เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 273 คิดบัญชีทีเดียว
ตอนที่ 273 คิดบัญชีทีเดียว
เมื่อออกจากห้องครัว ซ่งจื่อเซวียนจึงพาคนเดินไปที่ห้องของหลิงเจิ้นทันที
มีหลิงเข่อเอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ จึงไม่มีคนอื่นเข้ามาจริงๆ
“อาจารย์”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เข่อเอ๋อร์ หยิบปากกาและกระดาษมา ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้เธอ จากนั้นนำมาต้มให้ท่านผู้เฒ่าหลิงนะ”
“ค่ะ อาจารย์”
ซ่งจื่อเซวียนเรียนวิชาพวกนี้มากจากท่านผู้เฒ่าฟาง ไม่เพียงแต่เรียนปรุงยาเท่านั้น การฝังเข็ม การนวดกดจุดเขาก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
แต่เขาก็แค่พอรู้เรื่องเท่านั้น หากรู้ถึงขั้นลึก ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนจึงเขียนตัวยาสองสามชนิด แล้วสั่งหลิงเข่อเอ๋อร์ไปซื้อยา และยังกำชับว่าหลิงเข่อเอ๋อร์จะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ไม่ว่าอย่างไรนี่คือช่วงเวลาสำคัญ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะเกี่ยวพันถึงชีวิตคน
หลังจากหลิงเข่อเอ๋อร์ออกไปแล้ว หลิงเจิ้นจึงเอ่ยถามว่า “จื่อเซวียน มีปัญหาที่ห้องครัวหรือเปล่า”
“มีครับ ผมได้กลิ่นลำโพงม่วงที่ห้องครัวครับ และอยู่ในหม้อดินที่ต้มโจ๊กผักของคุณครับ”
“อะไรนะ ลำโพงม่วงเหรอ มันคืออะไร” หลิงเจิ้นถาม
“เป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายมากครับ โดยทั่วไปมักจะใช้เป็นพิษต้านพิษ แต่ถ้ากินโดยตรงนับว่ามีพิษร้ายแรงมากครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ หลิงเจิ้นรู้สึกว่าหลังของเขาเปียกชื้นขึ้นมาทันที
“ในตระกูลหลิง ฉันปฏิบัติดีกับทุกคนเสมอ ทำไมถึง…”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าหัวเราะ “ท่านผู้เฒ่าหลิงจิตใจดี แต่ใช่ว่าโลกนี้จะจิตใจดีทุกคน บางครั้งก็ต้องป้องกันไว้นะครับ”
หลิงเจิ้นได้ยินแล้วจึงถอนหายใจ ำก่อนพยักหน้า
“ถูกแล้ว ป้องกันทุกวันทุกคืน ใครจะรู้ว่าดันเกิดเรื่องในตระกูลหลิงของฉัน จางเฉิงกุ้ยอยู่กับฉันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าไปผิดใจกับเขาตรงไหน”
“ไม่ครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ฝีมือจางเฉิงกุ้ยครับ”
ได้ยินประโยคนี้ หลิงเจิ้นก็อึ้งไป “หืม นายหมายความว่า…เป็นคนอื่นงั้นเหรอ”
ขณะพูด หลิงเจิ้นก็พ่นลมหายใจเย็นออกมา
เขาไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดชังตัวเองถึงเพียงนี้ ถึงขั้นแอบเข้าห้องครัวมาวางยาพิษเขา
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “แบบนี้ถึงจะเข้าใจได้ จางเฉิงกุ้ยรับผิดชอบอาหารการกินของคุณ ถ้ากล้าวางยาพิษก็คงไม่อยากทำงานแล้ว”
“ใครกัน!” หลิงเจิ้นตื่นเต้นขึ้นมา
ซ่งจื่อเซวียนก็รู้ว่าหลิงเจิ้นร้อนใจอยากรู้ว่าใครทำร้ายตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมัดตัว เขาจึงไม่กล้าตัดสินมั่วซั่ว
