เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 268 ข้าจะไปเอง
ตอนที่ 268 ข้าจะไปเอง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหวงฟา แทแรนติโนก็หัวเราะเบาๆ
เขาเดินไปนั่งตรงโซฟา อีกทั้งยังเอนหลังและไขว้ขา “คุณหวง ผมมาที่นี่เพราะหวังว่าคุณจะร่วมมือกับเรา”
หวงฟาขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เขา “ร่วมมืองั้นเหรอ ร่วมมืออะไร”
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหวงฟาไม่พอใจ อย่างน้อยในตู้เหมินก็ยังไม่มีใครกล้าอวดดีแบบนี้ต่อหน้าเขา
แม้แต่ซ่งจื่อเซวียน อย่างน้อยก็ยังเรียกเขาว่าเสี่ยหวง
“ตอนนี้เจ้านายของผมไปท้าดวลยอดเชฟทางเหนือที่ตงไห่ พอชนะยอดเชฟทางเหนือแล้ว เขาก็จะลงใต้ไปจงไห่เพื่อท้าดวลโอวหยางเฟิ่งเหยายอดเชฟแดนใต้ สุดท้ายก็จะท้าดวลกับคุณซ่งจื่อเซวียนยอดเชฟของตู้เหมิน เพื่อเปิดร้านอาหารมิชลินในเมืองตู้เหมิน”
ได้ยินเช่นนี้ หวงฟาและเถียนเหวินคุ่ยก็มองหน้ากัน สายตาราวกับจะพูดว่า ‘ให้ตายสิ ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้ว’
“เหอะๆ มีความทะเยอทะยานสูงจริงๆ งั้นก็ขอให้พวกคุณทำสำเร็จแล้วกัน”
หวงฟาขี้เกียจเกินกว่าจะเสวนากับพวกเขาอีกต่อไป
แทแรนติโนส่ายศีรษะ “ไม่สิคุณหวง สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่คำอวยพรแต่เป็นความช่วยเหลือจากคุณ”
“ขอโทษที ข้าน้อยไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องทักษะการทำอาหารเลย เกรงว่าจะช่วยพวกคุณไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกคุณก็ออกไปเถอะ”
อันที่จริงนี่นับว่าหวงฟาสุภาพแล้ว เพราะเขาไม่เคยติดต่อกับชาวต่างชาติมาก่อน จึงทำตัวสุภาพอย่างเต็มที่
ไม่อย่างนั้นเมื่อเจอพวกคนอย่างโจวเผิง แบบเบาๆ ก็จะด่าไล่ออกไป หนักหน่อยก็จะเรียกคนมากระทืบออกไป
“เหอะๆ ทักษะการทำอาหารเหรอ ไม่จำเป็นหรอก ทักษะการทำอาหารของเจ้านายผมอยู่อันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงอาหารจีนของพวกคุณด้วย เขาก็เชี่ยวชาญเหมือนกัน”
หวงฟาส่ายหัวอย่างจนใจ “ผมยังมีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะ คุณมีเรื่องอะไรอีกไหม”
แม้จะฟังออกว่าเป็นการไล่ออกไปที่ชัดเจน แต่แทแรนติโนกลับไม่มีท่าทีจะออกไปเลย
“คุณหวง ผมรู้ว่าคุณมีอำนาจในเมืองตู้เหมิน เพราะงั้นผมเลยหวังว่าคุณจะช่วยเรานัดหมายกับคุณซ่งจื่อเซวียนได้ เจ้านายผมอยากจะแข่งกับเขาให้ได้ครับ”
“ไม่ได้ครับ เราไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ผมเชื่อว่าคนของคุณจะติดต่อกับเขาได้”
ได้ยินประโยคนี้ หวงฟาก็ยิ้มเยาะ “พวกคุณไม่มีเวลาว่างงั้นเหรอ ฟังดูแล้ว…ผมว่างมากมั้ง”
แทแรนติโนยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วงครับ เราจะจ่ายค่าตอบแทนให้ ผมรู้ว่าเวลาคนจีนทำงานอะไรก็ตามจะชอบขอเงิน ถ้างั้น สองหมื่นเป็นไงครับ”
“บ้าอะไรวะเนี่ย พวกแกรนหาที่ตายใช่ไหม”
หวงฟาพูดพลางลุกขึ้นยืน
แทแรนติโนส่ายหัวเล็กน้อย “ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ สุภาพบุรุษน่ะไม่มีทางเป็นเหมือนคุณหรอก”
“สุภาพบุรุษบ้านแกสิ ไอ้เศษสวะ เจ้านายแกแกล้งทำแบบนี้อยู่เรอะ พวกแกไม่ต้องพล่ามแล้ว ไสหัวไปซะ!”
