เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 264 ห้องส่วนตัวจะเคาะจานกันหมดแล้ว
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 264 ห้องส่วนตัวจะเคาะจานกันหมดแล้ว
ตอนที่ 264 ห้องส่วนตัวจะเคาะจานกันหมดแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
มองเฉินซานหู่ทันที เขาพูดว่า “มีเรื่องจะคุยด้วย คุณจะโวยวายทำไม”
“ไร้สาระ ข้าจะตบเอ็งด้วย!”
เฉินซานหู่พูดพลางเตรียมฟาดไปที่ปากซ่งจื่อเซวียน ผลการฝึกบำเพ็ญของซ่งจื่อเซวียนช่วงนี้ก็เด่นชัดขึ้นมา เขาถอยหลังในพริบตาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ถึงเฉินซานหู่จะเร็วมาก แต่ที่อึ้งกว่าคือยังไม่ได้ฟาดใส่
เพราะฟางรุ่ยไวกว่า เขาเดินขึ้นหน้ามาใช้สองนิ้วหยุดฝ่ามือของเฉินซานหู่ไว้
“หาที่ตายหรือไง” ฟางรุ่ยกัดฟันพูด
“โอ้โห พวกแก…”
พูดยังไม่ทันจบ เฉินซานหู่ก็ชะงัก อีกฝ่ายแค่ใช้สองนิ้วคีบมือตนเองไว้ แต่ดึงกลับมาไม่ได้
เขาลองอีกครั้งทันที เป็นไปตามคาด สองนิ้วของอีกฝ่ายก็เหมือนกับคีมเหล็ก
ตอนนี้ไม่เพียงแค่ดึงกลับไม่ได้ เขายิ่งออกแรงฟางรุ่ยก็ยิ่งหนีบไว้แน่น ส่วนที่โดนหนีบไว้เจ็บเจียนตาย
“พวกแกแม่งจะหาเรื่องใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้นะ เฮ้ย มาจัดการเจ้าสองคนนี้หน่อย!”
ตอนนี้เอง เฉินซานหู่ก็หันไปตะโกนเรียกลูกน้องที่ทำงานอยู่ในร้าน
สิ้นเสียง พนักงานในร้านก็วางงานในมือทั้งหมด พุ่งมาหาซ่งจื่อเซวียน
ฟางรุ่ยหรี่ตา สองนิ้วคว้าที่ข้อมือของเฉินซานหู่ กระชากลากออกมาด้านนอก
เห็นเพียงแม้แต่โอกาสที่เฉินซานหู่จะตอบโต้ยังไม่มี ตัวเขาโดนฟางรุ่ยกระชากลากผ่านเคาน์เตอร์ร้านออกมา
ของบนเคาน์เตอร์กระจัดกระจายลงพื้น เฉินซานหู่ร่วงลงมาอย่างแรง
เขาจับบั้นเอวไว้แน่น “โอ๊ย พวกแกบ้าไปแล้วหรือไง ข้าจะเอาชีวิตพวกเอ็ง โอ๊ยๆๆ…โอ๊ย…”
ขณะที่เขาพูดอยู่ ฟางรุ่ยพลันออกแรง เฉินซานหู่รู้สึกเจ็บจนเหงื่อออกที่หน้าผาก
“พวกเขามีงานอะไรก็ให้ทำไป ไม่งั้นข้าจะจัดการเอ็งเอง!” ฟางรุ่ยถลึงตาตะคอกใส่เฉินซานหู่ทันที
เฉินซานหู่รีบยกมือขึ้น “ไม่ต้องเข้ามา มีอะไรต้องทำก็ไปทำ ไปเตรียมปลาไป!”
