เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 219 พ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือ
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 219 พ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือ
ตอนที่ 219 พ่อครัวขั้นเทพแห่งทางเหนือ
เมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าหลิงชิมหนึ่งคำแล้ววางช้อนลง ทุกคนไม่เข้าใจ ชายชราคนนี้มาขอข้าวกินไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกินแค่หนึ่งคำ
และข้าวผัดจักรพรรดินั้นมีรสชาติที่เป็นเลิศ เขากินแค่คำเดียวแล้ววางช้อนลง…หรือว่าไม่อร่อย
กรรมการสองสามคนมองแล้วก็งุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ่อ…หมายความว่ายังไง เขาเป็นกรรมการหรือพวกเราเป็นกรรมการกันแน่น่ะ”
“ใช่แล้ว รีบประกาศให้จบๆ ไปได้ไหม มาไม้ไหนกันแน่”
เถียนเหวินคุ่ยที่อยู่ข้างๆ พรูลมหายใจหนึ่งที “เสี่ยครับ ชายชราคนนี้เป็นใครเหรอ”
“ไม่รู้ ไม่เคยเจอมาก่อน แต่…ท่านเป้ยเล่อที่โอหัง มีความหยิ่งยโส คงอยากทำให้ซ่งจื่อเซวียนยอมแพ้อย่างราบคราบ” หวงฟาพูด
เถียนเหวินคุ่ยพยักหน้า “ก็ใช่นะครับ ท่านเป้ยเล่อเป็นคนโอหังเกินไป การแข่งขันครั้งนี้จบลงเร็วๆ เขาก็เป็นผู้ชนะแล้ว ทำไมต้องยอมให้ชายชราคนนี้ชิมด้วย”
“ปล่อยเขาไปเถอะ แค่คนแก่คนหนึ่งเท่านั้น ถึงจะนับเขาเข้าไปด้วย แล้วให้คะแนนซ่งจื่อเซวียน ก็เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะไม่ได้”
ขณะพูด หวงฟาหันตัวเดินไปขึ้นรถแล้วเอนตัวพิงเบาะหลัง สำหรับเขา การแข่งขันครั้งนี้ถือว่าชนะแล้ว ส่วนผลสรุปการแข่งขันนั้น…
ปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น
มองดูผู้เฒ่าหลิงวางช้อนลง ท่านเป้ยเล่อกลับไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง “ท่านผู้เฒ่าหลิง เอ่อ…”
ท่านผู้เฒ่าหลิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านเป้ยเล่อ ฝีมือการทำอาหารของคุณพัฒนาขึ้นนะ”
ท่านเป้ยเล่อได้ยินแล้วก็พลันยิ้มออกมา “ท่านผู้เฒ่าหลิงชมเกินไปแล้ว นี่คือซ่งจื่อเซวียน เพื่อนของผมครับ การแข่งขันครั้งนี้พวกเราแค่ลองประชันฝีมือกันเฉยๆ ครับ”
ท่านผู้เฒ่าหลิงมองไปทางซ่งจื่อเซวียน พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย
ถึงแม้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่รู้จักท่านผู้เฒ่าหลิง แต่ด้วยมารยาท เขาจึงขานรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ท่านผู้เฒ่าหลิง”
ท่านผู้เฒ่าหลิงพยักหน้า “พ่อหนุ่ม ไม่ธรรมดาเลยนะ ไม่ทราบว่าอาจารย์ของคุณอยู่ที่ไหนเหรอ”
“เอ่อ…อาจารย์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกแล้วครับ ขอโทษที่ผมไม่สะดวกพูดเรื่องนี้นะครับ”
