เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 181 การเอาคืนได้เริ่มขึ้นแล้ว
ตอนที่ 181 การเอาคืนได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากได้ยินคำพูดนี้เสี่ยเฉิงปาก็รู้สึกมั่นใจ เหมือนจะดูไม่ผิด ครั้งนี้ที่ร้านอาหารร่ำรวยโดนปิดก็เพราะคนที่หวงฟาหามา
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมซ่งจื่อเซวียนถึงยืนกรานให้เขาถามให้ชัดเจน ที่จริงเรื่องนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังทำตามคำพูดของซ่งจื่อเซวียน เพราะตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยืนข้างซ่งจื่อเซวียน
“ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ” เสี่ยเฉิงปาเอ่ย
หวงฟาพยักหน้าและพูดปนรอยยิ้ม “ไหนๆ ก็มาแล้วก็อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ เหวินคุ่ยตอนเย็นช่วยจัดการให้หน่อย เราจะไปกินข้าวที่ถงเชวี่ยไถกัน”
เสี่ยเฉิงปารู้ว่าถงเชวี่ยไถเป็นธุรกิจของหวงฟา
อีกทั้งยังเป็นคลับเฮาส์ที่สำคัญของเขา คลับเฮาส์แห่งนี้รวมงานจัดเลี้ยงและความบันเทิงไว้มากมาย เช่น การรับประทานอาหาร โรงอาบน้ำ คาราโอเกะและอื่นๆ
นอกจากนี้ยังเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคลับเฮาส์ครบวงจรที่หรูหราที่สุดในเมืองตู้เหมินอีกด้วย
“เอ่อ…เสี่ยครับ คืนนี้เรามีนัดแล้วครับ”
หวงฟาขมวดคิ้วเล็กน้อย “หืม? อ๋อ ฉันจำได้แล้ว เสี่ยปา ขอโทษจริงๆ ถ้างั้น…เราเปลี่ยนวันกันไหม”
เสี่ยเฉิงปาแอบด่าในใจ ไอ้เวร เปลี่ยนวันเหรอ แม่งไม่คิดจะเลี้ยงข้าวฉันอยู่แล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารสักมื้อ แต่ท่าทีเช่นนี้ไม่ปกติ เห็นได้ชัดว่ากำลังเอาเปรียบ แม้แต่อาหารมื้อหนึ่งก็ไม่เลี้ยง แสดงว่าเฉิงปาไม่ได้อยู่ในสายตาของหวงฟาเลย
“เอาเถอะครับ ผมก็ไม่อยากรบกวนเสี่ยหวง ฮ่าๆ งั้น…ผมไปก่อนนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ”
หวงฟาพยักหน้าและโบกมือโดยไม่บอกลา
เมื่อเดินออกจากห้องทำงานของหวงฟา เสี่ยเฉิงปาก็โกรธ ในขณะเดียวกันเขาก็แน่วแน่ที่จะยืนเคียงข้างซ่งจื่อเซวียน
อย่างน้อย…ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ความเคารพเขามากพอ หากเขาติดตามหวงฟา แม้ว่าจะหาเงินได้บ้าง แต่เกรงว่าจะต้องมีเรื่องให้โกรธไม่น้อย
เมื่อเห็นเสี่ยเฉิงปาออกมา จางเปียวและเหลยจื่อต่างก็เข้าไปรับ
ทุกคนเดินออกจากตึกจวี้เฟิง เสี่ยเฉิงปามองย้อนกลับไปแล้วสบถ “ถุย บ้าอะไรเนี่ย แม่ง!”
“ทำไมเหรอครับเสี่ย เสี่ยหวงเขา…พูดอะไรหรือเปล่า” จางเปียวรีบถามอย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ม ไอ้เลว ต่อไปถ้าซ่งจื่อเซวียนลุกขึ้นมาได้ แม่งเอ๊ย ฉันอยากดูว่ามันจะตายยังไง!”
