เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 188 ไสหัวไป!
ตอนที่ 188 ไสหัวไป!
ซ่งจื่อเซวียนพูดประโยคนี้จบ ก็พุ่งทั้งตัวเข้าไปเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้ายตัวหนึ่ง
เฮ่อเหยียนข่ายกำลังเคลิ้ม จึงตอบสนองไม่ทัน เบี่ยงตัวยกมือขึ้นกุมศีรษะทันที
ซ่งจื่อเซวียนยื่นมือจับแขนของเฮ่อเหยียนข่ายไว้ ออกแรงทั้งหมดดึงเขาออกมา อย่างน้อยที่สุดต้องทำให้ไอ้ชาติชั่วคนนี้ออกห่างจากถังหย่าฉีก่อน
จากนั้นเขาจึงยกขาเตะไปที่เฮ่อเหยียนข่าย เตะแรงมาก จนได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเฮ่อเหยียนข่าย
“โอ๊ย…โอ๊ย…ไอ้หยา…”
ฉากนี้ทำเอาซางเทียนซั่วและฟางรุ่ยมองอย่างงุนงง เดิมทีคิดว่าถึงเวลาพวกเขาออกโรงแล้ว คิดไม่ถึงว่าซ่งจื่อเซวียนกลับกลายเป็นตัวเอกของการต่อสู้ในครั้งนี้
ต้องรู้ไว้ว่าซ่งจื่อเซวียนเตะต่อยไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
แต่การเตะต่อยเรื่องแบบนี้ ขอเพียงไม่ใช่ประลองฝีมือกับผู้ที่เรียนศิลปะการป้องกันตัว อาศัยแค่แรงเท่านั้นพอ
เฮ่อเหยียนข่ายทำเรื่องแบบนี้โดนคนจับได้ เดิมทีก็กลัวอยู่แล้ว บวกกับอยู่ในสภาพไม่พร้อม แต่ซ่งจื่อเซวียนไม่เหมือนกัน เมื่อเห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบโดนรังแก เขาจึงโกรธมาก
ซ่งจื่อเซวียนในเวลานี้ถึงแม้จะต่อสู้ไม่เป็นเพียงใด แต่ก็สู้ขาดใจ เฮ่อเหยียนข่ายไม่มีทางเทียบได้…
เท้าทั้งสองข้างเตะไปตามตัวของเฮ่อเหยียนข่าย ถึงแม้การเคลื่อนไหวจะไม่สอดคล้องกันมาก แต่พลังนั้นมาจากเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าปีคนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเจ็บกันบ้าง…
ถังหย่าฉีที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนฝันไป สำหรับเธอแล้ว ความหวังเพียงอย่างเดียวก็คือซ่งจื่อเซวียน
เพราะว่าตอนที่เธอมาได้ส่งตำแหน่งไปให้ซ่งจื่อเซวียน แต่โอกาสในครั้งนี้ช่างน้อยนิดเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะมาได้ทันเวลา
ที่จริงถือว่าพ้นอันตรายแล้ว ได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่น้ำตากลับไหลพรากออกมายิ่งกว่าเดิม
หรืออาจจะเป็นเพราะซ่งจื่อเซวียนมาแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในใจของเธอจึงไม่อยากโดนเก็บกดเอาไว้อีกแล้ว จึงปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
อีกด้านหนึ่ง เฮ่อเหยียนข่ายเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว ตอนนี้การเตะต่อยอย่างไร้แบบแผนของซ่งจื่อเซวียนทำให้เขาพบช่องโหว่ เขาออกแรงลุกขึ้น จากนั้นจึงจับเสื้อของซ่งจื่อเซวียนไว้