ท่านผู้เฒ่าหลิงได้ยินแล้วก็ไม่ได้โกรธอะไร เนื่องจากเขารู้ว่ามียอดฝีมือในวงการอาหารมากมายที่ถอนตัวออกจากวงการไปแล้ว
และถึงแม้ฝีมือการทำอาหารของยอดฝีมือเหล่านี้จะเป็นอันดับหนึ่ง แต่กลับไม่อยากแข่งขันกับใคร ว่างๆ ก็อยู่บ้านอ่านหนังสือ เลี้ยงนก รดน้ำต้นไม้ ไม่ยอมให้ใครรบกวน
ลูกศิษย์ของคนพวกนี้ไม่สามารถบอกข้อมูลของอาจารย์ให้กับโลกภายนอกได้ เพื่อหลีกเลี่ยงคนเข้ามาท้าประลองถึงบ้าน รบกวนความสงบ
“ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของยอดฝีมือ ไม่แปลกใจเลยที่มีฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมมาก” ท่านผู้เฒ่าหลิงพูดพร้อมกับยิ้มให้
ท่านเป้ยเล่อเอ่ยว่า “ท่านผู้เฒ่าหลิง วันนี้ถือว่าบังเอิญมาก ผมคิดไม่ถึงว่าคุณมาที่ตู้เหมิน ไม่ทราบว่า…ช่วยลงคะแนนได้ไหมครับ”
ท่านผู้เฒ่าหลิงหัวเราะหนึ่งที “เอ่อ…ฉันแค่มาขอข้าวกินเท่านั้น พวกคุณมีกรรมการแล้ว ถ้าฉันแสดงความคิดเห็นอีก เกรงว่าจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
พิธีกรที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “เหอะๆ ท่านผู้เฒ่าพูดถูก กรรมการของพวกเราเป็นนักชิมอาหารที่เชี่ยวชาญ การตัดสินของพวกเขาสอดคล้องกับความเป็นจริงแล้วครับ”
ได้ยินดังนั้น ท่านผู้เฒ่าหลิงก็ส่ายหน้ายิ้ม ไม่พูดอะไร
ท่านเป้ยเล่อเห็นเช่นนั้นก็เหมือนตระหนักได้บางอย่าง เอ่ยว่า “เหอะๆ ท่านผู้เฒ่าหลิงล้อเล่นผมแล้ว ภาคเหนือของจีน มีนักชิมคนไหนจะได้นั่งเสมอท่านครับ ขอให้ท่านผู้เฒ่าหลิงช่วยชี้แนะเยอะๆ หน่อยเถอะครับ!”
ท่านเป้ยเล่อพูด พร้อมกับกำหมัดเคารพ
พิธีกรงุนงงมาก ถึงแม้จะไม่รู้จักชายชราผู้นี้ แต่จากคำพูดของท่านเป้ยเล่อก็สัมผัสได้ว่าฐานะของชายชราผู้นี้ไม่ธรรมดา จึงไม่ได้พูดอะไร
แต่เมื่อเห็นพวกเขาคุยกันนานขนาดนี้ กรรมการทั้งสามคนจึงรอไม่ไหวแล้ว
ทั้งสามคนปรึกษากันสองสามประโยค แล้วจึงเดินเข้ามาทันที
“ท่านเป้ยเล่อครับ พวกเรามีเวลาไม่มาก ผมว่าให้พิธีกรประกาศผลก่อนเถอะครับ” กรรมการคนหนึ่งพูด
สำหรับท่านเป้ยเล่อ พวกเขายังคงให้ความเคารพอยู่ อย่างไรตำแหน่งและฐานะก็เห็นๆ อยู่ตรงหน้า
ท่านเป้ยเล่อยิ้มอย่างมีมารยาท “ขอโทษกรรมการทั้งสามคนด้วยนะครับ ผมอยากให้ท่านผู้เฒ่าคนนี้ช่วยตัดสินด้วยครับ ไม่กินเวลามากเกินไปแน่นอน”
ได้ยินดังนั้น กรรมการจึงขมวดคิ้วมองท่านผู้เฒ่าหลิง “ตัดสินเหรอ ท่านเป้ยเล่อ เทียบกับคุณแล้ว ตำแหน่งของพวกเราอาจจะสู้ไม่ได้ แต่ในวงการอาหาร…เกรงว่าคงไม่ต้องหาคนนอกมาตัดสินใช่ไหมครับ”
“เอ่อ…” ท่านเป้ยเล่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรไปชั่วขณะ ด้วยนิสัยของท่านผู้เฒ่าหลิง คงไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร
“เหอะๆ ท่านผู้เฒ่า คุณก็เข้าใจเรื่องอาหารเหรอ”
