เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 175 ปิดกิจการ
ตอนที่ 175 ปิดกิจการ
ซ่งจื่อเซวียนไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง อย่างไรตอนนี้ร้านอาหารร่ำรวยกำลังเผชิญหน้ากับการหาเรื่องของทีมตรวจสอบอาหาร เขาต้องมุ่งความสนใจไปที่เรื่องนี้ก่อน
หากไปบริหารร้านอาหารอีกหนึ่งร้าน เกรงว่าจะรับมือไม่ไหวจริงๆ
และต่อให้จะได้ร่วมงานกับถังหย่าฉี เขาก็หวังว่าจะเป็นเหมือนตอนที่อยู่ต้าสือไต้
ตอนนั้น ต้าสือไต้มีออร์เดอร์ทะลุยี่สิบออร์เดอร์ตอนเช้าทุกวัน เขาจึงสามารถเลิกงานมาที่ร้านอาหารร่ำรวยได้ทันที
แต่ตอนนี้ถ้าหากแยกร่าง…ก็ยากจะเลี่ยงไม่ให้กิจการของร้านอาหารร่ำรวยโดนผลกระทบ
แต่ถังหย่าฉีไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว วันนี้พูดตรงๆ แล้วคือมาแจ้งให้ทราบเท่านั้น นายซ่งจื่อเซวียนเริ่มร่วมงานกับฉันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป…
“หย่าฉี…”
“จับมือสิ ร่วมงานกันอย่างมีความสุข เร็วสิ ฮิๆ!” ถังหย่าฉีหัวเราะออกมา
ต้องพูดจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เมื่อซ่งจื่อเซวียนเห็นรอยยิ้มของถังหย่าฉี หัวใจก็ละลายไปแล้ว ปฏิเสธเหรอ เขาทำไม่ได้
เวลานี้ ซางเทียนซั่วจึงพูดหนึ่งประโยค “อาจารย์ เร็วสิ อาจารย์แม่ของผมรออยู่นะ”
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตาใส่เขาหนึ่งที ก่อนจะรีบยื่นมือออกไปทันที พร้อมกับพยักหน้า “โอเค ถ้างั้นก็ขอให้ร่วมงานกันอย่างมีความสุข
“ฮิๆๆ ฉันรู้ว่านายต้องช่วยฉันแน่นอน” ถังหย่าฉีหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ก่อนหน้านั้น ถึงแม้เธอจะช่วยกิจการที่บ้านอยู่ไม่น้อย แต่โดยพื้นฐานแล้วคือทำตามความคิดของผู้เป็นพ่อ
แต่ครั้งนี้ เธอจะบริหารด้วยตัวเอง จะว่าไปแล้วก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่มีซ่งจื่อเซวียนเป็นแกนนำสำคัญ เธอจึงโล่งอกไปเยอะ
“อ้อใช่หย่าฉี ด้านเงินลงทุนไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ยังไงฉันก็คิดว่าค่าเช่าที่แถวนั้นไม่ถูกแน่นอน” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“ฮิๆๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันจัดการได้ ฉันยืมเงินจากเพื่อนมาก่อนก็ได้ พอได้กำไรมาก็ค่อยคืนให้พวกเขา”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ถ้าหากเป็นย่านทั่วไป เขาอาจจะพูดว่าจะช่วยออกเงินลงทุนด้วย แต่ทำเลดีแถวตู้เหมิน ค่าเช่าน้อยหน่อยก็สองสามหมื่น มากหน่อยก็หนึ่งแสนหรือสองแสนหยวนต่อหนึ่งเดือน หากต้องจ่ายเงินล่วงหน้าสองสามเดือนหรือครึ่งปี เขาก็ควักเงินไม่ไหวจริงๆ
“อย่างนั้นก็ดี แต่…ถ้าต้องให้สร้างสรรค์ ฉันมีไอเดียอยู่”
“หืม ไอเดียอะไร นายลองพูดมาเลย!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มให้ “ซานซาน!”
