เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 165 แผนรับมือ
ตอนที่ 165 แผนรับมือ
เสี่ยเฉิงปาเล่าเนื้อหาที่คุยกับเถียนเหวินคุ่ยให้ซ่งจื่อเซวียนฟังอย่างตั้งใจ ทั้งไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งไม่ใส่สีตีไข่ เขารู้แค่ว่ามีแต่ต้องเล่าอย่างถูกต้องครบถ้วน ซ่งจื่อเซวียนถึงจะหาแผนรับมือได้ดียิ่งขึ้น
ต้องพูดเลยว่า หลังจากได้ร่วมมือกันช่วงหนึ่ง เสี่ยเฉิงปามักจะพึ่งพาซ่งจื่อเซวียนในเรื่องใหญ่ๆ แล้ว
ปกติเรื่องที่เขาตัดสินใจด้วยตัวเองก็คือร้านอาหารที่ไม่ได้ทำเงินเหล่านั้นในมือของตน พูดชัดๆ ก็คือจะเปิดหรือจะปิดก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากนัก
ซ่งจื่อเซวียนใจเย็นกว่าเสี่ยเฉิงปามาก ไม่ได้ร้อนรนกระวนกระวายจนหาทางออกไม่ได้ แต่นั่งลงครุ่นคิดอย่างสุขุม
“หมายความว่า…สองสามวันนี้หวงฟาจะเคลื่อนไหวแล้วเหรอครับ”
“ถูกต้อง หมายความว่าอย่างนั้นแหละ น้องชายว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝั่งนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวตั้งนาน ฉันยังนึกว่าพายุลูกนี้จะผ่านไปแล้วเสียอีก” เสี่ยเฉิงปาพูด
ซ่งจื่อเซวียนแค่นหัวเราะ “ง่ายมาก นั่นเพราะผมไง”
“เพราะแกเหรอ” เสี่ยเฉิงปาชะงักไป ถามอย่างไม่เข้าใจ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “หวงฟาเขาอยากได้สูตรข้าวผัดจักรพรรดิ ผมไม่ให้ ด้วยตำแหน่งของเขาก็คงโกรธแน่นอนอยู่แล้ว เวลาคนโกรธจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“หืม สูตรข้าวผัดจักรพรรดิเหรอ นี่…นี่มันเรื่องตั้งแต่ตอนไหนกัน คราวก่อนเสี่ยหวงให้เคอซานมาหาฉัน ก็แค่บอกว่าแกมีบันทึกหย่งซั่นอยู่ในมือ น้องชาย ฉันงงอยู่นิดหน่อยจริงๆ นะ”
เสี่ยเฉิงปาจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด แทบจะประติดประต่อข้อมูลมากมายขนาดนี้ไม่ได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“บันทึกหย่งซั่นเหรอ หวงฟาก็แค่หาข้ออ้างเท่านั้นเอง ผมบอกว่าผมไม่มีบันทึกหย่งซั่นเขาจะเชื่อผมไหมล่ะ”
“แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าเขาก็อยากได้สูตรข้าวผัดจักรพรรดิน่ะ หรือว่าเขาเคยพูดกับแกมาก่อนเหรอ” เสี่ยเฉิงปาถาม
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม พยักหน้า “ใช่ ผมเคยเจอหวงฟาแล้ว เขาพูดเองกับปาก หวังว่าผมจะแบ่งสูตรข้าวผัดจักรพรรดิ แถมยังเป็นการแบ่งปันกันในกลุ่มเล็กๆ ด้วย”
“กลุ่มเล็กๆ เหรอ เล็กแค่ไหนกัน หรือว่าเล็กขนาดที่มีแค่หวงฟาคนเดียว” เสี่ยเฉิงปาพูด
“แม่มันเถอะ เป้าหมายของหมาตัวนี้โลภมากจริงๆ ต่อให้เป็นข้าหรือเคอซานมากสุดก็แค่คิดจะร่วมมือกับแก คิดไม่ถึงว่าหวงฟาเขา…” เฉิงปากัดฟันพูด “แต่ว่านะน้องชาย แกไปเจอเขามาเมื่อไร ทำไมไม่บอกฉันเลยล่ะ”
