เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 116 เสี่ยเจียงมา!
ตอนที่ 116 เสี่ยเจียงมา!
เคอหงเทามึนงง เมื่อครู่ตนเองยังเป็นฝ่ายต้อน แทบจะทำให้เฉิงปาตอบโต้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่วันนี้จุดประสงค์ที่เขามาก็ด้วยเหตุนี้ ก่อเรื่องวุ่นวายในงานเปิดร้าน หรือก็คือก่อกวนไม่ให้ร้านอาหารร่ำรวยดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น
แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆ จะมีคนใหญ่คนโตสองคนปรากฏตัวออกมา ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างจริงๆ
จ้งอันกรุ๊ป ไม่ใช่เพียงแค่ในตู้เหมิน ในจีนแผ่นดินใหญ่ก็มีอำนาจมากพอ โดยเฉพาะในเมืองทางตอนเหนือเจ็ดแปดแห่งล้วนมีอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ นี่ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทอื่นจะเทียบได้เลย
และสมาคมจุนเค่อ เว็บไซต์วิจารณ์อาหารที่มีอิทธิพลที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันทะลุร้อยล้านไปแล้ว พูดได้ว่าจุนเค่อมีความสามารถที่จะเพิ่มระดับของร้านอาหารใดๆ ได้หนึ่งขั้นเลยทีเดียว
บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสอง จู่ๆ ก็มาแสดงความยินดีกับซ่งจื่อเซวียนที่ร้านเล็กๆ แห่งนี้โดยเฉพาะ ไม่เพียงแค่เคอหงเทาเท่านั้น กระทั่งทำให้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นทั้งหมดตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า
ถึงอย่างไรคนที่มาส่วนมากก็มาเพราะให้เกียรติเสี่ยเฉิงปา พวกเขาแทบจะไม่รู้จักซ่งจื่อเซวียนเลย หากไม่ใช่เคอหงเทาบอกว่าร้านอาหารนี้เสี่ยเฉิงปาไม่ได้เป็นเถ้าแก่เพียงคนเดียว พวกเขาก็ไม่มีทางรู้
ขณะนี้เอง บรรยากาศก็อึดอัดแล้ว และที่อึดอัดครั้งนี้ไม่ใช่เสี่ยเฉิงปาหรือซ่งจื่อเซวียน แต่เป็นเคอหงเทา
“กระเช้าดอกไม้จากโต้วซานซานผู้จัดการร้านขนมอีเหม่ยเค่อมาแล้ว!”
หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น คนในงานก็วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง
“อีเหม่ยเค่อ? ใช่ขนมที่ดังสุดๆ นั่นหรือเปล่า”
“ใช่ ได้ยินมาว่าเป็นแบรนด์ในเมืองตู้เหมินของเราเองด้วยนะ ในหนึ่งปีก็มีร้านแฟรนไชส์หลายร้านแล้ว แถมยอดสั่งจองในอินเทอร์เน็ตก็หลั่งไหลมาไม่ขาดสายเชียว”
“เส้นสายนี้ของเสี่ยปาสุดยอดไปเลย รู้จักกับบริษัทอาหารแบบนี้ด้วยเหรอ”
“นั่นสิ พวกเราเป็นร้านอาหารเก่าแก่กันทั้งนั้น นั่นเป็นร้านอาหารรุ่นใหม่ที่คนหนุ่มสาวสร้างขึ้นนะ”
“ไม่เสมอไปหรอก ไม่ได้ฟังที่เสี่ยซานพูดเมื่อกี้เหรอว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นเถ้าแก่น่ะ แถมจุนเค่อกับจ้งอันก็มากัน บอกไม่ได้หรอกว่าเป็นเส้นสายของใคร”
ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น โต้วซานซานก็เดินเข้ามาในร้านแล้ว
วันนี้โต้วซานซานสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์สีชมพูอ่อน ผมยาวแบ่งเป็นสองฝั่ง บนศีรษะสวมหมวกเบเร่ต์ขนสัตว์ ยังคงสไตล์คาวาอี้เหมือนแต่ก่อน
เหมือนกับคนก่อนหน้า โต้วซานซานแทบจะไม่ได้ชายตามองคนอื่นเลย เดินตรงมาที่ซ่งจื่อเซวียนอย่างเดียว
“อาจารย์ ขอให้กิจการรุ่งเรืองนะคะ!” โต้วซานซานพูดพลางส่งซองแดงให้ซ่งจื่อเซวียน
จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ยังยิ้มพลางรับมา “ซานซานมาแล้วเหรอ เดี๋ยวกินอะไรที่นี่สักหน่อยสิ เธอนั่งโต๊ะเดียวกับเทียนซั่วนะ”
“ฮิๆ ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว!”