เมื่อได้ยิน โต้วซานซานก็รีบวิ่งเข้ามาทันที “อาจารย์ มีเรื่องอะไรคะ”
“เหอะๆ ตอนนี้พวกอาหารที่เธอไปขายกับทางร้านอาหารตะวันตกเอมโอช ได้เซ็นสัญญาผูกขาดหรือเปล่า” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ยังไงตอนนี้ขนมปังเลี่ยปากับกราแตงก็ส่งไปที่ร้านของเขาทั้งหมด แต่สัญญาผูกขาด…ไม่มีค่ะ” โต้วซานซานตอบ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า พูดยิ้มๆ ว่า “อย่างนั้นก็ดีเลย อาหารรัสเซียที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา แล้วก็สตูว์เนื้อครีมกับซุปบีทรูท เธอจัดการได้ไหม”
โต้วซานซานแสดงความลำบากใจออกมา “อาจารย์ เกรงว่าจะหนักอยู่ค่ะ ยังไงฉันก็รับผิดชอบแค่ของหวานเท่านั้น อาหารพื้นเมืองของรัสเซียสองอย่างนั่น..ฉันก็ไม่มีพ่อครัวสายนี้ค่ะ”
ความคิดของซ่งจื่อเซวียนง่ายมาก ร้านอาหารตะวันตกเอมโอชเป็นร้านเก่าแก่อายุร้อยปี หากไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลที่แย่ก็จะต้องเป็นที่นิยมได้แน่นอน
ดังนั้น หากย้ายอาหารเหล่านี้มาแถวมหาวิทยาลัยหนานกวน น่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
และเนื่องจากร้านอาหารตะวันตกเอมโอชใช้วิธีบริหารที่ค่อนข้างโบราณคร่ำครึ ไม่มีการจองออนไลน์ ในจุดนี้ พวกเขาสามารถทำได้เช่นกัน
“โอเค ถ้างั้นอาหารพวกนี้ฉันจัดการเอง ซานซาน กราแตงกับเลี่ยปาเอามาส่งให้ฉันด้วยได้ไหม” ซ่งจื่อเซวียนถามพร้อมกับยิ้มให้
“ได้ค่ะ ให้อาจารย์ไม่มีปัญหา และจะให้ในราคาถูกยิ่งกว่าค่ะ!”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ จากนั้นจึงบอกความคิดของตัวเองให้ถังหย่าฉี โต้วซานซานฟังอีกหนึ่งรอบ
“โอ้พระเจ้า จื่อเซวียนนายอัจฉริยะจริงๆ แถวมหาวิทยาลัยหนานกวนไม่มีร้านอาหารรัสเซียเลย ถ้าเปิดสักหนึ่งร้านต้องขายดีแน่นอน!” ถังหย่าฉีกล่าว
“ใช่แล้วๆ อาจารย์ไอเดียเจ๋งมาก แต่ก่อนทำไมฉันถึงคิดไม่ได้นะ!” โต้วซานซานเอ่ย
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “เธอน่ะเหรอ ร้านของหวานของเธอขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว เธอจะมีใจคิดเรื่องอื่นได้ยังไง”
พอพูดจบประโยคนี้ พวกเขาจึงหัวเราะออกมา
“แต่…ฉันไม่คิดจะทำร้านอาหารรัสเซีย แต่จะทำร้านอาหารที่มีครบทุกอย่าง”
“หืม หมายความว่ายังไง” ถังหย่าฉีกับโต้วซานซานถามพร้อมกัน
“ถ้าหาร้านอาหารที่มีสองชั้น หรือไม่ก็มีพื้นที่ใหญ่หน่อยได้ เราสามารถแบ่งร้านอาหารเป็นสองโซน โซนหนึ่งเป็นอาหารท้องถิ่น แต่ต้องหรูหราและมีสไตล์
ส่วนอีกโซนหนึ่งทำเป็นอาหารรัสเซียกับของหวาน ซานซาน หลักๆ แล้วจะใช้ของหวานอะไรบ้างฉันจะคุยกับเธออีกที ถึงตอนนั้นเธอก็เสนอราคากับฉันมาทีเดียวเลย!” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
โต้วซานซานพยักหน้า “อาจารย์ ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะให้ราคาต่ำสุดกับคุณทั้งหมดค่ะ แต่…ฉันจะติดฉลากสินค้าบนผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะของฉันได้ไหมคะ”
“เหอะๆ วางใจได้ ฉันจะไม่นำเข้าผลิตภัณฑ์พวกนั้นของเธอ!”
ซ่งจื่อเซวียนย่อมเข้าใจดี ตอนเขาทำแบรนด์ในช่วงแรกจะไม่ช่วยโฆษณาให้คนอื่นแน่นอน ถึงแม้จะสนิทกับโต้วซานซานแค่ไหนก็ไม่ได้!
ณ จุดนี้ดูเหมือนหวังเฉิงยงเคยประเมินเขาเหมือนกัน ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว เวลาฉลาดขึ้นมาฉลาดยิ่งกว่าลิง!
