เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 202 ยึดอำนาจ
ตอนที่ 202 ยึดอำนาจ
แต่อย่างไรก็ใช้ชีวิตล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการนี้มานับสิบปี เฮ่อเหว่ยจึงกลั้นความโกรธของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาโกรธแค้น เขาต้องหาโอกาสที่เหมาะสมที่สุด แล้วค่อยแก้แค้นให้เฮ่อเหยียนข่าย
บทสนทนาในวันนี้ อันที่จริงเขาแค่อยากลองหยั่งเชิงเด็กหนุ่มคนนี้ให้แน่ชัด แต่ผลที่ได้กลับเกินความคาดหมายของเขา
ซ่งจื่อเซวียนไม่ยอมถอยแม้แต่ประโยคเดียว ถึงขนาดที่ว่าจงใจเอาเรื่องของเฮ่อเหยียนข่ายออกมาพูด
แต่หากมองในมุมอื่น เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เย่อหยิ่งอวดดีเกินไป คนแบบนี้ลุกขึ้นได้ไว แต่ก็ตายไวเหมือนกัน!
สุดท้ายเขาจึงหัวเราะหนึ่งที เอ่ยว่า “คุณเสี่ยวซ่ง คำพูดของคุณ..ผมเฮ่อเหว่ยจำได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบ เขาจึงหันตัวเดินออกจากห้องทำงานไป
ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยยิ้มๆ “เฮ่อเหว่ย อีกสักพักผมจะไปตลาดเฉิงหนานด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะอยู่ด้วยนะครับ”
เฮ่อเหว่ยได้ยินก็หยุดเดิน พยักหน้าเบาๆ “วางใจได้ ผมอยู่แน่นอน ยินดีต้อนรับคุณครับ!”
เมื่อเห็นเฮ่อเหว่ยออกไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงเชิดหน้าเล็กน้อย สูบบุหรี่เต็มปอดหนึ่งที จากนั้นจึงเขี่ยบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่
ประโยคสุดท้ายของเขากำลังเตือนเฮ่อเหว่ยอยู่ อีกไม่นานฉันจะปรับเปลี่ยนตลาดเฉิงหนานทั้งหมด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าคำตอบของเฮ่อเหว่ยจะเป็นเช่นนี้ ความหมายนั้นชัดเจนคือ ยินดีต้อนรับ ถ้านายกล้ามา!
“นายท่านรอง คนคนนี้อันตราย”
ฟางรุ่ยอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปี พูดขึ้นมาทันที
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เหอะๆ อันตราย…ดีมาก สัปดาห์หน้าจัดเวลาไปสักครั้ง พวกเราเข้าถ้ำเสือ ฉันอยากจะดูว่าจะได้ลูกเสือออกมาไหม!”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ยก็กลับไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง
ภายในห้องประชุม ซ่งอวิ๋นหล่างกับเจิ้งอวี่กำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียนเดินเข้ามา ซ่งอวิ๋นหล่างรีบลุกขึ้นทันที
“เหอะๆ อารอง นั่งเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น!”