เมื่อเทียบกำลังแล้ว ดูเหมือนเฮ่อเหยียนข่ายจะมีกำลังเยอะกว่า เขากดซ่งจื่อเซวียนไปบนพื้นทันที
แต่ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนเหมือนสู้อย่างไม่คิดชีวิต เอาศีรษะโหม่งไปที่ใบหน้าของเฮ่อเหยียนข่ายเต็มเปา
หน้าผากกระแทกจมูก เฮ่อเหยียนข่ายเลือดกำเดาไหลออกมาทันที
เขาเอามือป้องจมูกร้องด้วยความเจ็บปวด ซ่งจื่อเซวียนอาศัยจังหวะนี้ตบหน้าไปอีกสองครั้ง
เนื่องจากไร้ซึ่งการป้องกันตัว เฮ่อเหยียนข่ายจึงรู้สึกหน้ามืดเห็นดาวปรากฏอยู่ตรงหน้า
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ซ่งจื่อเซวียนบีบคอของเฮ่อเหยียนข่ายด้วยมือข้างหนึ่ง ด้วยพลังอันแข็งแกร่งทำให้เฮ่อเหยียนข่ายรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกจนใบหน้ากลายเป็นสีม่วง
และการฟาดหนึ่งหมัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าติดต่อกัน ต่อยไปที่ใบหน้าของเฮ่อเหยียนข่ายเหมือนกับฝนปรอย ครั้งนี้เขารับมือไม่ไหวแล้ว
เฮ่อเหยียนข่ายยกมือขึ้นมาด้วยพลังสุดท้าย “อย่า…อย่าต่อยอีกเลย”
เห็นอีกฝ่ายขอร้องอ้อนวอน ซ่งจื่อเซวียนจึงใจเย็นเล็กน้อย เขาหายใจหอบ ปล่อยมือที่จับคอของเฮ่อเหยียนข่ายออกแล้วกลับไปดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายแทน
“ไอ้เลว รังแกผู้หญิงถือว่าเก่งนักหรอ ลุกขึ้นมาต่อยกันสิ!”
เฮ่อเหยียนข่ายส่ายหน้า โบกมือพูดว่า “ไม่ต่อยแล้ว…ฉันผิดไปแล้ว…”
“ผิดไปแล้วเหรอ ฉันจะให้แกจดจำความผิดนี้ไปตลอดชีวิต!”
ขณะพูด ซ่งจื่อเซวียนก็ค่อยๆ ลุกขึ้น ซางเทียนซั่วกับฟางรุ่ยที่อยู่ข้างๆ เหมือนจะตระหนักได้บางอย่าง ซ่งจื่อเซวียนเวลานี้บ้าเลือดไปแล้ว…
การเคลื่อนไหวของเขาไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมาทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว เมื่อเห็นเลือดบนใบหน้าของเฮ่อเหยียนข่าย เขาไม่ได้รู้สึกกลัวหรือประหม่า กลับดูเหมือนจะชอบใจมากกว่า
นิสัยที่สุดโต่งเช่นนี้น่ากลัวมาก ฟางรุ่ยแอบมีเหงื่อเย็นไหล โชคดีที่นายท่านรองไม่ใช่เจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะมีกี่ชีวิตอยู่ในมือของเขา
ตอนนี้เอง ฟางรุ่ยกับซางเทียนซั่วก็เห็นว่าการเคลื่อนไหวของซ่งจื่อเซวียนผิดปกติ จะต้องเข้าไปขวาง แต่เหมือนจะสายไปแล้ว
เดิมทีเฮ่อเหยียนข่ายใส่กางเกงลำลองรัดรูปอยู่แล้ว ตำแหน่งตรงนั้นจึงนูนออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน
“อ๊าก….”