“อาจารย์ คุณจะไม่ช่วยโปรโมตให้ฉันใช่ไหมคะ” โต้วซานซานถามยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ สงสัยเธอจะฉลาดกว่าฉันเยอะ วางใจได้ ช่วงหลังถ้ากิจการดีขึ้น พวกเราจะร่วมงานกันเรื่องของหวาน!” ซ่งจื่อเซวียนยืนหยัดในการตัดสินใจของตัวเองอย่างชัดเจน
“ค่ะ ฉันเชื่อความสามารถของอาจารย์ค่ะ!” โต้วซานซานกล่าว
ในไม่ช้าก็ถึงเวลาเปิดทำการ ร้านอาหารร่ำรวยจึงเริ่มยุ่งขึ้นมา
ข้าวผัดจักรพรรดิสิบกว่าที่ตอนเช้าในทุกวันเกือบกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ช่วงกลางวันเวลาประมาณบ่ายโมงก็เสิร์ฟออกมาสิบสี่ที่แล้ว ปริมาณถือว่าดีมาก
ช่วงนี้ เสี่ยเฉิงปาก็ดีใจมากเหมือนกัน ถึงแม้ออร์เดอร์จะไม่ถล่มถึงยี่สิบที่ แต่รายได้แบบนี้ ถือว่าเกินรายได้รวมของร้านอาหารสองสามร้านในมือของเขาแล้ว
ซางเทียนซั่วยกแก้วขึ้นมา “มาๆๆ ดื่มให้กับการร่วมงานของอาจารย์และอาจารย์แม่!”
“ซางเทียนซั่ว ทำไมปากร้ายขนาดนี้!” ถังหย่าฉีกัดฟันพูดหนึ่งประโยค
พวกเขาจึงหัวเราะกันขึ้นมา ชนแก้วแล้วดื่มจนหมดแก้ว บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้ นอกประตูร้านอาหารร่ำรวย รถยนต์ของทีมตรวจสอบอาหารสีขาวสองคันจอดอยู่ริมทาง ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบสีขาวก็ทยอยเดินลงมาจากรถ
และสองคนสุดท้ายที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ คือเฝิงต๋ากับหลี่เจียหาว
“เจียหาว จุดประสงค์ที่รองประธานสั่งให้นายมาในครั้งนี้ รู้แล้วใช่ไหม” เฝิงต๋ายิ้มถาม
“ครับ อาจารย์เฝิง รองประธานอยากให้ผมคุ้นชินเนื้องานก่อนล่วงหน้า” หลี่เจียหาวพูด
เฝิงต๋าพยักหน้า “ถูกต้อง อีกสองสามวันนายก็ต้องเข้าสมาคมแล้ว สมาคมไม่มีงานบังคับใช้กฎหมาย แต่ให้ความร่วมมือกับทีมตรวจสอบอาหารคือเรื่องปกติ นายดูไว้เยอะๆ ก็จะเข้าใจเอง”
“ผมจะเรียนกับคุณอย่างตั้งใจครับ”
หลี่เจียหาวพูดจาถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความบ้าระห่ำเหมือนยามปกติ ซึ่งสืบเนื่องมาจากการอบรมสั่งสอนตามปกติของเฉิงเทียนเย่า
อย่างไรก็เป็นลูกบุญธรรม เขาเริ่มเตรียมการให้หลี่เจียหาวมาช่วยงานที่สมาคมไว้นานแล้ว ดังนั้นการอบรมสั่งสอนล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
…
“ซานซาน ต่อไปส่วนของของหวานรบกวนเธอด้วยนะ เพราะในส่วนนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหลักของอนาคตร้านอาหารรัสเซีย” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
โต้วซานซานหัวเราะ “วางใจได้เลยค่ะอาจารย์ ฉันอยากให้ร้านอาหารดังแล้วช่วยทำโปรโมตให้ฉันอยู่นะคะ ฮิๆๆ”
ถังหย่าฉีพยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ซานซานต่อไปก็เป็นคนกันเองแล้ว เทียนซั่ว ถ้านายรังแกซานซานล่ะก็ ฉันจะให้อาจารย์ของนายไล่นายออกจากสำนัก!”
ซางเทียนซั่วทำสีหน้าเก้อเขิน มองซ่งจื่อเซวียน ถึงพบว่าขอร้องผิดคนแล้ว เรื่องนี้อาจารย์ไม่สามารถช่วยตัวเองได้แล้ว
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยหัวเราะกันอยู่ ก็เห็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาหารสองสามคนเดินเข้ามา ฟางรุ่ยขมวดคิ้วขึ้นมา “อาจารย์ มีหมา!”
