถไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฟางรุ่ย ซ่งจื่อเซวียนเองก็ไม่ได้ประหลาดใจ ยังคงมองไปยังร้านอาหารหงติ่งฟาง
“นายท่านรอง มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ร้านนี้เพิ่งจะถูกเลคริเซียสท้าประลองไปเมื่อกี้”
ฟางรุ่ยมองตามสายตาของซ่งจื่อเซวียน แล้วก็อดตกตะลึงไม่ได้ “ที่นี่เหรอครับ ร้านก็…ไม่ได้ใหญ่โตเลยนะ”
“ใช่ แต่ร้านอาหารหงติ่งฟางมีเมนูขึ้นชื่อ และมีชื่อเสียงในเมืองตู้เหมินด้วย เลคริเซียสคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ ช่วงนี้มันคงจะเริ่มท้าประลองเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนกัดฟันพูด
“แต่…นายท่านรองครับ ถ้ามองว่าร้านของพวกเขาก็งั้นๆ อันที่จริงพวกมันจะท้าทายก็แค่รับคำท้าก็พอนี่ครับ อย่างเลวร้ายที่สุดก็แค่แพ้ แค่นั้นไม่ใช่เหรอครับ” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “รุ่ยจื่อ นายไม่เข้าใจ การท้าทายแบบนี้ในวงการ ไม่มีใครท้าทายกันเปล่าๆ”
“อ้าว ให้ตายสิ ชนะแล้วยังจะเอาอะไรอีก” ฟางรุ่ยพูด
“ยกตัวอย่างตระกูลหลิง ไอ้พวกเดนนรกพวกนี้ไม่ใช่แค่ลงมือทำร้ายคนอื่น แต่ยังทำให้แขนของตู้ปั๋วบาดเจ็บในระหว่างการแข่งขัน แถมยังถ่ายคลิปกระบวนการทั้งหมด เผยแพร่ต่อสาธารณชน ป่าวประกาศว่าพวกมันโค่นยอดเชฟทางเหนือได้”
ฟางรุ่ยพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนี้ “นี่ต้องเป็นการโจมตีท่านผู้เฒ่าหลิงแน่นอน!”
“ก็ไม่แน่เสมอไป ด้วยวัยวุฒิและระดับของท่านผู้เฒ่าหลิงในตอนนี้ คงไม่รู้สึกว่านี่เป็นการโจมตี แต่การกระทำของพวกมันเกินกว่าเหตุ เหมือนพยายามจะไล่ฆ่ากลายๆ”
ฟางรุ่ยหันไปมองร้านอาหารหงติ่งฟางทันที “แต่ร้านอาหารหงติ่งฟางนี่…”
“เชฟของร้านอาหารหงติ่งฟางไม่ใช่เชฟชื่อดังระดับประเทศ พวกมันคงไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียง พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เปิดประตูลงจากรถ ตามด้วยฟางรุ่ยที่เดินตามหลัง
ตอนนี้ ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว แต่ภายในร้านอาหารหงติ่งฟางกลับไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงพนักงานเสิร์ฟสองสามคนกำลังเก็บโต๊ะ
พวกเขายกเก้าอี้วางบนโต๊ะ โดยปกติแล้ว นี่คือสิ่งที่ต้องทำเวลาปิดร้าน ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินตรงไป
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าร้านของพวกคุณเปิดหรือยังครับ”
พนักงานเสิร์ฟมองซ่งจื่อเซวียน “ปิดแล้ว”
“หือ เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเองนะ”
พนักงานเสิร์ฟไม่พูดอะไร ในตอนนี้เอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัว ชายคนนั้นสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำเงิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
ท่าทางของเขาเห็นได้ชัดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บ เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมมืออีกข้างหนึ่งไว้
ซ่งจื่อเซวียนเดาได้ทันทีว่าชายคนนี้คือเชฟของร้านอาหารหงติ่งฟาง
“พี่ชาย ผมถามหน่อยสิครับ ทำไมวันนี้ถึงปิดร้านเร็วขนาดนี้ล่ะ”
เชฟมองซ่งจื่อเซวียน “เหอะๆ เมื่อกี้มีถ่ายทอดสด มีคนดูออนไลน์เป็นหมื่นๆ คน คุณไม่เห็นเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า
“แม่ง ไม่รู้ว่าไปไปซวยมาจากไหน จู่ๆ ก็มีไอ้ฝรั่งสองสามคนมาท้าแข่งกับผม” เชฟคนนั้นพูด
ซ่งจื่อเซวียนรีบถาม “แข่งเหรอ แล้วไงต่อครับ”
“ถ้าพวกมันแพ้ มันจะให้ฉันสองแสน ถ้าฉันแพ้ ฉันต้องปิดร้านยี่สิบวัน”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ปิดร้าน? นี่เป็นเดิมพันในการแข่งขันเหรอครับ”
“ใช่ ถ้าไม่รับคำท้า พวกมันจะบุกมาทุบร้าน แม่ง แถมมีไอ้พวกคนผิวดำ หน้าก็โหด มีเหรอผมจะกล้าปฏิเสธ
“คุณเป็นเชฟของร้านอาหารหงติ่งฟางใช่ไหมครับ”
“ใช่ เป็นเชฟแล้วก็เป็นเจ้าของร้านด้วย” เชฟคนนั้นตอบ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เสียหายหลายแสนเลยนะครับ คุยตามตรงแบบเปิดอกเลยนะพี่ชาย ผมก็เป็นเชฟเหมือนกัน ได้ยินมาว่ามีพวกต่างชาติมาที่เมืองตู้เหมิน เลยมาถามคุณเพื่อดูสถานการณ์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าของร้านรีบเบิกตาโพลง “แบบนี้เองเหรอ พวกคุณต้องระวังตัวไว้นะ ไอ้พวกนี้มันโจรชัดๆ ไม่แข่งกับมัน มันก็ทำร้าย พอแข่งก็…สู้ไม่ได้!”