“เสี่ยปาอย่าถือสาเลย หวงฟาเขาเคลื่อนไหวนานแล้ว ถึงขนาดแตะต้องคนในครอบครัวของผม เจอกันครั้งนี้มันกะทันหัน เลยไม่ทันได้บอกเสี่ย”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปาก็เดินไปเดินมาในห้องหลายรอบ ส่ายหน้าพูด “ไม่ควรยุ่งกับครอบครัวสิ ครั้งนี้เสี่ยหวงนับว่าฝ่าฝืนข้อห้าม คิดไว้แล้วว่าเพื่อเงินอะไรก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น”
“เสี่ยปา ตอนนี้ผมก็อยากรู้ว่าเสี่ยคิดยังไง” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ฉันเหรอ เหอะๆ ในเขตเฉิงตง เขาคิดจะเล่นงานฉันก็อาจจะไม่ง่าย ถ้าพูดให้ไม่น่าฟัง อย่างมากข้าก็แค่ไม่ทำร้านอาหารแล้ว เขาจะทำยังไงได้อีก เพียงแต่ร้านอาหารร่ำรวยนี่…ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะลงมือจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “เสี่ยคิดว่าเขาจะทำยังไง”
“ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นการทำลายข้าวของก็น้อยเกินไป เสี่ยหวงรู้จักกับคนของรัฐไม่น้อย โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ฉันกลัวว่าพวกเขาจะลงมือทำอะไรสักอย่าง”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ร้านเราไม่ได้ฝ่าฝืนอะไร พวกเขาจะทำอะไรได้”
“น้องชายเอ๊ย แกนี่ยังเด็กเกินไป คนพวกนั้นสนแค่แกฝ่าฝืนไหม ความสงสัยอย่างเดียวก็ดำเนินการตรวจสอบร้านเราได้แล้ว การตรวจสอบนี้จะส่งผลกระทบกับกิจการได้ แถมที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้ว่าพวกเขาจะตรวจสอบนานเท่าไรด้วย” เฉิงปาพูดด้วยสีหน้ากังวล
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว อีกอย่างถ้ามาตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็คงไม่มีวันที่ดีแน่นอนใช่ไหม”
“นี่แหละเหตุผล”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็นิ่งเงียบครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ถ้าแบบนั้นก็ยุ่งยากอยู่บ้างจริงๆ เพราะเขาไม่มีข้อมูลติดต่อของบุคลากรภาครัฐคนไหนเลย ถ้าไม่ให้แม้แต่โอกาสอธิบาย…เรื่องนี้ก็หมดหนทางจริงๆ
เห็นซ่งจื่อเซวียนกำลังคิด เสี่ยเฉิงปาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เฝ้ารอเงียบๆ ขณะเดียวกันก็สั่งบุหรี่มวนหนึ่งมาสูบ
ทันใดนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เอ่ยปาก “เสี่ยปา เสี่ยคิดว่าเสี่ยหวงฟาจะไปหาคนแบบไหนเหรอ”
“เรื่องนี้…จะหน่วยงานควบคุมตลาดหรือจะสมาคมอาหารก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ชัดเจน” เสี่ยเฉิงปาตอบ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ “สองหน่วยงานนี้อันไหนใหญ่กว่าเหรอ”