พูดจบ พวกพนักงานก็ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเล็กน้อย แต่ไม่นานก็เริ่มถอยไป
เฉินซานหู่มองฟางรุ่ย “นายท่าน โอเคแล้วใช่ไหม ตกลงพวกคุณเป็นเทพเจ้ามาจากไหนเนี่ย ผมล้ำเส้นพวกคุณอยู่เหรอ”
ฟางรุ่ยมองซ่งจื่อเซวียนแวบหนึ่ง “ท่านนี้ต่างหากที่เป็นนายท่าน”
เฉินซานหู่เบนสายตาไปทางซ่งจื่อเซวียนทันที
ซ่งจื่อเซวียนถอนหายใจออกมา “ผมเป็นคนที่เจิ้งอวี่แนะนำให้มาหาคุณ”
ได้ยินดังนั้น เฉินซานหู่ก็อึ้ง นึกได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้เจิ้งอวี่โทรมาหาเขา ถึงเข้าใจแจ่มแจ้งทันที
“ฉิบหาย…ปลาฉือ…เถ้าแก่ใหญ่เหรอครับ”
สำหรับพวกพ่อค้าอย่างเฉินซานหู่ ผู้จัดการซ่งก็คือซ่งอีหนาน หรือก็คือเถ้าแก่ ดังนั้นตอนที่เจิ้งอวี่แนะนำซ่งจื่อเซวียน ก็บอกเพียงว่าเป็นเถ้าแก่ใหญ่
ซ่งจื่อเซวียนค่อนข้างงุนงง “เถ้าแก่ใหญ่เหรอครับ”
“ใช่ครับ คุณเจิ้งบอกว่าวันนี้เถ้าแก่ใหญ่จะมาคุยเรื่องปลาฉือ เถ้าแก่ใหญ่ลงพื้นที่เองแบบนี้…ก็เกินไปมั้งครับ…”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เหมือนว่าเถ้าแก่เฉินจะยุ่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น…คุณคิดบัญชีก่อนดีไหมครับ”
“อ้อ ไม่ๆๆ ครับเถ้าแก่ใหญ่ เรื่องบัญชีไม่รีบครับ” เฉินซานหู่พูดพลางออกแรงนวดบั้นเอว สีหน้ายังเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย “เราไปหาที่คุยกันเถอะครับ”
จากนั้น พวกเขาก็เดินมานั่งที่หน้าร้านน้ำชา
ร้านน้ำชานี้เป็นของซานหู่ซีฟู้ดเอง อากาศเริ่มอบอุ่นแล้ว ทำงานเสร็จ บางทีเฉินซานหู่ก็ชอบมานั่งสูบบุหรี่จิบชาที่นี่
ตอนนี้ก็เหมาะให้ทั้งสามคนนั่งคุยกันพอดี
เฉินซานหู่สั่งให้ลูกน้องชงน้ำชาใส่กามาให้ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ย พูดว่า “วันนี้ขอโทษนะครับเถ้าแก่ใหญ่ ผมไม่คิดจริงๆ ว่าคุณจะมา”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหลังเถ้าแก่เฉินต้องควบคุมอารมณ์หน่อย ถ้าทำกับลูกค้าแบบนี้…ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ส่งผลกับกิจการด้วย”
“ใช่ๆๆ เถ้าแก่ใหญ่พูดถูกครับ ที่สำคัญวันนี้คุณไม่ได้ขับรถมา แถมยัง…” เฉินซานหู่พูดพลางพิจารณาซ่งจื่อเซวียนตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง “คุณสวมชุดลำลองมาอีก…”
“แค่กๆ…” ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็อดอึกอักไม่ได้ ดูท่าตนต้องเปลี่ยนการแต่งตัวแล้วจริงๆ เยี่ยมจริง ตอนนี้ไปไหนก็ทำให้คนเข้าใจผิดไปหมด
“เถ้าแก่เฉิน เรากลับมาที่หัวข้อเดิมเถอะ ถ้าผมอยากได้ปลาฉือจำนวนมาก คุณสามารถให้ราคาต่ำสุดเท่าไรครับ”
“คุณเจิ้งน่าจะแจ้งคุณแล้ว ปกติปลาตามธรรมชาติมันไม่แน่ไม่นอนน่ะครับ ถ้าปลาฉือจากอเมริกา ผมให้ราคาที่ร้อยเก้าสิบหยวนได้”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ร้อยเก้าสิบหยวน…ถ้าผมต่อรองราคานี้ด้วยตัวเองได้ ทำไมต้องมาหาคุณด้วยล่ะ”