“ทำไมล่ะครับ พวกมันเก่งตรงไหน” ซ่งจื่อเซวียนพยายามทำความเข้าใจเลคริเซียสให้มากที่สุด
เจ้าของร้านรีบเชิญซ่งจื่อเซวียนนั่งลง ชี้ไปที่มือของเขา “ดูสิ พวกมันทำอาหารให้เผาคนได้!”
ซ่งจื่อเซวียนมองตามไปยังมือของเจ้าของร้าน เห็นรอยไหม้สีแดงแล้วก็นึกถึงแขนของตู้ปั๋วขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าของร้านนี้ถือว่าเบากว่ามาก…
“พวกมันใช้ไฟเผาคุณเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ใช่ ฉันบอกว่าผิดกฎ แต่ไอ้ฝรั่งนั่นบอกว่าเตาของผมมีปัญหา ถือเป็นอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน แม่ง มันน่าโมโหจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนถอนหายใจ ถ้ารู้ว่าคนพวกนั้นโหดร้ายได้ถึงระดับนี้ เจ้าของร้านคนนี้คงไม่กล้าไปต่อกรกับพวกมัน ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
ไม่ใช่แค่เขา แต่เชฟในเมืองตู้เหมินทุกคนที่ถูกเลคริเซียสท้าทายคงจะเจอจุดจบเช่นนี้เหมือนกัน
แล้วจุดประสงค์ของเขาคืออะไร เหยียบย่ำเชฟมากมาย เพื่อธุรกิจร้านอาหารมิชลิน แต่ก็ไม่น่าถึงกับต้องยกพวกมาขนาดนี้
“แล้วฝีมือการทำอาหารของเขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“เรื่องนี้เล่นเอาผมตกใจเลยล่ะ ไอ้ฝรั่งคนนั้นดันทำอาหารจีนได้ มันทำอาหารที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ถึงจะไม่ได้ลองชิม แต่ดมกลิ่นก็รู้แล้วว่าอาหารแบบนี้ ถ้าไม่มีประสบการณ์หลายปีไม่มีทางทำได้เลย” เจ้าของร้านพูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะมีฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยม น่าจะฝึกทำอาหารจีนมาอย่างหนัก
“เอาเป็นว่าคุณต้องระวังนะ ผมว่าถ้าช่วงนี้ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ปิดร้านไปสักพัก รอไอ้เวรพวกนั้นไปแล้วค่อยเปิดใหม่ดีกว่า”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า กล่าวขอบคุณแล้วก็ออกจากร้านอาหารหงติ่งฟาง
เมื่อกลับถึงบ้าน ซ่งจื่อเซวียนเห็นหานหรงกำลังทำความสะอาดบ้าน จึงรีบเล่าเรื่องให้ผู้เป็นแม่ฟัง
หานหรงเอ่ย “อะไรกัน คนทำร้านอาหารยังเที่ยวหาเรื่องคนอื่นอยู่อีกเหรอ เจ้าฝรั่งพวกนี้คิดอะไรกันอยู่นะ”
“แม่ครับ คนเรามีหลายประเภท ตอนนี้กระแสมันมาถึงตู้เหมินแล้ว พวกมันอาจจะหมายหัวลูกด้วยก็ได้ เพราะงั้นแม่ไปพักที่โรงแรมสักสองสามวันก่อนดีกว่านะครับ”
“พักที่โรงแรมเหรอ แล้วต้องเสียเงินเท่าไรล่ะ”
“โธ่ แม่ครับ ตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช้ปัญหาแล้วครับ แม่ปลอดภัยดีลูกถึงจะสบายใจ ไม่งั้นลูกคงไม่หายห่วง”
หานหรงพยักหน้าเมื่อได้ยินดังนั้น “ได้จ้ะ แม่เชื่อลูกชายของแม่ รอแม่เก็บของแป๊บหนึ่งแล้วเดี๋ยวเราไปกัน”
“แม่ ไม่ต้องเก็บของแล้ว ไปกันเลย ของพวกนี้แค่ไม่กี่ตังค์ รอบ้านอีกที่เรียบร้อยเมื่อไร เราค่อยย้ายไปอยู่กัน”
ได้ยินซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้ หานหรงก็ไม่โต้ตอบอะไรอีก และตามลูกชายออกจากบ้านไป
หลังจากพาหานหรงไปพักที่โรงแรมข่ายอ้อแล้ว ซ่งจื่อเซวียนค่อยรู้สึกโล่งใจ จึงโทรหาซ่งอีหนานเพื่อบอกข่าวและขอให้เธอมาพักที่นี่ทันทีที่เลิกงานด้วย
เมื่อออกจากอ่าวชิงหลงมาได้ ซ่งจื่อเซวียนก็ถอนหายใจออกมา “ขอแค่แม่ปลอดภัย ผมก็สบายใจแล้ว”
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น เป็นเบอร์โทรศัพท์ของร้านอาหารร่ำรวย
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึงในฉับพลัน
เกิดเรื่องที่ร้านอาหารร่ำรวยงั้นเหรอ
…………………………………………..