“เอ่อ…ผมยังไม่รู้ครับ แต่ท่านผู้เฒ่าหลิง ผมได้ยินว่าคุณไม่ทานอาหารมาสองวันแล้ว เย็นนี้ยังไงก็ต้องกินนะครับ”
หลิงเจิ้นเผยสีหน้าหดหู่ใจ “เฮ้อ จื่อเซวียน ฉันไม่หิวเลยสักนิด เดิมทีก็ไม่สบายอยู่แล้ว บวกกับเหตุการณ์พวกนี้…ตู้ปั๋วเป็นยังไงบ้าง”
“คุณวางใจได้ครับ ผมได้ยินว่าหมอรักษาแผลที่แขนของเขาแล้ว ผมเพิ่งบอกเข่อเอ๋อร์ให้ไปซื้อยา หนึ่งในนั้นมียาถอนพิษของคุณด้วย และยังช่วยเร่งฟื้นฟูรักษาแผลด้วยครับ”
หลิงเจิ้นพยักหน้าช้าๆ “ลำบากนายแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทำให้นายต้องเดินทางไกลขนาดนี้”
“เหอะๆ ท่านผู้เฒ่าหลิง ทุกอย่างเป็นตามสมควรแล้วครับ”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็สั่งให้ซางเทียนซั่วคอยเฝ้าประตู ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งสิ้น จากนั้นเขาจึงพาฟางรุ่ยไปที่ครัว เตรียมทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย
อย่างไรปกติหลิงเจิ้นก็ไม่ค่อยอยากอาหารอยู่แล้ว ตอนนี้จึงต้องลองให้กินน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายก่อน
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายมาให้หลิงเจิ้นลองชิม เขากินแค่สองสามคำ แต่เหตุการณ์ในตระกูลหลิงกดดันเขาจนทรมาน ถือว่ากินได้ไม่เยอะ
เห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เขาพักห้องเดิมเหมือนคราวที่แล้ว ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกว่าเหมาะสมดี แต่เรื่องราวในตระกูลหลิงทำให้เขาข่มตานอนไม่หลับเช่นกัน
ภายในห้อง ทั้งสามคนยังไม่นอนหลับ ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “รุ่ยจื่อ เทียนซั่ว เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พวกนายคิดว่ายังไง”
“แม่ง ต้องเป็นจงเทียนอวี่คนนั้นแน่นอน แม่งเอ๊ย ดูมันก็ไม่ใช่คนดีอะไร กล้าลงมือกับอาจารย์ของตัวเอง ไอ้สัต*เอ๊ย!”
ฟางรุ่ยเอ่ยว่า “นายท่านรอง ผมก็รู้สึกว่าเป็นเขานะ ไอ้ชาติหมาคนนี้เป็นคนใจคด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล้าทำทุกอย่าง”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า เดินไปที่หน้าต่างมองลานบ้านตระกูลหลิง
ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าในตึกด้านข้าง ยังมีไฟสว่างอยู่ห้องหนึ่ง
หากเดาไม่ผิด น่าจะเป็นห้องของจงเทียนอวี่ หึ เขาทำเรื่องชั่ว เกรงว่าคงนอนไม่หลับ
“รุ่ยจื่อ”
“นายท่านรอง!”
“นายเห็นห้องนั้นไหม นายฝีมือดี เป็นไปได้ไหมที่จะไปถึงหน้าต่างตรงนั้น”
ฟางรุ่ยมองไปข้างนอกตึกนั้น ข้างนอกห้องที่ไฟสว่างชั้นสามมีแท่นหินหนึ่ง เหมือนจะสามารถนั่งยองๆ ได้
เขาพยักหน้า “ไม่มีปัญหา นายท่านรอง คุณอยากให้ผมไปสอดแนมใช่ไหม”
“เหอะๆ ถ้าฉันเดาไม่ผิด นั่นคือห้องของจงเทียนอวี่ นายลองไปดู ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอน เขามัวทำอะไรอยู่!”
