เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 266 สั่งปิดอีกแล้ว
ตอนที่ 266 สั่งปิดอีกแล้ว
ในคืนนั้น ถังหย่าฉีคำนวณยอดในบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วน รายรับในวันนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับสองสามวันที่ผ่านมา
จากคำพูดของซ่งจื่อเซวียน นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น
ดังนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามอันยาวนาน หากโด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมาได้จริงๆ ก็เป็นเรื่องดีสำหรับทั้งคู่
สิ่งนี้จะยืนยันเรื่องทักษะการทำอาหารของซ่งจื่อเซวียนได้อีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารร่ำรวยหรือสวนสวินเฟิง รายรับแบบนี้เท่ากับเป็นรากฐานที่ดีสำหรับเขาที่คิดจะสร้างร้านอาหารขนาดใหญ่ในอนาคต
เขาถึงขั้นมีแผนหนึ่งอย่าง หลังจากศึกษาโต้วหลงเหมินเรียบร้อยแล้ว เขาต้องจัดการร้านอาหารที่ลงทุนกับบริษัทชิงอวี่ และต้องใช้การโปรโมตทุกช่องทางเพื่อให้เป็นที่นิยมในทันที
เมื่อถึงเวลานั้น โต้วหลงเหมิน ข้าวผัดจักรพรรดิและน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจะเปิดตัวที่ร้านอาหารนั้น ถึงตอนนั้นเขาก็แทบจะพิชิตตลาดธุรกิจอาหารระดับไฮเอนด์ในเมืองตู้เหมินได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
แน่นอนว่าก็เป็นเรื่องดีสำหรับถังหย่าฉีเช่นกัน เมื่อสวนสวินเฟิงมีชื่อเสียงแล้วจะกลายเป็นม้ามืดด้านสโมสรอาหารเลิศรสของตู้เหมิน
พ่อของเธอก็จะต้องมองเธอใหม่ ส่วนเรื่องไปต่างประเทศ…ก็เป็นไปได้มากว่าจะให้เธอตัดสินใจเอง
เนื่องจากถังหย่าฉีเพิ่งสอบเสร็จจึงมีเวลาว่าง ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนจึงตรงไปที่ร้านเครื่องครัวที่ใหญ่ที่สุดในตู้เหมิน
พวกเขาได้สั่งจองเตาขนาดใหญ่ที่มีแปดหัวเตา
ห้องครัวของสวนสวินเฟิงมีขนาดใหญ่พอดีและมีพื้นที่ว่างเหลือเฟือ จึงนำมาจัดวางไว้และใช้เป็นเตาของซ่งจื่อเซวียนคนเดียวเท่านั้น
สำหรับซ่งจื่อเซวียน เตานี้เป็นเตาสำหรับทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายโดยเฉพาะ
เนื่องจากพวกเขาต่างคนต่างมาร้านเครื่องครัว ดังนั้นตอนเดินออกจากร้านเครื่องครัว ถังหย่าฉีจึงสังเกตเห็นรถคันใหม่ของซ่งจื่อเซวียน
“ว้าว ซ่งจื่อเซวียนนายซื้อรถแล้วเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “หืม อ๋อ พี่สาวซื้อให้ฉันน่ะ”
ความจริงที่บริษัทชิงอวี่ราบรื่นมาได้จนถึงวันนี้เพราะอาศัยความสามารถของซ่งจื่อเซวียน ถึงจะบอกว่าซ่งอีหนานเป็นคนซื้อ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเงินของเขา
ทว่าซ่งจื่อเซวียนชอบคิดว่าพี่สาวซื้อให้มากกว่า เพราะจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
“แม่เจ้า รถคันนี้ราคาหนึ่งล้านกว่าเลยนะ ไต้ทง ฉันก็อยากเปลี่ยนเป็นรถคันนี้เหมือนกัน”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าไต้ทงก็ดูกระอักกระอ่วน “หย่าฉี รถของคุณน่ะท่านประธานเป็นคนจัดเตรียมให้ ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรอก และบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์เจ็ดก็ไม่ได้ราคาต่ำกว่าเมอร์เซเดส-มายบัคนะครับ”
