เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 276 การยั่วยุของเลคริเซียส
ตอนที่ 276 การยั่วยุของเลคริเซียส
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนถึงกับสับสน
เพราะก่อนหน้านี้คนที่พยายามจะทำลายเขาในตู้เหมินก็คือหวงฟา แต่ตอนนี้กลับมาขอร่วมมือเนี่ยนะ
ว่ากันตามตรง ซ่งจื่อเซวียนไม่ควรจะเชื่อใจเขา แต่จากแววตาของหวงฟา เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจ แม้กระทั่งการขอร้องให้ช่วยที่แฝงอยู่
“เสี่ยหวง ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เป้าหมายคราวนี้ของฝรั่งพวกนั้นคือเชฟชาวจีน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก เพราะหวงฟาไม่ได้รับผลกระทบอะไรด้วย
“เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือการเปิดร้านอาหารมิชลินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่ตู้เหมิน”
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เขารู้ว่าคนพวกนี้พุ่งเป้าไปที่เชฟชาวจีน แต่ไม่คิดว่าเป้าหมายสูงสุดจะเป็นแบบนี้…
“ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการสร้างชื่อเสียงด้วยการเอาชนะเชฟชาวจีน นี่เป็นแคมเปญเปิดร้านที่ดีที่สุด!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ถูกต้อง ฉันตามดูพวกเว็บวิดีโอมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ มีคลิปยั่วยุเชฟชาวจีนหลายคลิปเลย”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็คิดถึงคลิปที่เขาเคยดูก่อนหน้านี้
เขาไม่ค่อยดูคลิปอะไร แต่ด้วยความเบื่อหน่ายในวันนั้น เขาถึงได้ดูคลิปนั้นเข้า คิดไม่ถึงว่าคลิปที่ดูเหมือนเป็นคลิปคุยโวแบบนี้ จะไม่ใช่แค่การสร้างกระแสทั่วไป…
“เสี่ยหวง แขนของคุณ…เป็นฝีมือของพวกเขาเหรอ”
หวงฟามองแขนที่พันผ้าพันแผลอยู่ แล้วพยักหน้า
“ใช่ พวกมันจะส่งสานส์ท้าประลองถึงนายผ่านฉัน แต่ฉันปฏิเสธไป ฉันไม่คิดว่าไอ้เดนนรกพวกนั้นจะลงมือแบบนี้ คนของฉันเข้ามาไม่ทันด้วยซ้ำ พวกมันก็บิดแขนฉันจนหัก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจื่อเซวียนมองไปทางฟางรุ่ย เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีคนที่มีฝีมืออยู่
แต่สีหน้าของฟางรุ่ยยังคงนิ่งเฉย เพียงแค่พยักหน้าให้ซ่งจื่อเซวียน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวคนพวกนี้
“เหอะๆ พวกนี้ไม่ธรรมดา อยากทำธุรกิจอาหาร แต่ไม่ไปในทางที่ถูกที่ควร กลับมาบีบบังคับให้คนอื่นรับคำท้า…”
“พวกมัน…บังคับให้นายรับคำท้าเหรอ” หวงฟาถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “เปล่าครับ แต่ที่ผมไปที่ตงไห่คราวนี้ก็เพื่อจัดการเรื่องนี้นี่แหละ พวกมันไปที่บ้านของหลิงเจิ้น ยอดเชฟทางเหนือ แล้วทำร้ายครอบครัวของหลิงเจิ้นครับ”
หวงฟาอดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้
อย่างแรก เขาไม่คาดคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ซ่งจื่อเซวียนจะมีความสนิทสนมกับหลิงเจิ้น ยอดเชฟทางเหนือ
ตระกูลของหลิงเจิ้นเกิดเรื่องใหญ่ขนาดต้องเรียกซ่งจื่อเซวียนไปจัดการถึงที่ แสดงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดา
อย่างที่สอง เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะไม่ได้ลงมือกับเขาแค่คนเดียว แต่ยังบุกไปทำร้ายคนตระกูลหลิงอีกด้วย…
ก่อนหน้านี้ แทแรนตีโนพูดถูก ว่าเจ้านายของพวกเขาไปที่ตงไห่เพื่อท้าแข่งกับหลิงเจิ้น ยอดเชฟทางเหนือ แต่หวงฟาไม่รู้ว่าวิธีการท้าแข่งนั้นจะรุนแรงถึงขั้นนี้
“ไอ้พวกนี้มันบ้าไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียน ถ้าฉันเดาไม่ผิด อีกไม่นานพวกมันจะกลับมาหานาย และเป้าหมายต่อไปคือ โอวหยางเฟิ่งเหยา ยอดเชฟแดนใต้!”
