เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 262 ปฏิรูปอาหารจีน
ตอนที่ 262 ปฏิรูปอาหารจีน
เฉียนปู้หลายตะคอกใส่แบบนั้น พวกเขาก็งุนงง ยังนึกว่าหมอนี่บ้าไปแล้วหรือไง
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง จากท่าทีตกใจค่อยๆ ผ่อนคลาย สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มบางๆ
“เฉียนปู้หลาย นายว่าอะไรสมบูรณ์แบบนะ หมายถึงออกแบบเครื่องครัวเสร็จแล้วใช่หรือเปล่า”
เฉียนปู้หลายยิ้มอย่างตื่นเต้น พยักหน้าอย่างแรง “ใช่ ถูกต้อง มาๆๆ เอาเหล็กเมฆม่วงของนายออกมา ข้าจะทำชุดเครื่องครัวอันดับหนึ่งไม่มีสองแห่งยุคให้!”
ได้ยินคำว่าชุด ซ่งจื่อเซวียนก็ตื่นเต้นตามทันที
ในวงการพ่อครัวจีนแผ่นดินใหญ่ ในบรรดาเครื่องครัวทั้งหมดที่หาได้ยากที่สุดก็คือเครื่องครัวแบบครบชุด และเครื่องครัวที่ครบชุดส่วนใหญ่จะมีคุณภาพธรรมดาหรือราคาถูก ได้ใช้เครื่องครัวเหล็กเมฆม่วงสักชุดก็เป็นสิ่งสุดยอดที่แสวงหามาตลอด
คิดถึงเครื่องครัวครบชุดเหล็กเมฆม่วงจากทั้งจีนแผนดินใหญ่ ก็มีแค่พ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือและตนเองเท่านั้นที่มี ซ่งจื่อเซวียนก็ควบคุมอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
อีกทั้งผ่านการออกแบบของเฉียนปู้หลาย เครื่องครัวชุดนี้ย่อมเป็นหนึ่งไม่มีสองบนโลกใบนี้แน่นอน
“นายจะเอาไปสร้างที่ไหน” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เฉียนปู้หลายพูดว่า “แน่นอนว่าต้องไปที่บ้านฉันสิ ไปๆๆ ส่งฉันกลับไปที ฉันจะทำออกมาชุดหนึ่งที่ปู่ของฉันก็เทียบไม่ติด!”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ฟางรุ่ยขับรถไป ขณะเดียวกันก็นำแร่เหล็กเมฆม่วงในรถซางเทียนซั่วไปด้วย
เห็นซ่งจื่อเซวียนจะไปแล้ว หลี่เหยียนก็ตามไปทันที “แต่ว่า…คุณซ่ง การแข่งขันระหว่างเราจะยังไงล่ะ นายควรจะลงวันที่ที่ชัดเจนให้ฉันนะ”
ซ่งจื่อเซวียนหันหลังกลับไปยิ้ม “จัดการสวนชุนสยาให้หมอบก่อนค่อยว่ากัน”
หลี่เหยียนหันไปมองสวนชุนสยา เห็นความเปล่าเปลี่ยวนั่น เกรงว่าจะประคองต่อไปได้ไม่นานแล้ว
เขาจึงพยักหน้า “ได้ ตกลงตามนี้!”
