เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 275 จุดยืนของหวงฟา
ตอนที่ 275 จุดยืนของหวงฟา
ซางเทียนซั่วเตะแรงมาก จงเทียนอวี่กำลังจะเดินออกจากประตู เตะจนเขาติดกำแพงข้างๆ ไป
รอยเลือดติดกำแพงทันที
พอหันหน้ามา จงเทียนอวี่เลือดออกปาก หน้าผากปูดบวมเป็นสีม่วงขึ้นมา สภาพดูไม่ได้
หลี่เฉิงเห็นแล้วยังตกใจและงุนงง
ก่อนหน้านั้นเขารู้สึกว่าอย่างน้อยก็สองรุมหนึ่ง ไม่เสียเปรียบ แต่พอเห็นซางเทียนซั่วลงมือหนักแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าแล้วจริงๆ
หลิงเข่อเอ๋อร์เห็นแล้วยังร้องตกใจ รีบไปนั่งข้างเตียงของหลิงเจิ้น
หลิงเจิ้นกลับมีสีหน้านิ่ง ยิ้มเล็กน้อย “เข่อเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว”
“คุณปู่ พวกเขาสู้กันแล้ว…คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
หลิงเจิ้นพูดยิ้มๆ “ไม่หรอก คนเลวคนนี้ควรได้รับการสั่งสอนบ้าง”
ได้ยินดังนั้น จงเทียนอวี่จึงเข้าใจ ที่แท้หลิงเจิ้นรู้ทุกอย่างแล้ว แต่เสแสร้งกับตัวเองมาตลอด
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ จึงด่าว่า “หลิงเจิ้น ไอ้แก่อย่างแกมันโหดจริงๆ ที่แท้อดทนเพื่อให้คนนอกมาต่อยฉันใช่ไหม!”
“แม่งเอ๊ย สงสัยแกจะยังมีแรงสู้สินะ!”
ซางเทียนซั่วพูดพลางเตะอีกครั้ง เตะจงเทียนอวี่ออกจากไปหน้าประตูทันที
บนใบหน้าของจงเทียนอวี่มีรอยเท้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
ต่อจากนั้น ซางเทียนซั่วก็ขึ้นคร่อมตัวจงเทียนอวี่ ตบหน้าซ้ายทีขวาที
รัวตบหน้าจงเทียนอวี่เหมือนกับฝนตกก็ไม่ปาน
ตบจนจงเทียนอวี่ต้องใช้สองมือปกป้องใบหน้า หากคิดจะโจมตี…เขาไม่มีแม้แต่โอกาส
หลี่เฉิงมองดูอยู่ข้างๆ อ้าปากค้าง
ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน อย่างเก่งที่สุดก็ตอนที่มีคนชิงทรัพย์ริมถนน ตบหน้าคนที่โดนชิงทรัพย์
พอตบหน้าจนเหนื่อย ซางเทียนซั่วจึงหยุด ทรุดนั่งบนพื้นข้างๆ
หลังจากผละมือออกจากจงเทียนอวี่แล้ว ใบหน้านั้นเหมือนกับถูกศัลยกรรมก็ไม่ปาน มุมปาก หน้าผากบวมไปหมด
เขาค่อยๆ ชี้นิ้วไปที่หลิงเจิ้น “แก…ร้ายมาก!”
หลิงเจิ้นพูดอย่างเย็นชา “จงเทียนอวี่ ฉันสอนนายมานานหลายปี คิดไม่ถึงว่าจะเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ ผลในวันนี้นายเป็นคนก่อขึ้นมาล้วนๆ!”
จงเทียนอวี่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ สะใจ สะใจจริงๆ ฉันจงเทียนอวี่แพ้แล้ว พวกแกโหดเหี้ยมมาก!”
หลิงเจิ้นส่ายหน้า ไม่สนใจเขาอีก พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ดื้อดึงนัก!”