“หลี่เจียหาว?” ถังหย่าฉีพูดอย่างงุนงง
“เหอะๆ สงสัย…จะเป็นหมาดุ!” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางลุกขึ้นเดินเข้าไป
“หัวหน้าหลิ่ว มาแล้วเหรอครับ”
หลิ่วต้าไห่พยักหน้า “เถ้าแก่ซ่ง ผลการตรวจเครื่องปรุงรสของเมื่อวานออกมาแล้วครับ”
“เหอะๆ เหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะอย่างใจเย็น
เวลานี้ หลี่เจียหาวที่อยู่ด้านหลังจำซ่งจื่อเซวียนได้ทันที ขณะเดียวกันก็เห็นถังหย่าฉีอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ความแค้นเก่าพรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจ
เป็นพวกเขา ดีเลย วันนี้…อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ
หลี่เจียหาวแอบพูดในใจ แล้วเผยยิ้มเย็นชาออกมาในเวลาเดียวกัน
มองดูรอยยิ้มของซ่งจื่อเซวียน หลิ่วต้าไห่กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณไม่ห่วงผลการตรวจเหรอครับ”
“มีอะไรต้องห่วงล่ะครับ รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ”
“รู้แล้วก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องพูดในส่วนที่ไม่จำเป็น ผลการตรวจเครื่องปรุงรสมีโซเดียมไนไตรท์ ผงเปลือกฝิ่นและเครื่องปรุงรสต้องห้ามห้าชนิด แล้วก็ยังมียาสมุนไพรจีนที่หมดอายุและเน่าเสียอีกมากครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า “เพราะงั้น?”
หลิ่วต้าไห่หยิบกระดาษใบหนึ่งยื่นให้ซ่งจื่อเซวียน “พวกเราต้องปิดกิจการร้านอาหารชั่วคราว และนำหลักฐานมอบให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น เกรงว่าต้องมีการซักไซ้เรื่องนี้ต่อครับ”
“ถามหาความรับผิดชอบส่วนบุคคลเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ครับ”
“เหอะๆ ไม่แปลกใจเลยเมื่อวานไม่ยอมให้ตรวจ ใช้ของพวกนี้ในร้านอาหาร พวกคุณไม่กลัวว่าลูกค้ากินแล้วจะมีผลกระทบต่อร่างกายใช่ไหม” เฝิงต๋าเดินออกมาพูด
“แกพูดมั่วซั่ว พวกแกแม่งพูดซี้ซั้ว ในร้านของพวกเราไม่มีของพวกนี้เลย!” ฟางรุ่ยพุ่งออกมาพูด
“ต่อยแกแล้วจะทำไม” ฟางรุ่ยพูดพลางถกแขนเสื้อขึ้น
“แม่ง มองแกแล้วขัดหูขัดตามากว่ะ ไอ้ชาติหมา!”
ซางเทียนซั่วก็เดินเข้ามาพูดเหมือนกัน
ซ่งจื่อเซวียนรีบขวางพวกเขาสองคน เอ่ยว่า “เหอะๆ ต่อยคน…เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ แต่เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้กันแน่ ต้องมีคนรู้เรื่องอยู่แล้ว”
“หมายความว่ายังไง พวกคุณปรุงอาหารโดยใช้เครื่องปรุงรสต้องห้าม แล้วยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก รอติดคุกได้เลยไอ้หนุ่ม!” เฝิงต๋าขึงตาพูดกับซ่งจื่อเซวียน
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เจียหาวที่อยู่ข้างๆ ก็เดินออกมาจากทีม กล่าวว่า “อาจารย์เฝิง คนพวกนี้…ผมรู้จักครับ”
“หืม” เฝิงต๋าแปลกใจมาก หากคนพวกนี้เป็นเพื่อนของหลี่เจียหาว เช่นนั้นคงจัดการยาก
อย่างไรเรื่องนี้เป็นฝีมือของเฉิงเทียนเย่าพ่อบุญธรรมของเขา ตอนนี้หากเขาอยากช่วยพูดให้คนฝ่ายนี้ เฝิงต๋าก็ได้แต่ต้องขอคำแนะนำเท่านั้น
“แน่นอนว่ารู้จักครับ เป็นเพื่อนกัน ใช่ไหมซ่งจื่อเซวียน” หลี่เจียหาวเชิดหน้าพูด
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะเย็นชาหนึ่งที “ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้จักนาย”
“ไม่รู้จักเหรอ นายความจำแย่มากจริงๆ นายกินเครื่องปรุงรสต้องห้ามพวกนั้นจนสมองเสื่อมแล้วใช่ไหมล่ะ!” หลี่เจียหาวถลึงตาใส่ซ่งจื่อเซวียน
“หลี่เจียหาว นายพูดอะไรของนาย!” ถังหย่าฉีลุกขึ้นพูด รีบไปยืนข้างๆ ซ่งจื่อเซวียนทันที
…………………………………………