เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 277 ผู้ช่วยมือหั่น
ตอนที่ 277 ผู้ช่วยมือหั่น
เรื่องนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกเหมือนกัน
ตอนแรก เลคริเซียสอาจจะต้องการเหยียบย่ำเชฟชื่อดังสองสามคนเพื่อสร้างกระแสก่อนเปิดร้านมิชลิน
แต่ตอนนี้ เขาติดใจในชัยชนะจากการเดิมพันระหว่างทางเข้าให้แล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูก เขาลืมเป้าหมายของตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการเอาชนะเชฟชาวจีน
“ผู้มาเยือนก็คือแขก แต่ไอ้เวรนี่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ!”
ซ่งจื่อเซวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางพูดลอดไรฟัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวงฟา เถียนเหวินคุ่ยต่างก็ตกตะลึง
แม้แต่ฟางรุ่ยก็ยังตกใจกับท่าทีของซ่งจื่อเซวียน
หวงฟาพูด “ซ่งจื่อเซวียน ฉันเชื่อว่านายคิดเหมือนฉัน แต่…ฉันคิดว่าเราควรฟังท่านเป้ยเล่อก่อน”
“หือ?” ซ่งจื่อเซวียนหันไปมองหวงฟา “เสี่ยหวง ดูเหมือนเมื่อกี้คุณจะไม่คิดแบบนี้นะ”
หวงฟาพยักหน้า “ใช่ ฉันมาหานายเพื่อปรึกษาว่าจะจัดการกับไอ้ฝรั่งพวกนั้นยังไงดี แต่ว่า…”
พูดมาถึงตรงนี้หวงฟาก็หยุดชะงัก พลันจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“แต่จางหงซุ่นไม่ใช่เชฟชื่อดังทั่วไป ที่เมืองฉือโจวเขาถือว่าเป็นขาใหญ่ประจำถิ่น มีแม้กระทั่งมือปืนคอยดูแลบ้าน แต่นายดูคลิปเมื่อกี้สิ…”
ซ่งจื่อเซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองฟางรุ่ย
ฟางรุ่ยยืดอกขึ้นทันที “นายท่านรอง ถ้าไอ้พวกนั้นมันกล้ามาเหยียบที่นี่ ผมก็กล้าสับมันเป็นชิ้นๆ เหมือนกันครับ!”
หวงฟาส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “ฉันรู้ว่านายเก่ง เคยติดตามเคอซาน แต่หัดรู้ไว้ซะบ้างว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็เท่านั้น ต่อให้นายเก่งแค่ไหน ถึงคราวพวกมันบุกมาหาจริงๆ นายแน่ใจหรือเปล่าว่าจะปกป้องนายท่านรองของนายได้”
คำพูดนี้ทำให้ฟางรุ่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะด้วยทักษะการต่อสู้ของเขา เขาไม่กลัวพวกมันอยู่แล้ว แต่ถ้ามันยกพวกมา…เขาอาจจะปกป้องซ่งจื่อเซวียนไม่ได้
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เสี่ยหวง คุณมีความคิดยังไงบ้าง”
“ในตู้เหมิน คงมีแค่ซ่งจื่อเซวียน นายคนเดียวที่จะแข่งกับเลคริเซียสได้ เรื่องกำลังคน ฉันคิดว่าฉันปกป้องตัวเองได้”
ที่หวงฟาพูดมานั้นชัดเจน หมายความว่าฉันสามารถปกป้องตัวเองได้ ถ้านายมาอยู่ข้างฉัน ฉันปกป้องนายได้แน่นอน
“ผมเข้าใจ แต่…เสี่ยหวง เราคงอยู่ด้วยกันตลอดเวลาไม่ได้มั้ง”
หวงฟาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องหรอก ฉันจะหาจุดแข็งของพวกมันให้ได้โดยเร็วที่สุด พวกมันมีกี่คน ถ้าพวกมันกาก ฉันจะจัดการพวกมันเอง!”