“งั้นรถของฉันก็เก่าแล้วน่ะสิ!” ถังหย่าฉีทำหน้าบูดบึ้ง
ซ่งจื่อเซวียนเผยยิ้ม “เอาน่า แม่ทูนหัว เธอจะเข้าไปนั่งในรถของฉันไหม”
ถังหย่าฉียิ้มอย่างพึงพอใจ “นายตามีแววนะเนี่ย”
ซ่งจื่อเซวียนรีบเปิดประตูรถและยื่นมือขวาออกไป “เชิญขึ้นรถพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ถังหย่าฉีก็เลียนแบบได้แนบเนียนเช่นกัน เธอวางมือลงบนฝ่ามือของซ่งจื่อเซวียน จากนั้นขึ้นไปนั่งเบาะหลังราวกับเป็นฮองไทเฮา
ซ่งจื่อเซวียนปิดประตูรถแล้วพูดขึ้นว่า “ไต้ทง งั้นคุณกลับไปเองนะ ผมจะพาหย่าฉีไปที่ร้าน”
“ครับคุณซ่ง คุณพาไปผมก็วางใจ เราเจอกันที่สวนสวินเฟิงนะครับ”
“โอเค”
ทุกวันนี้ไต้ทงแทบจะกลายเป็นพนักงานเสิร์ฟของสวนสวินเฟิงแล้ว
เดิมทีเขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวและคนขับรถที่ถังจวิ้นพ่อของถังหย่าฉีว่าจ้างมา แต่เมื่อร้านนี้เปิด เขาก็เริ่มจัดการดูแลทุกอย่าง
เพียงแค่ถังหย่าฉีเอ่ยปากมาหนึ่งคำ เขาก็ต้องวิ่งไปในครัวเพื่อนำอาหารมาเสิร์ฟ เพราะครัวด้านหลังยุ่งมาก และเขายังต้องรับผิดชอบเรื่องการขนของ รวมถึงทำความสะอาดในห้องทำงานของซ่งจื่อเซวียน
แต่ไต้ทงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเหล่านี้จริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างไต้ทงและถังจวิ้นนั้นเป็นเหมือนกับเจิ้งอวี่และซ่งอวิ๋นฮั่น เขาจงรักภักดีและทำงานให้กับตระกูลถังโดยไม่ปริปากบ่น
หลังจากนั้น พวกเขาก็พิมพ์แผ่นพับเคลือบพลาสติกอันใหม่เพื่อทำเป็นใบเมนู
แต่ในเมนูนั้นมีเพียงจานเดียวเท่านั้น นั่นคือน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย
อย่างที่ซ่งจื่อเซวียนบอกไว้ว่าทุกคนที่ทานอาหารรัสเซียตรงชั้นหนึ่งสามารถสั่งเมนูน้ำแกงห้าสายได้
ไม่เพียงแต่เพื่อให้คนที่ทานอาหารรัสเซียได้สั่งอาหารเมนูนี้เท่านั้น อันที่จริงก็เพื่อคนที่มาสวนสวินเฟิงแล้วไม่ได้ทานเพราะไม่มีห้องส่วนตัวว่าง
มาถึงสวนสวินเฟิง ซ่งจื่อเซวียนปรับเตาใหม่เป็นอันดับแรก เมื่อปรับเปลี่ยนทุกอย่างเสร็จก็ใกล้จะถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะไปห้องปฏิบัติการเพื่อดูความคืบหน้าของเฉียนปู้หลาย แต่ถังหย่าฉีรั้งเขาไว้ก่อนจะออกไป
“นี่ นายจะไปไหนเนี่ย” ถังหย่าฉีเอ่ยถาม
“หา? ฉันจะไปข้างนอกหน่อย เดี๋ยวกลับมาตอนบ่าย”
“ล้อเล่นเหรอพี่ชาย ตอนนี้เวลาอาหารพอดี นายที่เป็นเชฟจะออกไปเนี่ยนะ” ถังหย่าฉีกางแขนขวางไว้ตรงหน้าซ่งจื่อเซวียน
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “แต่…น้ำแกงห้าสายขายตอนเย็นไม่ใช่เหรอ ตอนเที่ยงไม่น่าจะมีนะ…”
ซ่งจื่อเซวียนเพิ่งจะพูดจบ เขาก็เห็นพนักงานพาคนกลุ่มหนึ่งไปที่ชั้นสอง ดูเหมือนจะไปที่ห้องส่วนตัว
ถังหย่าฉียักไหล่ “ช่วยไม่ได้แล้วเชฟซ่ง งานของนายมาแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนค่อนข้างประหลาดใจ ตอนนี้…มีคนทานน้ำแกงห้าสายตอนเที่ยงด้วยเหรอ
แต่นี่เป็นเรื่องดี ใครบ้างจะไม่ดีใจเวลามีเรื่องที่ทำเงินได้
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “หย่าฉี เธอเตรียมทำบอร์ดประกาศ น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจำกัดวันละยี่สิบที่!”