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง เขาไม่ได้รู้จักมักจี่กับยอดเชฟแดนใต้ แม้แต่ชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ยังไงพวกเราก็เป็นเชฟชาวจีนด้วยกัน ศึกครั้งนี้ผมต้องรับไว้ คิดซะว่าเป็นการปกป้องยอดเชฟแดนใต้!” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน เถียนเหวินคุ่ยที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “เสี่ยครับ คุณซ่งครับ พวกคุณคิดว่า…เราควรติดต่อท่านเป้ยเล่อที่ปักกิ่งหรือเปล่าครับ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทั้งซ่งจื่อเซวียนและหวงฟาต่างตะลึงงัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ท่านเป้ยเล่องั้นเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนถาม
หวงฟาพยักหน้า “เข้าท่าแฮะ อำนาจของท่านเป้ยเล่อเป็นที่ประจักษ์ทั้งในปักกิ่งและตู้เหมิน อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา”
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาที่คบค้าสมาคมกับท่านเป้ยเล่อ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และยังได้เป็นเพื่อนกันก็เพราะความสัมพันธ์ระหว่างท่านเป้ยเล่อกับซ่งอวิ๋นฮั่น
ส่วนเรื่องอำนาจของท่านเป้ยเล่อ ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
พูดจบ หวงฟาก็หันไปมองซ่งจื่อเซวียน แล้วหัวเราะเบาๆ “ฮ่าๆ ซ่งจื่อเซวียน ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะติดต่อท่านเป้ยเล่อโดยตรง แต่ตอนนี้…ฉันคิดว่านายติดต่อเขาน่าจะเหมาะกว่า”
“เอ่อ…เสี่ยหวง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องติดต่อท่านเป้ยเล่อด้วย”
หวงฟายิ้ม “ซ่งจื่อเซวียน ฉันรู้ว่านายมีบอดี้การ์ดที่เก่งอยู่ข้างกาย แต่คู่ต่อสู้ครั้งนี้ไม่ธรรมดา ฉันเคยเจอพวกมันมาแล้ว รู้ดีว่าพวกมันเก่งขนาดไหน”
ฟางรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงเย็นชา “เหอะๆ ยังไม่เคยเจอฉันเท่านั้นแหละ ไม่งั้น…จะลองดูก็ได้”
“งั้นเหรอ แต่ถึงนายจะปกป้องซ่งจื่อเซวียนได้ แต่เชฟคนอื่นๆ ในตู้เหมินล่ะ เริ่มตั้งแต่วันนี้ เลคริเซียสนั่นปล่อยคลิปออกมาสองตัว คลิปแรกเป็นคลิปที่มันบอกว่ามันเอาชนะหลิงเจิ้น ยอดเชฟทางเหนือได้แล้ว อีกตัวคือ…คลิปท้าทายเชฟในตู้เหมิน”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้ว “เป้าหมายของเขาไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวเหรอ”
“ตอนแรกอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าซ่งจื่อเซวียน…มีประโยคหนึ่งที่อาจจะไม่เข้าหูนาย ยังไงซะก็ไม่ได้มีแค่นายที่เก่งยืนหนึ่งในตู้เหมิน ถูกไหม”
ซ่งจื่อเซวียนฟังประโยคนี้แล้วก็พยักหน้าช้าๆ “ก็จริงครับ เทียบกับยอดเชฟแดนเหนือใต้ ซ่งจื่อเซวียนคนนี้เทียบไม่ได้เลย”
“นั่นแหละ เป้าหมายของพวกเขาคือการเปิดร้านมิชลินในตู้เหมิน เพราะงั้นเชฟในตู้เหมินคงโดนหางเลขกันหมดแน่ๆ”
ซ่งจื่อเซวียนฟังจบก็สูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
ถ้าหมายหัวแค่เขาคนเดียว เขาพร้อมจะสู้
แต่ถ้าพุ่งเป้าไปที่วงการอาหารในตู้เหมิน…
คนพวกนี้อาจจะลงมือหนักกว่าที่เขาคิดไปมาก
“ปักกิ่งอยู่ใกล้ตู้เหมินมาก แถมยังมีภัตตาคารชั้นสูงและเชฟฝีมือดีนับไม่ถ้วน ผมเชื่อว่าหลังจากที่ไอ้หมอนี่มันเหยียบย่ำตู้เหมินสำเร็จแล้ว มันต้องพุ่งเป้าไปที่ปักกิ่งแน่นอน” ซ่งจื่อเซวียนพูด
