เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 241 ศิษย์อาจารย์จบกันแค่นี้
ตอนที่ 241 ศิษย์อาจารย์จบกันแค่นี้
คำพูดหลิงเจิ้นพูดแล้วถือเป็นคำขาดในตระกูลหลิง หลังจากเขาพูดจบ ก็มีคนจัดการให้พ่อครัวสามคนมาชิม
แต่สำหรับสามคนนี้ ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย
เพราะพวกเขาถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องโจมตีจงเทียนอวี่
ตอนนี้ดูเบื้องหน้าด้านหนึ่งคือจงเทียนอวี่ อีกด้านคือซ่งจื่อเซวียน แต่อันที่จริงทางฝั่งซ่งจื่อเซวียนก็คือหลิงเจิ้นชัดๆ
ถึงอย่างไรหลิงเจิ้นตัดสินแล้ว แต่จงเทียนอวี่ไม่ยอมรับสักที ทำให้ตาเฒ่ามีโทสะเล็กน้อย
สามคนนี้เดินมาหาอาหารทั้งสองอย่าง ผัดสามสหายของจงเทียนอวี่ดูเต็มอิ่ม แต่ผัดสองสหายของซ่งจื่อเซวียนเห็นก้นจานแล้ว ถึงบอกว่าชิมแต่ความเป็นจริงรู้สึกเหมือนกินอาหารเหลืออยู่บ้าง
หลังจากแยกย้ายกันชิม พวกเขาก็พยักหน้ากันหมด
หนึ่งในนั้นพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าหลิง พวกเราคิดว่า…อาหารของซ่งจื่อเซวียนอร่อยกว่าเล็กน้อย อีกทั้ง…ค่อนข้างชัดเจน”
ได้ยินดังนั้น จงเทียนอวี่ก็โมโห
ที่จริงเขาก็ไม่คิดจะให้คนอื่นชิมอาหาร หากพูดถึงเรื่องรสชาติเขาแพ้แน่นอน แต่ที่เขาไม่ยอมก็เพราะเปลวไฟของซ่งจื่อเซวียนทำให้อาหารของเขาเสียรสชาติ
เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรม ถ้าไม่มีปัจจัยอื่น อาหารของเขาไม่มีทางแพ้อีกฝ่ายเด็ดขาด
เหมือนที่หลิงเจิ้นพูด สิ่งที่เขาคิดก็รู้สึกเหมือนอนุญาตให้ผู้ว่าฯ วางเพลิง แต่ไม่อนุญาตให้ประชาชนจุดตะเกียง
เดิมก็แพ้ไปแล้ว ยังเพิ่มผู้ตัดสินมาสามคนอีก น่าอับอายซ้ำซ้อนจริงๆ
หลิงเจิ้นได้ยินก็มองจงเทียนอวี่ “นายยังจะพูดอะไรอีกล่ะ ถ้านายไม่ยอม ฉันหาผู้ตัดสินมาเพิ่มได้อีกนะ ว่าไง”
“อาจารย์ ผม…”
หลิงเจิ้นแค่นเสียงเย็น ไม่สนใจอีกแล้วหันหลังจากไป
จากนั้น คนที่มุงอยู่รอบๆ ก็ค่อยๆ สลายตัว คนที่รับผิดชอบทำความสะอาดสถานที่ก็ไปรื้อเก็บกวาดของกันหมดแล้ว
หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไป เหลือแค่จงเทียนอวี่ที่ยังยืนอยู่ตรงที่เดิม
ส่วนหลี่เฉิงที่กำลังถือพวกเครื่องครัวของเขาอยู่ ก็ยืนอยู่ข้างๆ อย่างกระอักกระอ่วน
“ศิษย์พี่ เราไปกันเถอะ…” หลี่เฉิงพูด
จงเทียนอวี่ไม่ได้เอ่ยปาก เขารู้สึกก้าวเท้าไม่ออก
สภาพแวดล้อมทางบ้านของเขาไม่นับว่าดี การเข้าตระกูลหลิงทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ของตนมีโอกาสแล้ว สามารถยืนอยู่ที่จุดสูงสุดในวงการอาหารได้
หลายปีมานี้ก็ไปเป็นตามอย่างที่มันควรจะเป็น ยังไม่เคยพบกับการถูกโจมตีรุนแรงแบบนี้
เป็นลูกศิษย์ของพ่อครัวขั้นเทพแห่งภาคเหนือ แพ้ให้กับพ่อครัวต่างถิ่น เรื่องนี้ทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าตระกูลหลิงแล้ว
ที่สำคัญที่สุดก็คือแพ้อย่างน่าอับอายขนาดนั้น โดนตัดสินว่าพ่ายแพ้ต่อหน้าสาธารณชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้แต่อาจารย์ของตนและเด็กสาวที่ตนชอบยังไปอยู่ข้างคนอื่น
ทุกคนมองเขาในแง่ดีกันหมด แต่เขาดันเอาหน้าไปกวาดพื้นต่อหน้าทุกคนเสียอย่างนั้น
เขากำหมัดแน่น แอบโยนความเคียดแค้นทั้งหมดให้ซ่งจื่อเซวียน
ขณะที่ดวงตาสองข้างชื้นแฉะ เขาก็แทบไม่สนใจเรื่องน่าอายอะไรแล้ว เพราะไม่มีเรื่องไหนน่าอายไปกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว
“ซ่งจื่อเซวียน…จดจำบัญชีแค้นนี้ของข้าใส่กะโหลกไว้ ข้าไม่มีทางปล่อยไปแบบนี้แน่!”