ท่านผู้เฒ่าหลิงยิ้มบางๆ “ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง”
“พอเข้าใจอยู่บ้างงั้นเหรอ เหอะๆ นักชิมอาหารผู้เชี่ยวชาญที่พอเข้าใจอยู่บ้างมีไม่เยอะ แต่คุณอย่าคิดว่ากินอะไรก็อร่อยแล้วจะเรียกว่าเป็นนักชิมอาหารได้นะครับ”
“ใช่ครับ นักชิมอาหารต้องมีใบรับรองผู้ประกอบอาหารชั้นเยี่ยมก่อน คุณอย่าทำเป็นพูดตลกนะครับ”
ท่านผู้เฒ่าหลิงยิ้มให้ ไม่สนใจอะไร เพียงแต่มองไปที่ท่านเป้ยเล่อ “ท่านเป้ยเล่อ ความจริงการแข่งขันของพวกคุณในครั้งนี้ก็มีกรรมการแล้ว ฉันเลยไม่สะดวกที่จะพูด แต่…ฉันหวังว่าคุณจะลองชิมรสชาติของข้าวผัดทั้งสองนี้ด้วยตัวเอง”
ท่านเป้ยเล่อได้ยินก็อึ้งไป เพราะเขาอยากให้ท่านผู้เฒ่าหลิงช่วยตัดสิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมท่านผู้เฒ่าถึงอยากให้ตัวเองได้ลองชิม
แต่อีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโส ดังนั้นเขาจึงทำตาม
จากนั้น ท่านผู้เฒ่าหลิงจึงมองซ่งจื่อเซวียน “เหอะๆ คุณซ่งคนนี้ ถ้าไม่รังเกียจที่ฉันแตะชามนี้แล้ว ก็ขอให้คุณชิมด้วยเหมือนกันนะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าทันที หยิบช้อนคันใหม่อีกครั้ง แล้วตักชิมชามละหนึ่งช้อน
เมื่อเทียบกับความนิ่งของซ่งจื่อเซวียนขณะชิมข้าวผัดแล้ว การตอบสนองของท่านเป้ยเล่อมีความชัดเจนอยู่เล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วขณะชิมรสชาติและรสสัมผัสของข้าวผัดสองชามนี้ จากนั้นหาความแตกต่างที่อยู่ในนั้นอย่างละเอียด
“ท่านผู้เฒ่าหลิง ผมแพ้แล้ว” ท่านเป้ยเล่อกล่าว
ท่านผู้เฒ่าหลิงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย “นี่คือสิ่งที่ท่านเป้ยเล่อเก่งกว่าคนทั่วไป คนอื่นหาความผิดของตัวเองไม่เจอ จึงไม่สามารถพัฒนาได้”
ท่านเป้ยเล่อพยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอนครับ ถ้าไม่มีคำชี้แนะของท่านผู้เฒ่าหลิง เกรงว่าผมคงไม่เจอปัญหาของการทำข้าวผัด ผมอวดฉลาดเกินไปครับ”
อีกด้านหนึ่ง ซ่งจื่อเซวียนชิมข้าวผัดแล้วกลับปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
เขาชิมแล้วเจอปัญหาในการทำข้าวผัดของท่านเป้ยเล่อ แต่ถ้าพูดออกไป ก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไร
ท่านผู้เฒ่าหลิงยิ้มน้อยๆ “คุณซ่งประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม แถมยังมีความสุขุมรอบคอบ…ไม่ธรรมดา”
“ท่านผู้เฒ่าหลิงชมเกินไปแล้วครับ ข้าวผัดจักรพรรดิมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันครับ สาเหตุที่คนรุ่นเก่าปรุงด้วยวิธีนี้ ก็มีเหตุผลในตัวของมัน ท่านเป้ยเล่อสามารถเลียนแบบข้าวผัดจักรพรรดิได้ ถือว่าหาได้ยากแล้วครับ”
ท่านเป้ยเล่อกลับเอ่ยว่า “พอแล้วจื่อเซวียน นายไม่ต้องชมฉันแล้ว ฉันไม่ใช่คนใจบางขนาดนั้น ข้าวผัดจักรพรรดิมีความลึกล้ำมากกว่าที่ฉันคิด ถ้าอยากจะทำให้เหมือนกันเปี๊ยบเลย เกรงว่าต้องศึกษาอีกเยอะ”