“หน่วยควบคุมตลาดสิ”
“โอเค ผมจะลองดู”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“น้องซ่ง หายากนะเนี่ยที่นายจะโทรมาหาฉันน่ะ ฮ่าๆ” เสียงชายวัยกลางคนดังลอดออกมาจากปลายสาย
“คุณเกรงใจไปแล้วครับท่านประธานหลิน ผมรู้ว่าคุณยุ่ง ที่สำคัญเลยคือกลัวว่าจะรบกวนคุณ ตอนนี้สะดวกสักครู่ไหมครับ”
“สะดวกสิ เพิ่งเลิกประชุม มีเรื่องอะไรนายว่ามาเลย”
“อ้อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ แค่อยากจะถามคุณว่า…ต้าสือไต้ปิดทำการได้ยังไงกันครับ เพราะผมคิดว่ามันยังทำกำไรได้ไม่เลวเลยนะ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
หลินเทียนหนานได้ยินก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆ เมนูซิกเนเชอร์ก็ไม่มีแล้ว แสวงหากำไรไปจะมีประโยชน์อะไร น้องชาย นายน่าจะเข้าใจฉันนะ ถ้าเรื่องหนึ่งไม่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ทำดีกว่า”
ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มเช่นกัน นี่เป็นนิสัยของหลินเทียนหนานจริงๆ อีกทั้งได้พูดคุยกันหลายครั้ง ที่จริงซ่งจื่อเซวียนก็ได้รับนิสัยแบบนี้มาบ้างเช่นกัน เรื่องบางเรื่องเขาก็ค่อนข้างชอบไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุด
“เหอะๆ นั่นก็ใช่ แต่ถ้าคราวหลังมีโอกาสเรายังร่วมมือกันได้นะครับ”
“จริงเหรอ งั้นก็ดีเลย น้องชาย ถ้านายมีแนวโน้มจะทำ ก็ติดต่อฉันได้ตลอดเลยนะ ยอมเสียกำไรก็ได้ ฉันยังหวังว่าจะทำอาหารที่มีเอกลักษณ์สักอย่างได้”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีแน่นอนครับ จริงสิ ท่านประธานหลิน ผมเรื่องหนึ่งอยากให้คุณช่วยหน่อยครับ”
“หืม น้องชายยังเกรงใจกับฉันอยู่อีกเหรอ พูดมาสิ”
“ทางผมมีปัญหาเล็กๆ นิดหน่อยน่ะครับ อยากจะติดต่อกับคนของหน่วยงานควบคุมตลาดสักหน่อย คุณคิดว่า…จะช่วยได้ไหมครับ”
ได้ยินดังนั้น หลินเทียนหนานก็พูดขึ้นทันที “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ฉันมีเพื่อนทำงานอยู่ในสำนักงานหน่วยงานควบคุมตลาดอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันกำลังประชุมที่เซินไห่อยู่น่ะสิ เดี๋ยวฉันส่งช่องทางติดต่อไปให้นายนะ นายไปหาเขาโดยตรงได้เลย พูดถึงฉันก็ได้”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ได้ยกภูเขาออกจากอก สมแล้วที่เป็นหลินเทียนหนาน เรื่องแบบนี้ยังให้ได้ตามคำขอ
“ครับ ถ้างั้นต้องขอบคุณมากเลยนะครับ รอคุณกลับมา ผมจะเลี้ยงเหล้าคุณนะครับ”
“คนกันเองน่า อย่าเกรงใจขนาดนั้น”
หลังจากวางสาย ไม่นานหลินเทียนหนานก็ส่งวีแชทมา ในนั้นเขียนว่าหวังเฉียง ผู้อำนวยการหน่วยงานควบคุมตลาดและช่องทางติดต่อ