ฟางรุ่ยสตาร์ทรถ พวกเขาขับรถไปทางบ้านของเฉียนปู้หลาย
ครั้งนี้ซ่งจื่อเซวียนได้เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่จริงๆ เดิมเป้าหมายที่เขามาร้านอาหารร่ำรวยก็คือมาถามว่าเฉียนปู้หลายจะยอมช่วยเขาสร้างเครื่องครัวเหล็กเมฆม่วงไหม
ใครจะไปคิดว่าไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก เฉียนปู้หลายก็ยินยอมพร้อมใจเอง
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือหลายวันมานี้เฉียนปู้หลายออกแบบมาโดยตลอด
บ่งบอกได้ว่าที่จริงแล้วอีกฝ่ายก็อยากจะลองดู เพียงแต่รอแรงบันดาลใจของตนเองอยู่ อย่างไรคุณค่าของเหล็กเมฆม่วงก็อยู่ตรงนั้น หากไม่เข้าใจมากพอแบบเขาที่ตระกูลเป็นช่างตีเหล็กสืบทอดต่อกันมา ก็ไม่มีทางทำออกมาได้แน่นอน
ถึงบ้านของเฉียนปู้หลาย ซ่งจื่อเซวียนพบว่าแม่กุญแจที่คล้องไว้ก่อนที่พวกเขาจะไปถูกทุบจนยับเยินแล้ว
บนผนังในลานบ้านยังพ่นตัวอักษรสีน้ำมันไว้ ‘ถ้ายังไม่คืนเงินอีกแกตายแน่’
แต่เหมือนเฉียนปู้หลายจะไม่สะทกสะท้านกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย สีหน้ายังคงตื่นเต้นอยู่
ตอนนี้ เขากับฟางรุ่ยกำลังขนแร่เหล็กเมฆม่วงเกือบสิบกิโลกรัมเข้าไปในบ้าน
จากนั้น ทั้งสองก็เดินออกมา เฉียนปู้หลายพูดว่า “เรียบร้อย สองสามวันนี้พวกนายไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันต้องปิดด่าน”
“ปิดด่าน?” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เห็นท่าทีของซ่งจื่อเซวียน เฉียนปู้หลายก็ยิ้ม “ทำไม นายกลัวว่าฉันจะเก็บแร่เหล็กของนายไว้หรือไง”
“เหอะๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเชื่อว่านายไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
เฉียนปู้หลายส่ายหน้ายิ้มๆ “รอยยิ้มของนายจอมปลอมจริงๆ”
ที่เฉียนปู้หลายพูดมาก็ถูก ที่จริงซ่งจื่อเซวียน…ยังไม่ค่อยวางใจจุดนี้จริงๆ
เพราะราคาของแร่เหล็กไม่อาจประเมินค่าได้ ความสำคัญสำหรับซ่งจื่อเซวียนยิ่งไม่มีทางพรรณนาได้
มันไม่ใช่แค่ของขวัญที่พ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือให้มา ยังเป็นแร่ดิบสมบูรณ์ที่เหลืออยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ถ้าหมดไป…ชีวิตนี้อาจจะไม่เจอแล้วก็ได้
“เหอะๆ ที่จริงฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของนายมากกว่า”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางมองตัวอักษรพวกนั้นบนผนัง
เฉียนปู้หลายส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ตามสบายเถอะ ตอนนี้ฉันแค่อยากจะทำเครื่องครัวเหล็กเมฆม่วง ถ้าพวกเขาเข้ามา ฉันก็จะสู้ตาย!”
