เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 176 ทำใจให้สบาย
ตอนที่ 176 ทำใจให้สบาย
ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ภาพที่ห้างจ้งอันและเดรนท์เรสเตอร์รองท์นั้น ก็ทำให้ถังหย่าฉีรังเกียจหลี่เจียหาวจนถึงขีดสุดมานานแล้ว
ตอนนี้เห็นหลี่เจียหาวทำตัวมั่นใจที่นี่ เธอย่อมดูต่อไปไม่ได้
“เหอะๆ หย่าฉี ไม่เจอกันนานเลยนะ คิดไม่ถึงว่าเธอยังไม่ได้ตัดขาดกับไอ้หมอนี่!” หลี่เจียหาวพูด
ฟังถึงจุดนี้ เหมือนเฝิงต๋าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เจียหาวและซ่งจื่อเซวียนคนนี้จะตึงเครียดมาก
ถ้าเป็นแบบนี้ก็จัดการง่ายเลยน่ะสิ!
เฝิงต๋าไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน มองอยู่ข้างๆ หนึ่งคือดูบุญคุณความแค้นของหลี่เจียหาวและซ่งจื่อเซวียน ส่วนอย่างที่สองคือทำความเข้าใจหลี่เจียหาวคนนี้สักหน่อย
ถึงอย่างไรก็ทำงานในสมาคมเดียวกัน เขาก็ต้องทำความเข้าใจองค์ชายองค์นี้เช่นกัน
“ฉันจะตัดหรือไม่ตัดความสัมพันธ์กับใครมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ หลี่เจียหาว ฉันรู้ว่าเรื่องดีๆ จะไม่มีนาย มีเรื่องชั่วที่ไหน…จะมีนายตลอด!” ถังหย่าฉีพูดอย่างขุ่นเคือง
“งั้นเหรอ เหอะๆ งั้นก็ทำให้เธอต้องผิดหวังจริงๆ แล้วล่ะ ครั้งนี้ไอ้เด็กนี่ปีนป่ายขึ้นไปไม่ได้แน่!” หลี่เจียหาวแค่นหัวเราะ
ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่ได้โกรธ ยิ้มเล็กน้อย “งั้นเหรอ งั้นก็น่าเศร้าจริงๆ ทำให้คุณชายหลี่ต้องดูเรื่องตลกเสียแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ ก็ไม่แน่หรอก ตอนนี้ฉันเข้าร่วมสมาคมอาหารแล้ว ถ้านายอยากกลับตัว…ก็ขอร้องฉันได้นะ!”
หลี่เจียหาวพูดพลางยักคิ้วเล็กน้อย ในคำพูดแฝงเจตนายั่วยุอย่างชัดเจน
“แก…แกรนหาที่ตาย!” ซางเทียนซั่วดึงคอเสื้อของหลี่เจียหาวอย่างแรง ตะโกนใส่
หลี่เจียหาวกลับไม่ได้โกรธเคือง กลับยิ้มออกมา “อยากต่อยฉันเหรอ มาๆๆ ต่อยสิ ต่อยแรงๆ ฉันจะทำให้ร้านของพวกแกไม่มีโอกาสเปิดได้อีกเลย!”
“เทียนซั่ว!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดเคร่งขรึม
ซางเทียนซั่วถึงได้ปล่อยมือ “อาจารย์ เราจะอดทนเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนรู้ดี ที่จริงเขารอใบระงับการดำเนินกิจการใบนี้อยู่แล้ว
ถ้าไม่ถูกระงับกิจการ จะเอาเหตุผลอะไรไปคุยกับลู่ลี่จวินล่ะ ดังนั้น ความจริงแล้วทุกอย่างกำลังอยู่ในความควบคุมของเขา
แต่ถ้าตอนนี้ซางเทียนซั่วหรือฟางรุ่ยกระทืบอีกฝ่าย เช่นนั้นสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นยุ่งยากเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องพูดแล้ว หัวหน้าหลิ่ว หลังจากปิดร้านนี้ งานของพวกคุณก็จบแล้วใช่ไหม พวกเราอยู่กินอาหารที่นี่สักหน่อยคงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
หลิ่วต้าไห่พูดอย่างค่อนข้างลำบากใจ “เรื่องนี้…เราเกรงว่ายังจะต้องแปะป้ายปิดร้านไว้ด้วยครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เหอะๆ อย่างนี้นี่เอง ดูท่าเราจะกินอาหารมื้อนี้ไม่หมดแล้วสินะ”
