เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 197 ดัง! ดัง! ดัง!
ตอนที่ 197 ดัง! ดัง! ดัง!
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มและพยักหน้า “ใช่ คลับเฮาส์หลงตูเป็นของผม แต่ธุรกิจตอนนี้ไม่ดีนัก ผมวางแผนว่าจะปรับปรุงใหม่”
เสี่ยเฉิงปาหายใจเข้าแล้วมองจางเปียวกับเหลยจื่ออีกครั้ง ใบหน้าทั้งสามคนประหลาดใจราวกับว่ากำลังฝันอยู่
ทำไมนายท่านรองคนนี้จู่ๆ ถึงกลายเป็นเศรษฐีบ้านนอกล่ะ
“อาเจิ้ง พารุ่ยจื่อ จางเปียวกับเหลยจื่อไปเปิดอีกห้องหนึ่งแล้วให้สนุกกันหน่อยครับ ผมกับเสี่ยปาจะคุยกันตามลำพัง”
เจิ้งอวี่ปฏิบัติตามทันที
ก่อนหน้านี้ เจิ้งอวี่ไม่รู้จุดประสงค์ในการนัดหมายของซ่งจื่อเซวียนและเฉิงปา แต่ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยถึงชื่อร้านอาหารร่ำรวย แต่ความจริงแล้วกำลังพูดถึงการบริหารจัดการคลับเฮาส์
คิดไม่ถึงว่าคุณชายท่านนี้ยังไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทก็เริ่มลงมือทำงานแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เจิ้งอวี่ก็แอบยกนิ้วโป้งให้
เทียบกันแล้วซ่งจื่อเซวียนไม่ได้ด้อยไปกว่าซ่งอวิ๋นฮั่นพ่อของเขาแต่อย่างใด สิ่งสำคัญที่สุดคือเขายังเด็กและตอนนี้อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ
หลังจากรอให้ทุกคนออกไป เสี่ยเฉิงปาก็เข้าใจเจตนาของซ่งจื่อเซวียน อีกฝ่ายหลีกเลี่ยงทุกคนเพื่อพูดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ
อีกอย่างนี่ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่เสี่ยปาชื่นชอบที่สุด เรื่องการหาเงิน…ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่เสี่ยเฉิงปาสนใจมากที่สุดก็คือเงิน
“น้องชาย แกหมายความว่าไง”
“รายได้ของคลับเฮาส์หลงตูลดลงไปเยอะมาก เหมือนที่คุณพูด ปัญหาอยู่ที่การบริการ!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เสี่ยเฉิงปาพยักหน้า “ถูกต้อง ถ้าพวกเขาทำแบบนี้คงถูกปิดไม่ช้าก็เร็ว
ตอนเข้ามาผมสังเกตเห็นว่าหน้าประตูไม่ค่อยมีรถ น่าจะมีคนมาเที่ยวเล่นอยู่ในห้องส่วนตัวมากที่สุดประมาณเจ็ดแปดห้อง”
ร้านค้าชั้นหนึ่งทั้งซ้ายและขวาถูกเช่าทั้งหมด แต่ชั้นสองถึงชั้นสี่รวมกันมีห้องส่วนตัวนับร้อยห้อง แต่ใช้เพียงเจ็ดถึงแปดห้องเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็สูญเสียรายได้
“ใช่แล้ว นี่มันราคาเท่าไรกัน แค่คิดก็เศร้าแล้ว น้องชาย ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าแกจะรวยขนาดนี้”
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้สนใจคำพูดของเสี่ยเฉิงปา “เสี่ยปา ผมคิดว่าจะทำที่นี่ให้เป็นคลับเฮาส์ที่ครบวงจร”
“หืม? หมายความว่าไง”
“ชั้นหนึ่งนอกจากพื้นที่ห้องโถงแล้ว เราจะไม่เปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้เช่าอื่นๆ การเก็บค่าเช่าแบบนี้จะแบ่งแยกค่าเช่าทั้งหมดของเราได้ด้วย จากนั้นชั้นสองก็ทำเป็นโรงอาบน้ำ ชั้นสามและชั้นสี่ก็ใช้เป็นคลับเฮาส์ต่อไป” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“หา น้องชายจะทำแหล่งอบายมุขเหรอ พอร้องเพลงในคลับเสร็จก็พาสาวไปอาบน้ำแล้วไปหลับนอนน่ะนะ?”
