เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 179 จำไว้ด้วย
ตอนที่ 179 จำไว้ด้วย
การประชุมเป็นสิ่งที่ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้คาดเดาไว้
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมซ่งอวิ๋นฮั่นถึงพูดกับเขาอย่างนี้
เขาเชื่อว่าตอนที่ซ่งอวิ๋นฮั่นอยู่ คนพวกนี้จะต้องสมานฉันท์กันแน่ ต่อให้มีความคิดเห็นอะไร ไม่คุยกันดีๆ ก็อดทนไว้
แต่ตอนนี้…นับได้ว่าบริษัทนี้แตกสามัคคีกัน
เจิ้งอวี่มองซ้ายมองขวา รู้สึกปวดใจ
ที่จริงเขาชินแล้ว หลังจากซ่งอวิ๋นฮั่นเข้าไปอยู่ในโรงแรมข่ายอ้อ เขาก็รับผิดชอบเรื่องพวกนี้มาตลอด
ทุกครั้งที่เจอกับคนพวกนี้ล้วนแต่ทำให้เจิ้งอวี่รู้สึกไม่สบายใจ
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าคนพวกนี้สามัคคีกันตอนที่ซ่งอวิ๋นฮั่นอยู่ แต่ตอนนี้…กลับทำให้เขาเข้าใจแล้ว สิ่งพวกนั้นปลอมเปลือกทั้งหมด
“เหอะๆ ถึงยังไงก็เพื่อบริษัท ทุกท่านก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันขนาดนี้ อย่างนั้น…พวกเราก็เริ่มกันเลยไหมครับ”
ถ้าเจิ้งอวี่ไม่พูดประโยคนี้ บางทีคนพวกนี้อาจจะลืมจุดประสงค์ที่ประชุมกันวันนี้แล้ว…
ได้ยินดังนั้น นายท่านฉินลิ่วยักไหล่แค่นเสียงหึเบาๆ พิงพนักเก้าอี้ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะพูดอะไร
เจิ้งอวี่ก็เคยชินแล้ว ที่บริษัท โดยเฉพาะหลังจากซ่งอวิ๋นฮั่นป่วย นายท่านฉินลิ่วก็หยิ่งผยองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การพัฒนาของซ่งอวิ๋นฮั่นในตู้เหมิน นายท่านฉินลิ่วนับว่าเป็นผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง พูดถึงตำแหน่ง เขาถึงขั้นไม่เคารพซ่งอวิ๋นหล่างด้วย
เจิ้งอวี่ไม่สนใจ มองตรงไปที่เฮ่อเหว่ยด้านหลังสุด พูดว่า “ผู้จัดการเฮ่อ คุณพูดก่อนเถอะครับ”
เฮ่อเหว่ยยิ้มบาง “ครับ งั้นผมพูดก่อนแล้วกัน ที่จริงเมื่อครู่นายท่านลิ่วก็กำลังถามสถานการณ์ทางผมอยู่ ตลาดเขตเฉิงหนานของพวกเรา หลักๆ ก็คือดำเนินรูปแบบการจัดการใหม่ครับ
ตอนปลายปีที่แล้ว ผมดำเนินการปรับปรุงตำแหน่งแผงในตลาด อีกทั้งไม่ได้เปลี่ยนค่าเช่า ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพื้นฐานจำนวนตารางเมตร จัดร้านค้าที่ค่อนข้างมีโพเทนเชียลไว้ในทำเลสำคัญหลายๆ จุด
ที่เรียกว่ามีโพเทนเชียลก็คือข้อได้เปรียบอย่างพวกราคาที่มั่นคง แหล่งสินค้าแน่นอน มีสินค้าหลากหลาย แน่นอนว่าถ้านำร้านค้าพวกนี้จัดอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยดี พวกเราก็จะจัดสรรเงินอุดหนุนให้ด้วย”
ซ่งอวิ๋นหล่างถามทันที “เงินอุดหนุนเหรอ เงินนี่นายจะออกนี่ยังไง เอามาจากไหน”
