เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 269 ฉันจะแข่งกับนาย
ตอนที่ 269 ฉันจะแข่งกับนาย
ช่วงนี้สุขภาพของหลิงเจิ้นไม่ดีมาตลอด ถึงขั้นไม่สามารถออกจากบ้านได้มากนัก
ตู้ปั๋วเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องต่างๆ ในตระกูลหลิงเสมอ นี่เป็นเพราะอุปนิสัยของตู้ปั๋ว
เมื่อเทียบกับคนสนิทคนอื่นๆ ของหลิงเจิ้น จุดเด่นที่สุดของตู้ปั๋วก็คือเขาซื่อสัตย์และจงรักภักดี และไม่มีเจตนาร้าย
เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลิงเจิ้นไว้เนื้อเชื่อใจให้เขาจัดการเรื่องต่างๆ ได้มากมาย
อันที่จริงนี่คือทิศทางในอนาคตของตู้ปั๋วเช่นกัน หลิงเจิ้นรู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ และอาหารที่เขาทำก็ธรรมดามาก
ดังนั้นตู้ปั๋วจึงได้รับการปลูกฝังเพื่อเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากกว่า
ตู้ปั๋วก็ยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเข้าใจตัวเองดีและคิดอยากจะอยู่ข้างกายอาจารย์มาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อครัวหรือผู้ช่วย เขาก็จะทำอย่างเต็มที่
เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ตู้ปั๋วก็คิดจะออกไปดูและจัดการด้วยตัวเอง
แต่ในเวลานี้หลิงเจิ้นรู้สึกตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรตระกูลหลิงก็ไม่เคยเกิดเรื่องที่รุนแรงเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ตู้ปั๋วก็ไม่รั้งเขาไว้อีก ช่วยพยุงอาจารย์ลุกขึ้นและสวมเสื้อคลุมให้หลิงเจิ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่อาคารหลัก
ในห้องโถง เลคริเซียสกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่บนโซฟาไม้ และคนรอบข้างก็กำลังเฝ้าดูอยู่
มีคนรับใช้สามคนของตระกูลหลิงนอนอยู่บนพื้น
ขณะนี้แม้ว่าคนที่เห็นเหตุการณ์จะดูไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า เพราะเมื่ออีกฝ่ายลงมือก็ทำให้ล้มลงไปกองกับพื้นได้ ใครจะกล้าก้าวเข้าไป
“ฮันเตอร์ เราอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว”
ฮันเตอร์ดูนาฬิกาข้อมือ “คุณเลคริเซียส ผ่านมาสิบนาทีแล้วครับ”
เลคริเซียสคลี่ยิ้ม “นานขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครมาเลยเหรอ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่กล้าออกมา ถ้างั้นเราก็ไปหายอดเชฟทางเหนือเองแล้วกัน”
“ไม่ต้องหา ข้ามาแล้ว”
ทันทีที่เลคริเซียสพูดจบ เสียงของหลิงเจิ้นก็ดังเข้ามาในห้องโถง
จากนั้นตู้ปั๋วก็ประคองหลิงเจิ้นเข้ามาพร้อมกับไม้เท้า
ในเวลานี้ คนรับใช้ในตระกูลหลิงมาถึงประตูอาคารหลักแล้วมองเข้าไปข้างใน
แต่ตามปกติแล้ว จงเทียนอวี่ หลี่เฉิงและคนอื่นๆ จะอยู่ข้างนอกและไม่ได้เข้าไปในอาคารหลัก
อย่างไรพวกเขาทุกคนก็กลัวว่าจะหาเรื่องใส่ตัว เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพวกเขาควรรอดูไปก่อนดีกว่า
เมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าหลิงและตู้ปั๋วที่อยู่ข้างๆ เลคริเซียสก็ตัดสินทันทีว่ายอดเชฟทางเหนือคือชายชราคนนี้
เขากลั้นขำไม่ได้ “ฮ่าๆๆ ดูเหมือนฉันจะมาผิดที่แล้ว ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เป็นบ้านพักคนชราหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุล่ะ”