จากนั้น ท่านเป้ยเล่อจึงหันไปทางพิธีกร “คุณพิธีกรครับ เชิญประกาศได้เลยครับ ผู้ชนะในวันนี้คือซ่งจื่อเซวียน”
พิธีกรตกตะลึงไป เพราะเขาไม่มีสิทธิ์นี้
ยังไม่ต้องพูดถึงเสี่ยหวงที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังให้ท่านเป้ยเล่อเป็นผู้ชนะ แค่พูดถึงกฎเกณฑ์การแข่งขันอย่างเดียว ก็มีปัญหาแล้ว
“เอ่อ…ท่านเป้ยเล่อ เกรงว่าจะไม่ถูกหลักเกณฑ์นะครับ”
กรรมการทั้งสามคนกลับงุนงงยิ่งกว่า ประกาศให้ซ่งจื่อเซวียนชนะ มองพวกเขาสามคนเป็นของตกแต่งเท่านั้นเหรอ
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ทั้งสามคนไม่ต่างอะไรของประดับตกแต่ง
ตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่ว่าท่านเป้ยเล่อหรือท่านผู้เฒ่าหลิง โดยเฉพาะซ่งจื่อเซวียน แทบจะไม่มีใครสนใจพวกเขาสามคนเลย
“ท่านเป้ยเล่อ พวกเราก็มีกฎการแข่งขันนะครับ ตอนนี้มาประกาศให้ซ่งจื่อเซวียนชนะ ทำไม่ได้แน่นอนครับ
ท่านเป้ยเล่อยิ้ม “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ผมสู้เขาไม่ได้ หรือว่าอยากจะให้คนที่ฝีมือการทำอาหารเก่งกว่าต้องพ่ายแพ้ล่ะ แล้วการแข่งขันนี้มันจะไปมีความหมายอะไร”
ตัวเขารู้สึกไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้มีความหมายสำหรับหวงฟามาก ถ้าวันนี้ซ่งจื่อเซวียนแพ้ ก็จะไม่สามารถขายข้าวผัดจักรพรรดิในตู้เหมินได้อีกต่อไป หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะโด่งดังด้วยอะไร จะได้รับความนิยมด้วยอะไรอีก
จากนั้น กรรมการทั้งสามคนกับพิธีกรจึงเดินไปหาหวงฟาทันที เล่าเรื่องให้ฟังอีกหนึ่งรอบ
“อะไรนะ ล้อเล่นอะไรกัน ไม่ได้แน่นอน การแข่งขันสิ้นสุดแล้ว ท่านเป้ยเล่อชนะแล้ว!” หวงฟาพูด
หวงฟาถอนหายใจ พยักหน้า “เข้าใจแล้ว จะไปพูดกับท่านเป้ยเล่อเอง”
หวงฟากับเถียนเหวินคุ่ยเดินเข้าไปตรงที่แข่งขันทันใด
พวกเขาไม่สนใจซ่งจื่อเซวียนกับท่านผู้เฒ่าหลิง แต่ปรึกษากับท่านเป้ยเล่อตรงๆ
“ท่านเป้ยเล่อ ตอนนี้การแข่งขันสิ้นสุดแล้ว ผลโหวตของทุกคนออกมาแล้ว ทำไมจะประกาศให้ซ่งจื่อเซวียนชนะล่ะครับ” หวงฟาถาม
“ใช่แล้วท่านเป้ยเล่อ คุณลองพิจารณาเรื่องนี้ดูก่อนครับ พวกเราจะให้คนอื่นโหวตเองเฉยๆ ไม่ได้ใช่ไหมครับ”
ท่านเป้ยเล่อกลับส่ายหน้าพูดว่า “จะพูดแบบนี้ไม่ได้หรอก เสี่ยหวง กรรมการสามคนนี้คืออะไร ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ และผมเชื่อว่ากรรมการพิเศษเหล่านี้ก็มีคนของคุณอยู่ด้วยใช่ไหมครับ”
หวงฟาตกตะลึงกับคำถาม เหมือนโดนหมั่นโถวยักษ์อุดปาก สำลักจนพูดไม่ออก
หวงฟาพูดในใจ ท่านเป้ยเล่ออยู่ฝ่ายไหนกันแน่ วันนี้รับปากแล้วว่าจะช่วยฉัน แต่ตอนนี้กลับไปไว้หน้าซ่งจื่อเซวียน
หวงฟาไม่ยอมตกลงเด็ดขาด!