“เอาล่ะ ไม่ต้องถึงกับชีวิตหรอก ถึงเหล็กเมฆม่วงจะแพงแค่ไหนก็ไม่แพงเท่าชีวิตหรอก” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางมองฟางรุ่ย “รุ่ยจื่อ สองสามวันนี้นายอยู่ที่นี่แล้วกันนะ ถ้ามีคนมาก่อเรื่องก็จัดการเลย”
“รับทราบครับ นายท่านรอง แต่ว่า…งั้นทางคุณจะทำยังไงล่ะ ไม่มีคนอยู่ข้างกายไม่ได้หรือเปล่าครับ”
“แค่ชั่วคราวฉันไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนี่ นายก็อยู่ที่นี่แหละ”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็มองเฉียนปู้หลาย “เฉียนปู้หลาย นายคิดว่า…ต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
เฉียนปู้หลายคิด “ไม่แน่ใจ อาจจะอาทิตย์สองอาทิตย์ หรือสามสี่ห้าเดือนก็เป็นไปได้ การตีเหล็กแบบนี้ต้องช้าๆ ประณีต นายก็ไม่อยากเสียใจทีหลังใช่ไหมล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนนิ่งเงียบไปสองสามวินาที พูดว่า “นายต้องการเครื่องมืออะไรหรือเปล่า นายเสนอมาได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันมีเตาหลอม เตาเหล็ก แล้วก็เครื่องมือต่างๆ อยู่แล้ว แต่ว่า…ถ้านายไม่วางใจจริงๆ ฉันเปลี่ยนที่ให้ได้นะ แต่นายต้องรับผิดชอบเอาของพวกนี้ออกไป”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม “อย่างนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แล้วพวกเครื่องใช้ผุๆ พังๆ พวกนี้ล่ะ”
เฉียนปู้หลายมองเศษเหล็กในลาน พูดว่า “ถ้าทำแร่เหล็กเมฆม่วงได้ ฉันจะยังสนใจเจ้าพวกนี้อีกเหรอ นี่คงจะเป็นผลงานที่เจ๋งที่สุดในชีวิตฉัน ของพวกนี้…ก็ให้นายแล้วกัน”
“อะไรนะ นายหมายถึง…”
ซ่งจื่อเซวียนอึ้งไป
ทำให้ฉันได้สัมผัสเหล็กเมฆม่วงสักครั้งได้ แถมยังได้สร้าง ก็คุ้มแล้วชีวิตนี้ อาศัยแค่จุดนี้…ยกบ้านนี้ให้พวกนายอยู่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มออกมาทันที นี่ก็แก้ปัญหาใหญ่ได้แล้ว ถ้ามีบ้านแบบนี้ ในบ้านยังมีสี่ห้าห้อง สภาพความเป็นอยู่ของแม่กับพี่สาวคงสบายขึ้นมาก
“นายพูดจริงเหรอ พูดราคามาเลย!”
เฉียนปู้หลายยิ้ม “เรื่องนั้นไม่ต้องรีบ รอฉันทำเสร็จ นายก็จ่ายพร้อมงานเลย ฮ่าๆ แพงมากเลยนะ”
“ขอแค่ราคาของนายเหมาะสม ฉันไม่ต่อราคาแน่!”
“ได้ งั้นนายจัดการของพวกนี้เถอะ ฉันจะลองคิดรายละเอียดอีกทีว่าจะเริ่มทำจากตรงไหนดี!”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็รีบติดต่อบริษัทขนย้ายทันที
บริษัทขนย้ายก็งุนงง ย้ายแค่เตาและเครื่องเหล็กมากมายพวกนั้นเป็นครั้งแรก ของมีไม่มาก แต่หนักอึ้งจริงๆ
หลังจากขนของพวกนั้นขึ้นรถ แต่ละคนก็เหงื่อโซมกาย หอบหายใจเฮือกใหญ่