พูดจบ เธอก็เดินไปหาซางเทียนซั่ว ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ยกศอกขึ้นกระทุ้งไปที่ท้องของซางเทียนซั่ว
“ให้ตายสิ เธอทำอะไรเนี่ย เข้ามาก็ตีคนอื่นแล้ว”
“เพ้อเจ้อ หลายวันแล้วนะ ใครให้นายไม่มาหาฉันล่ะ โทรศัพท์ก็ไม่รับ”
“ฉะ ฉะ ฉัน ฉันยุ่งไง…”
โต้วซานซานคลอนหัว “ยุ่งกับผีสิ ร้านนี่ก็ไม่ใช่ของนายสักหน่อย”
“เป็นของอาจารย์ฉันไง อาจารย์ก็เหมือนพ่อแหละ ร้านของพ่อฉันจะไม่สนใจได้ไง” ซางเทียนซั่วพูดอย่างฮึดฮัด ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมลูบท้องป้อยๆ
เสี่ยเฉิงปาเห็นสถานการณ์คลี่คลายแล้วก็ยิ้ม เดินไปทางเคอหงเทา “เสี่ยซาน เมื่อกี้เหมือนแกจะยังพูดไม่จบใช่ไหม มาพูดต่อสิ”
เคอหงเทายิ้มน้อยๆ “เฉิงปา แกนี่เจ๋งดีนะ ฉันจะบอกเรื่องนี้กับเสี่ยหวง”
ได้ยินดังนั้น ใจเสี่ยเฉิงปาก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ต้องกล่าวเลยว่า ถ้าวันนี้เสี่ยหวงมาจริงๆ เขาคงไม่กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้
ถึงอย่างไรตำแหน่งของเขาก็อยู่บนนั้น จะบอกว่าเขาไม่กลัวก็โกหกแล้ว
แต่คิดอีกรอบ ตอนนี้ไม่ลองสักตั้งเกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาส เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นึกเสียดายก็ไม่มีประโยชน์
“เหอะๆ เอาสิ งั้นช่วยฝากคำพูดของฉันไปกับเสี่ยซานด้วยนะว่าซ่งจื่อเซวียนคือพี่น้องของฉัน เรื่องนี้…เป็นที่แน่นอนแล้ว!”
ได้ยินประโยคนี้ เคอหงเทาก็พยักหน้า จ้องเสี่ยเฉิงปาเขม็ง “เจ๋งดีนี่ งั้นเราคอยดูแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็ยิ้ม พาคนออกไปจากร้านอาหารร่ำรวย
ตอนที่เดินออกมาจากร้านอาหาร เคอหงเทาก็กำหมัดทั้งสองข้าง “ชีวิตนี้กูไม่เคยอับอายขายขี้หน้าขนาดนี้มาก่อน เฉิงปา มึงแม่งเจ๋งดีนี่!”
“เสี่ย เอาไงต่อดีครับ เมื่อกี้คนที่มาสองคนนั่นยังไงกันแน่”
“ไม่ต้องถาม ออกรถ พาฉันไปหอหงเยวี่ย!”