เวลาประมาณสิบกว่านาที รถตำรวจขับเข้ามาในลานบ้านตระกูลหลิง
หลิงเจิ้นมีบารมีและคุณธรรมสูงในมณฑลตงไห่ ถึงแม้จะไม่เข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง ตำรวจพวกนั้นก็เกรงใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นจงเทียนอวี่ที่ตรงกำแพง ตำรวจต่างตกตะลึง ยังไม่ทันนำตัวไป…ก็โดนลงทัณฑ์จากตระกูลหลิงแล้ว
“ท่านผู้เฒ่าหลิง เอ่อ…”
ตำรวจถามหลิงเจิ้นด้วยใบหน้าที่กระอักกระอ่วน
เวลานี้ หลิงเข่อเอ๋อร์ประคองหลิงเจิ้นขึ้นมา
ถึงแม้ไม่ได้ไปเข้าไปต้อนรับ ตำรวจก็เดินเข้ามาเอง สุดท้ายเขาต้องนั่งลงเพื่อพูดคุย
“อ้อ คุณตำรวจ เมื่อกี้เขาคิดจะวิ่งหนี คนของพวกเราขัดขวางเขาเลยเกิดการต่อสู้กันเล็กน้อย”
ตำรวจได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า ฟังความหมายของหลิงเจิ้นออกแล้ว
ความหมายนั้นชัดเจน ก็คือพวกเขาไม่ได้ต่อยตีคน แค่ขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายวิ่งหนี
“ครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง พวกเราเข้าใจแล้วครับ แต่ว่าใครเป็นคนขวางเขาไว้เกรงว่าต้องเชิญเขาไปให้ปากคำด้วยครับ”
“เอ่อ…”
หลิงเจิ้นมองซางเทียนซั่ว อย่างไรนี่คือคนของซ่งจื่อเซวียน เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ที่เขาสามารถทำได้คือใช้อำนาจปกป้อง
“คุณตำรวจ แผลของผมยังไม่ค่อยหายดี นี่คือหมอที่ผมเชิญมาดูแลที่บ้านตระกูลหลิงของผมโดยเฉพาะ ถ้าต้องให้ปากคำ…สามารถให้ปากคำที่บ้านตระกูลหลิงของผมได้ไหมครับ ผมจัดห้องสำหรับพวกคุณได้ครับ”
ตามที่พูดแล้วใช่ว่าจะไม่ได้ แต่โดยทั่วไปต้องกลับไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะของหลิงเจิ้น พวกตำรวจจึงตกลง
หลิงเจิ้นจัดห้องไว้ให้โดยเฉพาะ และเวลานี้เอง ซางเทียนซั่วจึงหยิบหลักฐานออกมาในท้ายที่สุด
ซึ่งรวมถึงบันทึกวิดีโอฉากนั้นของฟางรุ่ย และยังมีดทำครัวกับเขียง ส่วนจะพูดอย่างไรนั้น ซ่งจื่อเซวียนได้สอนเขาไว้แล้ว
เมื่อเห็นหลักฐานเหล่านี้ อย่าว่าแต่ซางเทียนซั่วเลย แม้แต่ตำรวจก็ยังโมโห
เนื่องจากหลิงเจิ้นมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ในวงการอาหารก็คือตราสินค้าของมณฑลตงไห่ ตำรวจพวกนี้จึงให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านผู้เฒ่าหลิงต้องการทำร้ายเขา เรื่องของคนเนรคุณแบบนี้ ใครฟังก็ย่อมต้องโมโห
จากนั้น ตำรวจจึงสั่งให้ซางเทียนซั่วออกไป ตำรวจอีกคนหนึ่งกำลังพาจงเทียนอวี่เข้ามา ตำรวจที่อยู่ในห้องก็ลุกขึ้น
“โอเค จับตัวกลับไปสอบสวนเลย!”
จงเทียนอวี่ตกตะลึง “หืม ถือสิทธิ์อะไร ทำไมเขาอยู่ที่นี่ แต่ผมต้องกลับไปกับพวกคุณล่ะ”
“ถือสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ คุณยังมีหน้ามาถาม ต่อยคุณยังเบาไปด้วยซ้ำ ไอ้คนอกตัญญู!”
พูดจบ ตำรวจจึงเดินออกไป
จงเทียนอวี่ทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ “แม่ง มีแต่ฉันที่สมควรโดนต่อยงั้นเหรอ พวกแกมีความยุติธรรมกันบ้างหรือเปล่า”
“พาตัวไป!”
…
เมืองตู้เหมิน
ตอนที่ซ่งจื่อเซวียนถึงร้านสวนสวินเฟิง เป็นเวลาสี่โมงเย็นพอดี
นับว่าเป็นเวลาเตรียมอาหารเย็นในชั่วโมงเร่งด่วนที่สุด
เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียนกลับมาแล้ว ถังหย่าฉีก็ดีใจมาก “จื่อเซวียน พวกนายกลับมาแล้วเหรอ!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มให้ “อืม จัดการเรื่องเสร็จแล้วเลยรีบกลับมาน่ะ ไม่เสียเวลามากใช่ไหม”
“ไม่เลย เมื่อวานน้ำแกงห้าสายขายหมดแล้ว นายเก่งมาก!”