หลี่เฉิงได้ยินก็ถอนหายใจ “ศิษย์พี่ เรากลับกันก่อนเถอะ รออาจารย์ใจเย็นลงแล้วค่อยคุย ไม่อย่างนั้น…”
จงเทียนอวี่มองหลี่เฉิง
หลี่เฉิงพูดต่อว่า “ที่ตระกูลหลิง…ศิษย์พี่ ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้มีความสามารถอะไร พี่เป็นที่พึ่งของฉัน ฉันไม่อยากให้พี่ไป”
จงเทียนอวี่ถอนหายใจ พยักหน้าเบาๆ “นายดีจริงๆ น้องชาย หวังว่าอาจารย์จะไม่ให้ฉันทำตามสัญญานะ”
พูดจบเขาก็ส่ายหน้า ที่จริงก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง บางทีถ้าหนึ่งวันก่อนหน้านี้เขาไม่ตอบรับการเดิมพันแบบนี้ของซ่งจื่อเซวียน ตอนนี้ก็คงไม่รู้สึกกังวลแบบนี้
ส่วนตอนนี้…เขาฝากความหวังไว้ที่หลิงเจิ้นว่าอีกฝ่ายจะไม่ไล่เขาออกจากการเป็นลูกศิษย์จริงๆ หรือให้เขาออกจากสำนัก
ห้องหนังสือของหลิงเจิ้น
ตู้ปั๋วพูด “อาจารย์อย่าโกรธไปเลย ระวังเรื่องสุขภาพด้วยสิครับ”
“หึ จงเทียนอวี่ไอ้เดรัจฉานนี่ ทักษะยังไม่เท่าคนอื่นยังหาข้ออ้าง ทำให้ฉันโคตรผิดหวังเลย”
ได้ยินคำพูดของหลิงเจิ้น ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้เปิดปากอะไร แต่นั่งจิบชาอยู่ข้างๆ
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องในครอบครัว เขาไม่คิดจะสอดปากพูด
การประลองก่อนหน้านี้จบไปแล้ว เรื่องหลังจากนั้น…ก็ปล่อยให้คนตระกูลหลิงจัดการกันเองเถอะ
ส่วนจงเทียนอวี่จะออกจากสำนักหรือไม่ ที่จริงซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้คิดจะจัดการอีกฝ่ายถึงขั้นคอขาดบาดตาย ถ้าไม่มีคนพูดถึง เขาก็ไม่คิดจะทำอย่างนั้นหรอก
สำหรับเขาแล้ว จงเทียนอวี่เป็นคนที่ไม่ยอมจากไปไหนแน่
“อาจารย์ ก็เป็นเพราะศิษย์น้องแข็งเกินไป ผมคิดว่า…เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ หรอกครับ” ตู้ปั๋วพูด
ได้ยินดังนั้น หลิงเจิ้นก็แค่นเสียงเย็นพูด “แข็งที่ไหนล่ะ ทักษะไม่เท่าเขาก็ต้องยอมรับสิ ให้ตายก็ไม่ยอมรับนับเป็นอะไรล่ะ นี่มันพฤติกรรมของคนอ่อนแอ!”