อย่างไรบริษัทนี่ก็ของแซ่ซ่ง ซ่งอวิ๋นหล่างค่อนข้างให้ความสำคัญกับกำไรของบริษัทมากกว่าคนอื่น
“เหอะๆ เป็นเงินจากตลาดนี่แหละครับ เรื่องนี้ผมเคยขอคำแนะนำกับคุณซ่งตั้งแต่แรกแล้วครับ รายได้ตลาดของเราสามเดือน สุดท้ายก็จะโปะเงินอุดหนุนเหล่านี้หมดครับ” เฮ่อเหว่ยตอบ
นายท่านฉินลิ่วได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เอาเถอะ เฮ่อเหว่ยจัดการได้ งั้นทางตลาดเขตหงเหอของฉันก็ให้นายมาจัดการแล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้แฝงความเป็นอริเอาไว้ด้วย ตำแหน่งของนายท่านฉินลิ่วค่อนข้างสูงอยู่อย่างชัดเจน เขาไม่ชอบให้มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับการจัดการที่ก้าวหน้าต่อหน้าเขา
ด้านเฮ่อเหว่ยยิ้มไม่พูดอะไร พิงกลับไปด้านหลัง เหมือนกับสื่อว่าผมพูดจบแล้ว
เจิ้งอวี่พยักหน้า “เรื่องที่เฮ่อเหว่ยขอคำแนะนำจากคุณซ่งผมทราบแล้วครับ เอาล่ะ จั่วอู่ ทางคุณล่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งอวี่หลีกเลี่ยงไม่ให้นายท่านฉินลิ่วโมโหใส่เฮ่อเหว่ยต่อ รีบถามคนถัดไปทันที
“ทางผม…ที่จริงหลักๆ คือควบคู่กับตลาดเขตหงเหอที่นายท่านลิ่วดูแลเป็นอย่างดี ทั้งยังมีบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ สถานการณ์บริษัททุกคนก็รู้ว่าเขาเพิ่งจะลงทุนซีรีส์เรื่องหนึ่งไป แต่ยังไม่ได้เริ่มทำเงินคืน”
ซ่งอวิ๋นหล่างชำเลืองมองจั่วอู่ “เหอะๆ เหล่าเจิ้งหนอ จากนี้ฉันว่าอย่างจั่วอู่เอย เฮยจื่อเอยก็ไม่ต้องรายงานแล้ว ให้นายท่านลิ่วพูดเลยก็ได้นี่”
“นายท่านรองพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง รังเกียจที่คนแก่อย่างฉันจัดการดูแลเยอะหรือยังไงกัน” นายท่านฉินลิ่วตอบกลับทันที
ซ่งจื่อเซวียนแอบยิ้ม ท่าทางระดับสูงของบริษัทนี้หลักๆ แบ่งเป็นสองฝ่าย ก็คืออารองกับนายท่านฉินลิ่ว อารองทางนี้ยังดูอะไรไม่ออก แต่จั่วอู่และเฮยจื่อเป็นคนของนายท่านฉินลิ่วอย่างเห็นได้ชัด
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็มองจั่วอู่อีกครั้ง ดูท่าเมื่อครู่จะคิดผิดไป เขาไม่ได้เป็นคนฉลาดที่ไม่พูด แต่…เขาคือคนของนายท่านลิ่ว
“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย เหอะๆ คุณจะดูแลกี่อย่างผมก็ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่ว่า…ในเมื่อคุณเป็นคนดูแลทั้งหมด จะให้พวกเขารายงานไปทำไมล่ะ”
“ซ่งอวิ๋นหล่าง ฉันจะบอกนายนะ คนแก่อย่างฉันทำไปเพื่อช่วยคุณซ่งดูแลเรื่องพวกนี้ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์อะไรเลย นายเล่นลิ้นกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย!”
