เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 270 ข่าวจากหวงฟา
ตอนที่ 270 ข่าวจากหวงฟา
คำพูดของตู้ปั๋วทำให้หลายคนตกตะลึง
ทุกคนรู้ว่าตู้ปั๋วเป็นศิษย์คนโตของหลิงเจิ้น และรู้ด้วยว่าเขามีความสามารถธรรมดาทั่วไป
เขาเสนอตัวในเวลานี้ ทุกคนก็เห็นความกตัญญูของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมองเขาในแง่ดี
แม้ว่าเลคริเซียสจะไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งใดๆ ออกมา แต่หากกล้าท้าดวลกับหลิงเจิ้น ศักยภาพของเขาอย่างน้อยอาจจะอยู่ในระดับสูง
เลคริเซียสชะงักเมื่อได้ยิน “นายเนี่ยนะ”
หลิงเจิ้นคว้ามือตู้ปั๋วไว้ “ตู้ปั๋ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเป็นฮีโร่ ถอยไปซะ”
“ไม่ครับอาจารย์ ตอนนี้อาจารย์ทำอาหารตามขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เมื่อพูดจบ ตู้ปั๋วก็ผายอกไปทางเลคริเซียสแล้วพูดว่า “ใช่ ฉันเป็นศิษย์ตระกูลหลิง อาจารย์ฉันป่วยอยู่คงแข่งกับนายไม่ได้ ฉันจะเป็นคนแข่งเอง!”
เลคริเซียสพยักหน้าและยิ้ม “โอเคๆๆ ในเมื่อนายยินยอม งั้นฉันก็ไม่สน แต่…”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่หลิงเจิ้น “ผู้เฒ่า ไม่ว่าเขาหรือคุณจะแพ้ วันนี้ผมมาท้าดวลคุณ ก็หมายความว่าผมชนะคุณแล้ว”
หลิงเจิ้นจ้องเลคริเซียสเขม็ง แต่ตอนนี้เขาโกรธจนหายใจลำบากจึงไม่พูดอะไรอีก
จากนั้น เลคริเซียสและตู้ปั๋วก็เดินเข้าไปในเต็นท์
พื้นที่ตรงนี้คือตำแหน่งที่ซ่งจื่อเซวียนและจงเทียนอวี่แข่งขันกันครั้งที่แล้ว
เมื่อเห็นการแข่งขันที่นี่อีกครั้ง จงเทียนอวี่จึงมีหลายความรู้สึกผสมปนเปกัน
ฮึ่ม ตระกูลหลิงทำให้ฉันผิดหวัง ก็อย่าโทษที่ฉันจะสมเพชตระกูลหลิงเลย
หลิงเจิ้น นับว่าโชคดีที่มีตู้ปั๋วเป็นโล่ช่วยอยู่ แต่…ก็หมายความว่าในวันนี้คุณได้พ่ายแพ้แล้วเช่นกัน
ชื่อเสียงของคุณก็จะเสียหายไปด้วย!
เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลหลิงก็จำเป็นต้องมีฉัน การได้เข้าไปในตระกูลหลิงและได้ตัวเข่อเอ๋อร์…ใกล้เข้ามาแล้ว
……
สวนสวินเฟิง
ซ่งจื่อเซวียนกำลังดื่มชาและอ่านหนังสือสูตรอาหารอยู่ในห้องทำงาน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ซ่งจื่อเซวียนพบว่าตอนที่เขาทำโต้วหลงเหมินนั้นมีหลายสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนผสมหลักเป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น หากทำตามวิธีที่ถูกต้อง แม้แต่ปลาคาร์ปก็ยังทำให้เป็นอาหารเลิศรสได้
ปัญหาของเขาคือไม่ได้ใส่ส่วนผสมลงในซุปปลาตามลำดับ
ปลาหมึก หอยเชลล์และปลาเงินควรปรุงแยก หลังจากลวกแล้วก็พักไว้ หลังจากเคี่ยวซุปปลาและเครื่องปรุงรสอื่นๆ ในหม้อเสร็จแล้วค่อยใส่ลงซุปปลาก่อนเสิร์ฟ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ต้องทำแบบนี้ เป็นเพราะฉันตุ๋นส่วนผสมทั้งหมดลงในซุปปลาไปเลย ทำให้เนื้อสัมผัสไม่ค่อยดี”
โต้วหลงเหมิน…
ใช่แล้ว ความหมายตามชื่อ ปลาฉือคือหลงหรือมังกรในจานนี้ ส่วนผสมอื่นๆ เป็นอาหารทะเลที่ต่อสู้ตรงประตูมังกรในทะเล
นึกถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ชื่อเมนูอาหารของคนโบราณนี่น่ารักจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะไปลองวิธีใหม่ที่ห้องครัว แต่โทรศัพท์กลับดังขึ้น
“เข่อเอ๋อร์ มีอะไรเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“อาจารย์ อาจารย์…” เสียงของหลิงเข่อเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่ากำลังร้องไห้อยู่
ซ่งจื่อเซวียนรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติ แม้ว่าหลิงเข่อเอ๋อร์จะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ปกติเธอเป็นคนเข้มแข็ง หากไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเธอไม่มีวันร้องไห้เด็ดขาด
“เข่อเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด”
หลิงเข่อเอ๋อร์ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“อาจารย์ ปู่ของฉัน…เรื่องเกิดแล้วค่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลหลิง”
“อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“วันนี้มีชาวต่างชาติสองคนมาจากที่ไหนก็ไม่รู้อยากจะท้าดวลปู่ของฉัน แถมยังทำร้ายคนของตระกูลหลิงอีกด้วย…
ช่วงนี้ปู่สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว เขาก็เลยให้ตู้ปั๋วไปแข่งกับพวกเขาแทน
ฝีมือการทำอาหารของตู้ปั๋วไม่ดีเท่าชาวต่างชาติคนนั้น ถูกไฟไหม้เข้าตอนที่ทำอาหาร แขนครึ่งหนึ่งถูกไฟคลอกค่ะ
ปู่ของฉันเขา…โกรธคนพวกนั้นมากจนอาเจียนเป็นเลือด อาจารย์ ฉันควรทำยังไงดีคะอาจารย์…”
หลังจากหลิงเข่อเอ๋อร์พูดจบ ชัดเจนว่าซ่งจื่อเซวียนยังไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดเรื่องนี้ แต่เข้าใจโดยรวมว่ามีคนมาก่อเรื่องในตระกูลหลิง แถมยังทำร้ายคนอีกด้วย
“เข่อเอ๋อร์ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ท่านผู้เฒ่าหลิงเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…” หลิงเข่อเอ๋อร์พูดพร้อมทั้งร้องไห้ “อาจารย์ ฉันควรทำยังไงดีคะ ฉันอยากกลับไป…”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “กลับ…ต้องกลับไปแน่ แต่ตอนนี้จองตั๋วรถยาก แล้วฉันก็ไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลหลิงด้วย…
เอาอย่างนี้เข่อเอ๋อร์ ทางนี้ฉันจะจัดการเอง เรียกให้รุ่ยจื่อมาขับรถแล้วไปเมืองหนานไถด้วยกัน!”
“โอเคค่ะอาจารย์ ฉันจะทำตามนั้น”
หลังจากวางสาย ซ่งจื่อเซวียนก็รีบไปหาถังหย่าฉีตรงโถงด้านหน้าและเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง
“อะไรนะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ งั้นนายรีบไปเถอะ แต่ต้องพารุ่ยจื่อไปด้วยนะ” ถังหย่าฉีพูด
อย่างไรเมื่อเผชิญกับปัญหาใหญ่ จุดยืนของถังหย่าฉีจะสอดคล้องกับของซ่งจื่อเซวียนเสมอ
ในเวลานี้ เธอไม่มีทางขัดซ่งจื่อเซวียนเพียงเพราะกำไรวันหรือสองวันของสวนสวินเฟิง
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ฉันรู้ แต่…หย่าฉี ฉันกลัวว่าสองวันนี้เธอจะทำงานหนัก”
“โธ่เอ๊ย ทำงานหนักขึ้นนิดหน่อยฉันจะกลัวอะไรล่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าทำงานยุ่งมาตลอดเหรอ แต่…น้ำแกงห้าสายคงต้องงดขายชั่วคราวสักวันสองวันสินะ”
ซ่งจื่อเซวียนใคร่ครวญแล้วมองดูนาฬิกาบนผนัง
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว น้ำแกงห้าสายในวันนี้น่าจะจัดการได้อยู่ พรุ่งนี้เมื่อเขาแก้ไขปัญหาเรียบร้อยก็จะกลับมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
จากนั้นเขามองไปที่ฟางรุ่ย “รุ่ยจื่อ!”