แทแรนติโนหรี่ตามองชายผิวดำที่ติดตามเขา “คาเรน”
เมื่อได้ยินคำเรียก ชายผิวดำก็ก้าวไปข้างหน้าและเหวี่ยงหมัดใส่หวงฟา
หวงฟาคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกทำร้ายในเขตเมืองตู้เหมิน และยิ่งไม่คาดคิดว่าจะถูกชาวต่างชาติต่อย
เขาจึงไม่ได้ตั้งรับอะไรทั้งนั้น โดนหมัดหนักต่อยจนถอยหลังไปล้มลงกับพื้น
หวงฟายิ้มแสยะและเอามือแตะมุมปากที่มีเลือดออก
“ไอ้เชี่ย ข้า…”
หวงฟาทั้งตะคอกพร้อมกับลุกขึ้น แต่เขายังไม่ทันพูดจบ ชายผิวดำที่ชื่อคาเรนก็มาถึงตรงหน้าและคว้าคอเขาไปแล้ว
คาเรนมีส่วนสูงเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยยี่สิบแปดกิโลกรัม เรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งทำให้หวงฟาแทบจะขัดขืนไม่ได้และถูกผลักไปที่กำแพง
เมื่อเห็นหวงฟาถูกคาเรนบีบคอและกดเข้ากับกำแพง เถียนเหวินคุ่ยจึงเอ่ยขึ้นว่า “หึ พวกนายไม่กลัวจะออกไปไม่ได้เหรอ”
แทแรนติโนมองไปที่เถียนเหวินคุ่ย ราวกับว่าไม่คิดจะโต้ตอบกับเขาสักนิด
เขายืนขึ้นและเดินไปทางหวงฟา นั่งบนโต๊ะของหวงฟาแล้วพูดว่า “คุณหวง ผมยังหวังว่าคุณจะคิดดีๆ นะครับ”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบบุหรี่จากบนโต๊ะมาจุดหนึ่งมวน
“ไอ้สารเลว ข้าไม่มีทางร่วมมือกับพวกแกหรอก”
“คาเรน!”
ได้ยินเช่นนี้ คาเรนก็ออกแรงมากขึ้น
ในตอนนี้หวงฟาไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เรี่ยวแรงมหาศาลค้างอยู่ตรงคอทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เห็นเช่นนี้ เถียนเหวินคุ่ยก็รีบวิ่งไปและคว้ามือของคาเรนไว้ “ปล่อย ปล่อยสิ พวกนายจะฆ่าคนหรือไง!”
แทแรนติโนเห็นฉากนี้ก็หัวเราะ “เหอะๆ เป็นคนจีนที่น่ารักจริงๆ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ฆ่าเขาหรอก ก็แค่อยากให้พวกคุณทำเรื่องบางอย่างให้เรา
คาเรน ให้คุณหวงพักหายใจหน่อย”
คาเรนผ่อนแรงเล็กน้อย หวงฟาก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่และส่งเสียงออกมาอย่างจนตรอก
“พวกนายต้องการอะไรกันแน่”
“ง่ายๆ ครับ ติดต่อซ่งจื่อเซวียนให้หน่อย พอเจ้านายของผมกลับมาจากจงไห่ก็จะท้าดวลกับเขา”
เถียนเหวินคุ่ยเอ่ย “ได้ เรารับปาก นายปล่อยเสี่ยหวงก่อนสิ!”
แทแรนติโนกระตุกยิ้มและส่งสัญญาณมือให้คาเรน อีกฝ่ายจึงถอยออกไปหนึ่งก้าว
“จัดการให้เราภายในสามวันนะครับ”
“สามวันงั้นเหรอ พวกนายไม่ได้รอให้เจ้านายกลับมาก่อนเหรอ” เถียนเหวินคุ่ยถาม
แทแรนติโนเดินไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมามอง “สามวันก็พอแล้วที่จะจัดการกับยอดเชฟสองคน”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก หวงฟาเบิกตากว้างพร้อมทั้งเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปืนที่เขาซ่อนไว้ออกมา
แต่คาเรนเร็วกว่า ทันทีที่หวงฟายกปืนขึ้นมา เขาก็หันหลังกลับและกระโดดเข้ามา ขณะเดียวกันก็ยกขาฟาดใส่ไหล่ของหวงฟา
พลั่ก!
