เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 245 ขอคำแนะนำจากลู่ลี่จวิน
ตอนที่ 245 ขอคำแนะนำจากลู่ลี่จวิน
ที่จริงตอนที่ซ่งจื่อเซวียนชิมข้าวผัดจักรพรรดิของฟางรุ่ย ก็คิดไว้ในใจแล้ว
ข้าวผัดจานนี้ค่อนข้างคล้ายกับที่ท่านเป้ยเล่อทำ เพียงแต่วิธีทำไม่เหมือนกัน
ท่านเป้ยเล่อพึ่งวิธีน็อกน้ำเย็น ทำให้ข้าวสวยมีรสชาติเฉพาะตัว แต่จานนี้เกี่ยวข้องกับส่วนผสม
จุดเด่นของข้าวผัดจักรพรรดิคือไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัสหรือรสชาติ ล้วนอาศัยกำลังภายในเร่งปฏิกิริยา เปลี่ยนให้เป็นของดีขั้นสุดยอด
ส่วนวิธีอื่นๆ อาจจะทำออกมาให้ใกล้เคียงได้ แต่ไม่มีทางเหมือน
จากมุมมองอาหารรสเลิศ แตกต่างกันเพียงน้อยนิดก็สามารถสร้างความแตกต่างได้หลายพันไมล์
แต่จากมุมมองของคนทั่วไป ความแตกต่างเพียงน้อยนิดนี้กลับไม่ใช่ปัญหาอะไร
นี่ก็คือเหตุผลที่เหตุใดข้าวผัดจักรพรรดิซึ่งบท่านเป้ยเล่อทำตอนนั้นทำให้คนจำนวนมากยอมรับได้
แต่สำหรับซ่งจื่อเซวียน การเลียนแบบก็คือการเลียนแบบ สุดท้ายก็ต้องถูกเขาจัดการ
ทว่า…จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกสนใจพ่อครัวสวนชุนสยาคนนี้ ทำข้าวผัดจักรพรรดิที่ใกล้เคียงขนาดนี้ได้ ฝีมือพ่อครัวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ให้พนักงานในร้านลาพักไป แล้วพาพวกซางเทียนซั่วและหลิงเข่อเอ๋อร์ไปสวนสวินเฟิงทันที
สองสามวันนี้ไม่ได้ไปเลย เดาว่าแม่ทูนหัวถังหย่าฉีต้องโกรธแล้วแน่
ตอนที่พวกเขามาถึงหน้าสวนสวินเฟิง ถังหย่าฉีกำลังง่วนอยู่กับการคิดบัญชีด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ มองออกว่าเด็กสาวคนนี้ยุ่งจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนเดินไปด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร ก็ได้ยินถังหย่าฉีพูดว่า “สวัสดีค่ะ อาหารรัสเซียอยู่ที่ชั้นหนึ่ง อาหารจีนอยู่ที่ห้องส่วนตัวชั้นสองค่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ยิ้ม “กินทั้งสองอย่างพร้อมกันได้ที่ไหนครับ”
ได้ยินประโยคนี้ ถังหย่าฉีเงยหน้าขึ้นมา ปากเล็กๆ มุ่ยทันที
“นายกลับมาได้แล้วเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มเจื่อน “จะไม่กลับมาได้ที่ไหนล่ะ ไม่อย่างนั้นเธอคนเดียวก็เหนื่อยตายสิ แหะๆ สองวันนี้เป็นยังไงบ้าง เถ้าแก่เนี้ย”
ถังหย่าฉีก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “นายก็ตลก รุ่ยจื่อ เทียนซั่วกับลี่ลี่ก็มาเหรอ อ้อ ไม่สิ ฉันควรจะเรียกเธอว่าเข่อเอ๋อร์”
“แหะๆ อาจารย์แม่เรียกอะไรก็ได้ค่ะ”
ถังหย่าฉีชะงัก “อาจารย์แม่เหรอ”
เธอหันไปมองซ่งจื่อเซวียน
“เรื่องมันยาว เข่อเอ๋อร์ ช่วยรับช่วงต่องานในมืออาจารย์แม่ของเธอที เราจะขึ้นไปคุยกันนิดหน่อยน่ะ”
“รับทราบค่ะ!”