“กินข้าว? นายนี่ใจใหญ่จริงๆ นะซ่งจื่อเซวียน รอไว้กินข้าวแดงไปเถอะนายน่ะ!” หลี่เจียหาวพูด
ได้ยินดังนั้น หลิ่วต้าไห่กลอกตาใส่หลี่เจียหาว อย่างไรก็ไม่ได้มาจากแผนกเดียวกัน คนคนนี้แหกปากอยู่ข้างๆ มานานแล้ว เขาก็รำคาญนิดหน่อย
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับเถ้าแก่ซ่ง ผมจะเอาป้ายมาให้คุณ พวกคุณกินข้าวกันเสร็จ ก็เอาป้ายไปติดเอง เราจะลงมาตรวจสอบทุกวัน ถ้าพบว่าเปิดร้านโดยพลการ ก็ต้องถูกลงโทษนะครับ” หลิ่วต้าไห่พูด
ประโยคนี้กลับทำให้ซ่งจื่อเซวียนค่อนข้างซาบซึ้ง อย่างน้อยคนของรัฐที่มาพวกนี้ ก็ยังมีคนที่มีเหตุผลอยู่
ส่วนเฝิงต๋าและหลี่เจียหาว ซ่งจื่อเซวียนก็ขี้เกียจจะจำแนกประเภท เดิมก็เป็นพวกหมาหัวเน่าอยู่แล้ว
“ขอบคุณครับหัวหน้าหลิ่ว!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“หัวหน้าหลิ่ว เรื่องนี้…ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรมั้งครับ” เฝิงต๋าพูด
หลิ่วต้าไห่กลอกตาใส่เขา “ไม่เป็นไร เมื่อก่อนเราก็เป็นอย่างนี้ ยังไงเรากับนักธุรกิจก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ถูกไหม”
ที่จริงหลิ่วต้าไห่ก็มองออกว่าเฝิงต๋าพุ่งเป้ามาที่ร้านอาหารร่ำรวยอยู่นานแล้ว ส่วนหลี่เจียหาวก็ยิ่งมีบุญคุณความแค้นกับพวกเขา
ดังนั้นประโยคนี้ หลิ่วต้าไห่ก็ตั้งใจพูดให้พวกเขาทั้งสองคนฟัง ท่าทางการจัดการคนแบบนี้ หลิ่วต้าไห่ยังอยู่ก็ปล่อยไปไม่ได้
พูดจบ หลิ่วต้าไห่ก็หันหลังเดินออกจากร้านอาหารร่ำรวยไป
ถึงเฝิงต๋าจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่พวกเขาเป็นสมาคม อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทีมตรวจสอบ ก็ไม่มีทางทำอะไรได้
“อาจารย์เฝิง เรื่องนี้…จะเป็นยังไงต่อเหรอครับ” หลี่เจียหาวก็ไม่พอใจอย่างชัดเจนเช่นกัน
“ทำอะไรไม่ได้ อำนาจการบังคับใช้กฎหมายอยู่ในมือพวกเขา ทางเราเป็นแค่สมาคม” เฝิงต๋าตอบ
หลี่เจียหาวได้ยินก็จ้องซ่งจื่อเซวียนเขม็ง “เหอะๆ งั้นก็เสพสุขกับมื้อสุดท้ายของพวกนายให้ดีๆ แล้วกัน!”
หลังจากที่พวกเขาจากไป ซางเทียนซั่วร้องด่า “แม่งเอ๊ย ไอ้เดรัจฉาน ไอ้กากเดนเอ๊ย!”
“นั่นสิครับนายท่านรอง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณห้ามผมไว้ ผมได้ซัดเขาจนเดี้ยงแน่!” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “ยังไม่ถึงเวลา มา ทุกคนกินข้าวกันก่อน กินเสร็จมื้อนี้แล้วฉันจะแปะป้าย!”
“นายท่านรอง ต้องปิดร้านจริงๆ เหรอครับ” หูเจิ้นถาม
“นายท่านรอง…แล้วพวกเรา…”
“นั่นสิครับนายท่านรอง พวกเราจะทำยังไงล่ะครับ”
พนักงานแต่ละคนเริ่มพูด
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจ เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องธุรกิจ แต่สำหรับพวกเขา กลับเป็นชีวิต…
มองพวกหูเจิ้นกับหยางกัง ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ทุกคนก็ทำเหมือนว่าพักร้อนแล้วกัน ฉันสัญญาว่าร้านอาหารร่ำรวยจะกลับมาเปิดภายในหนึ่งอาทิตย์!”
“อะไรนะ อาทิตย์เดียวก็เปิดร้านได้แล้วเหรอครับ”
“นายท่านรองปลอบพวกผมใช่ไหมครับ ป้ายนี่ก็ติดไปแล้ว จะเปิดยังไงเล่า!”