“แต่ว่าท่านเป้ยเล่อ…ตอนนี้มีคนเยอะแยะอยู่ที่นี่ พวกเราประกาศไปว่าซ่งจื่อเซวียนชนะ อยากจะเอาทุกคนมาล้อเล่นเหรอครับ”
เถียนเหวินคุ่ยพยักหน้า “ถูกต้องครับ อีกอย่าง…ท่านเป้ยเล่อ ทำไมคุณชิมแล้วถึงบอกว่าตัวเองแพ้ล่ะครับ ข้าวผัดจักรพรรดิของคุณผมเคยชิมมาก่อน รสชาติอร่อยไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”
“เหอะๆ ข้าวผัดของผมไม่มีปัญหา แต่ถ้าเทียบกับข้าวผัดจักรพรรดิของจริง…ด้อยกว่าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือว่ารสสัมผัส ซ่งจื่อเซวียนทำรวดเดียวก็ได้แล้ว แต่ผมกลับเพิ่มขั้นตอนการทำเข้าไป ดูเหมือนจะอร่อย แต่จริงๆ แล้วทำให้รสชาติที่อร่อยที่สุดเปลี่ยนไป เหมือนความงามตามธรรมชาติดันถูกผมเพิ่มขั้นตอนเข้าไปตกแต่งให้สวยงาม!”
ได้ยินประโยคนี้ ท่านผู้เฒ่าหลิงจึงพยักหน้า ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับวิธีการพูดของท่านเป้ยเล่อ
หวงฟามองไปทางท่านผู้เฒ่าหลิง เขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมีต้นเหตุมาจากชายชราผู้นี้
“ตาเฒ่า ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใครมาจากไหน แต่นี่คือการแข่งขันการทำอาหารของปักกิ่งและตู้เหมิน มีกรรมการนักชิมอาหารมืออาชีพอยู่ที่นี่ และยังมีกรรมการพิเศษอีกมากมาย ฉันหวังว่าแกจะรู้จักกาลเทศะด้วย อย่ามาสอนคนที่เขาทำงานเป็นอยู่แล้ว”
ท่านเป้ยเล่อได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยหวง ชายผู้นี้ไม่ใช่คนที่ชอบสอนคนที่ทำงานเป็นอยู่แล้ว ถึงแม้จะพูดแบบนั้น ก็สามารถพูดได้ว่าเขาเป็นหลู่ปันในวงการอาหารของจีน!”
หวงฟาขมวดคิ้วเล็กน้อย “หืม? เหอะๆ เป็นบุคคลที่เยี่ยมยอดเหรอ อย่างนั้นผมหวงฟาอยากขอความรู้บ้าง ได้โปรดชี้แนะครับ!”
ท่านผู้เฒ่าหลิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันมาจากมณพลตงไห่ แซ่หลิง ชื่อเจิ้นพยางค์เดียว!”
พอได้ยินประโยคนี้ หวงฟากับเถียนเหวินคุ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
อย่างไรอยู่ในวงการอาหารมานานหลายปี จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหลิงเจิ้นพ่อครัวขั้นเทพแห่งภาคเหนือได้อย่างไร!
……………………………………………..