“อะไรนะ จำกัดจำนวนน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายงั้นเหรอ” เมื่อถังหย่าฉีพูดจบก็มุ่ยปาก ไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“แน่นอนสิแม่ทูนหัว เธออยากให้ฉันเหนื่อยตายหรือไง อีกอย่างเธอก็น่าจะรู้แนวคิดทำธุรกิจของต้าสือไต้กับร้านอาหารร่ำรวย ถ้าเธอไม่จำกัดจำนวนตอนนี้ อีกไม่นานน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจากเมนูหรูหราจะกลายมาเป็นเมนูธรรมดาไปแทน”
ฟังประโยคนี้ของซ่งจื่อเซวียน แม้ว่าถังหย่าฉีจะยังไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาพูดถูก
เมื่อเห็นสีหน้าของถังหย่าฉี ซ่งจื่อเซวียนก็คลี่ยิ้ม “เอาน่า ฉันจะไปทำงานก่อน เธอไปคิดทบทวนดูหน่อยแล้วกันนะ”
หลังตอนเที่ยง ซ่งจื่อเซวียนก็เสิร์ฟน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายไปทั้งหมดเจ็ดที่ เรื่องนี้ทำให้เขามีความคิดหนึ่งขึ้นมา
นั่นคือเหมือนกับต้าสือไต้และร้านอาหารร่ำรวย ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงจะขายน้ำแกงห้าสายหมดได้
ข้าวผัดจักรพรรดิขายได้เยอะในตอนเที่ยง ปกติจะขายหมดหลังเที่ยงทุกวัน
แต่น้ำแกงห้าสายนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากเป็นอาหารจานหลักจึงเหมาะสำหรับมื้อเย็นมากกว่า
นิสัยการกินของคนตู้เหมินเป็นแบบนี้ เนื่องจากวัฒนธรรมเมืองท่าเรือในช่วงแรกเริ่ม ผู้ชายจะทำงานกลางทะเลในตอนกลางวันและค่อยกลับบ้านในตอนเย็น
อาหารเย็นจึงกลายเป็นอาหารมื้อหลักที่แท้จริงในตู้เหมิน
น้ำแกงห้าสายเหมาะสมกับช่วงเวลานี้อย่างเห็นได้ชัด
แต่ตอนนี้มีห้องส่วนตัวเพียงเก้าห้องเท่านั้น หากต้องการขายยี่สิบที่ก็ต้องใช้ห้องส่วนตัวแต่ละห้องอย่างน้อยสองครั้ง นับว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง
ดังนั้นซ่งจื่อเซวียนจึงวางแผนจะปรับปรุงชั้นหนึ่งในทันที สร้างห้องส่วนตัวเพิ่มอย่างน้อยสี่ห้อง ถึงจะขายอาหารในช่วงมื้อเย็นยี่สิบที่ทุกวันได้อย่างไม่มีปัญหา
หลังจากนั้นเขาก็ปรึกษากับถังหย่าฉี
การสร้างห้องส่วนตัวสี่ห้องที่ชั้นหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก การแบ่งห้องส่วนตัวและติดตั้งประตูใช้เวลาเพียงแค่สองสามวันเท่านั้น ถังหย่าฉีก็เห็นด้วยเช่นกัน
เป็นเรื่องสะดวกสำหรับซ่งจื่อเซวียน เขาโทรหาเสี่ยเฉิงปาให้พาคนจากทีมตกแต่งภายในของหลงตูมาที่นี่เพื่อเร่งสร้างห้องส่วนตัว
เมื่อเทียบกับงานที่หลงตู งานเล็กน้อยแค่นี้สบายมาก ดังนั้นเสี่ยเฉิงปาข่มขู่ไปแค่ไม่กี่ประโยค ทีมตกแต่งภายในก็ตอบตกลงโดยไม่รับเงินทันที
หนึ่งวันผ่านไป ยอดขายของน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายเพิ่มขึ้นจากสิบสามที่เป็นสิบเก้าที่