“เอ่อ…”
เฉินซานหู่ตาหลุกหลิก ที่จริงเขากินส่วนต่างของราคาจริงๆ อีกทั้งส่วนต่างก็ไม่ใช่น้อยๆ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าซ่งจื่อเซวียนจะพูดออกมาตรงๆ
เขาครุ่นคิด พูดว่า “ปลาฉือแตกต่างกันน่ะครับเถ้าแก่ใหญ่ ของในประเทศบ้างก็ครึ่งกิโลละหลายพันหยวน บ้างก็ต่ำสุดอยู่ที่ประมาณครึ่งกิโลละสองร้อยหยวน ถ้านำเข้าจะแบ่งเป็นประเทศจีน ไทย เมียนมาร์และอเมริกาอีก จะมองราคาเท่ากันไม่ได้นะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็พยักหน้า “ก็ใช่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนความจริงปลาฉือของอเมริกาจะเป็นปลาแฮร์ริ่งนะครับ ส่วนของไทยกับเมียนมาร์ตัวเล็กเกินไป ผมใช้ไม่ได้
ส่วนปลาในประเทศที่มีกัมมันตภาพรังสี…ผมเชื่อไม่ลงอยู่แล้ว งั้นก็คุยแค่ปลาฉือในประเทศเราที่ราคาต่ำเถอะครับ”
เห็นซ่งจื่อเซวียนมีเป้าหมายแล้ว เฉินซานหู่ก็ชะงักไป แบบนี้ก็ปิดบังไม่ได้เสียแล้ว
“อ้อๆ คุณหมายถึงของในประเทศถูกๆ สินะครับ พวกนี้เหรอ…ผมคิดว่าให้ราคาร้อยเจ็ดสิบร้อยแปดสิบหยวนต่อครึ่งกิโลได้ครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ “ประมาณนั้นครับ ปลาฉือที่คุณพูดถึงน่าจะเล็กเกินไป ทุกตัวต้องหนักประมาณเจ็ดสิบห้ากรัม ขอราคาพวกนั้นครับ!”
“สองร้อยยี่สิบหยวนครับ!” เฉินซานหู่ตอบตรงๆ
ทำธุรกิจอาหารทะเลมายี่สิบปี ต่อให้เฉินซานหู่ไม่ขายปลาฉือ ความจริงแค่เปิดปากก็สามารถพูดราคาที่แน่นอนของอาหารทะเลส่วนใหญ่ได้
ส่วนซ่งจื่อเซวียนก็กำลังคิดหาทางเลือกของตนเอง ในเมื่อเลือกปลาฉือมาทำอาหารที่สืบทอดกันมา เช่นนั้นก็ต้องเลือกปลาฉือของจีน
ถึงปลาฉือที่เพาะเลี้ยงในแม่น้ำแยงซีเกียงของจีนจะไม่ถึงขนาดกับเป็นปลาตามธรรมชาติ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกที่นำเข้ามาก อย่างน้อยก็เหมาะกับวิธีการประกอบอาหารจีน
และเมื่อคิดถึงหนังสือสูตรอาหาร ก็มั่นใจกับขนาดของปลาฉือ เห็นได้ชัดว่าประมาณเจ็ดสิบห้ากรัมเป็นน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด พูดว่า “สองร้อยยี่สิบหยวน…คุณภาพเป็นยังไงบ้างครับ”
“ปานกลางครับ แบบนี้หนึ่งตัวราคาน่าจะสามร้อยกว่าหยวน” เฉินซานหู่พูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “แล้วกำไรของคุณเท่าไรล่ะครับ!”
ประโยคนี้ทำเอาเฉินซานหู่มึนงง ทำธุรกิจ…มีคนถามเรื่องกำไรที่ไหน จะพูดยังไงได้ล่ะเนี่ย
แถมต่อให้พูดไป ใครจะพูดจริงบ้าง ไร้สาระทั้งเพ
“เรื่องนี้…ผมตอบเถ้าแก่ใหญ่ไม่ได้ครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มพูด “พูดมาเถอะ ผมคิดว่าจะจัดสรรกำไรให้คุณ แต่ผมหวังว่าคุณจะพูดความจริงนะครับ ไม่อย่างนั้นถ้าผมพบว่ากำไรมีปัญหาหลังจากร่วมมือกันแล้ว ไม่ว่าคุณจะเอาสินค้ามาเท่าไร ผมก็จะตัดทิ้งทั้งหมด!”