ได้เห็นรอยยิ้มของถังหย่าฉี ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกหวานชื่นอยู่ในใจ
ตอนเย็นวันเดียวกันนั้น น้ำแกงห้าสายออร์เดอร์ถล่มทลายอีกยี่สิบที่สำเร็จ ถังหย่าฉีมองดูใบเสร็จรับเงิน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“สาวน้อย ดีใจขนาดนี้เชียวเหรอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ทำเงินได้แล้วนี่นา ฮิๆ!”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “ฉันคิดว่าพวกเราอยู่ไม่ไกลจากระบบสมาชิกแล้ว ผ่านไปอีกสักพักฉันจะปรึกษากับพวกเริ่นต้าหมินว่าพวกเราต้องทำยังไง”
ถังหย่าฉีรินน้ำชาให้ซ่งจื่อเซวียน แล้วยกมาตรงหน้า เอ่ยว่า “พวกเราจะเปลี่ยนจริงๆ ใช่ไหม อันที่จริงฉันคิดว่าแบบนี้ก็ดีมากแล้ว ได้สองสามหมื่นหยวนต่อวัน ก็คือหนึ่งล้านกว่าหยวนต่อเดือนเลยนะ”
“เหอะๆ นี่กำไรระยะแรกเท่านั้น พวกเราได้ทำเลดีขนาดนี้ มีเมนูอาหารรสเลิศ ถ้าหยุดอยู่แค่ช่วงนี้ เท่ากับว่าไม่มีประโยชน์จริงๆ”
ถังหย่าฉีได้ยินก็เหม่อมองซ่งจื่อเซวียนพักหนึ่ง
เธอคิดมาตลอดว่าซ่งจื่อเซวียนโดดเด่นมาก แต่เวลานี้เธอรู้สึกเลื่อมใสเขาขึ้นมาในทันใด
ความจริงแล้วหากพูดถึงกำลังทรัพย์ กำลังทรัพย์ของถังหย่าฉีไม่ต้องพูดถึงเลย นิยามของเงิน ถังหย่าฉีมีความรู้สูงกว่า
สำหรับร้านสวนสวินเฟิง ระดับความหรูหราที่ซ่งจื่อเซวียนมองเห็นสูงเกินที่เธอจะคาดคิดถึง
ตอนที่ถังหย่าฉีดีใจและพอใจเป็นอย่างยิ่ง ซ่งจื่อเซวียนก็มองเห็นก้าวต่อไปแล้ว…
“หย่าฉี”
ซ่งจื่อเซวียนเรียกหนึ่งที ถังหย่าฉีจึงได้สติกลับมา จากนั้นหน้าแดงเล็กน้อย
“อ๋า มีอะไรเหรอ…”
“เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่”
“ไม่…ไม่มีอะไร…”
ซ่งจื่อเซวียนหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที แล้วกดเบอร์โทรคนแปลกหน้าในวันนั้น
ในไม่ช้า หวงฟาก็กดรับสาย
“ซ่งจื่อเซวียน นายกลับมาแล้วเหรอ”
“ครับ เสี่ยหวง ผมคิดว่า…พวกเราสามารถเจอหน้ากันได้” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“อย่างนั้นก็ดี พวกเราไปหอหงเยวี่ยกันไหม” หวงฟาถาม
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “เสี่ยหวง คุณรู้จักคลับเฮาส์หลงตูไหมครับ”
หวงฟาทำท่าครุ่นคิด “ก็ไปได้นะ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจของเล่นพวกนั้นแล้ว”
หวงฟาแปลกใจอยู่บ้าง ซ่งจื่อเซวียนแสดงท่าทีเย็นชากับตัวเองมาตลอด ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงอยากจะเชิญตัวเองไปร้องคาราโอเกะที่คลับเฮาส์
“ผมก็เหมือนกัน แต่ที่นั่นเหมาะจะพูดคุยกันมากกว่า”
“โอเค ไม่มีปัญหา กี่โมงล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนมองนาฬิกา ตอนนี้สามทุ่มครึ่งแล้ว เขาจึงเอ่ยว่า “ผมจะไปเดี๋ยวนี้ อีกครึ่งชั่วโมงพวกเราเจอกันที่ห้องโถงใหญ่นะครับ”
“โอเค เดี๋ยวเจอกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นถังหย่าฉีจึงถามว่า “จื่อเซวียน นายจะไปพบเสี่ยหวงงั้นเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่ หย่าฉี ช่วงนี้เกิดเรื่องอยู่ไม่น้อย ฉันกลับมาแล้วค่อยอธิบายให้เธอฟังนะ”
“แต่ว่า…เสี่ยหวงไม่ใช่คนดีอะไร นายไปพบเขาตอนนี้…”
“เพราะงั้นฉันเลยนัดไปที่คลับเฮาส์หลงตูไง ที่นั่นมีคนของพวกเราอยู่!”