เสี่ยเฉิงปาลูบหัวโล้นของตัวเอง ในใจคิดว่าซ่งจื่อเซวียนยังคงร้ายกาจ เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ยิ่งใหญ่ อันดับหนึ่งในตู้เหมิน!
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตามองเสี่ยเฉิงปา “ตรงกันข้าม ผมอยากทำแหล่งปลอดอบายมุข!”
“ปลอดอบายมุข? งั้นมันจะไปสนุกอะไรกันล่ะ ไม่มีสาวๆ อาบน้ำด้วย ลูบไล้สาวที่ร้องเพลงก็ไม่ได้แล้วใครจะมา”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหัว “มีสาวคนไหนในคลับเฮาส์ธุรกิจขนาดใหญ่ในเมืองตู้เหมินที่อนุญาตให้ลูบไล้บ้างล่ะ แต่รถด้านหน้าคลับเฮาส์พวกนั้นก็ยังเต็มอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ
คลับน้ำพุร้อนเบอร์หนึ่งก็ไม่มีบริการพิเศษมากมาย แต่มีวันไหนบ้างที่คนน้อย”
คำถามนี้ทำให้เสี่ยเฉิงปาพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
“น้องชาย มันก็จริง…แต่ไม่ได้ทำง่ายๆ เลยนะ” เสี่ยเฉิงปากล่าว
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ไม่ยากหรอกครับ มีโรงอาบน้ำพร้อมกับอาหารฟรีสามมื้อ ตั๋วเข้ากำหนดไว้ใบละหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน ตั๋วสำหรับเด็กครึ่งราคา เพิ่มอ่างน้ำพิเศษ เช่น บ่อคลื่น บ่อสมุนไพรและบ่อปลาเล็กๆ
วิธีนี้จะทำให้ผู้ใช้บริการของเราเปลี่ยนจากชายล้วนมาเป็นการใช้บริการแบบครอบครัว
ส่วนคลับ ผมต้องการทำให้เป็นคลับธุรกิจอย่างเป็นทางการเพื่อดึงดูดผู้คนระดับสูงในตู้เหมิน ราคาห้องส่วนตัว ราคาเหล้าและค่าทิปจะเพิ่มขึ้นทั้งหมดเพื่อเข้าถึงธุรกิจระดับสูงครับ”
เสี่ยเฉิงปาพยักหน้าช้าๆ “เหมือนจะถูกต้องนะ บางครั้งยิ่งแพงมากเท่าไรยิ่งมีคนมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไม”
“เหอะๆ นี่คือความต้องการจ่ายของกลุ่มระดับไฮเอนด์ พอราคาแพงคุณภาพก็จะดีขึ้นเป็นอันดับแรก งานเลี้ยงระดับสูงก็จะเลือกใช้ที่นี่ อย่างอื่นเราค่อยทำการโฆษณาและโปรโมตก็ได้แล้วครับ”
“น้องชาย แกอยากให้ฉันทำอะไร”
“ชั้นสองต้องตกแต่งภายใน เสี่ยปานำทีมตกแต่งมาแล้วช่วยผมดูแลงานด้วยนะครับ ส่วนเรื่องคลับ เสี่ยปาใช้บริการมาเยอะเลยอยากให้พาผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาที่นี่หน่อย”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ฉันรู้จักผู้จัดการหลายคนในที่ที่เคยไปใช้บริการ,k ผู้หญิงพวกนั้นเป็นมืออาชีพ ลูบได้หอมได้” เสี่ยเฉิงปากล่าวอย่างมั่นใจ