ฟางรุ่ยยิ้มให้ “ได้เลย!”
อันที่จริงฟางรุ่ยทำงานเป็นกองกำลังพิเศษมานานหลายปี ตอนนี้ไม่ได้ทำภารกิจระดับที่ค่อนข้างยากแบบนี้มานานแล้ว เขาจึงรู้สึกคันไม้คันมืออยู่บ้าง
จู่ๆ ได้รับภารกิจนี้ ในมุมมองของตัวเขาเองรู้สึกว่าสนุกมาก
เขาตอบรับพลางเดินออกจากห้องไป
ในไม่ช้า ซ่งจื่อเซวียนกับซางเทียนซั่วก็เห็นเขาเดินออกจากตึกไป ตอนนี้ไม่มีคนในลานบ้าน เขาจึงวิ่งตรงไปยังตึกอีกหลังหนึ่ง
เห็นเพียงฟางรุ่ย จับแท่นหินข้างบนหน้าต่างชั้นหนึ่งด้วยความว่องไว ใช้แรงแค่นิดเดียว เขาก็กระโดดตัวขึ้นไปได้แล้ว
ต่อจากนั้น เขาก็จับรั้วกั้นข้างนอกหน้าต่างชั้นสอง ร่างกายเหมือนชิงช้าแกว่งไปมากลางอากาศ สองมือจับแท่นหินของชั้นสามได้ในทันที
มองดูฟางรุ่ยตอนนี้ เหมือนจอมโจรนกนางแอ่นหลี่ซานจริงๆ วิ่งบนแท่นหินอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปจนสุดทางแท่นหิน ก่อนจะกระโดดไปยังแท่นหินอีกอันหนึ่ง
เวลาเพียงสี่ห้าวินาที เขาสามารถกระโดดไปอยู่ใต้หน้าต่างของห้องที่มีไฟสว่างได้แล้ว
ฟางรุ่ยเงยหน้ามองหน้าต่าง เนื่องจากอากาศร้อน หน้าต่างในห้องจึงเปิดอยู่บานหนึ่ง
เขาค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นมองเข้าไปในห้อง
ไฟที่สว่างภายในห้องเป็นโคมไฟตั้งพื้นสองตัว และยังมีโคมไฟตัวหนึ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือที่อยู่ข้างๆ แสงสว่างเหมือนกัน เป็นโทนสีเหลือง
และคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็คือจงเทียนอวี่
“สงสัยนายท่านรองพูดถูก ไอ้ชาติหมาคนนี้ทำเรื่องไม่ดีถึงได้นอนไม่หลับ”
เขาเห็นเพียงจงเทียนอวี่นั่งเหม่ออยู่หน้าโต๊ะ จุดบุหรี่สูบสองทีแล้วดับทิ้ง
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรออก
“คุณแทแรนติโนใช่ไหมครับ ผมจงเทียนอวี่”
เสียงของผู้ชายอีกคนหนึ่งดังเข้ามาจากโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง “โอ้วคุณจง เพื่อนของผม ดึกแล้วยังไม่นอนเหรอ”
จงเทียนอวี่นอกจากได้ยินเสียงของแทแรนติโนแล้ว ยังมีเสียงหัวเราะของผู้หญิงด้วย ไอ้หมอนี่กำลังสำราญใจอยู่พอดี