อีกทั้งซ่งจื่อเซวียนก็คาดว่านี่ยังเป็นแค่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ภาพที่น้ำแกงห้าสายโด่งดังและมีการสั่งจองล่วงหน้า…กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ดังนั้นซ่งจื่อเซวียนจึงรีบตัดสินใจขายน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายเป็นมื้อเย็นทันที
ไม่อย่างนั้นเกรงว่าในอนาคตเขาจะไม่มีเวลาศึกษาโต้วหลงเหมิน
เมื่อเห็นยอดขายเป็นเช่นนี้ ถังหย่าฉีจึงเห็นด้วยอย่างเต็มที่
ช่วงบ่าย ถังหย่าฉีได้ทำบอร์ดประกาศตามที่ซ่งจื่อเซวียนบอก โดยระบุว่าน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจำกัดวันละยี่สิบที่ และมีขายเฉพาะตอนเย็นเท่านั้น
“จื่อเซวียน นายช่วยดูบอร์ดประกาศนี้หน่อยได้ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ไปวางไว้ที่ประตูได้เลย หย่าฉี เธอหาผู้หญิงมาอีกคนหน่อยนะ”
ถังหย่าฉีได้ยินแบบนี้ก็มองไปที่ซ่งจื่อเซวียน “นะ…นายหมายความว่าไง”
“โธ่เอ๊ยเธอคิดไปถึงไหนกันเนี่ย ตอนนี้กิจการของเราค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว บวกกับที่เพิ่มห้องส่วนตัวมาอีกสี่ห้อง ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคลับส่วนตัว เพราะงั้นอย่างน้อยก็ต้องมีพนักงานต้อนรับผู้หญิง”
ถังหย่าฉีใคร่ครวญครู่หนึ่ง รู้สึกสมเหตุสมผลอยู่บ้าง “จื่อเซวียน นายว่า…เราควรทำยังไงต่อไปล่ะ”
“ช่วงที่มีการปรับปรุง เธอก็เสนอไอเดียเพิ่มเติมมาได้ พยายามให้เข้ากับสไตล์ของชั้นสอง ถ้าต่อไปออร์เดอร์ถล่มทลายภายในหนึ่งเดือน เราก็เริ่มทำระบบสมาชิกได้”
ถังหย่าฉีเอ่ย “ฉันเข้าใจไอเดียนาย แต่ระบบสมาชิกต้องทำตั้งแต่แรกสิ ถ้านายเพิ่มมากะทันหัน ลูกค้าจะบ่นหรือเปล่า”
“บ่นเหรอ เหอะๆ ไม่มีทางหรอก ตราบใดที่พวกเขามาเพื่อน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย ก็ต้องยอมเป็นสมาชิกแน่นอน!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มเล็กน้อย “พวกผู้บริหารและหัวหน้าขาดเมนูนี้ไปไม่ได้หรอก”
เห็นได้ชัดว่าถังหย่าฉีไม่ค่อยเข้าใจ แต่ซ่งจื่อเซวียนแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
น้ำแกงห้าสาย อันดับแรกมีประโยชน์ต่อผู้หญิงในแง่เสริมความงามและปรับสภาพร่างกาย สำหรับผู้ชายก็เป็นยาชูกำลังที่ดี โดยเฉพาะผู้ชายที่อ่อนแอ
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นยุ่งอยู่กับงานทุกวัน หลังเลิกงานก็ขลุกอยู่กับผู้หญิง อาหารเสริมจากน้ำแกงห้าสายนั้นดีกว่ายาบำรุง ดังนั้นพวกเขาขาดไปไม่ได้แน่นอน
วันที่สาม ทุกอย่างที่ร้านอาหารร่ำรวยดำเนินไปตามปกติ