ซ่งจื่อเซวียนให้พวกเขาตรงไปที่อาคารสำนักงานจินหมิง เฉียนปู้หลายก็บอกว่าจะให้ดีต้องเป็นห้องที่ปิดสนิท ตอนที่กำลังสร้างของแบบนี้ ห้ามได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ที่อยู่เหนือความคาดเดา
ส่วนซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ต้องเลือกแล้ว ด้านนอกห้องปฏิบัติการของเขายังมีห้องกว้างๆ ที่สิ้นเปลืองอยู่ ให้อีกฝ่ายใช้ที่นั่นก็ได้
อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่ไม่เพียงทำให้เฉียนปู้หลายหลบการทวงหนี้ได้ ฟางรุ่ยได้ไม่ต้องคุ้มครองเขาด้วย
ซ่งจื่อเซวียนประสานงานกับรปภ.ในตึกเล็กน้อย หากเฉียนปู้หลายออกไป ต้องรับประกันว่าจะปล่อยให้เขาเอาของอะไรออกไปด้วยไม่ได้
นี่ไม่ใช่เรื่องว่าเชื่อใจหรือไม่ สำหรับเหล็กเมฆม่วง ซ่งจื่อเซวียนต้องระมัดระวังมากอยู่แล้ว
ในวงการพ่อครัว นับได้ว่าเป็นสมบัติหายาก
ออกจากอาคารสำนักงานจินหมิง ฟางรุ่ยก็พูดว่า “นายท่านรอง เราจะไปสวนสวินเฟิงหรือเปล่าครับ”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “ไปบริษัทชิงอวี่แล้วกัน ไปปรึกษาหารือกับพี่สาวฉันสักหน่อย”
ระหว่างทาง ซ่งจื่อเซวียนเปิดโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย ไถดูไปเรื่อยเปื่อย
ทันใดนั้น เขาก็หยุดที่วิดีโอหนึ่ง
จำนวนคลิกดูวิดีโอนี้ทะลุสามสิบล้าน อีกทั้งยอดกดไลก์นับแสน นับได้ว่าเป็นวิดีโอที่มาแรงมาก
เห็นเพียงในวิดีโอมีชาวต่างชาติไว้หนวดเคราคนหนึ่ง สวมเครื่องแบบพ่อครัว กำลังทำสเต็กเนื้อแกะชิ้นหนึ่งหน้าแผ่นเตาสแตนเลส
มีกระปุกใส่เครื่องปรุงหลายกระปุกวางอยู่ข้างๆ สิ่งที่ทำให้ซ่งจื่อเซวียนแปลกใจก็คือ ปกติเครื่องปรุงสเต็กเนื้อแกะของต่างชาติ จะค่อนข้างชอบใช้ของจำพวกเนยกับพริกไทยดำ
ส่วนเครื่องปรุงรสสีขาวข้างๆ เขา มองแวบเดียวก็ดูออกว่ามีผงยี่หร่าและผงพริกจีน
อาหารตะวันตกอะไรวะเนี่ย ไร้สาระไปแล้วมั้ง
เห็นเพียงเชฟคนนั้นไม่นานก็เริ่มหั่นสเต็กเนื้อแกะ สุดท้ายก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดเท่าๆ กัน
ตอนนี้ เขาก็นำหัวหอมหั่นแว่นที่เตรียมไว้แล้วไปผัดกับเนื้อ
อาจจะเพราะชินกับสไตล์ตะวันตก เขาจึงเคยชินกับการใช้แผ่นเตาสแตนเลสเบื้องหน้ามาทำอาหาร ไม่ได้ใช้กระทะทำอาหารอย่างจีน
หลังจากผัดไปสองสามนาที เชฟคนนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้หัวหอมจะผัดนานเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเนื้อสัมผัสจะเสียไป กระตุ้นรสหวานในตัวมันเองออกมา
ความหวานแบบนี้จะซึมเข้าไปในเนื้อ รสชาติก็จะเปลี่ยนเป็นยอดเยี่ยม”
เขาพูดพลางหยิบสุราขาวขึ้นมา เทลงไปในแก้วเล็กๆ ใบหนึ่ง แล้วนำแก้วสุราเล็กๆ ใบนี้เทลงไปในเนื้อแกะและหัวหอม
พรึ่บ!