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหัว “ผมเพิ่งบอกว่าเราต้องการเป็นคลับเฮาส์ด้านธุรกิจปกติ เพราะงั้นที่ต้องการคือผู้หญิงคุณภาพสูง มีการศึกษา สามารถร้องเพลงและพูดคุยกับลูกค้าได้ เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันและส่วนหนึ่งต้องพูดภาษาต่างประเทศได้ครับ”
“ให้ตายเถอะ…มันจะไม่สุดยอดเกินไปเหรอ ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าดึงผู้หญิงพวกนี้มา เกรงว่าราคาจะสูงนะ” เสี่ยเฉิงปาพูด
“ช่วงนี้ผมทำความเข้าใจคร่าวๆ ไว้แล้ว ผู้หญิงเขาจะเลือกทำงานในคลับไหนก็ล้วนขึ้นอยู่กับค่าทิปและจำนวนลูกค้าด้วยครับ
ในช่วงแรกเราจะให้ผู้หญิงเหล่านี้มาทำงานเป็นพาร์ตไทม์ รอให้กิจการเริ่มดีขึ้นก็เซ็นสัญญาจ้างงาน จากนั้นส่วนแบ่งก็ให้สูงกว่าร้านอื่นอย่างน้อยสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนค่าทิป…คือหนึ่งพันสองร้อยหยวน!”
“อะไรนะ สูงขนาดนี้เลย เท่ากับที่ที่แพงที่สุดในตู้เหมินแล้วนะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เสี่ยปา ถ้าแก้ปัญหาเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ผมจะแบ่งรายรับที่ได้จากบริการอาบน้ำและคลับให้คุณห้าเปอร์เซ็นต์!”
“ห้าเปอร์เซ็นต์?” เฉิงปาพูดพลางยิ้มจนทำอะไรไม่ถูก
“เหอะๆ เสี่ยปา หลงตูเป็นธุรกิจในบริษัท ในสถานการณ์ปกติรายรับต่อเดือนเริ่มต้นที่สองล้านแน่นอน คุณจะได้เงินเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มอีกหนึ่งแสนหยวนทุกเดือน แถมไม่ต้องใช้เงินคืนพี่สะใภ้ ไม่ดีเหรอครับ”
เฉิงปาชะงักเมื่อได้ยินเช่นนี้ สำหรับสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้…ห้าเปอร์เซ็นต์นั้นน่าพิจารณาจริงๆ
อีกอย่างสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาทำการค้าขายได้โดยไม่ต้องมีเงินทุน
“ตกลง น้องชาย ฉันตกลงรับปาก แล้วจะเริ่มงานนี้ได้เมื่อไร”
“ตอนนี้เลยครับ!”
“ตอนนี้?”
“ใช่ คุณหาทีมตกแต่งได้ทุกเมื่อ พรุ่งนี้ผมจะปิดชั้นสอง ส่วนชั้นสามกับสี่…หลักๆ ขึ้นอยู่กับผู้หญิงที่คุณไปหามา ผมหวังว่ายิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี!”
เสี่ยเฉิงปาพยักหน้า “ไม่มีปัญหา น้องชาย แกต้องการคนเฝ้าไหม ฉันมีลูกน้องที่ฝีมือพอใช้ได้อยู่!”