“แล้วถ้าพวกมันโหดล่ะ แบบว่าพวกมันเก่งกว่าคุณน่ะ”
“งั้น…คงต้องรอท่านเป้ยเล่อกลับมา ต้องพึ่งเขาเท่านั้นถึงจะได้เรื่อง”
พูดจบ หวงฟาก็ถอนหายใจ “ซ่งจื่อเซวียนรู้ไว้ด้วยนะว่าถ้าพวกมันมาท้าแก๊งใต้ดินของตู้เหมินจริงๆ เฉิงปา เคอซาน คงเอาไม่อยู่ มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะจัดการได้”
ซ่งจื่อเซวียนย่อมเชื่อเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเสี่ยเฉิงปาจะกลัวหวงฟาขนาดนี้หรือ
“แล้วถ้าเสี่ยเฉิงปาร่วมมือกับเสี่ยหวงล่ะ”
หวงฟายิ้ม “ไม่ต่างกันหรอก ซ่งจื่อเซวียน ฉันจะบอกความจริงให้นะ ฉันมีพรรคพวกที่นี่ เฉิงปากับเคอซานน่ะไม่มี ฉันมีลูกน้องเก่งๆ ส่วนลูกน้องของพวกนั้นน่ะเหรอ…เหอะๆ ไม่ได้เรื่อง!”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “ดูเหมือนว่า…คงต้องทำตามที่เสี่ยหวงว่า รอพวกมันมาถึงตู้เหมินก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยเจาะลึกถึงวิธีการรับมือ หวงฟาบอกว่าพวกมันต้องมาหาเขาก่อนแน่ๆ ดังนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบจำนวนและความแข็งแกร่งของพวกมัน ส่วนซ่งจื่อเซวียน ช่วงนี้ก็ต้องอดทน ฝึกฝนการทำอาหารเงียบๆ ไปก่อน
เพราะถ้าขัดขวางพวกมันไม่ได้ จำต้องยอมรับคำท้า ก็ยังพอมีหนทางรับมือ
เวลาประมาณเที่ยงคืน ทั้งสองคนก็ออกจากคลับเฮาส์หลงตู
แต่หลังจากส่งหวงฟาไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็คิดขึ้นได้ว่าตอนนี้หลายคนน่าจะรู้แล้วว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน
ไม่ใช่แค่พวกเฉิงปาและลูกน้องเท่านั้น แต่ด้วยชื่อเสียงของเขาที่เพิ่มขึ้น การต่อสู้ระหว่างเขาและท่านเป้ยเล่อครั้งก่อนก็ดังกระฉ่อนอยู่พอสมควร
ถ้าเขาอาศัยอยู่ที่นี่ คงจะรับมือกับปัญหาไม่ได้แน่
เขาไปที่คลับเฮาส์หลงตูอีกครั้ง เรียกหาตัวเสี่ยเฉิงปา สั่งให้ทีมตกแต่งหาคนงานห้าคน ไปทำความสะอาดและตกแต่งที่นั่นแบบเรียบง่ายให้เร็วที่สุด
วัสดุตกแต่งที่ใช้ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ให้เข้าอยู่ได้ภายในสองสามวันก็พอ
เฉิงปารีบหาหัวหน้าทีมตกแต่ง ซึ่งก็ตอบตกลงรับงานทันที
คราวนี้ซ่งจื่อเซวียนเป็นคนออกเงิน บอกว่าขอแบบเร่งด่วน ราคาไม่ใช่ปัญหา งานแบบนี้หัวหน้างานปลื้มซะไม่มี
หลังจากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็กลับบ้านพร้อมกับฟางรุ่ย
คืนนั้น ซ่งจื่อเซวียนอ่านสูตรอาหารตามปกติ พยายามค้นหาแก่นแท้ของการทำโต้วหลงเหมิน
เมื่ออ่านจนตาเริ่มล้า เขาก็เริ่มทำสมาธิ ฝึกลมหายใจ
หลังจากการฝึกในช่วงนี้ ซ่งจื่อเซวียนพบว่าการทำสมาธิของเขาเหมือนจะก้าวเข้าสู่ระดับใหม่
ไม่เพียงแต่ราบรื่นและสบายตัวขึ้น แต่ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาระหว่างไปกลับจากตู้เหมินตงไห่ ซ่งจื่อเซวียนแทบไม่ได้นอนหลับ แต่เขากลับไม่รู้สึกง่วง
ตรงกันข้าม หลังจากฝึกลมหายใจแล้ว เขากลับรู้สึกสดชื่นขึ้น แถมยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนพลังของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้พิสูจน์
คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันรุ่งขึ้น ซ่งจื่อเซวียนและฟางรุ่ยก็มาถึงสวนสวินเฟิงแต่เช้า