“คุณแทแรนติโน ผมต้องการให้พวกคุณช่วยหน่อย”
“เชิญพูดมาได้เลยคุณจง”
“ผมต้องการเงินก้อนหนึ่ง พวกคุณลองดูว่าจะให้เท่าไร ผมต้องรีบออกจากตระกูลหลิงเดี๋ยวนี้”
เสียงของอีกฝ่ายหยุดไปพักหนึ่ง
“เงินก้อนหนึ่ง…เหอะๆ เท่าไรล่ะครับ”
“หนึ่งล้านได้ไหมครับ”
“ฮ่าๆๆๆ คุณจงล้อเล่นกับผมใช่ไหม ทำไมผมต้องให้เงินคุณเยอะขนาดนั้นล่ะ” แทแรนติโนพูด
จงเทียนอวี่ทำใบหน้าหดหู่ “ผมเจอเรื่องยุ่งยากน่ะ ผมต้องออกจากบ้านตระกูลหลิง”
“คุณจง นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ”
“คุณ…แทแรนติโน คุณหมายความว่ายังไง ผมช่วยพวกคุณพาเลคริเซียสเข้ามาในบ้านตระกูลหลิง เขาเอาชนะพ่อครัวขั้นเทพแห่งภาคเหนือได้แล้ว พวกคุณก็น่าจะให้ค่าตอบแทนผมไม่ใช่เหรอ” จงเทียนอวี่เอ่ย
แทแรนติโนหัวเราะเยาะ “ค่าตอบแทนต้องให้อยู่แล้ว แต่หนึ่งล้าน…เยอะเกินไปจริงๆ เดิมทีพวกเราปรึกษากันว่าจะให้แค่หนึ่งแสนหยวนนี่นา!”
“ผมรู้ครับ แต่ตอนนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์สุดวิสัย ตอนนี้ตระกูลหลิงมีคนน่ารำคาญมากเข้ามา เป็นไปได้สูงว่าเขาจะรู้ว่าเป็นฝีมือของผม เลยอยากให้พวกคุณช่วยผมหน่อย เห็นแก่ที่ผมเคยช่วยพวกคุณ”
หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรอีก แต่กลับได้ยินเสียงฮึดฮัดของผู้หญิงกับเสียงจูบกัน
จงเทียนอวี่ขมวดคิ้ว “ฮัลโหล! ฮัลโหลๆ!”
เวลาดำเนินไปกว่าสิบวินาที จงเทียนอวี่จึงตัดใจวางสายไป
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว เกิดปัญหาแล้วก็ไม่ช่วย!”
พูดจบ เขาจึงจุดบุหรี่อีกหนึ่งมวนแล้วสูบเต็มแรง
ด้านนอกหน้าต่าง ฟางรุ่ยแอบกดปุ่มหยุดบันทึกวิดีโอ!
จากนั้น ฟางรุ่ยจึงกระโดดลงจากตึกนี้กลับไปที่ห้อง
พอดูวิดีโอจบแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงถอนหายใจ
“ความจริงฉันกับจงเทียนอวี่ก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรกัน ฉันยังเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งท่านผู้เฒ่าหลิงจะรับเขากลับมาเป็นศิษย์เหมือนเดิม แต่…”
“อาจารย์ มีอะไรน่าสงสาร ไอ้หมอนี่ตายแล้วก็สมควร!”