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้ม “ให้พวกเขาทำไม่ได้ ถึงเวลาผมจะรบกวนเสี่ยปามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองนะครับ”
“หา? น้องชาย แกอยากให้ฉันมาทำงานให้แกที่นี่เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มแล้วพูด “เสี่ยปา ผมจะชี้แนะแนวทางดีๆ ให้ ขายธุรกิจอื่นๆ ที่คุณดูแลอยู่ทั้งหมดให้เร็วที่สุด จดจ่อแค่คลับเฮาส์หลงตู ผลกำไรจากร้านอาหารร่ำรวยทุกเดือนผมจะจ่ายเข้าบัญชีของคุณเอง”
“แต่…มันจะได้เงินจริงเหรอ”
“แล้วธุรกิจอื่นของเสี่ยปาได้เงินไหมครับ จับตาดูธุรกิจมากมายขนาดนี้อยู่ทุกวันแต่รายรับกลับต่ำมาก บัญชีแบบนี้…มันไม่คุ้มเลยนะครับ”
เสี่ยเฉิงปาใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าในที่สุด “น้องชายไม่เคยโกงฉัน ฉันเชื่อแก แต่ฉันคิดว่าจะขายธุรกิจพวกนั้นไปหลังจากธุรกิจทั้งสองอย่างดีขึ้น”
“ไม่มีปัญหา เสี่ยปาพูดแบบนี้ผมก็วางใจครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มและพยักหน้าช้าๆ
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนและเสี่ยเฉิงปาก็ไปที่ห้องของพวกจางเปียว พวกเขาสนุกสนานกันทุกคน
ฟางรุ่ยสงวนท่าทีและไม่เหมาะกับสถานที่เช่นนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่จางเปียวและเหลยจื่อโชกโชนจริงๆ ขณะนี้พวกเขาโอบกอดหญิงสาวอย่างแนบชิดสนิทสนม
ทุกคนดื่มกันถึงตีสองแล้วจึงแยกย้าย เจิ้งอวี่ก็ไปส่งซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ยกลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น รถซางเทียนซั่วจอดอยู่หน้าปากซอยบ้านของซ่งจื่อเซวียน เนื่องจากเขาต้องไปที่ร้านอาหารร่ำรวยเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ซ่งจื่อเซวียนจึงไม่ให้เจิ้งอวี่มารับ
เมื่อรับฟางรุ่ยมาแล้ว ขณะที่ทั้งสามคนมาถึงร้านอาหารร่ำรวยก็ตกตะลึงเมื่อเห็นคนยืนต่อคิวยาวเหยียดที่หน้าประตู
“เชี่ย อาจารย์ นี่มันอะไรกัน”
ซ่งจื่อเซวียนก็งุนงงเช่นกัน เขาขยี้ตาอย่างแรงเพื่อให้แน่ใจว่าเขามองไม่ผิด
พื้นที่โล่งหน้าร้านอาหารร่ำรวยไม่ได้ถือว่าเล็ก อันที่จริงนี่เป็นลานจอดรถเล็กๆ ด้วย แต่จู่ๆ คิวก็ยาวตั้งแต่หน้าประตูไปจนถึงถนน
“นี่…เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว ร้านปังเป็นพลุแตกหรือว่ามีคนมาสร้างปัญหาเนี่ย” ซางเทียนซั่วกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนลงจากรถแล้วถามไถ่ถึงได้รู้ว่าคนเหล่านี้มาเข้าคิวพร้อมกับคูปองออนไลน์สำหรับข้าวผัดจักรพรรดิ
แต่ถึงอย่างนั้นส่วนลดก็ไม่น้อยเลย ต้องรู้ว่าแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวนต่อจาน ส่วนลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์คือลดลงหนึ่งร้อยกว่าหยวน
แต่คำถามคือ…คนที่ให้คูปองนี้เป็นใคร
เมื่อโทรหาหวังเฉียงถึงได้รู้ว่าคูปองส่วนลดนี้เป็นความคิดของเขา เขาคิดว่ากำไรของข้าวผัดจักรพรรดิเดิมทีนั้นสูงมากอยู่แล้ว การให้ส่วนลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์จึงไม่เป็นปัญหา แต่จะมีผลต่อการส่งเสริมการขายอย่างแน่นอน จึงให้อินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นโพสต์ลงเช่นนี้
แต่นี่ทำให้ซ่งจื่อเซวียนเบาใจจริงๆ เขาไม่เคยคิดถึงวิธีนี้แม้แต่น้อย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอิทธิพลการโปรโมตของอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้มีคนเข้าคิวอยู่หน้าร้านอย่างน้อยหกสิบคน
ร้านยังไม่เปิด หยางกังก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “นายท่านรอง ข้างนอกมีคนเกือบเจ็ดสิบคนแล้ว วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เราจะทำยังไงดีครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยกยิ้ม “เกิดเรื่องอะไรกัน วันนี้ปังแล้ว หยางกังไปบอกทุกคนว่าวันนี้ข้าวผัดจักรพรรดิมีไม่จำกัด แต่ใช้คูปองได้แค่วันนี้เท่านั้น!”