ตามมาด้วยเสียงร้องไห้สะอื้น เครื่องหน้าของเฮ่อเหยียนข่ายเปลี่ยนรูปไปอย่างสิ้นเชิง น้ำตาไหลลงมาจากหางตา ต่อจากนั้นก็เป็นเสียงอาเจียน…
“อาจารย์ อย่า…”
“นายท่านรอง…”
ซ่งจื่อเซวียนสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที “ไอ้สัตX จำวันนี้เอาไว้ จำฉันไว้ซ่งจื่อเซวียน!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็หันตัวเดินไปทางถังหย่าฉี “หย่าฉีเธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
ถังหย่าฉีมองซ่งจื่อเซวียนตาปรือ “จื่อเซวียน ฉัน…ฉันไม่มีแรงเลยสักนิด”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ตกตะลึง มองแก้วเหล้าที่อยู่ข้างๆ อีกทีนึงก็เข้าใจทุกอย่าง
“ไอ้ชาติหมา เลวระยำจริงๆ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยพลางอุ้มถังหย่าฉีขึ้นมา แล้วเดินออกไปนอกประตู “รุ่ยจื่อ เทียนซั่วไป!”
ทั้งสองคนสบตากันหนึ่งที แล้วมองเฮ่อเหยียนข่ายที่ร้องโอดโอยอยู่บนพื้น พวกเขาถอนหายใจ แล้วจึงเดินออกมา
เหลือเพียงเฮ่อเหยียนข่ายคนเดียว ความเจ็บปวดจากร่างกายลามไปถึงความสิ้นหวังในหัวใจ ในใจรู้สึกเสียใจและโกรธเคือง…
เมื่อออกจากอาคารสำนักงานจินหมิง ซ่งจื่อเซวียนก็อุ้มถังหย่าฉีขึ้นรถไปทันที
ซางเทียนซั่วเอ่ยถาม “อาจารย์ จะจัดการไอ้หมอนั่นยังไง”
“แล้วแต่ ถ้าเขาแจ้งความ ฉันก็จะรับผิดชอบเอง!” ระหว่างที่ซ่งจื่อเซวียนพูด สายตาไม่ละไปจากถังหย่าฉีเลย
ถังหย่าฉีก็เช่นกัน เธอเงยหน้ามองซ่งจื่อเซวียนด้วยแววตาที่อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
“ถ้างั้นพวกเราไปไหนดี” ซางเทียนซั่วถาม
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ร้านอาหารร่ำรวยยังไม่กลับมาเปิด จึงไปที่นั่นไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็กลับบ้านเหรอ แต่พอคิดถึงตอนที่ถังหย่าฉีไปบ้านตัวเองครั้งที่แล้ว เขาจึงไม่ค่อยกล้า
ขณะที่กำลังคิดอยู่ โทรศัพท์พลันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเจิ้งอวี่โทรมา เขาจึงกดรับสาย
เพราะเมื่อครู่ยังประชุมไม่เสร็จเขาก็ออกมาแล้ว และวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากของบริษัท เขาจึงแอบรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง
แต่จะทำอย่างไรได้ ตอนนี้ความเป็นจริงกำลังบอกเขาว่าเขาเลือกถูกต้องแล้ว
“ฮัลโหล อาเจิ้ง”
“จื่อเซวียน ธุระของคุณจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงมองถังหย่าฉีในอ้อมอกของตัวเอง เอ่ยว่า “เอ่อ…ผมก็ไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้ผมสะดวกคุยอยู่ครับ คุณมีธุระอะไรพูดได้เลยครับ”
“อ้ออย่างนี้นี่เอง ไม่มีอะไรครับ ผมแค่จะมาแจ้งคุณว่า หลังจากคุณออกไปแล้ว คุณซ่งได้แบ่งหน้าที่รับผิดชอบการทำงานใหม่ นอกจากคุณจะต้องบริหารโครงการทั้งหมดของบริษัทแล้ว ยังต้องรับผิดชอบงานของคลับเฮาส์หลงตูโดยเฉพาะด้วยนะครับ”
“อะไรนะ ให้ผมไปบริหารด้วยตัวเองเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ครับ คุณซ่งก็รู้สภาพของหลงตูดีครับ ไม่ใว้ใจจะให้เจ้าเจี้ยนดูแลอีก เพราะงั้นคุณต้องไปบริหารด้วยตัวเอง เจ้าเจี้ยนก็จะให้ความร่วมมือกับคุณ” เจิ้งอวี่ตอบ
“เอ่อ…โอเคครับ อย่างนั้นผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรครับ คุณลองจัดเวลา เจียดเวลาไปดูที่หลงตูก่อน จากนั้นก็เริ่มทำงานได้เลยครับ”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด แล้วจึงเบิกตาโตทั้งสองข้าง “อย่างนั้นผมไปตอนนี้ได้ใช่ไหมครับ”
“แน่นอนครับ ผมจะให้ช่องทางการติดต่อเจ้าเจี้ยนกับคุณ คุณติดต่อเขาโดยตรงได้เลยครับ”
“โอเคครับ ถ้างั้นผมจะไปตอนนี้เลย!”