แต่ยังไม่ทันเปิดร้าน ซ่งจื่อเซวียนก็เห็นซางเทียนซั่วเดินเข้ามาในร้าน
“เทียนซั่ว มาได้ไงเนี่ย”
ซางเทียนซั่วยักไหล่ นั่งลงบนเก้าอี้พลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“ไอ้เด็กนี่ทำมาเป็นอุบอิบ ไหนว่ามาซิ เกิดอะไรขึ้น ตระกูลหลิงปลอดภัยแล้วเหรอ”
ซางเทียนซั่วหัวเราะ “ไอ้พวกคนชั่วมันได้รับกรรมที่สาสมแล้ว หึ!”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า เข้าใจโดยปริยายว่าหมายถึงจงเทียนอวี่ ที่เขาสั่งให้ซางเทียนซั่วจัดการก่อนจะจากเมืองตงไห่
“แล้วท่านผู้เฒ่าหลิงล่ะ ตู้ปั๋วล่ะ เข่อเอ๋อร์เป็นยังไงบ้าง”
“ไอ้หยา อาจารย์ลำเอียงจริงๆ ไม่คิดจะถามผมสักคำเลยเหรอ” ซางเทียนซั่วพูด
“ไร้สาระ นายก็อยู่ตรงหน้าฉันเป็นตัวเป็นตน จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ”
ซางเทียนซั่วได้ยินดังนั้นก็ยิ้มซื่อๆ “ฮ่าๆ นั่นสินะ ลูกพี่ใหญ่อย่างผมไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอก”
พูดจบ ซางเทียนซั่วก็ลุกขึ้นยืน เดินเข้าใกล้ซ่งจื่อเซวียน และยื่นบุหรี่ให้เขามวนหนึ่ง
“วางใจเถอะอาจารย์ ท่านผู้เฒ่าหลิงรู้สึกดีขึ้นแล้ว ตามหมอมาตรวจแล้ว บอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ต้องพักฟื้น
อาการบาดเจ็บของตู้ปั๋วก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยาที่อาจารย์ให้มาได้ผลชะงัด เข่อเอ๋อร์เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็เลยให้ผมกลับมา ยังไงจงเทียนอวี่ก็ไม่มีทางออกจากคุกภายในวันสองวันนี้หรอก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อืม ก็จริง ความผิดของจงเทียนอวี่ คงไม่ได้ออกมาง่ายๆ”
“ให้ไอ้เวรนั่นได้กินข้าวแดงซะบ้าง จริงสิอาจารย์ เมื่อวานกลับมาไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม ไอ้ฝรั่งพวกนี้มันบอกว่าจะมาตู้เหมินด้วย”
เมื่อซางเทียนซั่วถามถึงเรื่องนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็เล่าเรื่องราวเมื่อวานให้ฟัง
“เชี่ย เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ อาจารย์ให้ผมเรียกเด็กๆ มาเฝ้าที่สวนสวินเฟิงไหม”
“หยุดเลย ขนาดเสี่ยหวงยังไม่กล้าไปยุ่งกับพวกมันเลย นายจะเรียกพวกนักเรียนมาทำไม”
ซางเทียนซั่วเกาหัว “ก็ยังดีกว่าไม่มีนี่…”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ถังหย่าฉีก็เดินเข้ามา ซ่งจื่อเซวียนรีบส่งสายตาให้ซางเทียนซั่ว
ซางเทียนซั่วเข้าใจดี ว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้กับถังหย่าฉี
อย่างไรถังหย่าฉีก็เป็นนักศึกษา แถมยังเป็นผู้หญิง เธอไม่ควรมาแบกรับเรื่องแบบนี้
“โอ้โห เทียนซั่ว แขกขาจรมาแฮะ ไปไงมาไงถึงมาสวนสวินเฟิงของเราได้ล่ะ” ถังหย่าฉีพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ คิดถึงอาจารย์กับอาจารย์แม่ไง ก็เลยมาเยี่ยมหน่อย!”
ถังหย่าฉีจ้องมองซางเทียนซั่วตาเขม็ง “พูดจาให้ดีๆ นะ ระวังฉันจะให้ซานซานจัดการกับนาย ตอนนี้ฉันสนิทกับซานซานมากนะ”
เนื่องจากร้านของโต้วซานซานเป็นคนจัดหาอาหารรัสเซียให้กับสวนสวินเฟิง ช่วงนี้ถังหย่าฉีจึงมีโอกาสได้พบปะกับโต้วซานซานบ่อยครั้ง
“โธ่ อาจารย์แม่ก็รู้ดีนี่ว่านั่นเป็นจุดอ่อนของผม!”