หลิงเข่อเอ๋อร์พูดว่า “นั่นสิ ตอนที่เขาเริ่มโจมตีนายท่านรองทำไมถึงไม่พูดล่ะ ชิ น่ารังเกียจจริงๆ!”
“ฉันโมโหไอ้เดรัจฉานนี่จะตายแล้ว ช่างเถอะ เลิกพูดถึงเขาก่อน จื่อเซวียน เรื่อง…วุ่นวายนี่ก็ผ่านไปแล้ว ฉันจะให้เข่อเอ๋อร์ยกน้ำชาให้นาย ให้เธอกลายเป็นศิษย์ของนายอย่างเป็นทางการนะ” หลิงเจิ้นมองซ่งจื่อเซวียน
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ที่จริงที่มาคราวนี้ก็เอาเปรียบคนตระกูลหลิงมากไปแล้วจริงๆ
ได้แร่เหล็กเมฆม่วงมาก้อนหนึ่ง แล้วยังได้สูตรอาหารซานตงสองสามสูตรที่หลิงเจิ้นถ่ายทอดให้กับมืออีก รับหลิงเข่อเอ๋อร์มาก็สมเหตุสมผลแล้ว
อีกทั้งซ่งจื่อเซวียนนึกย้อนไปถึงอาหารพวกนั้น ที่จริงก็ค่อนข้างมหัศจรรย์
ที่หลิงเจิ้นสอนอาหารซานตงระดับเริ่มต้นพวกนั้นกับเขา อาจจะบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าให้เขาสอนอาหารพวกนี้ให้หลิงเข่อเอ๋อร์ด้วย
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็พยักหน้า “ได้ครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง อย่างนั้นจื่อเซวียนก็รับศิษย์หลิงเข่อเอ๋อร์คนนี้ไว้แล้วกัน”
“ฮ๋าๆๆ ดีใจจริง เข่อเอ๋อร์ ยังไม่ยกน้ำชาอีกเรอะ”
“ค่ะคุณปู่!”
หลิงเข่อเอ๋อร์ลุกขึ้นยกน้ำชา เดินไปทางซ่งจื่อเซวียน
ถึงด้านหน้าซ่งจื่อเซวียน หลิงเข่อเอ๋อร์ก็ค้อมตัวลง รอยยิ้มประดับใบหน้าเล็กๆ เขินอายเล็กน้อย
“อาจารย์ เชิญดื่มชาค่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ พยักหน้ารับชามาจิบ
“ดี เข่อเอ๋อร์ ชาก็ดื่มแล้ว จากนี้ซ่งจื่อเซวียนก็เป็นอาจารย์ของเธอแล้ว”
หลิงเข่อเอ๋อร์รับจอกชากลับไปวางไว้ข้างๆ พูดว่า “นับแต่นี้ไปเข่อเอ๋อร์จะตั้งใจเรียนกับอาจารย์แน่นอน ไม่ว่าจะการทำอาหารหรือว่าลักษณะนิสัย”
“เด็กดี เข่อเอ๋อร์ ฉันก็จะพยายามชี้นำเธอ แต่จำใส่ใจว่าหลังจากนี้จะทำตามใจไม่ได้อีกแล้วนะ ยิ่งทำให้คนในครอบครัวเขาร้อนใจไม่ได้ด้วย” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ค่ะ อาจารย์ เข่อเอ๋อร์จะจำใส่ใจ”
เห็นแบบนี้ หลิงเจิ้นก็ยิ้มอย่างพอใจ
“จื่อเซวียน หลานสาวของฉันคนนี้ดื้อรั้น หลังจากนี้…ตาเฒ่าต้องรบกวนนายแล้วนะ”
“ฮ่าๆ ท่านผู้เฒ่าหลิงพูดแบบนี้ก็ไกลไป ในเมื่อรับเข่อเอ๋อร์แล้ว ผมก็จะดูแลเธอให้ดี” ซ่งจื่อเซวียนพูด
พูดคุยกันครู่หนึ่ง หลิงเจิ้นก็ให้ซ่งจื่อเซวียนกลับไปพักผ่อนก่อน และเขาก็ให้ตู้ปั๋วเรียกจงเทียนอวี่มาที่ห้องหนังสือ
ได้ยินว่าหลิงเจิ้นเรียกตน จงเทียนอวี่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจทันที เขารู้ได้รางๆ ว่าอาจารย์…น่าจะต้องการให้เขารักษาสัญญา