“อาจารย์ ผมก็จะช่วยงานเบ็ดเตล็ดเหมือนกัน ฮ่าๆ” ซางเทียนซั่วพูดพลางถกแขนเสื้อทำท่าทางจะทำงาน
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ขึ้นไปห้องทำงานชั้นสองกับถังหย่าฉี
ในห้องทำงาน ซ่งจื่อเซวียนลงมือรินชาให้ถังหย่าฉี ยกขึ้นพลางพูดว่า “มาๆๆ ปลอบใจเธอหน่อย”
“เฮอะ นายคิดว่าชาจอกเดียวจะทำให้ฉันปล่อยไปหรือไง”
“ฮ่าๆ จากนี้ยังต้องขอบคุณเธอมากๆ จริงสิหย่าฉี กิจการเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีอยู่นะ แต่หลักๆ ก็ยังกินอาหารรัสเซียกันเยอะอยู่ กิจการชั้นสองธรรมดามาก สามวันนี้มีแค่โต๊ะเดียวเอง” ถังหย่าฉีพูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ฉันก็คิดไว้แล้วล่ะถ้าเป็นช่วงแรกน่ะ ที่จริงอาหารรัสเซียค่อนข้างราคาถูกกว่า ราคาของชั้นสองจะสูงกว่าเล็กน้อย”
“ใช่แล้ว จื่อเซวียน นายว่าตำแหน่งเราผิดที่ผิดทางหรือเปล่า ถ้าแบบนี้…ห้องว่างชั้นสองก็สิ้นเปลืองน่ะสิ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ครุ่นคิด “ไม่ขนาดนั้นหรอก ตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันจะมาทำเมนูหนึ่งทุกวัน ปัญหาก็คือการโปรโมต”
“โปรโมต? นายคิดจะทำข้าวผัดจักรพรรดิเหรอ”
“เปล่า น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายต่างหาก”
ประโยคนี้ทำให้ถังหย่าฉีอึ้ง เธอเคยชิมน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายมาก่อน
เมนูนี้ไม่ต้องพูดถึงรสชาติที่อร่อยอย่างแน่นอน เพียงแค่ระดับ ก็สูงส่งกว่าข้าวผัดจักรพรรดิหนึ่งขั้นแล้ว
“หา? พระเจ้าช่วย นายคิดจะเปิดตัวมันที่สวนสวินเฟิงเหรอ”
เห็นท่าทางตกใจของถังหย่าฉี ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม “ถูกต้อง มีอะไรไม่ได้เหรอ เพราะงั้นปัญหาก็คือการโปรโมต ขอแค่โปรโมตทั่วถึง สวนสวินเฟิงก็จะกลายเป็นคลับเฮาส์ห้องอาหารส่วนตัวที่ระดับสูงแห่งหนึ่งได้”
ถังหย่าฉีพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ผิด ถ้าโปรโมต…ช่วงแรกฉันหาเพื่อนมาช่วยได้ แต่ราคาล่ะ นายคิดจะตั้งไว้ที่เท่าไร”
“หนึ่งพันห้าร้อยหยวนแล้วกัน” ซ่งจื่อเซวียนพูด
ถังหย่าฉีรู้อยู่แก่ใจ ข้าวผัดจักรพรรดิขายในราคาที่ละแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวนได้ น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายก็คุ้มกับราคาพันห้าอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ราคานี้…โปรโมตได้ยากจริงๆ
“จื่อเซวียน เราพิจารณาเป็นราคาพิเศษได้หรือเปล่า แบบในช่วงแรกไม่ต้องราคาสูงขนาดนั้นน่ะ”
ถังหย่าฉีพูด
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “ไม่ได้ จะแตะเรื่องราคาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาหารจานนี้ก็จะไม่คุ้มกับราคานี้”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น