ฮันเตอร์ที่อยู่ด้านข้างก็ขำพรืดออกมาเช่นกัน
หลิงเจิ้นหรี่ตามองดูสองคนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะแต่งตัวเป็นคนแต่เหมือนกับสุนัข คำพูดและพฤติกรรมของพวกเขาน่ารำคาญนัก
“ข้าชื่อหลิงเจิ้นเป็นผู้เฒ่าในตระกูลหลิง อยากทราบว่าพวกนายสองคนมาที่บ้านของฉันแล้วยังลงมือทำร้ายคน…มันหมายความว่ายังไง”
อย่างไรหลิงเจิ้นก็ยังมีกิริยาท่าทางเหมือนพ่อครัวขั้นเทพอยู่ ขณะที่พูดก็เดินไปนั่งที่โซฟา
เลคริเซียสคลี่ยิ้ม “ท่านผู้เฒ่า ขออภัยที่ล่วงเกินจริงๆ ผมคิดไม่ถึงว่ายอดเชฟทางเหนือของจีนจะเป็นคนแก่น่ะ”
“ที่แท้พวกนายมาที่บ้านข้าก็เพื่อมาดูอายุตาแก่อย่างข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกนายก็ทำสำเร็จแล้ว”
หลิงเจิ้นจ้องมองตรงไปข้างหน้า ไม่คิดจะมองไปที่เลคริเซียสและฮันเตอร์ ท่าทางดูชอบธรรมสูงส่ง
เลคริเซียสลุกขึ้นและเดินไปหาหลิงเจิ้น “ท่านผู้เฒ่า จุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่ง่ายมาก นั่นคือผมอยากเอาชนะคุณ แต่ตอนนี้…ผมกังวลมากว่าคุณจะเป็นคู่แข่งของผมได้หรือเปล่า”
หลิงเจิ้นส่ายหัวช้าๆ “เอาชนะเหรอ ข้าไม่รู้เรื่องกังฟู ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่สามารถสู้กับนายได้”
“เหอะๆ คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีอารมณ์ขันขนาดนี้ ท่านผู้เฒ่า ผมพูดถึงเรื่องการทำอาหาร ไม่ได้จะต่อสู้กับคุณ”
ขณะที่พูด เลคริเซียสก็มองหลายคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วแค่นหัวเราะเบาๆ
“ถ้าจะสู้กันจริงๆ ผมคงไม่เลือกพวกคุณ คนจีนน่ะใจเสาะ”
“ไม่ใช่ นายน่ะคิดผิด คนจีนไม่ได้ใจเสาะแต่รู้มารยาท เราสืบสานวัฒนธรรมมาห้าพันปีและเป็นประเทศที่มีมารยาท แต่กับพวกนาย…ฮึ่ม เป็นเหมือนโจรที่ลักลอบเข้าบ้านแล้วมาทำร้ายคนอื่น”
เลคริเซียสส่ายหัวแล้วกระตุกยิ้ม “เหอะๆ พูดเกินจริงไปหรือเปล่า ผมแค่อยากจะบอกว่าต้องการท้าดวลกับคุณ แต่คนพวกนี้ไล่ผมออกไปอย่างเสียมารยาท เพราะงั้นก็เลยต้องจัดการสักหน่อย”
“คุณผู้ชาย ตอนนี้นายกำลังอยู่ในบ้านของฉัน พวกเขาก็ต้องไล่นายออกไปได้สิ และตอนนี้ฉันก็หวังว่านายจะรีบออกไป อย่างน้อยก็ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจแล้วเรื่องจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น” หลิงเจิ้นขมวดคิ้ว
“แจ้งตำรวจงั้นเหรอ ตามสบาย ถ้าผมกลัวพวกคุณจะแจ้งตำรวจ แล้วผมจะคุยกับคุณเหมือนอย่างตอนนี้ได้ยังไงล่ะ”
ได้ยินเช่นนี้ หลิงเจิ้นก็ใคร่ครวญกับตัวเองว่าเรื่องแบบนี้ช่างยุ่งยากจริงๆ
แม้ว่าจะแจ้งตำรวจ คดีความเกี่ยวกับชาวต่างชาติก็จัดการได้ไม่ง่ายเลย สุดท้ายก็ไม่ได้โทษหนักหนาอะไร
สิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็คือตักเตือนแล้วปล่อยไป แต่ถ้าเขากลับมาอีกครั้ง หลิงเจิ้นก็จนปัญญาจริงๆ
อีกทั้งคนวัยเยาว์จำนวนไม่น้อยในตระกูลหลิงเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีจิตใจฮึกเหิม แต่เมื่อเห็นการลงมือของอีกฝ่ายก็ดูจะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ไม่น่าจะจัดการได้ง่ายๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหน คราวนี้ตระกูลหลิงพบเจอปัญหาแล้วจริงๆ
“นายต้องการอะไร”
“ผมบอกคุณไปแล้ว ขอท้าดวลกับคุณไง!”