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่ตามตู้ปั๋วไปที่ห้องหนังสือของหลิงเจิ้น
ในห้องหนังสือ หลิงเจิ้นมองจงเทียนอวี่ไกลๆ ในใจรู้สึกซับซ้อน
ชีวิตเขามีนักเรียนจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ลูกศิษย์สำนักจริงๆ มีแค่สามคน หนึ่งในนั้น คนที่เขาเอ็นดูที่สุดย่อมเป็นจงเทียนอวี่
ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือความขยัน ที่จริงจงเทียนอวี่เป็นคนที่เขาภาคภูมิใจมาตลอด
แต่เขากลับละเลยเรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือคุณธรรม
การประลองระหว่างจงเทียนอวี่และซ่งจื่อเซวียนวันนี้ ได้เปิดเผยจุดนี้ออกมาตรงจังหวะพอดี
ถ้าบอกว่าพ่อครัวต้องใช้ฝีมือ เช่นนั้นด้านจริยธรรม จงเทียนอวี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ
ทำให้หลิงเจิ้นผิดหวังมาก ลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจที่สุดหลายปีมานี้ไม่ได้รับการยอมรับ ความจริงแล้วในใจเขาก็รับไม่ได้อย่างมาก
“อาจารย์…” จงเทียนอวี่ก้มหน้า
หลิงเจิ้นพยักหน้า “เทียนอวี่ มานี่”
จงเทียนอวี่มองตู้ปั๋วข้างๆ แวบหนึ่ง ในใจสับสนมาก ตู้ปั๋วพูด “อาจารย์ ที่จริงเทียนอวี่ก็สำนึกผิดแล้วนะครับ”
หลิงเจิ้นโบกมือ “เอาล่ะตู้ปั๋ว นายออกไปก่อนไป ฉันจะคุยกับเขา”
“เอ่อ…ครับ อาจารย์” ถึงจะไม่วางใจเรื่องจงเทียนอวี่ แต่อาจารย์พูดออกมาแล้ว ตู้ปั๋วทำได้แค่ออกจากห้องไป
มองตู้ปั๋วออกจากห้องไป หลิงเจิ้นพูดว่า “เทียนอวี่ วันนี้นายทำให้ฉันผิดหวังมาก”
จงเทียนอวี่ก้มหน้าอยู่ตลอด “อาจารย์ ศิษย์สำนึกผิดแล้วครับ”
“สำนึกผิดแล้วเรอะ ผิดตรงไหนพูดออกมาชัดๆ ได้ไหม หลายปีมานี้ฉันคาดหวังในตัวนายมา แต่คิดไม่ถึงว่านายจะแอบไปเรียนวิธีการควบคุมไฟน่ะ!”
“ผม…อาจารย์ ผม ผมเปล่า คือผม…”
“นายยังจะเถียงอีกเหรอ เทียนอวี่ ถึงตอนนี้แล้ว นายไม่คิดจะพูดความจริงออกมาเองสักครั้งเลยหรือไง”
ประโยคนี้ของหลิงเจิ้นทำให้จงเทียนอวี่อึ้งไป
เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองเคยพูดโกหกต่อหน้าอาจารย์ ตอนนี้โดนแฉออกมาหมดแล้ว
บางที…อาจารย์อาจจะรู้ตั้งนานแล้ว ทุกครั้งที่ไม่ได้เปิดโปงก็เพราะไว้หน้าตนอยู่
พอคิดได้แบบนี้ ตนเองก็เหมือนเป็นตัวตลก
สุดท้าย จงเทียนอวี่ก็ก้มหน้าไม่พูดจา ถือว่ายอมรับไปโดยปริยาย
“นายรู้ไหมว่าทำไมอาจารย์ถึงไม่สอนพวกนายควบคุมไฟ เพราะพวกนายยังเด็กไง จิตใจพวกนายยังควบคุมพฤติกรรมไม่ได้ทั้งหมด ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับพวกนายเอา
แต่คิดไม่ถึง…เหอะๆ เกิดเรื่องขึ้นซะได้ คุมไฟลามไปบาดเจ็บคนอื่นต่อหน้าทุกคน เทียนอวี่ นี่คือสิ่งที่ฉันสอนนายเหรอ”