เห็นว่าลู่ลี่จวินโทรมา เขาก็รีบรับสายทันที
“สวัสดีครับอธิบดีลู่”
“เหอะๆ เสี่ยวซ่ง เราไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่งแล้วนะ” ลู่ลี่จวินยิ้มพูด
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ดูท่านอธิบดีลู่พูดสิ ผมกลัวจะรบกวนงานของคุณต่างหากล่ะครับ ถ้าคุณสะดวก ผมก็น่าจะไปเยี่ยมเยียนได้ตลอด”
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กคนนี้ พูดเก่งจริงๆ จริงสิเสี่ยวซ่ง ช่วงก่อนหน้านี้ฉันก็ยุ่งอยู่ตลอด ตอนนี้ฉันอยากกินอาหารที่นายทำจริงๆ นะ” ลู่ลี่จวินพูด
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ “อย่างนั้นท่านอธิบดีลู่ก็เอาตามที่สะดวกเลยครับ ทางผมเปิดร้านอาหารห้องส่วนตัวใหม่ ยังคิดอยู่เลยว่าจะให้คุณได้ลองชิม”
“โอ้ ดูท่าช่วงนี้ธุรกิจนายจะไม่เลวเลยสินะ แต่ว่า…หน้าร้านเป็นยังไงบ้าง ฉันไปจะสะดุดตาหรือเปล่า” ลู่ลี่จวินถาม
ซ่งจื่อเซวียนรู้ดีว่า ด้วยสถานะของลู่ลี่จวินจะหลีกเลี่ยงไม่ไปในที่ที่ค่อนข้างเป็นประเด็นอ่อนไหว โดยเฉพาะพวกสถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง
“แหะๆ ท่านอธิบดีลู่วางใจได้ครับ ที่นี่ไม่ได้มีพนักงานเยอะแยะมากมาย แถมมีแต่ห้องส่วนตัว ความเป็นส่วนตัวก็ดี สะดวกให้คุณมากินข้าวพูดคุยกับเพื่อนๆ ได้ครับ” ซ่งจื่อเซวียนตอบ
“งั้นเหรอ เหอะๆ งั้นฉันก็ไปชิมได้น่ะสิ เพื่อนเหรอ…ฉันไม่พาไปแล้วกัน ฉันวางแผนก่อน เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปนะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ครับอธิบดีลู่ คุณวางใจได้เลย ในเมื่อคุณจะมา ผมก็จะได้คอยดูแล”
“ไม่เลว ฉันก็อยากลองฟังธุรกิจนี้ของนายเหมือนกันว่าเป็นยังไงพอดี อนาคตต้องโปรโมตธุรกิจอาหารน่ะ”
“ได้ครับๆ อธิบดีลู่ งั้นผมรอคุณเลิกงานแล้วจะไปรับนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก นายส่งที่อยู่ให้ฉันก็พอ ฉันไปเอง”
ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เพราะลู่ลี่จวินทำเรื่องมากมายไม่มีทางเหมือนกับคนทั่วไป อธิบดีอย่างเขามักจะให้คนทำธุรกิจไปรับ ความประทับใจคงไม่ค่อยดีเท่าไร
หลังจากวางสาย ถังหย่าฉีก็พูดขึ้นว่า “ใครน่ะ อธิบดีที่นายว่าคนนั้นจะมาเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่แล้ว หย่าฉี จัดห้องส่วนตัวที่เงียบที่สุด ดูดีที่สุดให้หน่อยสิ ถ้าอธิบดีลู่มา….เหอะๆ ดูท่าจะมีวิธีโปรโมตแล้วล่ะ”
“โอเค ทำตามที่นายว่าแล้วกัน”
ประมาณหกโมงครึ่ง ลู่ลี่จวินก็มาถึงสวนสวินเฟิง
ซ่งจื่อเซวียนเห็นลู่ลี่จวินลงมาจากรถแท็กซี่ก็รีบออกไปต้อนรับ
“แหะๆ ท่านอธิบดีลู่ คุณนี่เรียบง่ายจริงๆ เรียกรถมาเหรอครับ”
“หมายความว่ายังไงเนี่ย ผู้นำอย่างพวกเราเรียกรถมาไม่ได้หรือไงกัน ต้องนั่งรถประจำทางหรือว่ารถหรูๆ ของเถ้าแก่มาถึงจะเรียกว่าผู้นำเหรอ” ลู่ลี่จวินยิ้มพูด