“อ๊าก…”
หวงฟารู้สึกเพียงเจ็บปวดที่ไหล่ ไม่ต้องคิดถึงการขยับตัวเลยเพราะไหล่เขาเคลื่อนแล้ว
แต่คาเรนยังไม่วางมือและต่อด้วยบิดแขนหวงฟาแล้วผลักลงบนโต๊ะ
ใบหน้าของหวงฟาถูกตรึงไว้กับโต๊ะ ขณะเดียวกันไหล่ของเขาก็เจ็บอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ในขณะที่แขนของเขาถูกบิดไปข้างหลังก็เจ็บปวดจนเหงื่อซึมไปทั่วหน้าผาก
ในเมืองตู้เหมิน หรือกระทั่งเมืองอื่นๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าหวงฟาไปที่ไหนก็จะมีคนมารับตั้งแต่ระยะไกล เขาจะเคยได้รับการต้อนรับแบบนี้ได้อย่างไร
“เหอะๆ คุณหวง ผมหวังว่าคุณจะไม่เล่นอะไรตุกติกเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ อย่างเช่นปืน…คาเรน!”
คาเรนปล่อยหวงฟาและหยิบปืนที่ตกพื้นขึ้นมา เพียงแค่เห็นเขาโวยวายขึ้นมา ทั้งสองมือก็พร้อมจะจ่อปากกระบอกปืนใส่ทันที!
เห็นความน่ากลัวเช่นนี้ หวงฟาและเถียนเหวินคุ่ยก็ตัวแข็งทื่อ
จากนั้นแทแรนติโนก็หัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องทำงานของหวงฟาไป
“เสี่ย เป็นยังไงบ้างครับ เราไปโรงพยาบาลกันไหม” เห็นหวงฟาเหงื่อโชกไปทั้งตัว เถียนเหวินคุ่ยจึงรีบถาม
หวงฟาพยักหน้า “เอาล่ะ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเจอปัญหาเข้าจริงๆ แล้ว”
…………………
ณ บ้านตระกูลหลิง เมืองหนานไถ มณฑลตงไห่
รถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้านตระกูลหลิง ชายทรงผมสลิคแบคลงจากรถแล้วมองดูลานกว้างด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“เหอะๆ คนรวยในจีนมีลานกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่…ปล่อยให้ว่าง ไม่มีอำนาจทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์!”
เลคริเซียสพูดพร้อมกับหยิบซิการ์ออกมาจุด
“ติดต่อเรียบร้อยหรือยัง” เขาถามคนที่อยู่ข้างหลัง
ชายคนนั้นพยักหน้า “ครับคุณเลคริเซียส ผมบอกให้พวกเขามาเปิดประตูแล้ว”
ในไม่ช้า ยามเฝ้าประตูก็เปิดประตูใหญ่ เลคริเซียสจึงเดินเข้าไปพร้อมกับผู้ติดตาม
เมื่อรู้สึกถึงการออกแบบสไตล์จีนในลานบ้าน เลคริเซียสก็ส่ายหัวแล้วยิ้ม “ฮันเตอร์ เห็นไหมว่านี่เป็นคนจีนที่ล้าหลัง สถานที่ที่คนรวยอยู่ดันเหมือนกับหนังจีนโบราณ น่าขำสิ้นดี”
“พูดถูก แต่ตลาดจีนเป็นดินแดนแห่งสมบัติ เพราะงั้นเราต้องสั่งสอนคนล้าหลังพวกนี้แล้วชี้นำให้พวกเขาได้พัฒนา”
ขณะที่พูด เลคริเซียสก็ยิ้มอย่างมั่นใจ
เข้าไปในห้องโถงของตึกด้านหน้าเรียบร้อย เลคริเซียสก็นั่งบนโซฟาไม้และสูบซิการ์ต่อ
“โซฟาแข็งงั้นเหรอ ฮ่าๆ ฉันเพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรก ฮันเตอร์ นายก็มาลองสัมผัสดูสิ”
ขณะที่เขากำลังพูด คนรับใช้ของตระกูลหลิงก็เอ่ยถาม “พวกคุณคือ…”
เลคริเซียสยิ้มให้ “ฉันมาพบคุณหลิงเพื่อปรึกษาเรื่องทักษะการทำอาหารกับเขาน่ะ”
ได้ยินเช่นนี้ คนรับใช้ก็ขมวดคิ้ว คนที่มาหาท่านผู้เฒ่าหลิงเพื่อมอบตัวเป็นศิษย์มีนับไม่ถ้วนทุกปี นี่ใครปล่อยให้เขาเข้ามากันนะ
“ขออภัยด้วยครับ ท่านผู้เฒ่าหลิงไม่พบแขก เชิญทั้งสองท่านออกไปเถอะครับ”