เป็นครั้งแรกที่เฉินซานหู่ได้เจอกับคนที่ใจถึงขนาดนี้จริงๆ ให้อีกฝ่ายเสนอเงื่อนไขกำไรออกมาตรงๆ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป
หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียด เฉินซานหู่ก็พูดว่า “ในเมื่อคุณใจถึง ผมก็จะไม่ปิดบัง กำไรผมครึ่งกิโลละสามสิบหยวนครับ”
“คุณคาดว่าผมต้องการจำนวนเท่าไรเหรอครับ”
“เดือนละประมาณห้าสิบกิโลกรัมครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณนะครับเถ้าแก่ใหญ่ เมืองตู้เหมินเราไม่ค่อยสนใจบริโภคปลาชนิดนี้ ผมเลยไม่อยากจะทำกำไรสักเท่าไร”
ตามจำนวนที่เฉินซานหู่คาดเดา ที่จริงกำไรที่ต้องการก็ไม่เลวเท่าไร
“ประมาณห้าสิบกิโลกรัม ทุกครึ่งกิโลได้กำไรสามสิบหยวน หรือก็คือประมาณสามพันหยวน คุณคิดจะเอากำไรแค่นี้เหรอครับ”
เฉินซานหู่ยิ้ม “พูดตามตรงนะครับเถ้าแก่ใหญ่ เดิมผมไม่คิดว่าเป็นงานด้วยซ้ำ อธิบายง่ายๆ ก็คือเห็นแก่หน้าของผู้จัดการซ่งถึงได้ช่วยน่ะครับ”
“เหอะๆ อย่างนี้นี่เอง” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วสูบเฮือกหนึ่ง “คุณกดราคาซื้อให้อยู่ที่ร้อยเจ็ดสิบหยวนได้ไหมครับ”
“เอ่อ…ฮ่าๆ เถ้าแก่ใหญ่อย่าล้อผมเล่นสิครับ อาหารทะเลขายตามปริมาณ ผมต่อได้ร้อยเก้าสิบหยวนก็ไม่แย่แล้ว ถ้าร้อยเจ็ดสิบ…”
“เหอะๆ ถ้าเอามากกว่าปริมาณที่คุณเดาสิบเท่าล่ะครับ”
“ครึ่งตันเหรอครับ” เฉินซานหู่ชะงัก
ซ่งจื่อเซวียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พ่นควันบุหรี่ออกมา “รับประกันต่ำสุดอยู่ที่หกร้อยห้าสิบกิโลกรัมต่อเดือน คุณลองไปต่อรองดูนะครับ ถ้าได้…ผมจะให้กำไรคุณสามสิบหยวน เอาเป็นครึ่งกิโลละสองร้อยหยวนตามที่คุณพูดครับ”
ฟังถึงตรงนี้ ดวงตาเฉินซานหู่ก็เป็นประกายออกมาเล็กน้อย ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในร้าน
ซ่งจื่อเซวียนและฟางรุ่ยมองอยู่ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าคนคนนี้จะทำอะไร
ไม่นานนัก ก็เห็นเฉินซานหู่ถือเครื่องคิดเลขออกมากดไปกดมาบนโต๊ะ ทั้งสองมองตากันแล้วยิ้มออกมา
“เหอะๆ ไม่ต้องคิดแล้ว กำไรของคุณคือสี่หมื่นห้าร้อยหยวนทุกเดือน”
เฉินซานหู่เบิกตากว้างมองซ่งจื่อเซวียน…
ความจริงกำไรที่เขาได้จากการขายอาหารทะเลก็ไม่น้อย แต่ก็ลำบากทีเดียว เดือนหนึ่งตัดต้นทุน เงินเดือนพนักงานและรายจ่ายอื่นๆ ออกไป ก็อยู่ที่ห้าหกหมื่นหยวน
แต่ออร์เดอร์นี้ของซ่งจื่อเซวียนจะได้กำไรมาสี่หมื่นกว่าหยวน มากกว่ากำไรในกิจการเรื่อยเปื่อยของเขาเกือบเท่าตัว
ต่อให้เป็นตัวเขาเอง ให้ทำอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะได้เงินมากขนาดนี้มา
“ว่ายังไงเถ้าแก่เฉิน”