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ บางที…ผู้นำแบบนั้นก็มีมากเกินไปแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ฮ่าๆๆ อาจจะล่ะมั้ง แต่ว่าฉันไม่ใช่ ไปกันเถอะ เสี่ยวซ่ง วันนี้นายต้องตั้งใจแสดงฝีมือสักหน่อยนะ”
“คุณวางใจได้เลยครับ เมื่อกี้ผมคำนวณเวลาทำไว้แล้ว เราขึ้นไปตอนนี้ก็กินได้เลย ได้ที่พอดีครับ”
“นายนี่นะ ดูแลพร้อมสรรพจริงๆ”
ตอนนี้เป็นช่วงพีคของมื้อค่ำพอดี เพียงแต่สวนสวินเฟิงเพิ่งจะเปิดร้าน อาหารรัสเซียก็ไม่ได้เป็นสากลนัก ตอนนี้นับว่าคนในร้านไม่เยอะมาก มีแค่สองสามโต๊ะเท่านั้น
ลู่ลี่จวินเห็นลูกค้าในโถงใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยงซ่ง วันนี้กิจการเรื่อยๆ เหรอ”
“เหอะๆ ก็เพิ่งเปิดนี่ครับ ลูกค้าที่มายังไม่แน่นอน”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เชิญลู่ลี่จวินขึ้นไปด้านบนพลางเล่าเกี่ยวกับการบริหารจัดการร้านอาหารเล็กน้อย
เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ลู่ลี่จวินก็พยักหน้า “ที่จริงนายนี่ก็มีความคิดสร้างสรรค์ไม่เลวเลยนะ ในฐานะหน่วยงานของตลาด พวกเราก็หวังว่าร้านค้าจะคิดจุดเด่นใหม่ๆ ออกมาได้ นี่สามารถเป็นรูปแบบการโปรโมตที่ไม่เลวเลย”
“เหอะๆ ท่านอธิบดีลู่ก็อย่าล้อผมเล่นเลยครับ ตอนนี้คนน้อยขนาดนี้ โปรโมตอะไรกันล่ะครับ”
ลู่ลี่จวินยิ้ม “เรื่องลูกค้าที่มาค่อยๆ แก้ไปก็ได้นี่ แต่ความคิดสร้างสรรค์ของพวกนายอยู่ตรงนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ”
พูดจบ ลู่ลี่จวินก็ถอดเสื้อโค้ต นั่งลงที่โต๊ะ
เห็นอาหารเต็มโต๊ะ กระเพาะของเขาก็ร้องทันที ยิ่งไปกว่านั้นสายตาก็จดจ้องอยู่กับน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายที่วางอยู่ตรงกลาง
เพราะรู้ว่าลู่ลี่จวินจะมา ซ่งจื่อเซวียนจึงตั้งใจทำจานนี้เป็นพิเศษ
“เหอะๆ น้ำแกงห้าสาย มีเหล้าด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “รู้ว่าคุณมา เลยเตรียมไว้เป็นพิเศษสองขวดครับ ไม่รู้ว่าคุณชอบแบบไหน เลยเตรียมเหมาไถกับอู่เหลียงเย่ไว้อย่างละขวด ถ้าคุณไม่สะดวกเราก็ไม่ต้องดื่มก็ได้ครับ”
ลู่ลี่จวินพยักหน้า “เสี่ยวซ่งเอาใจใส่จริงๆ งั้นก็…ดื่มสักหน่อยแล้วกัน”
ซ่งจื่อเซวียนรินให้ลู่ลี่จวินแก้วหนึ่ง ทั้งสองชนแก้วกันแล้วดื่มไปหนึ่งอึก
สิ่งแรกที่ลู่ลี่จวินตักก็คือน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย พูดว่า “เสี่ยวซ่ง นายรู้จักฉันดี หลายปีมานี้ก็ยิ่งจุกจิกจู้จี้เรื่องอาหาร แต่ละมื้อที่บ้านก็กินแต่โจ๊ก ไม่มีความอยากอาหารอะไรเลย มีแค่น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายของนายนี่แหละที่เป็นข้อยกเว้น”
“แหะๆ ท่านอธิบดีลู่ คราวหลังถ้าคุณอยากทานก็มาสิครับ ผมจะจัดการให้ล่วงหน้า”