เห็นนายท่านฉินลิ่วไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย เจิ้งอวี่ถอนหายใจเงียบๆ “เอาล่ะ ทุกท่านเป็นคนกันเองทั้งนั้น จะทะเลาะกันทำไมล่ะครับ นายท่านลิ่วพูดเถอะครับ”
นายท่านฉินลิ่วได้ยินก็มองซ่งอวิ๋นหล่างแวบหนึ่ง พิงกลับไปด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าให้ซ่งอวิ๋นหล่างพูดก่อน
เจิ้งอวี่มองซ่งอวิ๋นหล่างทันที คนหลังพูดว่า “หมายความยังไง นายท่านลิ่วยังไม่ได้พูดเลย”
นายท่านฉินลิ่วได้ยินก็แค่นเสียงเย็น “ฉันไม่มีอะไรจะพูด ส่งรายการเดินบัญชีมาทุกเดือนอยู่แล้ว ตลาดเขตหงเหอสู้เฉิงหนานไม่ได้หรอก แต่ก็สูงกว่ารายได้ของตลาดเฉิงเป่ยของนาย ทางภาพยนตร์และโทรทัศน์จั่วอู่ก็พูดแล้วว่ารอผลตอบแทนอยู่”
ซ่งจื่อเซวียนแอบคิด รายได้ของตลาดโปร่งใสหรือไม่นั้นเป็นปัญหา ถ้าทำให้โปร่งใสไม่ได้ คนพวกนี้ก็ล้วนโลภมากเป็นทุนเดิม ส่วนจะโลภมากหรือน้อยนั้น…ก็ไม่มีใครรู้
ส่วนทางภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็ยิ่งกว่านี้ ถึงซ่งจื่อเซวียนจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้ว่าต้นทุนการถ่ายละครสักเรื่องหนึ่งสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทลงทุนหรือหานักลงทุนมา เงินจำนวนนั้นจะมหาศาลมาก
ดูแล้วถ้าหลังจากนี้ซ่งอวิ๋นฮั่นต้องจัดการเรื่องพวกนี้จริงๆ ก็ต้องลงมือกับเรื่องพวกนี้ก่อน
แต่คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนกลับแอบยิ้มขมขื่น ซ่งอวิ๋นฮั่น…จะมีกำลังมาจัดการเรื่องพวกนี้จริงๆ เหรอ
“นายท่านลิ่ว ในมือของคุณมีโครงการเยอะขนาดนี้ ก็พูดจบแบบง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ อย่างน้อยเฮ่อเหว่ยยังพูดพวกรายละเอียดเลยนะ”
ซ่งอวิ๋นหล่างพูดพลางมองเฮ่อเหว่ย เฮ่อเหว่ยย่อมรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดจะดึงหัวข้อนี้เข้าหาตัวเอง จึงถือโอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“รายละเอียดเหรอ มีอะไรให้พูดอีกล่ะ ฉันไม่ได้มีวิธีบริหารอะไร แค่หาเงิน ภาพยนตร์และโทรทัศน์กับคลับเฮาส์ก็เหมือนกัน”
เจิ้งอวี่ส่ายหน้า “เอาล่ะครับ นายท่านรองพูดเถอะครับ”
ซ่งอวิ๋นหล่างมองนายท่านฉินลิ่วอย่างไม่มั่นใจ พูดทันที “ทางฉันจะพูดง่ายๆ แล้วกัน ตลาดอาหารทะเลที่เฉิงเป่ยหนึ่งแห่ง มีรายรับรายจ่ายที่ละเอียดชัดเจนทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงค่าเช่าก็เขียนไว้อย่างชัดเจน สัญญาก็ส่งมาที่บริษัทหมดแล้ว
อย่างอื่น…ก็ถือว่าดำเนินการราบรื่นดี”
“ดำเนินการราบรื่น!” นายท่านฉินลิ่วเลียนแบบประโยคนี้ของซ่งอวิ๋นหล่างอย่างหยามเหยียด
“เหอะๆ มีอะไรให้ทำต่อล่ะ คุณซ่งไม่ได้มานานขนาดนี้ แถมโทรศัพท์ก็ไม่รับ ฉันไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่ายังไง” นายท่านฉินลิ่วพูด
“จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะ แม้แต่ผมที่เป็นน้องชายแท้ๆ ยังติดต่อเขาไม่ได้เลย เหล่าเจิ้ง ตกลงว่าพี่ชายฉันไปไหน” ซ่งอวิ๋นหล่างถาม
“เอ่อ…”
เจิ้งอวี่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรไปชั่วขณะ
“คุณเจิ้ง คุณซ่งเคยกำชับมาว่าจะพูดรายละเอียดการเดินทางของเขาไม่ได้เด็ดขาด!”