“นั่นสิครับ ผมไม่อยากตกงานจริงๆ แต่ว่านายท่านรองก็หลอกผมไม่ได้นะ”
“ทุกคนอย่ากังวลเลย กินข้าวมื้อนี้ให้เสร็จอย่างสงบเถอะ ภายในเจ็ดวัน ถ้าฉัน ซ่งจื่อเซวียนทำให้ร้านอาหารร่ำรวยเปิดไม่ได้ จะอธิบายกับพวกนายแน่นอน ฉันรับประกันเลย!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
ได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ละคนต่างเริ่มกินข้าว
แต่สภาพจิตใจแบบนี้ก็กินไม่ลง ต่างทอดถอนใจ ไม่นานนัก ทุกคนก็เก็บกวาดข้าวของจากไป
“เหอะๆ ไม่ได้ล้อเล่น เรื่องครั้งนี้ฉันคิดไว้แล้ว พวกนายก็วางใจเถอะ!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
ถังหย่าฉีพยักหน้า “จื่อเซวียนบอกว่ามีวิธี ก็ต้องมีวิธีแน่นอน ฉันเชื่อเขา!”
จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายจากร้านอาหารร่ำรวยไป ซ่งจื่อเซวียนจึงแปะป้ายไว้ที่หน้าประตู
มองแผ่นหลังซ่งจื่อเซวียนไกลๆ ถังหย่าฉีก็ถอนหายใจ ถึงไม่เคยเข้าร่วมการบริหารร้านอาหารร่ำรวยมาก่อน แต่ในใจกลับรู้สึกปวดแปลบเล็กน้อย
“จื่อเซวียน งั้น…จะทำยังไงต่อล่ะ” ถังหย่าฉีถาม
“เหอะๆ ทุกอย่างปกติ การร่วมมือของพวกเราเธอก็เริ่มเลือกทำเลได้เลยนะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“? จริงเหรอ แต่ว่าร้านอาหารร่ำรวย…”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “บอกแล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง หย่าฉี ฉันหวังว่าสองสามวันนี้จะได้เข้าไปตระเตรียมการที่ร้านอาหารหน้ามหา’ลัยหนานกวนนะ!”
“วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย!” ถังหย่าฉีพยักหน้าพูด
จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกว่าเรื่องที่ตอบตกลงร่วมมือกับถังหย่าฉีเป็นเรื่องที่มาได้ทันเวลาพอดี ก็สมควรจะเปิดร้านใหม่แล้วจริงๆ อย่างนั้นน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย…ก็วางขายได้แล้ว
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็โทรหาจางเปียว ที่ไม่ได้โทรหาเสี่ยเฉิงปา ก็เพราะกลัวว่าเขาอาจจะกำลังติดต่ออยู่กับเสี่ยหวง ลดเรื่องยุ่งยากไป
“นายท่านรอง มีเรื่องอะไร”
“เสี่ยปาอยู่ไหน” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“อาบน้ำอยู่ พวกเรากินข้าวเที่ยวเสร็จก็มาโรงอาบน้ำกัน!” จางเปียวตอบ
“โรงอาบน้ำที่ไหนเหรอ”
“ก็โรงอาบน้ำหน้าร้านอาหารเสี่ยปานั้นแหละ เกิดอะไรขึ้นเหรอนายท่านรอง” จางเปียวถาม
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เอาเถอะ ให้เสี่ยปารีบเช็ดตัวเถอะ เดี๋ยวผมไป เจอที่ร้านอาหาร!”
ถึงจางเปียวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบไปแจ้ง อย่างไรซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้มาหาเสี่ยปาง่ายๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไร ต้องมีเรื่องแน่นอน
“น้องชาย ทำไมถึงเรียกตัวฉันกลับมาเร่งด่วนขนาดนี้ล่ะ”
เสี่ยเฉิงปาหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดหน้าพลางพูด มองออกว่ารีบแค่ไหน
“แหะๆ ร้านอาหารร่ำรวยถูกปิดแล้วครับ!”