ลู่ลี่จวินพยักหน้า มองสภาพแวดล้อมในห้องส่วนตัว “สภาพแวดล้อมดูสง่างามมาก เหมาะแก่การพาเพื่อนฝูงมานั่งพูดคุยกัน เสี่ยวซ่ง การเก็บเสียงในห้องเป็นยังไงบ้าง”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจสิ่งที่ลู่ลี่จวินจะสื่อทันที ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้นำ เรื่องมากมายล้วนเป็นความลับ ย่อมหวังว่าจะไม่ถูกคนอื่นได้ยินเข้า
อีกทั้งคนจีนแผ่นดินใหญ่มีนิสัยอย่างหนึ่ง เรื่องใหญ่ๆ มากมายคุยกันในวงสุรา ดังนั้นย่อมใส่ใจสภาพแวดล้อมในการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าพูด “ท่านอธิบดีลู่วางใจครับ รับประกันความเป็นส่วนตัวได้”
“อย่างนั้นก็ดี ที่จริงฉันคิดว่าบางทีที่นี่อาจจะไม่เหมาะกับการโปรโมตแบบเอิกเกริก กลับเหมาะกับการโปรโมตในวงแคบๆ มากกว่า อย่างเช่น…พวกผู้นำ เถ้าแก่กับบุคคลสาธารณะ พวกเขาต้องการห้องส่วนตัวไว้สำหรับคุยเรื่องบางเรื่อง”
“ใช่ครับ ท่านอธิบดีลู่ ที่จริงที่เปิดสวนสวินเฟิงร้านนี้ เป้าหมายของผมก็คือทำเป็นคลับเฮาส์ส่วนตัว ราคาอาหารอาจจะสูงสักหน่อย แต่มีความเป็นส่วนตัวดี รสชาติอาหารก็…เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบายกับคุณแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ลู่ลี่จวินก็ยิ้ม “เสี่ยวซ่ง ถ้านักธุรกิจเมืองตู้เหมินมีสมองเหมือนนาย เศรษฐกิจก็คงจะเติบโตแล้ว”
พูดจบ ลู่ลี่จวินก็กินอีกคำ เขามองอาหารบนโต๊ะแล้วพูดว่า “เสี่ยวซ่ง คราวหลังฉันมาไม่ต้องเตรียมอาหารมากขนาดนี้หรอก นายก็รู้จักฉันดีว่านอกจากน้ำแกงห้าสายก็ไม่มีอะไรน่ากิน สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มพูด “ก็ไม่แน่หรอกครับท่านอธิบดีลู่ คุณลองชิมให้มากหน่อย ก่อนหน้านี้ผมไปตงไห่มา นี่เป็นอาหารที่ร่ำเรียนกับพ่อครัวขั้นเทพแห่งภาคเหนืออย่างอาจารย์หลิงเจิ้นเชียวนะครับ”
“โอ้ นายรู้จักท่านผู้เฒ่าหลิงด้วยเหรอ ท่านผู้เฒ่าหลิงเป็นมือหนึ่งไม่ก็สองของวงการอาหารเลยนะ มาตู้เหมิน ปกติก็เป็นผู้นำของเมืองคอยต้อนรับตลอด”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ลอบยิ้ม แต่ตาเฒ่าคนนี้มักจะชอบแอบไปมาเงียบๆ หรือก็คือถ้าผู้นำเมืองอยากจะต้อนรับขับสู้ก็คว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้หรอก
ลู่ลี่จวินพูดพลางคีบอาหารใส่ปาก จากนั้นก็ตะลึงงันทันใด
“นี่…เสี่ยวซ่ง อาหารนี่…ถึงจะอร่อยไม่เท่าน้ำแกงห้าสาย แต่กลับไม่ธรรมดาเลยสักนิด รสชาตินี้…ระดับไฮเอนด์เลยนะ ฮ่าๆ ฉันคิดว่าที่นี่ต้องดังแล้วจริงๆ”
“ท่านอธิบดีลู่ก็ชมเกินไปครับ คราวหลังขอแค่คุณมา แจ้งผมไว้ก่อน ผมจะจัดการให้ แต่ว่า…ท่านอธิบดีลู่ครับ มีเรื่องที่ผมยังต้องขอคำแนะนำจากคุณสักหน่อยจริงๆ ครับ”
ซ่งจื่อเซวียนขยับดวงตาเล็กน้อย พูดพลางเผยรอยยิ้มมั่นใจ
………………………………………….