พอวางสาย ซ่งจื่อเซวียนจึงยิ้มบางๆ เขากำลังกลุ้มใจอยู่ว่าจะไปไหนดี ตอนนี้ได้จังหวะพอดี มีที่ไปแล้ว
“เทียนซั่ว รู้จักคลับเฮาส์หลงตูไหม”
“รู้จักครับ ที่นั่นใหญ่อยู่เหมือนกัน ทำไมเหรอครับอาจารย์” ซางเทียนซั่วเอ่ยถาม
“ไป ไปที่นั่นกัน!”
“หา? เวลานี้คลับเฮาส์ยังไม่เปิดให้บริการนะครับ แล้วก็…พาอาจารย์แม่ไปที่นั่น…ไม่ดีหรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้องพูดไร้สาระ ขับรถไป!”
………………..
เขตเฉิงเป่ย คลับเฮาส์หลงตู
คลับเฮาส์มีทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นหนึ่งเป็นห้องโถงใหญ่ ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา
ผนังกระจกโดยรอบบวกกับแสงไฟสีทอง ส่องแสงทำให้เกิดแสงสีเหลืองอร่ามแวววาวไปทั่วพื้นที่
เคาน์เตอร์ด้านหน้าสร้างจากหินสีอ่อน บนผนังแขวนภาพวาดจีนบางส่วนซึ่งไม่รู้ว่าหามาจากที่ไหน
อีกด้านหนึ่งมีน้ำพุไม่ใหญ่มาก รอบน้ำพุล้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้ไม้แดง บรรยากาศหรูหราเป็นอย่างยิ่ง
ชั้นสอง ชั้นสามและชั้นสี่เป็นห้องส่วนตัวของคลับเฮาส์ แต่ละชั้นมีห้องส่วนตัวประมาณสามสิบห้อง ขนาดเช่นนี้ถือว่าใหญ่มากในตู้เหมิน
และด้วยเหตุนี้ หากบริหารไม่ดีจึงเสียหายหนักมาก เนื่องจากค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟของที่นี่แพงน่าดูเหมือนกัน
ตอนที่มา ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้ติดต่อเจ้าเจี้ยนก่อน เขาขี้เกียจสนใจคนคนนั้น ดังนั้นพอลงจากรถจึงเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ทันที
พอเข้ามา พนักงานใส่สูททับด้วยเสื้อกั๊กสองคนก็เดินเข้ามาต้อนรับ
“พี่ชาย คลับเฮาส์ของพวกเรายังไม่เปิดครับ”
ขณะพูด พนักงานมองถังหย่าฉีที่อยู่ในอ้อมอกของซ่งจื่อเซวียน จึงรู้สึกแปลกใจเหมือนกัน มีการอุ้มสาวของตัวเองมาที่คลับเฮาส์ด้วยเหรอ
ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยว่า “ผมรู้ เปิดห้องส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องที”
“เอ่อ พี่ชาย พวกเรา…ยังไม่เปิดร้านครับ!”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจ เดินเข้าไปข้างในทันที ซางเทียนซั่วที่อยู่ข้างหลังผลักพนักงานคนนั้นออกไป แล้วเดินตามเข้าเข้าไปในลิฟต์
พนักงานตกตะลึง “เร็ว รีบโทรหาพี่เฮย บอกว่ามีคนบุกเข้ามาในคลับเฮาส์”
“อือๆ” พนักงานอีกคนหนึ่งรีบโทรศัพท์หาทันที