“ได้เลยครับ ผมจะไปบอกเดี๋ยวนี้!”
มุมปากซ่งจื่อเซวียนยกขึ้นเล็กน้อย การลงมือของหวังเฉียงนั้นน่าประทับใจมาก ดูเหมือนคงต้องเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อจริงๆ
ผลของการโปรโมตนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนได้ลิ้มลองข้าวผัดจักรพรรดิมากขึ้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาบอกว่าข้าวผัดจักรพรรดิได้ย้ายจากต้าสือไต้ไปที่ร้านอาหารร่ำรวยแล้ว ขณะเดียวกันยังชี้แจงด้วยว่าข้าวผัดจักรพรรดิไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมงตรง ข้าวผัดจักรพรรดิก็เสิร์ฟไปแล้วเจ็ดสิบสองที่
ในด้านความเร็ว แม้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะเร่งให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำซ้ำได้หลายที่ในคราวเดียว โชคดีที่ลูกค้าเหล่านั้นมีความอดทนเช่นกัน
บางคนอยากลิ้มลองข้าวผัดจักรพรรดิมานานแล้ว แต่ราคาจานละเก้าร้อยหยวนนั้นสูงเกินไป ตอนนี้แม้ว่ามีส่วนลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ทำให้เหลือประมาณเจ็ดร้อยหกสิบหยวนต่อจานเท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าลดลง บางคนจึงยินยอมที่จะมาลอง
สำหรับร้านอาหารร่ำรวย ยอดขายข้าวผัดจักรพรรดิเพียงอย่างเดียวก็ทะลุห้าหมื่นหยวนไปแล้ว วันนี้ถือว่ามาแรงจริงๆ
เนื่องจากเขาบอกว่าจะจัดเตรียมอาหารได้ไม่จำกัด ช่วงบ่ายซ่งจื่อเซวียนจึงไม่ได้ไปที่บริษัทชิงอวี่ แต่ยังขยันขันแข็งอยู่ที่ร้านอาหารต่อไป เขารู้ดีว่าลูกค้าระลอกที่สองคงไม่น้อยลง
เป็นตามที่เขาคาดไว้ จนถึงมื้อเย็นแล้วข้าวผัดจักรพรรดิก็ยังเสิร์ฟไม่หยุด ข้าวสวยหุงหม้อแล้วหม้อเล่าอย่างช่วยไม่ได้จนเหลือข้าวไม่พอแล้ว หยางกังและฟางรุ่ยจึงเริ่มขนกระสอบข้าวและแผงไข่มากมายเข้ามาในร้านอีกครั้ง
วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่ยุ่งเหยิงที่สุดในประวัติศาสตร์ของร้านอาหารร่ำรวยจนเหนือกว่าต้าสือไต้ในช่วงแรก
จนถึงช่วงค่ำ ซ่งจื่อเซวียนและพวกหูเจิ้นในครัวก็เหนื่อยจนแทบจะยกแขนขึ้นไม่ได้
เมื่อถึงเวลาเลิกงานไม่มีใครกลับบ้าน แต่นั่งพักอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่โต๊ะ
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงยกแขนขึ้นเพื่อรับสายอย่างยากลำบาก
“คุณซ่ง ผมเจ้าเจี้ยนเอง เมื่อวานนายท่านลิ่วเรียกผมออกไปข้างนอก ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาก็เลยไปหา ไอ้หนูนั่นเพิ่งบอกผมวันนี้ว่าคุณมาหาผม…”
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตา แม้ว่าเขาจะเหนื่อยมากแต่ก็ยังเอ่ยว่า “โอเค คุณรอผมอยู่ที่หลงตูนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
……………………………………………