หวงฟาพยักหน้า “ถูกต้อง เพราะงั้นเราต้องติดต่อท่านเป้ยเล่อ สำหรับท่านเป้ยเล่อแล้ว ถือเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้า คู่ต่อสู้ของเราคราวนี้…แข็งแกร่งเกินไป”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้ว อาจจะจริงอย่างที่หวงฟาพูด คู่ต่อสู้ครั้งนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก
พวกเขาไม่เพียงแต่มีฝีมือทำอาหาร แต่ยังโหดเหี้ยม คนที่ปฏิเสธคำท้าทายของพวกเขา มีโอกาสถูกทำร้ายร่างกาย
“โอเค ผมจะติดต่อท่านเป้ยเล่อครับ”
“ซ่งจื่อเซวียน มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากทำ แต่ในเมื่อต้องเผชิญกับความผิดชอบชั่วดี ฉันคงต้องร่วมมือกับนาย”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ช่างเถอะ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าการร่วมมือกับเสี่ยหวงมีประโยชน์อะไร”
ได้ยินประโยคนี้ หวงฟารู้สึกเหมือนมีก้อนซาลาเปาลูกใหญ่ติดอยู่ในลำคอ พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ถ้าเป็นปกติ เขาคงจัดการคนที่มาพูดจาแบบนี้กับเขาอย่างโหดเหี้ยมไปแล้ว แต่ตอนนี้…เขาทำไม่ได้
จากการพิสูจน์ในช่วงที่ผ่านมา ในแง่ของฝีมือ เขาอาจจะไม่ใช่คนเก่งที่สุดในตู้เหมินอีกต่อไป
ด้วยเส้นสายของซ่งจื่อเซวียน กับการสนับสนุนจากท่านผู้เฒ่าหลิงและท่านเป้ยเล่อ เขาได้ก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแล้ว ประกอบกับฝีมือทำอาหารและเมนูของเขา แม้ว่าหวงฟาจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซ่งจื่อเซวียนกลายเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของตนแล้ว
ในการแข่งขันเมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นว่าท่านเป้ยเล่อมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซ่งจื่อเซวียนมาก การต่อต้านซ่งจื่อเซวียนในตอนนี้ ไม่เป็นการดีต่อหวงฟา
อย่างที่เขาคิด ตอนนี้การไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับซ่งจื่อเซวียนคือสิ่งที่ดีที่สุด
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็โทรหาท่านเป้ยเล่อ แต่โชคไม่ดี ท่านเป้ยเล่อไม่ได้อยู่ในปักกิ่ง แต่กำลังไปช็อปปิ้งที่ยุโรป
ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านเป้ยเล่อก็โกรธขึ้นมาทันที
“ฉันรู้แล้ว จื่อเซวียน ฉันหวังว่านายจะไม่เผชิญหน้ากับพวกต่างชาติพวกนั้นจนกว่าฉันจะกลับไปนะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ผมเข้าใจครับ แต่ตอนนี้พวกมันบุกมาหาถึงหน้าประตูแล้ว บางทีอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ได้”
“ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดาที่ต้องการเปิดร้านมิชลิน พวกมันมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง เชฟฝีมือดี บอดี้การ์ด และองค์กร จื่อเซวียน ฉันจะรีบกลับประเทศให้เร็วที่สุด อย่าเผชิญหน้ากับพวกมันเด็ดขาด”
ซ่งจื่อเซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โอเคครับ แต่ผมรับปากว่าจะพยายามเฉยๆ นะ พวกมันทำร้ายตระกูลหลิงแล้ว ตอนนี้มาที่ตู้เหมิน หวังว่าเมืองต่อไปจะไม่ใช่เมืองตงไห่หรือปักกิ่ง”
