เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 177 แค่ดูไม่พูด
ตอนที่ 177 แค่ดูไม่พูด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ให้ตายยังไงเสี่ยเฉิงปาก็ไม่เชื่อว่าตนเองจะเชื่อคำพูดของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดก็คือร่วมมือต่อต้านเสี่ยหวงกับเขาด้วย
แต่ตอนนี้ ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ บวกกับสถานการณ์ตอนนี้ เสี่ยเฉิงปาก็ไม่มีทางเลือก
“น้องชาย งั้นแกว่าฉันจะติดต่อหาทางนั้นเมื่อไรดีล่ะ”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด เสี่ยติดต่อเถียนเหวินคุ่ยไปโดยตรงได้เลย ที่จริงนี่ยิ่งดี จะได้รับความเชื่อถือจากหวงฟาง่ายกว่า”
“หืม หมายความว่ายังไง” เสี่ยเฉิงปาถาม
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ถ้าติดต่อหวงฟาโดยตรงจะดูจงใจชัดเจนเกินไป แต่ติดต่อเถียนเหวินคุ่ยจะดูเป็นธรรมชาติทำตามขั้นตอน คืนนี้เสี่ยก็ติดต่อไปหาเขา ไม่สิ เย็นนี้เลย!”
“เพราะอะไรล่ะ ต้องใส่ใจจุดนี้ด้วยเหรอ”
“ใส่ใจสิ” ซ่งจื่อเซวียนพูดอย่างหนักแน่น “ถ้าเสี่ยติดต่อไปตอนนี้ บางทีคืนนี้หวงฟาอาจจะมาเจอเสี่ยก็ได้ สำหรับเขาแล้ว เขาก็ต้องการทดสอบสักหน่อยว่าเสี่ยพูดจริงหรือโกหก!”
“งั้นฉันต้องทำยังไง”
“เหอะๆ เสี่ยปา เรื่องนี้ผมยังต้องสอนเสี่ยอีกเหรอ ขอแค่แตกหักกับผม แตกหักกับร้านอาหารร่ำรวย อย่างอื่นทั้งหมดอาศัยแค่ใจของเสี่ย ถ้าหวงฟาให้ผลประโยชน์อะไรกับเสี่ย ก็รับไว้ทันทีเลย!”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปายิ้ม “หลอกเสี่ยหวง…เหอะๆ น้องชาย เรื่องนี้น่าตื่นเต้นดีนะ!”
จางเปียวข้างๆ พูด “ฮ่าๆ นายท่านรองก็คือนายท่านรอง ใจกล้าดี เสี่ยปา ถ้าเราผ่านเรื่องครั้งนี้ไปได้ จากนี้ก็ไม่กลัวเสี่ยหวงเขาแล้ว!”
เสี่ยเฉิงปาพยักหน้าพูด “ใช่แล้ว ถ้าน้องชายสามารถจัดการเรื่องทีมตรวจสอบได้ เสี่ยหวงก็หมดแผนดีๆ ส่วนแผนชั่ว…ที่เขตเฉิงซี ข้าก็ไม่กลัวเขา!”
พูดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนอึ้งไปเล็กน้อย ต้องรู้ว่าเขาเปิดร้านใหม่กับถังหย่าฉีที่เขตเฉิงหนาน ไม่ได้อยู่ในถิ่นของเสี่ยปา
ถึงเวลาถ้ามีข่าวหลุดออกมา…ก็เป็นเรื่องยุ่งยาก
แต่อย่างไรก็ยังไม่ได้เริ่ม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจก่อนแล้วกัน
จากนั้น เพื่อไม่ให้ถูกเจอตัวเข้า ซ่งจื่อเซวียนจึงรีบออกจากภัตตาคารเหล่าปา
เขาให้ซางเทียนซั่วกลับไปก่อน ส่วนตัวเองโทรหาเจิ้งอวี่
“จื่อเซวียน มีเรื่องอะไรเหรอ”
“แหะๆ อาเจิ้งยุ่งอยู่ไหมครับ”
“พอได้ บริษัทมีประชุมเย็นนี้ คุณซ่งเข้าร่วมไม่ได้ ผมเลยต้องไปแทนเขาน่ะสิ แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็พยักหน้า “คืออย่างนี้ครับ อาเจิ้ง วันนั้น…เขาบอกผมว่าอยากให้ผมลองดูสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ ไม่รู้ว่าอา…สะดวกไหมครับ”
“หา? สะดวกสิ สะดวกมากๆ เลย คุณมาได้จะดีมากเลย ตอนนี้คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปรับ!” น้ำเสียงของเจิ้งอวี่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เจิ้งอวี่เข้าใจดี นี่เป็นเวลาที่คุณซ่งอยากให้คุณซ่งน้อยมารับช่วงต่อแล้ว ด้วยเป็นลูกน้องที่ภักดีที่สุด เขาย่อมดีใจและตื่นเต้นอยู่แล้ว
วางสายแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูบเข้าไป
ที่จริงเรื่องนี้เขาตอบตกลงซ่งอวิ๋นฮั่นแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจในช่วงเวลาสั้นๆ
ตอนนี้ร้านอาหารร่ำรวยปิดแล้ว ทางถังหย่าฉีก็ยังไม่ได้เริ่ม เป็นช่วงที่ไม่มีอะไรทำพอดี
ส่วนทางลู่ลี่จวิน…ที่จริงเขารอโทรศัพท์โทรเข้ามาก็พอแล้ว ขอแค่โทรมา ก็เป็นเวลาของเขาที่เตรียมพลิกสถานการณ์
ยี่สิบกว่านาที เจิ้งอวี่ก็ขับรถมาถึงที่หมาย
“ลำบากอาเจิ้งแล้วครับ”
เจิ้งอวี่ได้ยินก็ยิ้ม “เหอะๆ จื่อเซวียน ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยเกรงอกเกรงใจผมขนาดนี้นะ”
“ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยรู้ประสา อาเจิ้งก็อย่าถือสาเลย ผมต้องเข้าร่วมการประชุมกับอาคืนนี้หรือเปล่าครับ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีเลย คุณจะได้เข้าใจเรื่องบริษัทได้เร็วขึ้น เพราะคนที่มาคืนนี้เป็นผู้รับผิดชอบแต่ละโครงการทั้งหมด”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ครับ อย่างนั้นก็ทำตามที่ผมตกลงกับเขาแล้วกัน ผมแค่ดู จะไม่ทำอะไร แล้วก็จะไม่แสดงความเห็นอะไรออกมาด้วย”
เจิ้งอวี่ยิ้ม เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นอย่างนี้ คุณซ่งก็มีความสุขจนหน้าบานได้แล้ว ถึงอย่างไรนี่เป็นก้าวแรกในการรับช่วงต่อของคุณซ่งน้อย
“ตามที่คุณว่านั่นแหละ งั้นเรา…กลับบริษัทกันก่อนดีไหม”
“ได้ครับ ถึงแล้วอาเจิ้งไม่ต้องแนะนำนะครับ ผมแค่ตามอาไปดูเฉยๆ”
เจิ้งอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก และสตาร์ทรถยนต์
ขับรถมาประมาณยี่สิบกว่านาที ค่อยๆ เริ่มลดความเร็วลง สุดท้ายก็จอดที่ข้างทาง
ซ่งจื่อเซวียนมองสองข้างทาง มีบ้านน็อคดาวน์ไม่น้อยที่สร้างไว้ชั่วคราว อีกทั้งยังมีบ้านเดี่ยวบางส่วนที่ดูผุพัง
“อาเจิ้ง นี่คือ…”
“เหอะๆ บริษัทไง คุณอย่ามองว่ามันค่อนข้างผุพัง ถ้าพูดถึงเรื่องมูลค่าในตลาด แข็งแกร่งกว่าพวกบริษัทในอาคารสำนักงานระดับสูงๆ นั่นไม่น้อยเลยนะ”
เจิ้งอวี่พูดพลางหันหน้าไปมองประตูขนาดใหญ่ข้างทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
ซ่งจื่อเซวียนมองไปเช่นกัน ผ่านรั้วเหล็กหน้าประตูไปก็เห็นที่ว่างด้านในซึ่งมีขนาดกว้างมากได้ ดูเหมือนโรงงานที่ไม่มีคนใช้มานานแล้วแห่งหนึ่ง
ห้องขนาดใหญ่ด้านในทั้งหมดเป็นประตูบานคู่เหมือนกับโกดัง ทางเข้ายังมีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง น่าจะเป็นป้อมยาม
เจิ้งอวี่บีบแตรสองครั้ง เห็นเพียงมีชายชราอายุประมาณหกสิบกว่าปีเดินโซซัดโซเซออกจากป้อมยามมาที่หน้าประตู เหมือนกับดื่มสุรามา
เห็นป้ายทะเบียนรถของเจิ้งอวี่ ชายชราคนนั้นก็รีบโบกมือส่งสัญญาณทันที รอยยิ้มบนใบหน้าแฝงไปด้วยความประจบประแจงเล็กน้อย
เจิ้งอวี่ก็มีมารยาท ยิ้มบางตอบกลับ ขับรถเข้าไป
จอดรถไว้ที่หน้าประตูใหญ่ลักษณะคล้ายๆ โรงงานเรียบร้อย เจิ้งอวี่ก็ดับเครื่องยนต์ “ไปกันเถอะ จื่อเซวียน เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูบริษัท”
มองโรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้ ซ่งจื่อเซวียนกลับรู้สึกทึ่ง เพราะเขารู้สึกเชื่อมโยงสถานที่แบบนี้กับบริษัทได้ยาก…