ซ่งจื่อเซวียนเรียกอารองหนึ่งประโยค ซ่งอวิ๋นหล่างก็อึ้งไปหมด เขาเรียกฉันว่า..อารองเหรอ
เป็นเรื่องยากที่เขาจะคิดเชื่อมโยงซ่งจื่อเซวียนในตอนนี้กับซ่งจื่อเซวียนที่หยิบที่เขี่ยบุหรี่ฟาดฉินจ้งเมื่อครู่
สองคนนี้เป็นคนเดียวกันใช่ไหม
เจิ้งอวี่ที่อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึง เขาพบว่าตัวเองยิ่งไม่ค่อยเข้าใจซ่งจื่อเซวียนมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้เขาอยากจะทำตัวสนิทสนมกับซ่งอวิ๋นหล่างแต่ทำตัวห่างเหินฉินจ้งเหรอ ดูไม่ค่อยฉลาดเลยในสายตาของเจิ้งอวี่ อย่างไรหากต้องใช้กำลังต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ นายท่านฉินลิ่วก็มีแววจะชนะมากกว่า
และประเด็นสำคัญคือ ซ่งจื่อเซวียนไม่เคยเรียกซ่งอวิ๋นฮั่นว่าพ่อ แต่วันนี้เรียกซ่งอวิ๋นหล่างว่าอารอง จึงพูดไม่ถูกจริงๆ
“จื่อ…จื่อเซวียน…” ซ่งอวิ๋นหล่างเปลี่ยนท่าทีทันใด
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะหนึ่งที “นั่งเถอะครับ พวกเราเป็นคนกันเอง เหอะๆ สูบบุหรี่สักมวนครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางหยิบบุหรี่ยื่นให้หนึ่งมวน
ถึงแม้จะเป็นบุหรี่ราคาสิบกว่าหยวนซองหนึ่ง แต่ซ่งอวิ๋นหล่างไม่กล้าไม่รับ เขาถึงขนาดไม่รู้ว่าซ่งจื่อเซวียนกำลังสื่ออะไรอยู่
แต่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรจริงๆ…ตัวซ่งจื่อเซวียนก็สูบบุหรี่ตัวนี้ เขาเสียดายที่จะสูบของแพง
“อ้อใช่อารอง ที่ตลาดไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” ซ่งจื่อเซวียนสูบบุหรี่หนึ่งทีแล้วจึงถาม
ซ่งอวิ๋นหล่างรีบตอบ “ไม่ ไม่มีปัญหา ช่วงนี้เงินกระแสรายวันค่อนข้างอยู่ตัว จื่อเซวียน มีนายมารับช่วงต่อฉันก็วางใจแล้ว สุขภาพร่างกายของพ่อนายดีอยู่ใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนแอบหัวเราะ ซ่งอวิ๋นหล่างกำลังหยั่งเชิงถามใช่ไหม อยากรู้สภาพร่างกายของซ่งอวิ๋นฮั่นเหรอ
เขาไม่สนใจ แล้วพูดต่อ “อืม…ตลาดสดเขตหงเหอมีปัญหาไม่น้อยนะครับ ช่วงนี้ผมได้ตรวจสอบแล้ว อารอง พื้นที่ของพวกเราเองจะเกิดปัญหาไม่ได้นะครับ”
“หา? ไม่มีทางหรอก เป็นไปไม่ได้ ยังไม่มีปัญหานะ วางใจได้เลย” ซ่งอวิ๋นหล่างเอ่ยยิ้มๆ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อย่างนั้นก็ดีครับ อารอง ผมได้ยินว่าอากำลังทำรายการโทรทัศน์ตัวหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็น…การแข่งขันยอดเชฟใช่ไหมครับ”
“ใช่ เป็นโครงการของปีที่แล้ว แต่ตารางว่างของสถานีโทรทัศน์เต็มหมดเลย เพิ่งจะได้คิวปีนี้ ตอนนี้ปิดรับสมัครแล้วและกำลังจะเริ่มการแข่งขันเร็วๆ นี้น่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินแล้วจึงพยักหน้า “ไม่เลวครับ บริษัทจะต้องมีโครงการที่เห็นผลการโปรโมตอย่างชัดเจน ผมคิดว่าการแข่งขันยอดเชฟนี้ไม่เลวเลย อารองต้องใส่ใจด้านนี้มากๆ นะครับ”
“เหอะๆ นายวางใจได้ ฉันจะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ไม่มีทางเกิดปัญหาข้อผิดพลาดอะไรทั้งนั้น”
ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยยิ้มๆ “ผมวางใจแน่นอนครับ เป็นคนกันเองอยู่แล้ว แต่เรี่ยวแรงของคนเรามีจำกัด พอใช้แรงทางนี้มาก ที่ตลาด…ผมคิดว่าอาพยายามส่งมอบงานนี้ให้หลี่ลี่สยาจัดการจะดีกว่านะครับ”