จากนั้นเสี่ยเฉิงปาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้จางเปียวและเหลยจื่อฟังในรถ เนื่องจากเขาไม่เคลือบแคลงใจเกี่ยวกับความจงรักภักดีของสองคนนี้
“แม่ง มันเกินไปแล้วจริงๆ ถึงยังไงเสี่ยปาก็มีชื่อเสียงในตู้เหมิน เสี่ยหวงบ้าไปแล้ว!” เหลยจื่อด่ากราด
“ใครให้มันไปอยู่ตำแหน่งนั้นกัน แม่ง คนต่ำทราม!” เสี่ยเฉิงปากัดฟันพูด
ทว่าจางเปียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เสี่ยครับ เรื่องนี้…น่าสนใจอยู่นิดหน่อยนะ”
“เปียวจื่อ แกไม่อยากมีชีวิตแล้วเรอะ ยังจะมาสนุกอีก สนุกกับผีน่ะสิ” เสี่ยเฉิงปาเริ่มมีน้ำโหทันที
เขาโกรธตอนอยู่ข้างใน ออกมาก็ถูกลูกน้องเยาะเย้ย แน่นอนว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“เสี่ยครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายถึง…นายท่านรองให้เรามาดูว่าหวงฟาทำเรื่องนี้หรือเปล่าไม่ใช่เหรอ”
“ใช่สิ ข้าก็ถามไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงก็คือหวงฟานั่นแหละ!” เสี่ยเฉิงปากล่าว
“เพราะงั้นเราก็อย่าเพิ่งใจร้อน เขานัดใครไว้ไม่ใช่เหรอครับ รอให้หวงฟาออกมาแล้วเราก็ตามไปดูว่าเขาไปที่ไหนกัน!” จางเปียวพูด
“เชี่ย จะสะกดรอยตามหวงฟาเหรอ” เสี่ยเฉิงปาพูดด้วยสีหน้าเหนือความคาดหมาย “แม่งเอ๊ย น่าสนใจดี เปียวจื่อ ไอ้เด็กนี่ใช้ได้แฮะ งั้นเรารอก่อน!”
หลังจากนั้นทุกคนก็สูบบุหรี่รออยู่ในรถ
ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นหวงฟาเดินออกมาจากตึก ขณะเดียวกันก็มีรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำคันหนึ่งขับมาตรงข้างหน้าเขา
“เปียวจื่อ ตามไป แต่อย่าให้โดนจับได้ล่ะ”
“ฮ่าๆ เสี่ยวางใจได้ อย่าลืมอาชีพเก่าของผม!” จางเปียวฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ
จางเปียวกลายมาเป็นคนสนิทของเสี่ยเฉิงปาได้ก็มาจากฝีมือของเขาเป็นหลัก เมื่อพูดถึงเรื่องซ่อนแอบ ใครๆ ก็ยอมรับ รวมถึงซ่งจื่อเซวียนที่รู้เกี่ยวกับความสามารถพิเศษนี้ของเขาด้วย…
พวกเขาตามไปตลอดทาง ในที่สุดเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำก็จอดที่ทางเข้าคลับเฮาส์ถงเชวี่ยไถ
หวงฟาลงจากรถ มองไปโดยรอบแล้วเดินเข้าไปทันที แต่เถียนเหวินคุ่ยรออยู่ที่ประตูตลอด
“เหลยจื่อ แกถ่ายรูปไว้หน่อย ถ้าเกิดมันมีประโยชน์จะได้เอาไปให้นายท่านรองดู!” เสี่ยเฉิงปาพูด
“เข้าใจแล้วครับเสี่ย!”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ในไม่ช้ารถโฟล์คสวาเกน-พาสสาทก็จอดตรงหน้าถงเชวี่ยไถ และเถียนเหวินคุ่ยก็ก้าวไปต้อนรับอย่างสุภาพมาก
“พาสสาท…รถก็งั้นๆ แต่ป้ายทะเบียนสุดยอดว่ะ เลขห้าสี่ตัวเลย เหลยจื่อถ่ายไว้!”
แชะ แชะ แชะ…
เหลยจื่อกดปุ่มชัตเตอร์อย่างต่อเนื่องแล้วก็เริ่มบันทึกวิดีโอ
ชายคนหนึ่งสวมเสื้อกันลมก้าวลงจากรถ อายุอยู่ในช่วงสี่สิบถึงห้าสิบปี ดูดีมีสง่า เถียนเหวินคุ่ยคลี่ยิ้มแล้วพูดสองสามคำก่อนจะเดินเข้าไปในถงเชวี่ยไถกับเขา
“ไม่รู้ว่าคนที่มาพบคือใคร เส้นสายของหวงฟาคนนี้สุดยอดมากเลยแฮะ” เสี่ยเฉิงปามองหวงฟาแล้วใคร่ครวญเกี่ยวกับตัวเอง เขาแทบจะหมดเรี่ยวแรงทุกวัน นี่คือความแตกต่างสินะ…
……
หลังจากดูข้อมูลหลายโครงการในบริษัทแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าใจโครงการของบริษัทมากขึ้นเช่นกัน
ส่วนอาหารเย็นในวันนั้น เขาและเจิ้งอวี่สั่งอาหารเดลิเวอรี่มาที่บริษัท
พวกเขาทั้งสองกินและพูดคุยไปด้วย ซ่งจื่อเซวียนก็ค่อยๆ เริ่มคุ้นชินกับธุรกิจเหล่านี้
“อาเจิ้ง ดูเหมือนว่าเงินหมุนเวียนในตลาดหลายแห่งจะค่อนข้างเยอะ ยังไม่ต้องไปพูดถึงรายได้จากค่าเช่า แค่ค่านายหน้าอย่างเดียวนี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ย
เจิ้งอวี่พยักหน้า “ใช่ นี่คือสัดส่วนค่านายหน้าที่คำนวณจากคุณซ่ง พ่อค้าก็ค่อนข้างยอมรับกัน”