“อะ อะไรนะ ปิดแล้วเหรอ ใครปิด น้องชาย ทำไมแกยังยิ้มได้อยู่อีกล่ะ” เสี่ยเฉิงปาถามอย่างมึนงง
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เล่าเรื่องคนของทีมตรวจสอบอาหารไปที่ร้านซึ่งรวมถึงเรื่องพวกเฝิงต๋าและหลี่เจียหาวด้วย
เสี่ยเฉิงปาฟังก็ขนลุก อย่างไรเขาเปิดร้านอาหารมานานปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอกับเรื่องใหญ่โตแบบนี้มาก่อนเลย
ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีคนของทีมตรวจสอบมาตรวจสอบตามระเบียบ เฉิงปาติดสินบนเล็กน้อยก็ผ่านไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะโดนปิดจังๆ
“น้องชาย คราวนี้…เราเล่นใหญ่เกินไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย” เสี่ยเฉิงปาพูด
ซ่งจื่อเซวียนกลับยังรักษารอยยิ้มไว้เหมือนเดิม พูดว่า “เล่นเหรอ ที่ต้องเล่นน่ะ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นแหละ!”
“อะไรนะ เพิ่งจะเริ่มเหรอ ฉันเห็นว่าจบแล้วล่ะมั้ง เราแม่งโดนปิดร้านไปแล้วนะ”
เสี่ยเฉิงปาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ทำไมซ่งจื่อเซวียนยังสบายอกสบายใจได้ขนาดนี้
“ทำไมแกไม่รีบมาบอกฉันหน่อยล่ะ เราลองส่งของไปอาจจะยังผ่านก็ได้นะ” เสี่ยเฉิงปาพูด
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ เสี่ยปา จากนี้ต้องดูคุณแล้ว”
“แกหมายความว่ายังไง”
“หวงฟานี่ทำให้พวกเราปิดร้านสามวันได้แล้ว แต่อย่างน้อย…เราต้องรู้ว่าเรื่องนี้ใช่เรื่องที่หวงฟาทำหรือเปล่า!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“หืม นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ก็ต้องเป็นเขาอยู่แล้วนี่!”
“ถูกต้อง เพราะงั้นถึงต้องรบกวนเสี่ยปาไปหาเสี่ยหวงสักรอบ หนึ่งคือสอดส่องเรื่องนี้สักหน่อย ถ้าเป็นเขาที่ทำ นั่นก็ยังดี ขอแค่จัดการให้เรียบร้อยก็จะผ่านไปได้แล้ว
ถ้าไม่ใช่…อย่างนั้นเกรงว่ายังมีคนบงการอยู่ด้านหลังเขาอีก” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เสี่ยปาครุ่นคิด “งั้นเรื่องที่สองล่ะ”
“เหอะๆ เรื่องที่สอง…ก็อย่างที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ เสี่ยต้องพูดกับเสี่ยหวงว่าตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร้านอาหารร่ำรวย เรื่องถัดจากนี้…ให้ผมจัดการก็พอแล้ว”
“แกจัดการเหรอ น้องชาย เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ไปแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก พูดตามตรงนะ นอกจากฉันจะไปขอความเมตตากับเสี่ยหวงแล้ว เราจะทำอะไรเขาได้ ก้มหัวก็อายคนเขา!”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ขอความเมตตาเหรอ ถ้าเสี่ยปาขอร้องจริงๆ ผมก็จะไม่ทำร้านนี้แล้ว!”
“ไม่ทำแล้วเหรอ ฉันว่านะน้องชาย แกคิดว่าตอนนี้ร้านนี้จะยังเปิดทำการได้อีกเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ เสี่ยปา ตบที่ไหล่เขา
“เสี่ยปา เรื่องนี้เสี่ยทำใจให้สบาย มีผมอยู่ ร้านอาหารร่ำรวยก็ปิดไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ความเคลื่อนไหวของทางเสี่ยหวง เสี่ยอยู่ทางนั้น…ผมก็จัดการได้สะดวก!”
เสี่ยเฉิงปาได้ยินก็ครุ่นคิด “แกมีวิธีเหรอ”
“เหอะๆ วางแผนมาอย่างดี ขาดก็แต่ลมบูรพา เสี่ยปา นี่เป็นการเดินหมากก้าวที่สองนะ ขอแค่เสี่ยเดินถูกทาง ผมก็จะเก็บหมากตัวนี้ต่อไป…ให้มันกลายเป็นหมากตัวสุดท้าย!”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรในตู้เหมินก็สั่นคลอนเสี่ยหวงไม่ได้ ไม่ว่าจะเขาหรือซ่งจื่อเซวียน ก็ไม่มีทางต่อต้านเสี่ยหวงได้อยู่แล้ว
ทว่าตอนนี้เห็นซ่งจื่อเซวียนมีท่าทางมั่นอกมั่นใจ เสี่ยเฉิงปาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจก็เชื่อไปทั้งอย่างนี้
เขาพยักหน้าน้อยๆ “ฉันจะเชื่อแก!”
……………………………………………….