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้ม เดินไปตรงไม้แขวนเสื้อแล้วเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ถังหย่าฉีไม่ค่อยเข้าใจ คนของพวกเรางั้นเหรอ เธอไม่รู้จักคลับเฮาส์หลงตูอะไรนั่น
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงสั่งให้ฟางรุ่ยขับรถไปยังคลับเฮาส์หลงตูทันที
ถึงแม้กิจการของคลับเฮาส์หลงตูจะธรรมดา แต่หลังจากอัปเกรดเป็นสถานที่หรูหรา รถหรูหน้าประตูกลับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จากเดิมเยอะสุดคือรถราคาสองสามแสนหยวน แต่ตอนนี้กลับมีรถหรูราคาสองล้านหยวนจอดอยู่สองสามคัน แต่ซ่งจื่อเซวียนบอกไม่ถูกว่าเป็นรถยี่ห้อไหน
พอเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ เจ้าเฮยจื่อรีบเดินมาต้อนรับทันที
“นายท่านรอง นายท่านรองมาได้ยังไงครับ” พออยู่กับเสี่ยเฉิงปานานเข้า เจ้าเฮยจื่อก็เริ่มเรียกซ่งจื่อเซวียนว่านายท่านรองแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะหนึ่งที “เฮยจื่อ ช่วงนี้ร้านเป็นยังไงบ้าง”
“พอได้ครับๆ ขอบคุณที่คุณเป็นห่วง เสี่ยปาอยู่ที่นี่ พวกเราไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”
“เหอะ แต่คุณอย่าลืม ว่าคุณต้องทำงานที่นี่เหมือนกันนะ อะไรที่ต้องดูแลก็ต้องดูแล” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“หา? ให้ผมดูแลเหรอ อย่าเลยครับนายท่านรอง เสี่ยปาอยู่ที่นี่ ผมไม่กล้าแม้แต่ผายลม”
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วจึงหัวเราะออกมา “เหอะๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเสี่ยปาเอง คุณเปิดห้องส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องหน่อย อยู่ห่างจากห้องอื่นก็ดี ขอเงียบๆ ครับ”
“ได้เลยนายท่านรอง คุณไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการให้คุณอย่างเรียบร้อยครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ดีมาก จากนั้นพอเสี่ยหวงเข้ามา คุณก็พาเขามาที่ห้องส่วนตัวนะ”
ได้ยินประโยคนี้ เจ้าเฮยจื่อจึงตกตะลึง ขาสั่นทั้งสองข้าง
“อะไรนะ เสี่ย เสี่ยหวง เสี่ยหวงไหนครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “คุณคิดว่าเป็นเสี่ยหวงคนไหนก็เสี่ยหวงคนนั้นแหละ พาผมเข้าไปก่อนเถอะ”
เจ้าเฮยจื่อรู้สึกเหงื่อออกชุ่มหลังของเขา
ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ นายท่านรองเก่งกาจจริงๆ ถึงขั้นสามารถนัดเสี่ยหวงมาคุยงานได้
ตอนแรกตัวเองสมองมีปัญหา ถึงกล้าร่วมมือกับนายท่านฉินลิ่วต่อกรกับซ่งจื่อเซวียน…
พอเข้ามาในห้องส่วนตัว ซ่งจื่อเซวียนก็สูบบุหรี่หนึ่งมวน เสี่ยหวงกับเถียนเหวินคุ่ยก็มาแล้ว
เห็นทั้งสองคนไม่ได้พาลูกน้องมาด้วย ซ่งจื่อเซวียนจึงมั่นใจอยู่บ้าง
แต่ผ้าพันแผลบนแขนของหวงฟา กลับทำให้เขาตกตะลึง
“เสี่ยหวง แขนของคุณ…”
หวงฟาส่ายหน้า “ฝีมือคนต่างชาติพวกนั้น ซ่งจื่อเซวียนฉันมาเจอนายครั้งนี้ เพื่อมาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “ตอนที่ผมไปตงไห่ คนพวกนั้นไม่อยู่แล้ว เสียดายที่พลาดโอกาสไป”
“เสียดายงั้นเหรอ เหอะๆ เรื่องไม่ได้ง่ายเหมือนที่นายคิด ฝีมือคนพวกนี้แข็งแกร่งมาก พวกเขาท้าดวลกับนาย เกรงว่าไม่ได้แข่งแค่ฝีมือการทำอาหารเท่านั้น” หวงฟาพูด
“อยากลงไม้ลงมือกับผมงั้นเหรอ”
ขณะพูด ซ่งจื่อเซวียนก็นึกถึงเรื่องที่พวกนั้นทำร้ายคนที่บ้านตระกูลหลิง ดังนั้นจึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…
หวงฟาพยักหน้า “อาจจะใช่ ซ่งจื่อเซวียน ที่ฉันอยากคุยกับนายวันนี้ ก็เอาจุดยืนของฉันมาด้วยเหมือนกัน”
“จุดยืนเหรอครับ”
“ถูกต้อง ฉันวางแผนจะเปิดเผยเรื่องนี้กับภายนอก และคนเดียวที่สามารถร่วมมือได้ในเมืองตู้เหมิน เกรงว่าจะมีแค่นายเท่านั้น”
………………………………………………