เลคริเซียสส่ายหัวยิ้มๆ จากนั้นมองไปที่ฮันเตอร์ “ฮันเตอร์ บอกเขาว่าเราต้องการเจอคุณหลิง”
ฮันเตอร์ได้ยินก็ก้าวไปคว้าคอเสื้อคนรับใช้ ออกแรงดึงแล้วจับวางลงใต้เท้า
เมื่อมีการลงมือเช่นนี้ คนรับใช้หลายคนของตระกูลหลิงก็รีบพุ่งเข้ามา
แต่ตระกูลหลิงเป็นตระกูลด้านการทำอาหาร ไม่ใช่สำนักศิลปะการต่อสู้ สองคนที่พุ่งเข้ามาถูกฮันเตอร์จัดการทันทีและบาดเจ็บเกินกว่าจะลุกขึ้นได้
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าลงมืออีก
เลคริเซียสมองดูคนเหล่านี้ก็ส่ายหัวแล้วยิ้ม “คนจีน…เป็นคนใจเสาะ”
ในห้องหนังสือ หลิงเจิ้นกำลังพูดคุยกับตู้ปั๋วอยู่
ช่วงระยะเวลานี้ หลิงเจิ้นรู้สึกไม่สบายตัว เนื่องจากอาเจียนและท้องร่วงหลายครั้งจึงทำให้ร่างกายเขาอ่อนแอมาก
เดิมทีผิวหนังที่แดงก่ำก็ซีดเซียวลงเล็กน้อย ริ้วรอยก็ชัดเจนมากขึ้น
“อาจารย์ต้องทานอะไรหน่อยนะครับ นี่ไม่ได้ทานอาหารมาเกินหนึ่งวันแล้ว”
หลิงเจิ้นส่ายหัว “กินไม่ลง กินแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้ หมอก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ…ว่าแต่ไอ้เด็กเวรเทียนอวี่กับหลี่เฉิงสองวันมานี้เป็นยังไงบ้าง”
ตู้ปั๋วคลี่ยิ้ม “อาจารย์ยังเป็นห่วงพวกเขาอีกนะครับ สองคนนี้สบายดี ถึงสองวันนี้เทียนอวี่จะไม่ได้เรียนทำอาหารจากอาจารย์ แต่เขาก็ไม่ได้เกียจคร้าน ผมเห็นเขาใช้ครัวทุกวันเลยครับ”
หลิงเจิ้นพยักหน้าช้าๆ “เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ใช้ได้ แต่น่าเสียดาย…ทำอะไรก็สุดโต่งเกินไป ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ต่อตัวเขา”
“ผมเข้าใจความพยายามของอาจารย์ ผมเชื่อว่าเทียนอวี่ก็เข้าใจเหมือนกันครับ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักออก คนรับใช้แทบจะตะลีตะลานเข้ามา
“ท่านผู้เฒ่าหลิงๆ ไม่ได้การแล้วครับ…”
“เรื่องใหญ่อะไรกันนายถึงผลีผลามแบบนี้…เสียมารยาทจริงๆ!” หลิงเจิ้นกล่าว
“ท่านผู้เฒ่าหลิง เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ครับ เรื่องใหญ่เลย มีชาวต่างชาติสองคนมาที่นี่และกำลังทำร้ายคนของเราในห้องโถงครับ!”
ได้ยินประโยคนี้ หลิงเจิ้นและตู้ปั๋วก็ตกตะลึงกันทั้งคู่
กล่าวตามตรงแม้ว่าตระกูลหลิงจะไม่ได้มีการคุ้มกันที่แน่นหนา แต่ก็ยังมียามคอยคุ้มกันอยู่ ปกติแล้วคนนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้
ดังนั้นในสถานการณ์ปกติ นอกจากมีการนัดหมายแล้ว ตระกูลหลิงก็จะไม่มีแขกมาเยือนเลย
แม้ว่าประตูจะเปิดก็จะเปิดให้เฉพาะศิษย์ที่มาเรียนหรือคนรับใช้บางส่วนที่ออกไปหลังเลิกงานเท่านั้น
“หา…พวกเขาเป็นใคร ใครปล่อยให้พวกเขาเข้ามาน่ะ”
คนรับใช้ส่ายหัวอย่างสุดชีวิต “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง เราควรทำยังไงดีครับ…”
“อาจารย์สุขภาพไม่ดีต้องพักผ่อนก่อน ผมจะออกไปจัดการเองครับ!”
“ไม่ต้อง!”
หลิงเจิ้นเบิกตากว้างก่อนเอ่ย “ฮึ่ม มาหาเรื่องตระกูลหลิงของฉันถึงเมืองหนานไถ…ข้าจะไปจัดการพวกมันเอง!”
……………………………………………………