พูดถึงตรงนี้ ซ่งอวิ๋นหล่างที่เพิ่งสบายใจกลับประหม่าขึ้นมาทันที
เขาพูดถึงหลี่ลี่สยาทำไม
คนในบริษัทจำนวนไม่น้อยรู้ว่าหลี่ลี่สยาเป็นคนรักของเขา ซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้มีความหมายแฝงใช่ไหม
ซ่งอวิ๋นหล่างไม่กล้ายืนยัน แต่เขาจะไม่ยอมรับโดยตรงอย่างแน่นอน
เขาพยักหน้า “ฉันจะลองคิดดู แต่ตรงไหนที่ฉันยังคอยดูได้ฉันจะพยายามไม่อาศัยคนอื่น ยังไงงานที่ตลาดมีเยอะมาก มอบให้คนอื่นทำทั้งหมดฉันก็ไม่วางใจ”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มบางๆ จงใจไม่พูดต่อแต่สูบบุหรี่หนึ่งที
“หลานชาย นายเห็นไหม…การแสดงออกของฉินจ้งในวันนี้ ทำเกินไปแล้วจริงๆ ฉันคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือจัดการไอ้หมอนี่ให้เชื่องแต่โดยดี”
ถึงแม้ซ่งอวิ๋นหล่างจะไม่รู้จักซ่งจื่อเซวียน แต่เรื่องราวในวันนี้สามารถมองเห็นสไตล์การทำงานของเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว อย่างน้อยพูดโต้แย้งต่อหน้าเขาต้องไม่เป็นผลดีแน่นอน
ซ่งจื่อเซวียนมองซ่งอวิ๋นหล่าง ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
รอยยิ้มนี้กลับทำให้ซ่งอวิ๋นหล่างรู้สึกกลัวอยู่ในใจ ตัวเองพูดผิดเหรอ ไม่น่าจะใช่ เพราะยืนอยู่บนจุดยืนของเขาอยู่แล้ว
“แหะๆ อารองพูดถูก ในเมื่อผมรับช่วงต่อบริษัทชิงอวี่ ต้องรีบดูก่อนว่าลูกน้องพวกนี้ยินดีทำงานกับผมไหมเป็นอันดับแรก!”
ขณะพูด ซ่งจื่อเซวียนก็ลุกขึ้น เดินอ้อมไปข้างหลังของซ่งอวิ๋นหล่าง วางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของซ่งอวิ่นหล่าง
“ถ้ายอม ต่อไปก็ต้องทำตามคำสั่งของผมอย่างเชื่อฟัง ถ้าไม่ยอม…เหอะๆ อย่างนั้นก็สั่งเขาให้ไสหัวไป!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ ซ่งอวิ๋นหล่างถึงกับหัวไหล่สั่น
“แต่พอพิจารณาดู การแข่งขันยอดเชฟก็สำคัญมากจริงๆ เจิ้งอวี่”
“ครับ คุณซ่ง” เจิ้งอวี่พูด
“ต่อไปตลาดที่เฉิงเป่ย คุณต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบหน่อย มีบางเรื่องต้องตัดสินใจทันที อย่าทำให้งานล่าช้า!” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
เจิ้งอวี่อึ้งไป จากนั้นมองซ่งอวิ๋นหล่างทันที เห็นเพียงสีหน้าที่มึนงงของซ่งอวิ๋นหล่างที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“และต่อไปคุณไม่ต้องยืนข้างหลังผมเวลาที่ประชุมแล้ว ตลาดทั้งสามแห่งคุณต้องคอยดูแลทางอ้อม คุณต้องเข้าร่วมประชุมโดยตรงนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเห็นเจิ้งอวี่ไม่ขานรับจึงพูดต่อ
เจิ้งอวี่ถึงได้พยักหน้า “ครับผม”
“อารอง ครั้งนี้ภาระที่อาแบกไว้น่าจะเบาลงแล้วใช่ไหมครับ ผมจะให้เจิ้งอวี่ยุ่งกับงานมากขึ้น เพื่อที่อาจะได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำรายการแข่งขันยอดเชฟได้เต็มที่”
ซ่งอวิ๋นหล่างรู้สึกโกรธอยู่ในใจ นี่อยากจะยึดอำนาจของฉันใช่ไหม
อยากให้ฉันตั้งใจทำรายการการแข่งขันยอดเชฟ เพื่อที่จะให้เจิ้งอวี่คนข้างกายของนายมาดูแลตลาด ถ้างั้นพอการแข่งขันยอดเชฟจบลงล่ะ ฉันไม่เชื่อว่านายจะคืนอำนาจกลับมาให้ฉัน!