ท่านเป้ยเล่อได้ยินก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ตามแผนของพวกมัน หลังจากตู้เหมินแล้วจงไห่น่าจะเป็นรายต่อไป ส่วนปักกิ่งไม่ช้าก็เร็วล่ะนะ เหอะๆ ยังไงฉันก็ต้องเจอพวกหัวทองพวกนี้เข้าสักวัน จื่อเซวียน ระวังตัวด้วยล่ะ”
“โอเคครับ ไว้คุณกลับมา พวกผมจะติดต่อไปอีกครั้ง”
หลังจากวางสาย หวงฟาก็ได้ยินว่าท่านเป้ยเล่อไปต่างประเทศ
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องล้มเลิกแผนที่จะพึ่งท่านเป้ยเล่อไปก่อน…” หวงฟาพูดด้วยท่าทางกังวล
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เอาน่าเสี่ยหวง อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายเลย พวกมันทำคลิปออกมาเยอะขนาดนั้น คงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งหรอก”
“โจ่งแจ้งงั้นเหรอ ฮ่าๆ แขนฉันนี่ยังไม่โจ่งแจ้งพออีกเหรอ พวกมันกล้าบุกเข้าไปถล่มร้านนาย ก่อกวน ทำลายข้าวของ อ้างว่าเป็นการท้ารบ นายก็น่าจะรู้ดีว่าในวงการอาหาร…แจ้งความกันไม่ได้” หวงฟาพูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า เขาเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ไหนแต่ไร การท้ารบในวงการอาหารถือเป็นเรื่องปกติ
จะรับหรือไม่รับก็ได้ แต่ห้ามยืมมือกฎหมายมา
เพราะทันทีที่คุณแจ้งความ นั่นหมายความว่าคุณยอมรับต่อสังคมว่าคุณแขวนตะหลิวแล้ว
นี่คือเหตุผลที่หลิงเจิ้นไม่แจ้งความหลังจากเลคริเซียสท้าทายเขาถึงบ้านและทำร้ายคนในครอบครัว
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน เถียนเหวินคุ่ยก็ชี้ไปที่โทรศัพท์และพูดว่า “ไอ้เวรนั่นปล่อยคลิปออกมาอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หันไปดู
ในวิดีโอ ชายผมสีทองชี้ไปที่ร้านอาหารที่มีป้ายชื่อว่า ‘หออิ๋งปิน’ พลางแสยะยิ้มอย่างดูถูก
ด้านหลังของเขามีพ่อครัวคนหนึ่งยืนอยู่ ก้มหน้ากุมหลังมือไว้แน่น ราวกับเป็นเหยื่อที่ถูกล่า
“มาเถอะ ผมจะเปลี่ยนแปลงวงการอาหารจีนไปทีละก้าว เชฟพวกนี้สูญเสียทักษะดั้งเดิมไปนานแล้ว พวกเขาไม่คู่ควรกับคำว่าเชฟชื่อดัง!”
หวงฟาขมวดคิ้ว “นะ…นี่มันจางหงซุ่นไม่ใช่เหรอ ฉันเคยเจอเขาที่สมาคมอาหารคราวก่อน ทำไมเขา…”
จากคำพูดของหวงฟา ดูเหมือนว่าจางหงซุ่นจะเป็นเชฟชื่อดังเช่นกัน เลคริเซียสท้าทายเชฟชื่อดังเหล่านี้ระหว่างทางกลับตู้เหมิน ไอ้หมอนี้ต้องการจะเหยียบย่ำเชฟชาวจีนจริงๆ!
แต่ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ มีคนจำนวนไม่น้อยในคอมเมนต์ที่สนับสนุนเขา ซึ่งทำให้ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกสับสน
“คนที่คอมเมนต์พวกนี้ก็เป็นคนจีนไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกเขาถึงสนับสนุนคนต่างชาติล่ะ”
หวงฟาพูด “ชีวิตทุกวันนี้ทำให้ทุกคนเฉยชาไปหมดแล้ว พวกเขาชื่นชอบแค่สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่หรูหรา ไม่สนใจว่าเป็นคนชาติไหน”
เถียนเหวินคุ่ยพยักหน้า “ใช่ครับ ตอนนี้เลคริเซียสมีแฟนคลับมากกว่าหกล้านคนแล้ว ชื่อเสียงโด่งดัง แถมยังมีแฟนคลับผู้หญิงที่คลั่งเขาเยอะมากๆ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ “ไอ้เวรนั่น ไร้ยางอายจริงๆ เสี่ยหวง ดูเหมือนว่าอีกไม่นานพวกเราจะต้องเผชิญกับศึกหนักแล้วนะ”
หวงฟาพยักหน้า “ใช่แล้ว จางหงซุ่นเป็นเชฟชื่อดังจากเมืองฉือโจว เป็นทางผ่านจากเมืองตงไห่พอดี ฉันเชื่อว่ามันจะเหยียบย่ำเชฟคนอื่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมาถึงตู้เหมิน”
…………………………………….