“ใช่แล้วนายท่านรอง ไอ้หมอนี่จิตใจคิดคด ช้าเร็วก็ต้องโดนกรรมตามสนอง”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “พวกนายไม่เข้าใจ ความจริงคนที่จะจัดการเขาไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นท่านผู้เฒ่าหลิง ต้องรู้ไว้ว่านี่คือลูกศิษย์ที่ท่านผู้เฒ่าหลิงสอนมากับมือ จะไม่เสียใจได้ยังไง”
ทั้งสองคนฟังแล้วจึงไม่พูดอะไรอีก รู้สึกเข้าใจความหมายของซ่งจื่อเซวียนแล้ว
“ตอนนี้ดูท่าคนคนนี้ไม่เพียงแต่วางยาพิษท่านผู้เฒ่าหลิงเท่านั้น แต่ยังติดต่อคนต่างชาติด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“อาจารย์ ต้องบอกเรื่องนี้กับท่านผู้เฒ่าหลิงใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ทีแรกก็คิดว่าจะไม่พูด แต่ตอนนี้ดูแล้ว…จำเป็นต้องพูดจริงๆ เก็บเขาไว้ก็รังแต่จะเป็นเนื้อร้าย”
เช้าวันถัดมา ซ่งจื่อเซวียนจึงไปที่ห้องของหลิงเจิ้น
หลิงเจิ้นอายุมากแล้ว ปกติก็นอนน้อย บวกกับสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง จึงตื่นเช้ามากกว่าเดิม
ตอนนี้ หลิงเข่อเอ๋อร์ยังนอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ
ซ่งจื่อเซวียนเดินไปใกล้ปลุกหลิงเข่อเอ๋อร์ เอ่ยว่า “เข่อเอ๋อร์ ไปเอาน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คุณปู่ของเธอหน่อยสิ”
“อ้อๆ…อาจารย์ ตื่นเช้ากันจังเลยค่ะ”
“ไม่เช้าแล้ว อีกสักพักฉันต้องกลับตู้เหมิน รีบไปเถอะ”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนจึงเดินไปหาหลิงเจิ้น กล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าหลิง รู้เรื่องแล้วครับ แต่…คุณต้องทำใจไว้บ้าง”
“เป็นเทียนอวี่ใช่ไหม”
พวกซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลิงเจิ้นจะเดาออก
“เอ่อ…”
หลิงเจิ้นถอนหายใจ “เฮ้อ อันที่จริงฉันคิดได้นานแล้ว เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ดี แต่เจ้าคิดเจ้าแค้น จิตใจคับแคบ แต่ครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือกับฉันจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนลังเลเล็กน้อย “ท่านผู้เฒ่าหลิง ไม่เพียงเท่านี้ ผมคิดว่า…ที่คราวก่อนคนต่างชาติสองคนสามารถเข้ามาในบ้านตระกูลหลิงได้ ก็เพราะจงเทียนอวี่สั่งคนให้เปิดประตูครับ พวกเขาน่าจะสมคบคิดกัน”
“อะไรนะ เรื่องนั้นก็เป็นเขาเหรอ”
“เพราะงั้นผมถึงอยากจะฟังความคิดของคุณ ว่าจะแจ้งความไหมครับ”
“มีหลักฐานงั้นเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า
“อย่างนั้นก็แจ้งความ เรื่องของความรู้สึกก็ส่วนของความรู้สึก แต่ครั้งนี้คนของตระกูลหลิงโดนดูถูก ตู้ปั๋วบาดเจ็บหนัก ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด!”
“ครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง ผมจะสั่งเข่อเอ๋อร์ให้ไปจัดการเรื่องนี้เอง ตอนนี้ผมต้องกลับตู้เหมินแล้ว ที่นี่จะมีเทียนซั่วกับเข่อเอ๋อร์อยู่นะครับ เทียนซั่วเป็นลูกศิษย์ของผม ท่านผู้เฒ่าหลิงสามารถเรียกใช้ได้ตามสบายครับ”
“เอ่อ…”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มให้ “ท่านผู้เฒ่าหลิง เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ จุดประสงค์ของคนต่างชาติพวกนี้ไม่ใช่แค่คุณกับพ่อครัวขั้นเทพแห่งภาคใต้เท่านั้น แต่มีผมด้วย”
“นาย…” หลิงเจิ้นเบิกตาโตทั้งสองข้าง “ถ้างั้นนายกลับไปตู้เหมินตอนนี้จะมีปัญหาหรือเปล่า”
“เหอะๆ ผมแค่กลับไปรอพวกเขามาหาที่ร้านครับ ถึงตอนนั้นบัญชีนี้…เกรงว่าคงต้องรวมกับบัญชีของตระกูลหลิงเข้าไปด้วย แล้วคิดบัญชีพร้อมกันทีเดียว!”
…………………………………………..