ถึงตอนนั้นตลาดเฉิงเป่ยซ่งจื่อเซวียนจะเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง แล้วก็มีเจิ้งอวี่เข้ามาร่วมบริหารดูแล อย่างนั้นฉันจะกลายเป็นอะไร
ซ่งอวิ๋นหล่างเข้าใจแล้ว ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะวางตัวอยู่เหนือเขา!
ไอ้หนู งานนี้…โหดกว่าพ่อของนายอีกนะ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยลงมือกับฉันที่เป็นน้องชายแท้ๆ คนนี้
แต่ในสายตาของนาย ฉันอาแท้ๆ คนนี้ บางทีคงไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม
“เหอะๆ จื่อเซวียน นายวางใจได้ คนของฉันรับมือได้ เจิ้งอวี่คอยดูตลาดที่เฉิงหนาน และตลาดหงเหอสองที่ก็พอ อย่าสั่งให้เขาวิ่งอีกเลย”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็เข้าใจความหมายของซ่งอวิ๋นหล่าง เขาได้แต่ยิ้มให้ ไม่พูดอะไรอีก
สำหรับเขาแล้ว เขาไม่สนใจท่าทีและความคิดของซ่งอวิ๋นหล่างอยู่แล้ว อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ฉันไม่สนใจ ถึงตอนนั้นเจิ้งอวี่ก็ดูแลเหมือนเดิม!
จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันตามประสาคนในครอบครัวสองสามประโยค ซ่งจื่อเซวียนจึงค่อยปล่อยให้ซ่งอวิ๋นหล่างออกไป
ซ่งอวิ๋นหล่างกลับพูดเรื่องงานสองสามประโยค ซ่งจื่อเซวียนไม่ตอบตามตรงทั้งหมด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับช่องโหว่อะไรได้ ถึงตอนนั้นจะลดทอนอำนาจของเขาไม่สะดวก
และเรื่องของซ่งอวิ๋นหล่างไม่ใช่เรื่องด่วนในตอนนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดคือต้องจัดการไอ้แก่ฉินจ้งคนนี้ให้อยู่หมัดก่อน
มีเขาอยู่ ซ่งจื่อเซวียนจัดการใครก็ไม่สะดวก
หลังจากซ่งอวิ๋นหล่างออกไป เจิ้งอวี่จึงพูดว่า “คุณซ่ง คือว่า…จริงๆ แล้วเมื่อวานผมอยากคุยกับคุณ แต่ที่ร้านอาหารร่ำรวยยุ่งมาก ผมเลยเกรงใจที่จะพูด”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินแล้วก็หัวเราะ “อาเจิ้ง มีอะไรคุณพูดได้เลยครับ”
“คุณซ่ง ตอนนี้คุณกุมอำนาจของบริษัทแล้ว ผมรู้ว่าคุณอยากลดความสงสัยและความกังวลของพ่อของคุณและถ้าจะทำได้ก็ต้องกดคนข้างล่างพวกนี้ให้อยู่หมัด แต่…ที่ทำอยู่ตอนนี้ดูหัวรุนแรงไปหน่อยไหมครับ” เจิ้งอวี่กล่าว
“เหอะๆ อาเจิ้ง คุณพูดว่าหัวรุนแรงหมายถึงอะไรครับ ท่าทีที่ผมมีต่อฉินจ้งน่ะเหรอ”
เจิ้งอวี่พยักหน้า “ใช่ครับ ความน่าเกรงขามของนายท่านลิ่วมีไม่น้อย มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันในเขตหงเหอนี้ จะไปยืนตรงไหน ก็ต้องอาศัยเส้นสายของนายท่านลิ่ว วันนี้คุณไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้…”
“คุณกลัวว่าเขาจะแก้แค้นผมเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนยิ้มถาม
“นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งครับ นายท่านลิ่วมีลูกเล่นพอสมควร ถ้าลงมือแก้แค้นขึ้นมาจะมีปัญหายุ่งยากมาก อีกอย่าง ถ้าผิดใจกับนายท่านลิ่ว ผมกลัวว่าจะเสียคนไปจำนวนหนึ่ง คนพวกนั้นจงรักภักดีกับเขามาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วส่งผลกระทบต่อการบริหารตลาด จะได้ไม่คุ้มเสียครับ”
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วจึงครุ่นคิด เอ่ยว่า “ผมเคยพิจารณาเรื่องพวกนี้แล้วครับ แต่อาเจิ้ง ถ้าตอนนี้ไม่ปราบฉินจ้งตรงๆ อย่างนั้นคุณจะให้ผมจัดการซ่งอวิ๋นหล่างยังไง จะจัดการเฮ่อเหว่ยได้ยังไงครับ
ผมจัดการเจ้าเฮยจื่อกับจั่วอู่ก่อน เพื่อที่จะได้กดฉินจ้งในวันนี้ คุณดูท่าทีของซ่งอวิ๋นหล่างกับเฮ่อเหว่ยสิ ทำไมพวกเขาไม่กล้าเถียงผมตรงๆ เป็นเพราะว่าผมจัดการฉินจ้งก่อน!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เจิ้งอวี่เดาะลิ้น “เอ่อ…คุณมีเหตุผลของคุณผมรู้ครับ แต่ผมหวังว่าคุณจะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เดินทีละก้าว ถ้าทำให้บริษัทเกิดความวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ…คุณซ่ง ผมกลัวว่าจะควบคุมยากครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพ่นลมหายใจหนึ่งที อันที่จริงเขาคิดถึงสิ่งที่เจิ้งอวี่พูดเช่นกัน ถ้าปัญหาของคนทำให้เกิดความวุ่นวาย เช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องใหญ่
ถึงตอนนั้นจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัท ความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อตนเองก็จะเยอะขึ้น การบริหารดูแลก็จะยิ่งยากขึ้น
แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลือก ถึงขนาดที่ว่าต้องเดิมพันกันเลยทีเดียว หากจัดการฉินจ้งไม่ได้ เช่นนั้นซ่งอวิ๋นหล่างก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน
จั่วอู่กับเจ้าเฮยจื่อที่เพิ่งจะเลือกข้างเมื่อครู่ ก็จะเปลี่ยนใจอีกครั้ง
“อาเจิ้งผมรู้แล้วครับ ผมจะลองพิจารณาดู คุณวางใจได้ ผมจะมองผลประโยชน์ของบริษัทเป็นอันดับหนึ่งครับ”
เจิ้งอวี่พลันยิ้ม ค่อยๆ พยักหน้า “จื่อเซวียน คุณโตแล้ว จริงๆ แล้วคุณทำได้ถึงขั้นนี้ถือว่าเก่งมากแล้วครับ เพราะความสัมพันธ์กับพ่อของคุณ เลยอยากปกป้องคุณเท่านั้น”
ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะเอ่ยปากพูด โทรศัพท์กลับดังขึ้นมา เป็นเจ้าเจี้ยนที่โทรมาหา
“คุณซ่ง เกิดเรื่องที่คลับเฮาส์ครับ มีคนกลุ่มหนึ่งมาบอกว่าจะเข้ามาตกแต่ง และยังบอกว่าคุณรู้เรื่องนี้แล้ว ผมพาพวกพี่น้องมาขวางพวกเขาไว้ แต่โดนพวกเขาต่อยครับ!”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย สงสัยเสี่ยปาจะเริ่มงานแล้ว
เจ้าเฮยจื่อปกติชอบทำตัวเป็นนักเลง ครั้งนี้เจอกับนักเลงตัวจริงเข้าให้
…………………………………………..