หลัวลี่ลี่เก็บใบเสร็จซื้อสินค้าในตอนเช้า โจวเผิงไม่มีอะไรทำจึงแกล้งทำเป็นยุ่ง ซางเทียนซั่วก็เข้าไปหั่นวัตถุดิบในครัว…
ส่วนหลี่เหยียน…ยังทำงานเบ็ดเตล็ด เรียกว่าเมื่อมีงานอะไรก็เรียกเขาได้
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้มาที่นี่สักพักแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศในร้านอาหารร่ำรวย
สามารถพูดได้ว่าที่ร้านอาหารร่ำรวยไม่มีการจัดลำดับขั้น ไม่มีสูงไม่มีต่ำ ทุกคนได้รับความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน
แน่นอนว่ายกเว้นว่าคุณจะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน เป็นไปได้ว่าสิ่งที่จะได้รับคือโดนทุกคนต่อต้านไปโดยปริยาย…
โจวเผิงยุ่งอยู่พักหนึ่งก็ออกไปสูบบุหรี่นอกร้านอาหาร ขณะเดียวกันก็เฝ้าดูสวนชุนสยาอย่างเงียบๆ
กิจการร้านสวนชุนสยาไม่กี่วันมานี้แทบจะตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
หากไม่มีหลี่เหยียน ในช่วงเวลาสั้นๆ โจวเผิงก็จนปัญญา จึงทำได้เพียงอดทนอยู่แบบนี้ รอให้ซ่งจื่อเซวียนเข้ามา สอดส่องการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแล้วค่อยว่ากัน
แต่…ซ่งจื่อเซวียนไม่มาเลย
เขากำลังจับจ้องร้านสวนชุนสยาอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นรถตรวจสอบอาหารสีขาวหลายคันขับไปตรงหน้าประตู
โจวเผิงรู้สึกว่าเพียงในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทำไมเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วล่ะ
คนที่มาครั้งนี้ไม่ใช่คนของหวังเฉียง แต่เป็นคนที่เริ่นต้าหมินส่งมา
หลังจากดื่มเหล้าด้วยกันครั้งที่แล้ว เริ่นต้าหมินก็ทำงานร่วมกับคนที่ไว้ใจได้หลายคนเพื่อตรวจสอบร้านสวนชุนสยาโดยไม่มีเงื่อนไข
อีกอย่างเมื่อมีการตรวจสอบและมีการสั่งปิดเช่นนี้ จะรับเงินสินบนจากอีกฝ่ายไม่ได้แน่นอน
เหตุผลนั้นง่ายมาก ในความคิดของเริ่นต้าหมิน ซ่งจื่อเซวียนเป็นคนของลู่ลี่จวิน คนที่ไปล่วงเกินท่านอธิบดีลู่ ไม่ว่าใครก็ช่วยปกป้องไม่ได้!
นอกจากนี้ในด้านของสุขอนามัย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ร้านอาหารเหล่านี้จะไม่มีข้อบกพร่อง พื้นสกปรกก็นับเป็นข้อบกพร่อง…ร้านไหนไม่มีบ้าง
หลังจากนั้น โจวเผิงก็สูบบุหรี่และกลับเข้าไปที่ร้านอาหารร่ำรวย เตรียมพร้อมรอให้คนเหล่านั้นกลับไปแล้วค่อยไปถามสถานการณ์จากติงเฉิง
แต่ไม่นานนักเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องถามแล้ว เพราะเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลายคนเดินออกไปแล้วก็มอบแถบป้ายสั่งปิดสองแผ่นให้กับติงเฉิง
โจวเผิงกัดฟันกรอด เวรเอ๊ย แม่งสั่งปิดอีกแล้ว…
……………………………………