ซ่งจื่อเซวียนยังไม่เข้าใจระดับขั้นการบริหาร แต่เห็นคำว่าผู้อำนวยการแล้วก็คิดว่าตำแหน่งอาจจะไม่ได้เล็ก ไปหาอีกฝ่ายน่าจะมีประโยชน์
“น้องชายโทรหาหลินเทียนหนานเหรอ” โทนเสียงเสี่ยเฉิงปาถ่อมตัวอยู่บ้าง ถึงอย่างไรหลินเทียนหนานก็เป็นคนที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงได้
ที่จริงนับตั้งแต่วันที่เปิดร้านเขาก็เข้าใจแล้ว เหมือนเส้นสายของซ่งจื่อเซวียนจะแข็งแกร่งกว่าเขา และจุดนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ซ่งจื่อเซวียนหนักแน่นขนาดนี้ในปัจจุบัน
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เสี่ยปา ตอนบ่ายข้าวผัดน่าจะขายไม่ได้แล้ว ผมต้องออกไปติดต่อเรื่องนี้สักหน่อย”
“ได้ๆๆ แกทำส่วนของแกไป ให้พวกเขาจัดการได้ก็พอแล้ว เดี๋ยวฉันอยู่ดูแลที่นี่เอง”
“ไม่ได้ เสี่ยห้ามอยู่ดูแลที่นี่ เสี่ยปา ช่วงเวลาสำคัญตอนนี้ เสี่ยอยู่ห่างๆ ร้านอาหารร่ำรวยหน่อยดีกว่านะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“หา? หมายความว่ายังไง แก…คิดจะเตะพี่ชายออกไปเหรอ” เสี่ยเฉิงปาอดกังวลขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างซ่งจื่อเซวียนอย่างสมบูรณ์ ถ้าทางนี้มีอะไรเปลี่ยนไป เขาก็จะรับไม่ไหวจริงๆ อย่างไรเขายังมีลูกหลานที่ต้องรับผิดชอบ
“เหอะๆ จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงเล่า เสี่ยปาลองคิดดูนะ ในช่วงเวลาสำคัญแบบตอนนี้ เป็นเวลาที่เสี่ยต้องเลือกข้าง ร้านอาหารร่ำรวยไม่ได้อยากให้เสี่ยมาบ่อยๆ ผมว่า…ให้เสี่ยตัดสัมพันธ์กับร้านไปชั่วคราวดีกว่า อย่างน้อยก็ให้ทางเสี่ยหวงผ่านไปได้ด้วยดี เสี่ยคิดว่ายังไง”
เสี่ยเฉิงปาได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่น้องชายจะสื่อเท่าไรเลย”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ตอนนี้เป็นโอกาส ถ้าเสี่ยทิ้งผม ทิ้งร้านอาหารร่ำรวยไป ต่อให้เสี่ยหวงจะเสแสร้งก็ต้องใกล้ชิดกับเสี่ยมากขึ้น อาศัยแค่จุดนี้จุดเดียว เสี่ยปาก็จะปลอดภัยแล้ว อีกอย่าง ถ้าเกิดหวงฟาเผยข้อมูลอะไรออกมา เสี่ยก็จะบอกความลับผมได้ทันทีไง”
เสี่ยเฉิงปาเข้าใจสิ่งที่ซ่งจื่อเซวียนจะสื่อทันที จึงเอ่ยว่า “นี่แกจะให้ฉันไปเป็นหนอนบ่อนไส้เหรอ”
“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ถ้าหวงฟาเชื่อจริงๆ แล้วเสี่ยได้ข้อมูลอะไรเล็กๆ น้อยๆ มา ก็ดีสุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยเฉิงปาสูดลมหายใจ เรื่องนี้เสี่ยงอยู่บ้าง ถึงอย่างไรการหลอกเสี่ยหวงในเขตตู้เหมินนี่…เมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าเลย แต่คิดถึงสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เขาก็ยังกัดฟันพยักหน้า
“ก็ได้ ฉันจะโทรหาเถียนเหวินคุ่ยตอนนี้เลย!”