“นายท่านรอง!” ฟางรุ่ยรีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาทันที
“นายไปรับเข่อเอ๋อร์ที่ร้านอาหารร่ำรวยตอนนี้เลย ฉันเสร็จธุระทางนี้แล้วเราจะตรงไปหนานไถกันทันที”
“ไปหนานไถเหรอครับ” ฟางรุ่ยอึ้งไป
“อธิบายให้นายฟังไม่ทันแล้ว ทำตามที่ฉันบอกเถอะ”
“ครับ!”
เมื่อฟางรุ่ยจากไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าไปในครัวด้านหลัง
จุดเตาและวางหม้อขนาดเล็กแปดใบไว้บนเตาในเวลาเดียวกัน
ผ่านไปกว่ายี่สิบนาที น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายแปดที่ก็ออกมาจากหม้อ
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็ทำอีกรอบ ในขณะเดียวกันนั้นก็มีคนสั่งน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายแล้ว
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายก็ออกไปอีกสามที่ และเหลืออีกสิบห้าที่ไว้บนเคาน์เตอร์
ซ่งจื่อเซวียนวางน้ำแกงห้าสายสิบห้าที่ไว้บนโต๊ะแล้วพูดกับเจิ้งฮุย “หัวหน้าเชฟ นี่คือน้ำแกงห้าสายสิบห้าที่ คุณรักษาอุณหภูมิให้ดีนะครับ แล้วเสิร์ฟสิบห้าที่คืนนี้ให้หน่อย”
“หืม นายท่านรอง นี่หมายความว่ายังไง” เจิ้งฮุยถาม
“เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกแล้ว คุณจำไว้ว่าหลังจากเสิร์ฟสิบห้าที่นี้แล้วก็ไม่ต้องทำอีกแล้ว เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจแล้ว นายท่านรอง”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าและบอกถังหย่าฉีอีกครั้งทันทีว่าถ้าคืนนี้น้ำแกงห้าสายขายหมดสิบแปดที่แล้ว ก็ให้ประกาศว่าขายหมดแล้ว
ถังหย่าฉีเข้าใจเจตนาของซ่งจื่อเซวียนอย่างสิ้นเชิงจึงพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว นายไม่ต้องกังวลหรอก เดินทางระวังตัวด้วยนะ”
ตอนนี้รถของฟางรุ่ยขับมาที่ทางเข้าสวนสวินเฟิงแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนและถังหย่าฉีบอกลากันสั้นๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปขึ้นรถ
หลิงเข่อเอ๋อร์น้ำตาไหลพรากอยู่ในรถ ซ่งจื่อเซวียนจึงบอกให้ฟางรุ่ยออกรถ จากนั้นก็เริ่มปลอบเธอ
แต่เธอก็ยังกังวลเรื่องของปู่อยู่มาก เป็นไปไม่ได้ที่จะให้หลิงเข่อเอ๋อร์หยุดร้องไห้ ซ่งจื่อเซวียนจึงไม่พูดอะไรอีกและปล่อยให้เธอร้องไห้ระบายออกมาสักพัก
ก่อนที่รถจะออกจากเมืองตู้เหมิน มือถือของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ซ่งจื่อเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ซ่งจื่อเซวียน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ไตร่ตรองครู่หนึ่ง จากนั้นภายในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
“เสี่ยหวง ไม่ได้เจอกันนานแล้วจริงๆ ไม่ทราบว่ามีคำแนะนำอะไรเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
เมื่อซ่งจื่อเซวียนพูดจบ ฟางรุ่ยที่กำลังขับรถอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไป เขารู้ได้ทันทีว่าหวงฟาเห็นซ่งจื่อเซวียนเป็นหนามยอกอก
โทรมาในเวลาแบบนี้ไม่รู้ว่าต้องการจะทำอะไรอีก
“ซ่งจื่อเซวียน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายต่อหน้า”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น
หากซ่งจื่อเซวียนตามหาเสี่ยหวงนั้นดูจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตอนนี้กลับเป็นเสี่ยหวงที่ตามหาเขาเหรอ