ที่นี่เหมือนกับ…เป็นที่ที่ทีมงานก่อสร้างมาอยู่ชั่วคราว
ประตูไม่ได้ล็อก เจิ้งอวี่แค่ดึงก็เปิดออกแล้ว
การตกแต่งด้านในโรงงานเรียกได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมสำนักงานสมัยใหม่ อีกทั้งเหนือกว่าระดับการตกแต่งภายในของอาคารสำนักงานธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
ผนังสีขาวรอบด้านมีลวดลายมากมายราวกับมีชีวิต มีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ปูพื้นด้วยพรมสีเข้มที่แทบจะไม่เห็นแม้แต่เศษด้ายเลย มองออกว่าทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง
อุปกรณ์และโต๊ะเก้าอี้สำนักงานทั้งหมดวางไว้อย่างครบครัน ผนังและประตูกระจกไม่เพียงแค่ทำให้สำนักงานปลอดโปร่ง ยังส่งผลดีให้กับผู้ที่มองเห็นอีกด้วย
พอมองไป ก็เห็นว่าพนักงานในสำนักงานที่นี่มีอยู่ยี่สิบสามสิบคนเต็มๆ นี่ไม่ใช่ขนาดของบริษัทขนาดเล็กเลย
“พระเจ้า นี่มัน…แตกต่างเกินไปแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนพูดอย่างตื่นตะลึง
เห็นปฏิกิริยาของซ่งจื่อเซวียน เจิ้งอวี่ก็เหมือนจะคาดการณ์ไว้นานแล้ว เขายิ้ม “คนออกแบบก็คือคุณซ่ง”
“หา? เขาออกแบบได้ด้วยเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนไม่เคยได้ยินซ่งอวิ๋นฮั่นพูดถึงมาก่อน เขาเคยเรียนการออกแบบมาก่อนด้วย…
“เหอะๆ คุณซ่งมีพรสวรรค์ด้านศิลปะ คุณเห็นลวดลายของผนังพวกนี้หรือยังล่ะ เป็นพนักงานของเราวาดเองหมดเลยนะ คุณซ่งก็ชอบพนักงานที่มีความสามารถพิเศษมากเป็นพิเศษเหมือนกัน”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าหงึกหงัก คิดไม่ถึงว่าในบริษัทจะยังมีบุคลากรที่มีความสามารถอีกจริงๆ
“สวัสดีครับคุณเจิ้ง”
“คุณเจิ้งมาแล้วเหรอครับ”
พวกพนักงานเห็นเจิ้งอวี่เดินเข้ามาก็พากันลุกขึ้นทักทาย ส่วนเจิ้งอวี่ก็พยักหน้ายิ้มบางตอบกลับ
คนพวกนี้ส่วนใหญ่สังเกตเห็นซ่งจื่อเซวียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้ายิ้มบางๆ อย่างนอบน้อม
“ไปกันเถอะจื่อเซวียน ผมจะพาคุณไปดูชั้นสอง” เจิ้งอวี่พูด
“ยังมีชั้นสองอีกเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนคาดไม่ถึงว่าโรงงานขนาดใหญ่นี้มีจักรวาลอยู่ภายในจริงๆ
ไปถึงมุมมุมหนึ่ง ซ่งจื่อเซวียนเห็นบันไดไม้แดง ใต้บันได้มีการเสริมความความแข็งแรงด้วยโลหะ ปลอดภัยมาก
พอเดินขึ้นมาชั้นสอง ซ่งจื่อเซวียนก็ตกใจอีกครั้ง
ชั้นสองก็ปูพื้นด้วยพรม แต่กลับไม่ได้ใช้กระจกกั้นเป็นห้องๆ
เดินมาจนถึงห้องริมสุด ซ่งจื่อเซวียนก็สังเกตเห็นว่าบนขอบหน้าต่างเล็กๆ วางบอนไซขนาดเล็กไว้สี่ห้าต้น งอกงามมาก
“ต้นไม้พวกนี้…”
“คุณซ่งปลูกเองทั้งหมดเลย แต่หลังจากที่เขาพักงานไป ก็เป็นผมที่คอยรดน้ำอยู่ตลอด เหอะๆ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ไม่มีคุณซ่งคอยดูแลอย่างดี”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อาเจิ้งทำได้ดีแล้วครับ”
เจิ้งอวี่หยิบกุญแจมาเปิดประตูห้องทำงานทันที
การตกแต่งในห้องทำงานเรียบง่ายมาก เป็นองค์ประกอบระหว่างด้านในและด้านนอก
พื้นที่ไม่นับว่ากว้างมาก อย่างน้อยก็เล็กกว่าที่ห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุดที่ซ่งจื่อเซวียนจินตนาการไว้มาก