เลคริเซียสพูดพร้อมกับขว้างซิการ์ในมือลงบนพื้นต่อหน้าหลิงเจิ้น จากนั้นก็ใช้เท้าบดขยี้มัน
เห็นการกระทำเช่นนี้ ทุกคนรอบข้างก็เบิกตากว้างและกำหมัดแน่น
แม้ว่าพวกเขาจะกลัวชาวต่างชาติสองคนนี้ทำร้าย แต่อีกฝ่ายก็ดูถูกเหยียดหยามท่านผู้เฒ่าหลิงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนจึงทนดูไม่ไหวจริงๆ
“ไอ้ฝรั่ง อย่าให้มันมากเกินไปนะ!”
เลคริเซียสได้ยินก็หันหน้าไปมองคนคนนั้น ซึ่งดูจะออกอาการขี้ขลาด
โกรธก็ส่วนโกรธ แต่ถ้าเกิดลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน
หลิงเจิ้นรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์จึงเอ่ยว่า “เอาล่ะ งั้นข้าจะแข่งทำอาหารกับนายเอง อยากแข่งแบบไหน”
“ฮ่าๆ ผู้เฒ่า คุณยังจะแข่งกับผมได้จริงๆ เหรอ ผมเห็นว่าคุณก็มีแค่ร่างกายที่อ่อนแอเท่านั้นนะ”
หลิงเจิ้นสูดหายใจเข้าลึกๆ “แล้วไงเล่า นายจะแข่งยังไง ใครจะเป็นผู้ตัดสิน”
เลคริเซียสกระตุกยิ้ม “ในเมื่อคุณเป็นยอดเชฟอาหารจีน งั้นเราก็แข่งทำอาหารจีนกัน ใช้วัตถุดิบแบบเดียวกัน ภายในเวลาที่กำหนด คนที่ทำเสร็จก่อนและอร่อยกว่าจะเป็นผู้ชนะ”
หลิงเจิ้นได้ยินก็พยักหน้าช้าๆ “ได้ งั้นข้าจะแข่งกับนาย!”
เลคริเซียสส่ายหัวและยิ้ม “ผมไม่อยากรังแกคุณจริงๆ ผู้เฒ่า ความจริง…คุณไม่ต้องแข่งกับผมก็ได้ ผมจะได้ไม่ทำร้ายคุณ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิงเจิ้นก็เข้าใจทันทีว่าไอ้หมอนี่น่าจะควบคุมไฟได้
ไม่อย่างนั้นการแข่งขันทำอาหารธรรมดาจะทำร้ายใครได้อย่างไร
เวลานี้หลิงเจิ้นเริ่มระวังเลคริเซียสมากขึ้น
“เอ๋? เป้าหมายของนายคือการเอาชนะฉัน แล้วตอนนี้มาบอกว่าฉันไม่ต้องแข่งกับนายก็ได้เหรอ” หลิงเจิ้นกล่าว
เลคริเซียสยักไหล่ “ก็เป็นเรื่องปกตินี่ ยังไงผมก็ไม่อยากรังแกคนแก่ เพราะงั้น…คุณจะทำอย่างอื่นก็ได้นะ”
“เช่นอะไร”
“เหอะๆ ยอมรับต่อสาธารณะว่าคุณพ่ายแพ้ให้ผม ผู้เฒ่า แบบนี้จะดีกับสุขภาพคุณมากกว่านะ”
หลิงเจิ้นได้ยินก็หัวเราะครืนใหญ่ “ฮ่าๆๆ ต่างชาติอย่างนาย ช่างน่าขำจริงๆ”
“คุณหมายความว่ายังไง” เลคริเซียสถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าอยู่ในธุรกิจด้านอาหารมาหลายสิบปีและผ่านการท้าดวลมาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง นึกไม่ถึงว่าวันนี้นายจะให้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ออกมาตรงๆ น่ะ แล้วยังยอมรับต่อสาธารณะอีกงั้นเหรอ ช่างเป็นเรื่องตลกจริงๆ!”
เลคริเซียสเบิกตากว้าง “ฮึ่ม คนจีน ในเมื่อคุณมองข้ามความหวังดี งั้นผมก็ขอแสดงฝีมือเอาชนะแล้วค่อยว่ากัน มาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลย!”
หลิงเจิ้นหันไปมองจงเทียนอวี่และหลี่เฉิงที่ยืนอยู่ข้างนอก
“หลี่เฉิง พาคนมากางเต็นท์ที่ลานบ้าน!”