ตอนนี้เอง จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนที่แค่มองเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดก็เปิดปากพูดขึ้นมา
พอเปิดปาก ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที
ต้องพูดเลยว่า สายตาพวกนี้แทบจะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง เกลียดชัง ต่อต้าน!
ถึงอย่างไร…ซ่งจื่อเซวียนก็เป็นคนนอก
เจิ้งอวี่กลับเข้าใจในทันที พยักหน้า “ใช่ครับ ทุกท่านอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยครับ”
นายท่านฉินลิ่วจ้องซ่งจื่อเซวียน “ไอ้หนู ตอนที่นายไม่ควรพูด…จะต้องรู้จักหุบปากหน่อยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ พยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไร สำหรับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสวนากับตาแก่พวกนี้ด้วยซ้ำ เพราะที่เขามาครั้งนี้ก็แค่ช่วยซ่งอวิ๋นฮั่น
ซ่งอวิ๋นหล่างก็จ้องซ่งจื่อเซวียนเช่นกัน พูดว่า “หึ ประชุมคราวหน้าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาอีก นอกเสียจากพี่ชายฉันจะสั่งการเอง!”
เจิ้งอวี่ไม่ออกความเห็น พูดว่า “เอาล่ะครับ ทุกท่านกลับไปที่หัวข้อหลักเถอะครับ”
“ไม่มีอะไรจะพูด ฉันคิดว่าตอนนี้บริษัทเป็นกลุ่มมังกรขาดหัว แบบนี้จะต้องส่งผลกับกำไรแน่ เหล่าเจิ้ง ไม่อย่างนั้น…เราน่าจะเลือกผู้บริหารสูงสุดชั่วคราวมาสักคน!”
“เฮ้อ ฉันเห็นด้วยกับนายท่านลิ่วนะ” ซ่งอวิ๋นหล่างนั่งไขว่ห้าง วางสองมือบนหัวเข่า
เห็นพวกเขาสองคนจู่ๆ ก็สมัครสมานสามัคคี เจิ้งอวี่กับซ่งจื่อเซวียนย่อมเข้าใจความหมายของพวกเขา
นี่เป็นการรวมพลังตัดสินใจเลือกผู้นำสักคนหนึ่งชั่วคราว จากนั้นค่อยสู้กันอีกที
แต่ก่อนจะสู้กัน…ทุกคนต้องยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือซ่งอวิ๋นฮั่นไม่อยู่ ทุกคนต้องการผู้นำชั่วคราว
“เหอะๆ ถึงคุณซ่งไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้หยุดบริหารบริษัทนะครับ แบบนี้…ไม่ดีมั้งครับ” เจิ้งอวี่พูด
“ฉันว่าไม่มีอะไรไม่ดีนะ ไม่อย่างนั้นบริษัทจะทำยังไงล่ะ หรือจะบอกว่าถึงคุณซ่งจะตายไปแล้ว เราก็ต้องรอไปอย่างนี้น่ะเหรอ!” นายท่านฉินลิ่วตะคอกออกมา
พูดประโยคนี้จบ คนในที่แห่งนี้ก็ไม่มีใครกล้าต่อปากอีก เพราะว่า…คำพูดนี้รุนแรงเกินไป