“ยังจะเรียกอีก!”
ซางเทียนซั่วรีบเผ่นเข้าไปในห้องครัว “อาจารย์ มีอะไรให้ผมทำไหมครับ ผมจัดการให้!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม หันไปมองถังหย่าฉีพลางยักไหล่ให้ และเดินตามเข้าไปในห้องครัวเช่นกัน
ทว่าจู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ช่วงนี้เขาให้ซางเทียนซั่วไปทำงานเป็นลูกมือในครัวร้านอาหารร่ำรวยเป็นประจำ
บางทีวันนี้เขาอาจจะได้ทดสอบผลลัพธ์
“เทียนซั่ว ช่วงนี้นายทำงานในครัวเป็นยังไงบ้าง”
“เป็นยังไงเหรอ จะยังไงได้อีกล่ะครับ วันๆ ได้แต่ปอกเปลือก หั่นเต๋า ซอยเป็นเส้น หั่นเป็นชิ้น ผมรู้สึกเหมือนชีวิตผมทุ่มเทให้กับการหั่นไปหมดแล้ว” ซางเทียนซั่วพูด
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มออกมา “เอามีดมาด้วยหรือเปล่า”
“เอามา อยู่ในรถน่ะ ผมไม่เคยอยู่ห่างจากมีดของผมเลย”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “โอเค วันนี้ไม่ต้องกลับไปแล้ว อยู่ช่วยอาจารย์ที่นี่หน่อย!”
“ได้เลยครับอาจารย์ จะให้ผมทำอะไรดีครับ”
“ซอยเป็นเส้น!”
“…”
หลังจากนั้น ซางเทียนซั่วก็กลับไปที่รถ หยิบมีดของตนมา และเริ่มซอยตามคำสั่งของซ่งจื่อเซวียน
ที่จริงแล้วเวลาอยู่ที่ร้านอาหารร่ำรวย ซางเทียนซั่วมักจะใช้มีดของร้าน ไม่เคยใช้มีดของตัวเองเลย
แต่ในเมื่ออาจารย์สั่ง เขาก็โต้แย้งไม่ได้
นี่เป็นครั้งที่สามที่ซ่งจื่อเซวียนเห็นซางเทียนซั่วใช้มีดของตัวเอง แค่เห็นมีดเล่มนี้ก็รู้สึกถึงพลังที่น่าเกรงขาม
คนมีพลัง มีดย่อมมีพลังเช่นกัน
เมื่อมีดหัวหมาป่าถูกดึงออกมา มันก็ดึงดูดความสนใจของเจิ้งฮุยและคนอื่นๆ ทันที
“โห มีดสวยนี่”
“มีดเจ๋ง!”
เจิ้งฮุยพยักหน้า “ฉันเคยเห็นมีดทำครัวมาเป็นหมื่น นายท่านซาง มีดของนายเล่มนี้มันสุดจัดจริงๆ”
ซางเทียนซั่วยักไหล่ ทอดสายตามองวัตถุดิบนานาชนิดเบื้องหน้า ยกมีดขึ้น และเริ่มหั่นอย่างรวดเร็วราวกับภาพลวงตา
จังหวะมีดขยับขึ้นลง และความแรงสม่ำเสมอ ความกว้างของเส้นแต่ละเส้นต่างกันแทบไม่ถึงครึ่งมิลลิเมตร
ไม่ใช่แค่ตัวมีดเท่านั้น ฝีมือการหั่นของเขายังทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม เขาไม่ได้สอนเรื่องนี้ ตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาเคยเห็นฝีมือการหั่นของซางเทียนซั่วมาแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนมองไปยังเส้นที่ซอยไว้แล้ว ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้…ดูเหมือนว่าการวางมือจากน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา ถ้าวางมือจากน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายได้ และให้เทียนซั่วทำ เขาคงมีเวลาศึกษาเมนูในสูตรอาหารราชวงศ์ชิงมากขึ้น
และบางที…จะได้ไปจัดการกับพวกป่าเถื่อนพวกนั้นสักที!
……………………………………………..