“ผม…ผม ผมจะไปลองถามครับ เรื่องราคา ถ้าได้จริงๆ…เถ้าแก่ใหญ่ครับ เรื่องคุณภาพผมรับประกัน และผมจะไม่เอามากกว่านี้แม้แต่แดงเดียว”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ผมเชื่อครับ ถึงยังไงคำพูดของผมในตลาดเขตหงเหอก็ถือเป็นคำขาดอยู่แล้ว ผมหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุขนะครับ”
“ไม่มีปัญหาครับเถ้าแก่ใหญ่ ผมขอบคุณสำหรับโอกาสนี้มากๆ เลยครับ ผมจะรีบไปติดต่อเดี๋ยวนี้เลย”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “โอเคครับ ได้คำตอบแล้วก็มาบอกผมได้เลย รุ่ยจื่อ แลกเบอร์กับเขาไว้นะ”
“ครับ นายท่านรอง”
คุยเรื่องทุกอย่างจบ ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ยก็ออกจากตลาดเขตหงเหอ มุ่งหน้าไปสวนสวินเฟิง
ถึงอย่างไรก็ใกล้ถึงมื้อค่ำแล้ว ช่วงนี้กิจการชั้นสองของสวนสวินเฟิงดีไม่น้อย ต้องเสิร์ฟน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายสองสามที่ทุกวัน ดังนั้นซ่งจื่อเซวียนก็นับว่ายุ่งอยู่บ้าง
จวบจนมาส่งทั้งสองถึงหน้าประตูตลาด พอเห็นรถของซ่งจื่อเซวียน เฉินซานหู่ก็ส่ายหน้า “เชี่ย เรียบง่ายจริง เป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ แต่เรียบง่ายกว่านายท่านลิ่วเยอะเลย…”
บนรถ ฟางรุ่ยที่ขับรถอยู่พูดขึ้นว่า “นายท่านรอง วันนี้เรายุ่งกันจริงๆ นะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนลองคิดดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไปที่ร้านอาหารร่ำรวย พาเฉียนปู้หลายไปส่งที่ห้องปฏิบัติการก่อน จากนั้นไปที่หาซ่งอีหนานที่บริษัทเพื่อคุยเรื่องเปิดร้านอาหาร แล้วก็ไปตลาดที่หงเหออีก ตอนนี้ก็จะไปที่ร้านสวนสวินเฟิง…
“เหอะๆ นั่นสิ วันนี้วกไปวนมาจริงๆ แต่ยังดี กิจการทางสวนสวินเฟิงยังให้เราได้หอบหายใจ ไม่ยุ่งขนาดร้านอาหารร่ำรวยเมื่อก่อน”
เพิ่งจะสิ้นเสียง โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น เห็นว่าถังหย่าฉีโทรมา ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกแอบกังวลขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“ซ่งจื่อเซวียน นายหนีไปไหนเนี่ย รีบกลับมาหาแม่คนนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ได้ยินเสียงฉุนเฉียวของถังหย่าฉี ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้รางๆ
”อย่าร้อนใจสิหย่าฉี ฉันกำลังกลับไปเนี่ย” ซ่งจื่อเซวียนก็พูดในใจว่าฉิบหายแล้ว ช่วงนี้ถังหย่าฉีไม่ได้ไปที่ร้านเลย
วันนี้มีธุระ เธอก็ดันมาวันนี้เสียอย่างนั้น
“ฉันไม่ต้องร้อนใจเหรอ ถ้าไม่รีบมา ห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองใกล้จะเคาะจานกันหมดแล้วนะ!”
…………………………………………..