“ครับเสี่ย”
ในร้านครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง ซ่งจื่อเซวียนรีบเปลี่ยนที่นั่งให้เสี่ยเฉิงปาทันที ยกห้องส่วนตัวให้ซุนโส่วเหวินและหงหยวนเซินให้ห้องหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างไรตำแหน่งของสองคนนี้อยู่ในระดับที่คนอื่นไม่อาจเทียบได้
ไม่ใช่แค่นี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ต้องคอยประกบห้องส่วนตัวนี้ด้วย เสี่ยเฉิงปาย่อมเข้าใจ จึงรีบสั่งให้จางเปียวจัดการให้เรียบร้อย
ขณะเดียวกัน ตอนนี้ก็เสิร์ฟอาหารเกือบหมดแล้ว ถึงจะติดขัดไปบ้าง แต่งานเปิดร้านยังนับว่าราบรื่นมาก
ในห้องส่วนตัว พวกซ่งจื่อเซวียนกับซุนโส่วเหวิน หงหยวนเซินและโต้วซานซานนั่งอยู่ด้วยกัน อย่างไรคนพวกนี้มีแค่เขาที่ดูแลได้
ซ่งจื่อเซวียนรินเหล้าใส่แก้วแล้วก็พูดว่า “คุณซุน คุณหง ซานซาน ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกคุณจะมาวันเปิดร้านวันนี้ได้ มา ให้ผมกล่าวขอบคุณพวกคุณก่อน”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ชนสุราจีน คนอื่นๆ ก็เช่นกัน
“คุณซ่ง ครั้งนี้ท่านประธานส่งผมมาโดยเฉพาะ คุณก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยไป ความจริงท่านประธานคิดจะมาด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้มีการประชุมหนึ่งต้องเข้าร่วมที่ทางหนานหัง นั่งรถไฟความเร็วสูงไปตอนบ่ายวันนี้แล้ว ถึงได้สั่งให้ผมมา” ซุนโส่วหวินวางแก้วสุราลงพร้อมกับพูด
“คุณซุนก็เกรงใจไป คุณมาได้ผมก็ซาบซึ้งแล้วครับ แถมตอนที่คุณกับคุณหงมาก็คลี่คลายสถานการณ์อึดอัดได้พอดี ผมสิควรจะขอบคุณพวกคุณถึงจะถูก”
ได้ยินดังนั้น โต้วซานซานก็พูด “หา? อึดอัดอะไร อาจารย์ เกิดอะไรขึ้น”
“เอาล่ะๆ เธอก็พูดมาก ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง” ซางเทียนซั่วกดเสียงต่ำพูดเรื่องก่อนหน้านี้ออกมารอบหนึ่งทันที
“ให้ตายสิ หาเรื่องงั้นเหรอ ดูท่าฉันจะมาช้าไป ไม่อย่างนั้นฉันได้ด่าเคอซานนั่นจนฉิบหายแน่!”
โต้วซานซานพูดฮึดฮัด
ถังหย่าฉีอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พอแล้ว ซานซาน มันผ่านไปแล้ว ไม่โกรธสิ”
คราวก่อนที่เดรนท์ ถังหย่าฉีก็เข้าใจโต้วซานซาน แต่เธอเป็นราชินีขนมหวานที่อารมณ์ร้อน ไม่น่าหาเรื่องด้วยจริงๆ
หงหยวนเซินพูดยิ้ม “จริงสิ คุณผู้หญิงโต้ว คิดไม่ถึงว่าคุณก็รู้จักกับคุณซ่งด้วยเหมือนกัน ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเรียกเขาว่าอาจารย์ล่ะครับ”
ได้ยินดังนั้น โต้วซานซานก็หน้าแดง มองซางเทียนซั่วแวบหนึ่ง “นี่คือคู่หมั้นของฉันเองค่ะ เขาเป็นลูกศิษย์ของคุณซ่ง”
“โอ้ อ้อๆ เข้าใจแล้วครับ ดูท่าผมจะล้าหลัง ที่แท้ก็คนในครอบครัวนี่เอง”
หงหยวนเซินพูดจบ ทุกคนก็หัวเราะออกมา
“ดูท่าจะเป็นการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งจริงๆ นะครับ คุณซ่งทางนี้ก็เป็นเชฟที่ยอดเยี่ยม คุณผู้หญิงโต้วทางนั้นก็บริหารได้มีเสถียรภาพมาก ความสัมพันธ์ยังใกล้ชิดกันขนาดนี้อีก อนาคตไร้ขีดจำกัดเลยเชียว” ซุนโส่วเหวินพูด
หงหยวนเซินพยักหน้าน้อยๆ “อย่างนี้นี่เอง จริงสิคุณซ่ง คุณคิดจะร่วมมือกับจุนเค่อไหมครับ”