ไฟพวยพุ่งขึ้นมาบนแผ่นเตาสแตนเลสทันที กลายเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้ เนื้อแกะและหัวหอมก็ผัดอยู่ในเปลวไฟ
เชฟคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมา หยิบฝาสแตนเลสครอบขนาดใหญ่ข้างๆ มาครอบลงไปบนแผ่นเตาสแตนเลส
ไฟดับลงทันที ก่อนจะเปิดฝาออก ไอสีขาวพวยพุ่งออกมา เชฟก็เผยสีหน้าสนุกสนานทันที
“ว้าว ปิ้งย่างจีนแสนอร่อย”
จากนั้น เขาก็นำอาหารไปจัดจานอย่างประณีต แล้วโรยผงพริกจีนอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มจุดสีแดงและผักใบเขียวข้างๆ
“อาหารรสเลิศก็ง่ายๆ แบบนี้ อาหารจีนต้องปฏิรูปให้ดีขึ้น หลังจากปฏิรูปก็ประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมอาหารสากล”
ดูถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็กลอกตา
“ปฏิรูป…แกเข้าใจกับผีสิ อาหารจีนสืบทอดต่อกันมายาวนาน แกเพิ่งเข้าใจแค่ผิวเผินก็กล้าจะปฏิรูป…”
ได้ยินดังนั้น ฟางรุ่ยก็ยิ้ม “นายท่านรอง มันหิวแสง เป็นกิมมิคไว้หลอกแฟนคลับน่ะครับ”
“ฉันก็ว่างั้น น่าเบื่อจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางคิดจะออกจากห้องไลฟ์สด แต่ตอนนี้เอง เชฟคนนั้นก็ชิมเนื้อแกะที่ตนเองทำหนึ่งคำ
“รสชาติดีจริงๆ ทุกท่าน อาหารจีนต้องปฏิรูปจริงๆ นะครับ พระกระโดดกำแพง สอยดวงจันทร์ใต้ท้องทะเล ข้าวผัดจักรพรรดิ พูดแล้วก็น่าขำชะมัด
ตอนนี้ผมอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ สามารถท้าแข่งกับยอดเชฟทุกแขนงได้ ใช้อาหารระดับโลกมาเปลี่ยนแปลงอาหารจีนแผ่นดินใหญ่!”
ดูถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ฝีปากไอ้ฝรั่งขี้นกไม่เบาเลยจริงๆ…
“ฮ่าๆ นายท่านรอง สมองหมอนี่มันมีปัญหาแล้วมั้ง จะเปลี่ยนแปลงอาหารจีนแผ่นดินใหญ่เหรอ แต่ว่านายท่านรองติดอันดับแล้วนะ เขาพูดถึงข้าวผัดจักรพรรดิด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนสูดลมหายใจลึก “เป็นคนที่น่าเบื่อจริงๆ…”
…………………….
ปักกิ่ง โรงแรมขนาดใหญ่หวนอวี่
ในห้องเพรสซิเดนท์สูทห้องหนึ่งชั้นบนสุด
ชาวตะวันตกสวมสูทสีเทายืนอยู่ริมหน้าต่างคนหนึ่ง เขย่าแก้วไวน์ในมือ ไวน์แดงเป็นรอยติดอยู่ที่แก้วตามการเขย่า
เขายกแก้วขึ้นจิบ “เป็นไง กระแสตอบรับของคลิปเป็นยังไงบ้าง”
ภาษาจีนกลางของผู้ชายคนนั้นลื่นไหลมาก มีเพียงโทนเสียงที่ค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร แต่ก็ไม่ได้แย่
“ไปไกลมาก จำนวนคลิกหลายสิบล้าน อีกทั้งคอมเมนต์ของคนมากมายเหมือนจะคาดหวังให้คุณเปิดร้านอาหารที่จีนแผ่นดินใหญ่นะ”
มุมปากของชายคนนั้นยกโค้งขึ้นเล็กน้อย “เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดกิจการ รอให้เชฟหลายคนพ่ายแพ้ไปก่อน ฉันค่อยเปิดร้านอาหารมิชลินที่ใหญ่ที่สุดในจีน”
“คุณเลคริเซียส สองสามวันมานี้ผมติดต่อให้เชฟหลายคนมาแข่งกับคุณแล้วนะครับ อีกไม่นานก็น่าจะได้เปิดร้านอาหารของคุณแล้วครับ”
เลคริเซียสส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ ฉันรู้ว่าจีนแผ่นดินใหญ่มีเชฟอยู่บ้าง แต่ที่มีศักดิ์ศรีมากที่สุดคือพ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือและใต้ ฉันต้องเริ่มจากพวกเขา”
………………………………………………….