“จริงๆ ถ้าค่านายหน้าสูง ทุกคนจะต้องมอบเงินที่พวกเขาหามาได้ คงไม่เต็มใจแน่นอน แต่…ยกเว้นอย่างหนึ่ง” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“หืม ยกเว้นอะไรครับ” เจิ้งอวี่เอ่ยถาม
“ก็คือแม้ว่าค่านายหน้าจะสูง แต่มูลค่าการซื้อขายในตลาดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ถึงทุกคนจะจ่ายค่านายหน้าสูง แต่ก็จะทำรายได้ได้มากกว่าเดิม ” ซ่งจื่อเซวียนพูดพร้อมกับตักข้าวหนึ่งคำ
เจิ้งอวี่พยักหน้า “เป็นอย่างนั้นครับ คุณซ่งก็เคยพูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้…ผมเกรงว่ามันคงต้องใช้เวลาสักพัก สุดท้ายแล้วตอนนี้ถือว่าอยู่ในจุดอิ่มตัวแล้ว”
“ก็ไม่แน่ ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพวกนี้ หลักๆ มาจากร้านอาหารขนาดใหญ่ ส่วนการจับจ่ายส่วนตัว…ต่ำเกินไป เคยคิดที่จะเพาะเลี้ยงและจำหน่ายสินค้าเองบ้างหรือเปล่าครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยถาม
“เอ่อ…ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ”
ซ่งจื่อเซวียนกระตุกยิ้ม ดูเหมือนว่าเขายังต้องหารือบางเรื่องกับซ่งอวิ๋นฮั่น
แต่เมื่อนึกถึงอาการของอีกฝ่ายแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็เต็มไปด้วยความกังวล ด้วยสภาพร่างกายของเขาอาจเกิดเรื่องขึ้นได้ตลอดเวลา
อีกอย่างหนึ่งถึงแม้ว่าเขาจะปิดบังมาโดยตลอด แต่สันนิษฐานว่าทุกคนก็มีความคิดที่คล้ายกันหมด ไม่อย่างนั้นฉินจ้งจะพูดเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร
ไม่มีข่าวที่ไม่มีมูลเด็ดขาด
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นลู่ลี่จวินเขาก็ดีใจ
เขารอสายนี้อยู่!
“สวัสดีครับ ท่านอธิบดีลู่” ซ่งจื่อเซวียนกล่าวด้วยความเคารพ
“ฮ่าๆ เสี่ยวซ่งเอ๊ย พูดแบบนั้นฉันอายนะ นายว่าฉันแก่จนป่านนี้แล้วยังมากวนนายเพราะข้าวสักมื้อหรือเปล่า” ลู่ลี่จวินเริ่มหัวเราะ
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้ม “คุณเกรงใจเกินไปแล้วครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับผู้อาวุโสอย่างคุณ”
“เสี่ยวซ่งเอ๊ย นายถ่อมตัวแล้ว แต่พูดตามตรงนะน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายของนายยอดเยี่ยมมาก ไม่เพียงแต่ทำให้ฉันนึกถึงอยู่ทุกค่ำเช้าเท่านั้น แถมร่างกายของฉันยังฟื้นตัวเร็วมากจริงๆ ฉันวางแผนจะไปทำงานพรุ่งนี้แล้วล่ะ”
“ท่านอธิบดีลู่ คุณต้องใส่ใจสุขภาพนะครับ หรือไม่อย่างนั้นคุณควรดูแลตัวเองและอย่าให้เหนื่อยล้าอีกนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนกำชับ
“งานน่ะมันมีเยอะเกินไป พวกเขาจะตัดสินใจลำบากถ้าฉันไม่อยู่ คงต้องกลับไปก่อน ว่าแต่เสี่ยวซ่ง นาย…จะสะดวกไหมถ้าเอาน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายมาให้ฉันอีกชาม”
“สะดวกสิครับ จะให้ส่งไปที่บ้านหรือที่สำนักงานดีครับ”
ลู่ลี่จวินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ฉันไม่อยากเป็นแมวตะกละแล้ว เอาอย่างนี้ ถ้าพรุ่งนี้นายสะดวกก็ส่งมาที่ที่ทำงานฉันนะ ข้าวเที่ยงที่สำนักงานฉันกินไม่ลง”
“รับทราบครับท่านอธิบดีลู่ วางใจได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะส่งไปให้คุณก่อนเที่ยง”
“ดีมากเสี่ยวซ่ง ขอบคุณนายมากจริงๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
หลังจากวางสาย เจิ้งอวี่ก็เอ่ยว่า “อธิบดีลู่…ฝ่ายภาครัฐเหรอครับ”
“อธิบดีสำนักงานควบคุมตลาด ช่วงนี้ตกหลุมรักอาหารที่ผมทำน่ะ แหะๆ” ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เจิ้งอวี่อดประหลาดใจไม่ได้ นี่คือ…เด็กคนเดียวกับที่เขาไปรับมาจากโรงเรียนหรือเปล่า
สำหรับนักธุรกิจทั่วไปแล้ว เส้นสายเช่นนี้ไม่มีใครเทียบได้
แต่ซ่งจื่อเซวียนต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายที่จะมอบให้ลู่ลี่จวินครั้งนี้…ต่างออกไป!