“หา? อาจารย์ เอ่อ…”
หลี่เฉิงเข้าใจดีว่าชาวต่างชาติคนนี้มีอำนาจที่ไม่ธรรมดา ไม่เพียงแค่ต่อสู้ได้ แต่ฝีมือการทำอาหารของเขาก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาท้าทายหลิงเจิ้นถึงตระกูลหลิงอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องอ้ำอึ้ง รีบไปซะ!” หลิงเจิ้นตะโกน
ตู้ปั๋วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “อาจารย์ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะลงมือนะครับ ร่างกายอาจารย์…”
หลิงเจิ้นส่ายหัว “ไม่เป็นไร ฮึ่ม ไม่มีชายจีนคนไหนขี้ขลาด ถ้าฉันไม่ลงมือในวันนี้ หมาบ้าสองตัวนี้คงไม่ออกไป”
เลคริเซียสกล่าว “ผู้เฒ่า ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดหน่อยนะ ถ้าคุณจาบจ้วงผมอีกครั้ง ผมคงต้องสั่งสอนคุณ”
หลิงเจิ้นเงยหน้ามองเลคริเซียสด้วยรอยยิ้มรังเกียจเหยียดหยาม
“นายเป็นคนที่ไหน”
“ผมเหรอ ผมชื่อเลคริเซียสมาจากสหรัฐอเมริกา”
หลิงเจิ้นพยักหน้าช้าๆ “คงจะใช่ เป็นลักษณะของพวกนายจริงๆ”
“คุณ…”
ในไม่ช้า หลี่เฉิงก็พาคนมากางเต็นท์ในลานบ้าน
เหตุผลที่ต้องกางเต็นท์ เนื่องจากเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งขันกลางแจ้ง ขอเพียงแค่ไม่มีพายุโหมกระหน่ำมา การมีเต็นท์กำบังไว้ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำอาหารของผู้แข่งขันน้อยที่สุด
เมื่อเห็นเตาแก๊สสองเตาในเต็นท์ เลคริเซียสก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม
“ไฟแบบนี้เหรอ เหอะๆ ไม่ชินเลย คนจีนน่าจะลองใช้เตาผัดกระทะแบนดูนะ”
ตู้ปั๋วได้ยินจึงพูดขึ้นว่า “หึ ในจีนเรามีแต่ร้านปิ้งย่างเท่านั้นแหละที่ใช้กระทะแบนแบบนั้น”
“ถึงได้บอกไงว่าพวกคุณน่ะล้าหลัง” เลคริเซียสเอ่ย
ฮันเตอร์พูดขึ้นมา “คุณเลคริเซียส ให้ผมไปเอาเครื่องครัวของคุณมาไหมครับ”
เลคริเซียสส่ายหัว “ไม่จำเป็น ฉันเคยเรียนรู้ทักษะการทำอาหารจีนมาแล้ว ใช้หม้อแบบนี้…ก็ยังพอเอาชนะเขาได้”
ขณะที่พูด เลคริเซียสก็เดินไปที่เต็นท์
ทุกคนแทบจะแสดงความรังเกียจออกมาทางสายตาเมื่อมองแผ่นหลังของเขา
เวลานี้หลิงเจิ้นก็ไอออกมาอย่างรุนแรง
“อาจารย์ เป็นยังไงบ้างครับ อาจารย์เป็นแบบนี้จะแข่งกับเขายากนะครับ” ตู้ปั๋วพูด
คนที่เฝ้าดูอยู่ในตระกูลหลิงล้วนมีสีหน้าวิตกกังวล ยกเว้นสายตาคู่เดียวที่รู้สึกถึงความสำเร็จในแววตา…
หลิงเจิ้นกุมหน้าอกแล้วส่ายหัว “ไม่เป็นไร ตู้ปั๋ว ช่วยประคองฉันหน่อย…”
เลคริเซียสหันไปมองหลิงเจิ้น “ถ้าไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องฝืนสังขาร แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ไป ความจริงจะแข่งกับผมหรือไม่ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงเจิ้นก็เริ่มไออีกครั้งและยังกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ช่วงระยะนี้หลิงเจิ้นสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว อีกทั้งวันนี้ยังร้อนรุ่มด้วยความโมโหจึงทำให้อาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ตู้ปั๋วส่ายหัว “ไม่ได้การ อาจารย์ทำอาหารไม่ได้แล้วนะครับ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่เลคริเซียส “วันนี้ฉันจะแข่งกับนายเอง!”
……………………………………………..