มีเพียงโต๊ะท่านประธานหนึ่งตัว เก้าอี้หนังหนึ่งตัว ชั้นหนังสือ โซฟา โต๊ะกาแฟ ต้นศุภโชคตรงมุมผนัง นอกจากนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว
ส่วนด้านในห้องนั้นเล็กเข้าไปอีก มีเตียงเดี่ยว ตู้หัวเตียง ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ
“เขา…อยู่ที่บริษัทตลอดเลยเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ประมาณนั้น นอกจากไปสัมมนา คุณซ่งก็อยู่ที่นี่ตลอด ผมเคยถามเขาว่าทำไมไม่ซื้อห้องสักห้องอยู่ เขาบอกว่าเขาไม่ชอบ”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจดี ซ่งอวิ๋นฮั่นกลัวว่าความรู้สึกตอนที่อยู่ในอะพาร์ตเมนต์จะทำให้เขานึกถึงตอนที่อยู่กับครอบครัว…
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะของซ่งอวิ๋นฮั่นสะอาดเรียบร้อยมาก โทรศัพท์หนึ่งเครื่อง ปฏิทินตั้งโต๊ะหนึ่งเล่ม คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง
ไม่เหมือนกับโต๊ะของบางคนที่มีสิ่งของต่างๆ วางอยู่เต็มไปหมด
แต่หนังสือในชั้นหนังสือกลับแน่นขนัด ซ่งจื่อเซวียนมองคร่าวๆ ก็เห็นว่ามีนิยายชื่อดังอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีพวกหนังสือการจัดการอยู่ด้วย
ที่จริงนี่กลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง อย่างไรเขาก็รู้ว่าซ่งอวิ๋นฮั่นไม่ได้มีการศึกษาอะไร เดิมก็ทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่เกิด
แต่เห็นหนังสือมากมายขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้เขาพยายามมาก ไม่อย่างนั้นจะประคองบริษัทใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร
“อาเจิ้งบอกผมเกี่ยวกับกิจการบริษัทตอนนี้หน่อยสิครับ”
ถ้าเป็นคนอื่น เจิ้งอวี่ไม่มีทางพูดอยู่แล้ว เพราะเป็นความลับของบริษัท แต่ว่าซ่งจื่อเซวียน…
เจิ้งอวี่รู้ว่าเขาเป็นคนที่จะมากุมความลับพวกนี้ในอนาคต
“โครงการหลักๆ ของบริษัทต้องแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆ อำนาจการจัดการและหุ้นส่วนตลาดค้าส่งอาหารทะเลสามแห่งของเมืองตู้เหมิน ธุรกิจสื่อ ภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์เทียนตู้ ยังมีคาสิโนครบวงจรขนาดใหญ่อีกแห่ง หรือก็คือคลับเฮาส์หลงตูที่เขตเฉิงเป่ย” เจิ้งอวี่กล่าว
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ “โรงแรมล่ะครับ มีแค่โรงแรมข่ายอ้ออ่าวชิงหลงที่เดียวที่เขาลงทุนเหรอ”
“ใช่ แต่นั่นคือของส่วนตัวของคุณซ่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท”
“ผมเข้าใจแล้ว มีรายละเอียดมากกว่านี้ไหมครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“รายได้ของตลาดอาหารทะเลตอนนี้สูงที่สุด ค่าธรรมเนียมบวกกับห้องเช่า และยังมีปันผลโฆษณาอีกเล็กน้อย โดยพื้นฐานแล้วมีรายได้ต่อปีสามร้อยถึงสี่ร้อยล้าน มีซ่งอวิ๋นหล่าง จั่วอู่ เฮ่อเหว่ยและฉินจ้งรับผิดชอบตามลำดับ
ทางบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ หลักๆ จะเป็นฉินจ้งกับจั่วอู่รับผิดชอบ คลับเฮาส์เป็นเจ้าเจี้ยนดูแล แต่ก็เกี่ยวข้องกับฉินจ้งเหมือนกัน”
ฟังชื่อไม่รู้จักพวกนี้ ถึงซ่งจื่อเซวียนจะจำได้ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงลอดเข้ามา
“แม่งเอ๊ย ไม่รู้หรือไงว่าฉันยุ่งอยู่ ประชุมห่าอะไรกันวะ วันนี้คุณซ่งมาไหม”
…………………………………………..