จากนั้นเจิ้งอวี่ก็ส่งเขากลับบ้าน ซ่งจื่อเซวียนไม่ลืมย้ำให้เจิ้งอวี่ติดต่อเขาทุกเวลา โดยเฉพาะเรื่องตรวจสอบเกี่ยวกับคนเหล่านั้น
ทว่าทันทีที่กลับถึงบ้าน ร่างกายยังไม่ทันอุ่น จางเปียวก็โทรมาแล้ว
“นายท่านรอง วันนี้เสี่ยปาไปพบเสี่ยหวง มีข่าวจะมาบอก!” จางเปียวกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจว่าเสี่ยเฉิงปากำลังเลี่ยงความสงสัยและพยายามไม่ให้หวงฟารับรู้การติดต่อลับๆ ของเขา จึงให้จางเปียวโทรหาเขาแทน
“ว่ามา”
จากนั้นจางเปียวก็เล่าบทสนทนาของเสี่ยเฉิงปาที่ตึกจวี้เฟิงให้ซ่งจื่อเซวียนฟัง และยังเล่าเรื่องการสะกดรอยตามไปถึงถงเชวี่ยไถในช่วงหลัง
“หืม ป้ายทะเบียนนั่น…พี่แน่ใจนะ”
“ไม่ผิด เหลยจื่อกับฉันเห็นเต็มสองตา เป็นป้ายทะเบียนที่มีเลขห้าสี่ตัว!”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “เอาล่ะ พี่ไปบอกเสี่ยปาว่าเขาตอบรับความต้องการทั้งหมดของหวงฟาได้เลยนะ เรื่องอื่นผมจะจัดการเอง!”
“โอเคนายท่านรอง แต่…เสี่ยปายังให้ฉันมาถามนายอย่างหนึ่ง”
“หืม อะไรเหรอ” อันที่จริงซ่งจื่อเซวียนพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ ว่าสิ่งที่เสี่ยเฉิงปากังวลมากที่สุดในเวลานี้คือจะสะสางเรื่องนี้ได้เมื่อไร เพราะเขาก็จะไม่ยอมเป็นสายลับแบบนี้ไปนานๆ แน่นอน
“เสี่ยปาถามว่า…ร้านอาหารร่ำรวยจะเปิดได้เมื่อไรน่ะ นายท่านรองก็รู้ว่ารายได้ร้านอื่นๆ ของเสี่ยปาไม่เยอะมากนัก เขาเลยมุ่งมาที่ร้านอาหารร่ำรวยเท่านั้น”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็กระตุกยิ้ม เขาเดาผิดแล้ว สิ่งที่เสี่ยปาคนนี้สนใจมากที่สุดคือเรื่องเงินสินะ
“เหอะๆ เปียวจื่อ พี่ไปบอกเสี่ยปาว่าผมบอกไม่ได้ว่าร้านอาหารร่ำรวยจะเปิดเมื่อไร แต่พรุ่งนี้…จะรู้ผลทุกเรื่อง!” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“หืม? นายท่านรอง คำพูดนี้…ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มมีเลศนัย “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พี่จะเข้าใจหรอก เปียวจื่อ พรุ่งนี้ช่วงเช้าให้เสี่ยปาจัดครัวด้านหลังให้ผมนะ ส่วนเรื่องอื่น…ผมจะจัดการเอง!”
“ได้เลนนายท่านรอง ฉันจะไปจัดการให้ทันที!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ซ่งจื่อเซวียนก็แค่นหัวเราะเบาๆ
การเอาคืนได้เริ่มขึ้นแล้ว!
……………………………………….