เจิ้งอวี่รู้สึกโมโหมาก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร อย่างไรเขาก็เป็นผู้ช่วยที่ดีของซ่งอวิ๋นฮั่น แต่เมื่อพูดถึงตำแหน่ง เขาเทียบกับนายท่านฉินลิ่วไม่ได้
ส่วนซ่งอวิ๋นหล่าง…ก็ไม่พูดออกมาสักคำ ยังคงนั่งเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น
การกระทำเช่นนี้ทำให้ซ่งจื่อเซวียนไม่สบายใจอยู่หน่อยๆ คุณคือน้องชายแท้ๆ เขาบอกว่าพี่ชายของคุณตายแล้ว คุณก็ยังฟังอยู่อย่างนั้นน่ะเหรอ
อีกทั้งจากสีหน้าของซ่งอวิ๋นหล่าง แทบจะไม่เห็นความทุกข์ร้อนใดๆ เลย เหมือนกับใจจริงก็สนับสนุนคำพูดของนายท่านฉินลิ่ว
เห็นทุกคนไม่พูด นายท่านฉินลิ่วจึงเอ่ยถามว่า “ทำไมไม่พูดล่ะ หึ ไม่พูดก็คือเห็นด้วยแล้วสินะ”
นายท่านฉินลิ่วมองซ้ายขวา ก็ยังคงไม่มีใครเปิดปากพูด
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจ คนพวกนี้ต่างมีเลศนัย ซ่งอวิ๋นหล่างกำลังรอบริษัทตัดสินใจเลือกผู้นำชั่วคราว จนถึงตอนนั้นเขาถึงค่อยสู้กับนายท่านฉินลิ่วอีกที
จั่วอู่กับเฮยจื่อก็ไม่ต้องพูด พวกเขาเป็นคนของนายท่านลิ่ว
ส่วนเฮ่อเหว่ย…ซ่งจื่อเซวียนเหลือบมองเขา คนคนนี้ไม่ธรรมดา เขาน่าจะรอดูสถานการณ์แล้วเตรียมรับมือ หากไม่มีเหตุสุดวิสัย เขาคงไม่ออกความเห็น
อีกทั้งเขายังดูแลตลาดอาหารทะเลของเขตเฉิงหนาน กำไรก็เพียงพอให้เขากินอิ่มได้แล้ว ตอนนี้เขาไปสู้ก็เสี่ยง
“ในเมื่อไม่พูดกัน…งั้นก็ดี ฉัน…”
ไม่รอฉินจ้งพูดจบ เสียงหนึ่งก็ขัดคำพูดเขาทันที
“ไร้สาระ คุณเป็นผู้บุกเบิกบริษัทหรือไง คุณพูดว่าคุณซ่งตายแล้วพูดออกมาได้ไง ผมว่าคุณก็ไม่คู่ควรจะทำงานที่บริษัทต่อหรอกว่ะ!”
ประโยคนี้ย่อมมาจากปากของซ่งจื่อเซวียน
ถึงอารองซ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่มีคนด่าพ่อเขาเขาจะทนได้เหรอ
ได้ยินดังนั้น ฉินจ้งก็โกรธทันที “ไอ้เด็กเวร แกแม่งพูดอะไรวะ ก่อนที่ข้าจะตัดสินใจบีบแกให้ตาย รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเลย!”
ซ่งจื่อเซวียนยืนขึ้น กวาดตามองผู้คนรอบๆ อย่างเย็นชา สุดท้ายก็ตกไปที่ฉินจ้ง
“นายท่านฉินลิ่ว ผมชื่อซ่งจื่อเซวียน คุณจำชื่อผมไว้ให้ดีๆ แต่…คำพูดที่คุณเคยพูดออกมาเอง คุณก็ต้องจำไว้ด้วย!” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางถลึงตาใส่ฉินจ้ง
………………………………………………….