จงเทียนอวี่รู้สึกผิด ไม่พูดไม่จา
“อีกอย่างวันนี้ เทียนอวี่ พ่อครัวคนหนึ่ง ลูกศิษย์ของหลิงเจิ้นคนนี้ แพ้แล้วไม่กล้ายอมรับเหรอ”
“แต่ว่าอาจารย์ ถ้าวันนี้ซ่งจื่อเซวียนไม่…”
“งั้นที่นายคุมไฟลามไปทำให้เขาบาดเจ็บจะว่ายังไง” ไม่รอให้จงเทียนอวี่พูดจบ หลิงเจิ้นก็พูดขัด
“เทียนอวี่ นายรู้ไหมว่าทำไมวันนี้นายต้องแพ้”
“ต้องงั้นเหรอครับ” จงเทียนอวี่ถาม
“ถูกต้อง ถ้าเป็นเพราะนายคุมไฟลามไปจนบาดเจ็บคนเขา ฉันถึงตัดสินให้นายแพ้ แกจะยอมรับไหม”
จงเทียนอวี่ไม่รู้จะตอบอย่างไรไปชั่วขณะ
“ถ้าคิดว่าซ่งจื่อเซวียนมีผลกระทบกับนาย ก็หมายความว่าการควบคุมไฟผิดกติกา อย่างนั้นตั้งแต่แรกที่คุมไฟจนทำให้เขาบาดเจ็บ ฉันก็น่าจะตัดสินว่านายฟาวล์แล้วแพ้ไปเลยสิ!” หลิงเจิ้นพูด
ประโยคนี้ทำให้จงเทียนอวี่หมดคำจะพูด ถึงในใจจะยังไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้เถียงข้างๆ คูๆ อีกแล้ว
เห็นเขาไม่พูด หลิงเจิ้นก็พยักหน้าน้อยๆ “เทียนอวี่ เราลูกศิษย์อาจารย์ ที่ฉันพูดกับนายแบบนี้ คือหวังว่านายจะเหมือนลูกผู้ชาย มีความรับผิดชอบ แพ้แล้วก็ยอมรับ ไม่ว่าจะแพ้เพราะอะไรก็ตาม”
“อาจารย์ ผม…สำนึกผิดแล้วครับ”
“ดี ไม่เสียทีที่เป็นลูกศิษย์ของหลิงเจิ้นคนนี้ นายรู้เหตุผลทั้งหมดแล้ว อาจารย์จะได้ไม่ต้องพูดมาก ที่นายเคยพูดไว้…”
จงเทียนอวี่ได้ยินก็ตกใจ ส่ายหน้าอย่างแรงทันที “ไม่…อาจารย์ อาจารย์อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ผมไม่อยากออกจากสำนัก…”
“ที่เคยพูดไว้ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซ่งจื่อเซวียนยอมรับ จงเทียนอวี่นายก็ต้องเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนเขาจะคิดว่าคนอย่างหลิงเจิ้นปกป้องคนผิด ลูกศิษย์ของฉันตัดสินใจเดิมพันเอง ทำไมถึงไม่รักษาสัญญาเสียล่ะ” หลิงเจิ้นถาม
“ไม่นะ อาจารย์ ผมขอร้อง ขอร้องอาจารย์อย่าให้ผมออกจากตระกูลหลิงเลยนะครับ!”
เห็นจงเทียนอวี่ตอนนี้ หลิงเจิ้นก็ตารื้น เพราะจงเทียนอวี่อยู่กับตนมาหลายปีขนาดนี้ จะไม่มีรู้สึกอะไรเลยได้
หลิงเจิ้นสูดลมหายใจลึกๆ “ฉันขอรับปากว่านายจะอยู่ที่ตระกูลหลิงต่อไปได้ แต่ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ระหว่างฉันกับนายจบกันแค่นี้ เทียนอวี่ นายไปเถอะ!”
“อาจารย์…”
“ถ้านายไม่ยอมออกไป ถ้างั้นอาจารย์ก็ทำได้แค่ไล่นายออกจากสำนักแล้ว!”
จงเทียนอวี่ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่หลิงเจิ้นกลับหันหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก
…………………………………..