สักพักหนึ่ง เจ้าเฮยจื่อจึงพาคนสองสามคนเดินออกจากในลิฟต์ ถลกแขนเสื้อทำท่าจะต่อยตีเต็มที่
“มันอยู่ไหน”
“พี่เฮย พวกเขาขึ้นลิฟต์ไปแล้ว พวกเราห้ามไม่อยู่ครับ” พนักงานพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“แม่งเอ๊ย ไม่ได้เรื่อง มันเป็นใคร” เจ้าเฮยจื่อถาม
“ชายสามหญิงหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเหมือนนอนหลับไปแล้ว ผู้ชายหนึ่งคนในนั้นอุ้มเธออยู่ครับ”
เจ้าเฮยจื่อฟังแล้วก็อึ้งไป “นี่มันอะไรกัน ดูกล้องวงจรปิดหรือยัง ขึ้นไปชั้นไหน”
“ดูแล้วครับ เมื่อกี้พวกเขาเข้าไปในห้องสองหนึ่งสาม”
“ให้ตาย คลับเฮาส์ยังไม่เปิดก็มาแล้ว และยังเข้าห้องส่วนตัวด้วยตัวเอง แถมพาผู้หญิงมาด้วยเหรอ แม่ง คิดว่าคลับเฮาส์ของฉันเป็นสถานที่อะไร ไป ไปกับฉันเลย!”
พูดจบ เจ้าเฮยจื่อจึงพาคนเดินไปที่ลิฟต์
อันที่จริงตอนนี้เจ้าเฮยจื่อก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ซ่งอวิ๋นฮั่นเพิ่งเปลี่ยนผู้บริหารเป็นซ่งจื่อเซวียน และซ่งจื่อเซวียนก็มีเรื่องทะเลาะกับเขาวันนี้ไป
เขาจึงกลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรแล้วถูกซ่งจื่อเซวียนรู้เรื่องเข้า ผู้รับตำแหน่งคนใหม่เตะเขาออกไป เขาคงซวยแย่
ถึงแม้นายท่านฉินลิ่วจะสามารถรับเขาไปได้ แต่ก็ไม่สบายเท่าอยู่คลับเฮาส์แห่งนี้
อยู่ที่นี่ ได้เงินไม่น้อย และยังมีสาวสวยมากมาย ในฐานะผู้ดูแลที่นี่ ยังได้เล่นกับสาวๆ สวยๆ เหล่านี้เป็นครั้งคราว หากโดนเตะไปอยู่ที่ตลาดจริงๆ ชีวิตที่ดีๆ แบบนี้จะจบลงทันที
ภายในห้องส่วนตัว ซ่งจื่อเซวียนวางถังหย่าฉีนอนลง มองเห็นเธอค่อยๆ หลับไปแล้ว เขาจึงวางใจ
“รอเธอพักผ่อนสักพักหนึ่ง พอเธอโอเคแล้วพวกเราค่อยกลับ”
“อาจารย์ อาจารย์แม่…เป็นอะไรไป” ซางเทียนซั่วเอ่ยถาม
ฟางรุ่ยกล่าวว่า “ก็คงจะโดนคนวางยา ไม่อย่างนั้นนายท่านรองจะโกรธขนาดนี้เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่ เฮ่อเหยียนข่ายไอ้เลวนั่น เรื่องแบบนี้ก็ยังทำได้!”
“ไอ้สัตX เลวจริงๆ อาจารย์ จัดการไอ้เชี่ยนั่นจนน่วมก็สมควรแล้ว!” ซางเทียนซั่วบ่น
พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกคนถีบออกดังปัง
เจ้าเฮยจื่อที่เดินอยู่หน้าสุดถกแขนเสื้อขึ้นมา “แม่งเอ๊ย ใครกล้ามาก่อกวนในคลับเฮาส์ของฉัน”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงหันมา ก็มองเห็นเจ้าเฮยจื่อ
“ไสหัวไป!”
……………………………………..