เจ้าพ่อวงการใต้ดินคนนี้ดูจะเสียหน้าเล็กน้อย…
“เสี่ยหวง มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดต่อหน้าครับ พูดตอนนี้ไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ…ฉันไปหานายก็ได้ บอกสถานที่มาหน่อย”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงอันตราย
จู่ๆ หวงฟาก็ให้เขาบอกสถานที่ของตัวเองเหรอ
“เสี่ยหวง ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาพบกันที่นี่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาเลยเถอะครับ ตอนนี้ผมอยู่บนรถและออกมาจากเมืองตู้เหมินแล้ว”
“อ่อ…โอเค ฉันหวังว่าจะเป็นความจริงนะ ถ้านายออกจากตู้เหมินไปจริงๆ ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งกลับมา”
ซ่งจื่อเซวียนสูดลมหายใจ “เสี่ยหวง คุณหมายความว่ายังไงครับ”
เห็นว่าซ่งจื่อเซวียนไม่คิดจะมาพบกัน หวงฟาจึงพูดเพียงว่า “ซ่งจื่อเซวียนฉันจะบอกนายแบบนี้นะ ตอนนี้มีคนตามหานายอยู่ อีกอย่างคนพวกนี้ไม่ได้จัดการง่ายๆ”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหนานไถโดยไม่รู้สาเหตุ
“เสี่ยหวง เรื่องนี้…เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติหรือเปล่า”
“นาย…นายรู้แล้วเหรอ” หวงฟาพูดด้วยความประหลาดใจ
เป็นอย่างที่คิดไว้ ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า ถ้าเขาเดาไม่ผิด เรื่องนี้…เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ
ดูเหมือนว่าการที่ตระกูลหลิงถูกเหยียบย่ำครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีคนจงใจหาเรื่องเชฟชาวจีน โดยเฉพาะเชฟชื่อดัง
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้คิดว่าเขามีสถานะสูงส่งในวงการพ่อครัว แต่ความนิยมของข้าวผัดจักรพรรดิได้ผลักดันเขาให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นเขาจึงตกเป็นเป้าหมายหนึ่งของชาวต่างชาติด้วย
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมกำลังจะไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย”
เสี่ยหวงรู้สึกประหลาดใจ “ไปแก้ปัญหาเหรอ แต่พวกเขาอยู่ที่ตู้เหมินนะ”
“เสี่ยหวง ขอบคุณมากที่มาบอกผม รอผมกลับมาแล้วผมจะไปเยี่ยมคุณนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“โอเค ฉันหวังว่านายจะปลอดภัยนะ รอนายกลับมาแล้วค่อยไปปรึกษากันที่หอหงเยวี่ย”
หลังจากวางสาย ซ่งจื่อเซวียนก็ถอนหายใจ
เขาไม่รู้ที่มาของชาวต่างชาติกลุ่มนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทำไมหวงฟาถึงมาบอกตน?
เขารู้สึกว่าเรื่องคงไม่ง่ายขนาดนั้น หรือบางที…หวงฟาจะสมรู้ร่วมคิดกับคนพวกนั้น?
ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงไปพบหวงฟาไม่ได้
สรุปแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการไปดูว่าท่านผู้เฒ่าหลิงเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องอื่นค่อยวางแผนหลังจากกลับมาที่ตู้เหมิน
ขณะที่รถขับไปบนทางด่วน หลิงเข่อเอ๋อร์ก็หยุดร้องไห้ เธอพิงหน้าต่างรถและมองออกไปข้างนอก ในใจก็รู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก และอดทนรอไม่ไหวอยากจะบินไปอยู่ข้างกายปู่ของเธอตอนนี้เลย
ซ่งจื่อเซวียนจุดบุหรี่หนึ่งมวนและไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
…………………………………………………