“อย่าเพิ่ง เสี่ยโทรพรุ่งนี้เถอะ จะให้ดีก็พิจารณาสักคืน จะได้เหมือนเรื่องจริงไง ใช่ไหมล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าแกร้ายมากซ่งจื่อเซวียน น้องชายว่าในสมองหน้าตาเป็นยังไงเหรอ ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์ขนาดนี้กันนะ”
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตา “ไม่ได้ถึงขนาดที่เสี่ยอวยหรอก…”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ให้เสี่ยเฉิงปาออกไปก่อน ให้ฟางรุ่ยเฝ้าร้าน และพาซางเทียนซั่วไปที่หน่วยงานควบคุมตลาด
ที่จริงซ่งจื่อเซวียนอยากจะพาฟางรุ่ยไป ให้ซางเทียนซั่วอยู่เกาะติดหลัวลี่ลี่ไปพักหนึ่ง แต่คิดๆ ดูแล้ว ซางเทียนซั่วมีประสบการณ์ด้านนี้มากกว่าตนเองอยู่บ้าง เขาไม่เคยติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐมาก่อนเลยจริงๆ
ระหว่างเดินทาง ซางเทียนซั่วที่ขับรถอยู่พลันพูดขึ้นมา “อาจารย์ หวงฟานี่หน้าไม่อายจริงๆ เลยนะ เก่งจริงก็เอาออกมาชนกันตรงๆ สิ เล่นกันลับหลังมีดีอะไร”
“เอาออกมาชนกันตรงๆ นี่นายเคยชนกับเขาหรือไง” ซ่งจื่อเซวียนพูดไปอย่างนั้น กลอกตาใส่ซางเทียนซั่วทันที
“หา? ผม…ชนไม่ได้หรอก แต่ไม่ใช่ว่ายังมีเสี่ยปาเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เสี่ยปามีประโยชน์อะไรล่ะ เทียนซั่ว นี่มันยุคไหนแล้ว นายคิดว่ามันจะเหมือนกับนิยายจีนกำลังภายในที่ยังต้องประลองกระบี่ที่ภูเขาหวาซานหรือไง เสี่ยปาทำไม่ได้ เสี่ยหวงเขาก็ทำไม่ได้ ใครก็ไม่ยอมทิ้งทรัพย์สินของครอบครัวตอนนี้ไปสู้ตายเพื่อความโกรธในช่วงเวลาหนึ่งกันหรอก”
ซางเทียนซั่วได้ยินก็พยักหน้า “นั่นก็ใช่…แต่ว่านะอาจารย์ เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าหวงฟาจะหาคนในหน่วยงานรัฐมาออกหน้าให้จริงๆ น่ะ”
“ไม่รู้หรอก แต่มันก็เป็นไปได้มาก อีกอย่างถ้าเราเตรียมตัวตอนพวกเขาลงมือ นั่นก็จะไม่ทันแน่นอน หวงฟาบอกกับเสี่ยปาว่าให้เวลาแค่สามวัน แต่ฉันคิดว่า…น่าจะไม่ถึงสามวันหรอก”
“หืม หมายความว่ายังไง” ซางเทียนซั่วถาม
“ตอนที่อยู่หอหงเยวี่ย หวงฟาพูดออกมาแล้วว่าจะทำให้ร้านอาหารร่ำรวยปิดภายในสามวัน นายว่าเขาจะรอจนถึงสามวันได้เหรอ”
ซางเทียนซั่วขมวดคิ้ว “ไอ้แก่เวรนี่ แย่งมาไม่สำเร็จก็ลอบกัด ทุเรศจริงๆ!”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น รถก็ขับมาถึงทางเข้าหน่วยงานควบคุมตลาดเมืองตู้เหมินแล้ว ซ่งจื่อเซวียนมองจากด้านนอก ไม่ได้ดูมีราศีมากเท่าไร ดูต่างจากตึกสำนักงานหน่วยงานรัฐในจินตนาการของตนเองไปมากโข
ตอนที่ทั้งสองมองไปทางลานกว้างจากในรถ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างๆ “เฮ้ยๆ ใครให้พวกนายมาจอดตรงนี้ รีบขับออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
………………………………………………