ประโยคนี้ทำให้ถังหย่าฉีและโต้วซานซานตะลึงตะลาน
ต้องรู้ว่าในจีนแผ่นดินใหญ่ สามารถทำให้จุนเค่อออกปากเรื่องธุรกิจอาหารก่อนนั้นใช้นิ้วนับจำนวนครั้งได้
ต่อให้เป็นธุรกิจอาหารที่ดีที่สุดของตระกูลถังของพวกเขา ก็ได้อยู่บนแอปพลิเคชันวิจารณ์ด้วยการอาศัยสายสัมพันธ์และใช้เงินเข้าหาจุนเค่อ แต่คิดไม่ถึงว่าหงหยวนเซินจะยื่นไมตรีให้ร้านอาหารร่ำรวยที่เพิ่งเปิดนี้…
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “วันนี้ที่นั่งอยู่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย เป็นเพื่อนของผมซ่งจื่อเซวียนกันทั้งนั้น ผมไม่ต้องหลบเลี่ยงอ้อมค้อมก็ได้ ตอนนี้ข้าวผัดจักรพรรดิผลิดอกออกผลมาบ้างแล้วจริงๆ แต่ผมคิดว่า…ยังไม่ใช่เวลาที่จะทำการใหญ่”
“โอ้ ยอมรับฟังความเห็นของคุณซ่งครับ” หงหยวนเซินพูด
ซุนโส่วเหวินเอ่ย “เรื่องนี้…คุณซ่ง การได้ลงจุนเค่อเป็นโอกาสที่ดีนะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ผมก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุนเค่อมาบ้างแล้วครับ ถ้าแบรนด์ธรรมดาได้ลงจุนเค่อ ผลประกอบการของแบรนด์ก็จะเพิ่มระดับขึ้นอย่างน้อยหนึ่งระดับทันที แต่ผมคิดว่า…ยังไม่ถึงเวลาที่จะโด่งดังครับ”
“เวลาที่จะโด่งดังที่คุณหมายถึงก็คือ…”
“จะลั่นไกปืนตามใจไม่ได้ จะลั่นไกก็ต้องเข้าเป้า คุณหง ขอบคุณเจตนาดีของคุณนะครับ แต่ผมคิดว่า…ถ้าสักวันหนึ่งในอนาคตได้ลงจุนเค่อ ก็ควรจะดังพลุแตกกลายเป็นร้านอาหารระดับสูงที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ครับ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนเงียบลง ต้องพูดเลยว่าในมุมมองของพวกเขา ซ่งจื่อเซวียนเด็กเกินไป ความปรารถนาแบบนี้ก็ดี แต่มองไปในจีนแผ่นดินใหญ่จะมีสักกี่คนที่เก่งพอจะทำได้ถึงจุดนี้กัน
ถังหย่าฉีดึงชายเสื้อซ่งจื่อเซวียน “ลงจุนเค่อก่อนแล้วค่อยๆ พัฒนาไปก็ได้นี่นา”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “โอกาสหนึ่งครั้งคว้าเอาไว้ไม่อยู่หมัดก็จะทำให้ระดับอยู่กับที่ คิดอยากจะพัฒนาอีกก็ยากแล้ว เพราะงั้น…วิธีที่ประธานหลินใช้ตอนแรกที่จริงถูกต้องแล้ว ถ้าจะทำ ก็ต้องดังพลุแตก!”
ซุนโส่วเหวินพยักหน้าเบาๆ บางทีทุกคนในที่นี้อาจจะมีแค่เขาที่คิดว่าซ่งจื่อเซวียนไม่ได้กำลังโม้อยู่ ยิ่งไม่ใช่คนที่มีเป้าหมายสูงส่งแต่ความสามารถน้อยนิด
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ล้วนกำลังบอกเขาว่าสายตาของหลินเทียนหนานถูกต้อง
ซ่งจื่อเซวียนไม่เพียงแค่เป็นก้อนทอง แต่เป็นถึงมังกร เรื่องที่เขาอยากทำ…ส่วนใหญ่รวดเร็วไร้เทียมทาน!
เห็นทุกคนไม่ได้พูดอะไร ซ่งจื่อเซวียนจึงยิ้มพลางยกแก้วสุราขึ้น “มา ผมขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง และหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับจ้งอัน จุนเค่อ แล้วก็อีเหม่ยเค่อของซานซานด้วย ชน!”
“ชน!”
“คุณซ่งครับ ผมคิดว่าคุณจะสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดี ถ้าไม่มีเรื่องผิดพลาดร้านอาหารร่ำรวยหลังจากผ่านช่วงพลิกผันในสองสามวันนี้ไป ก็จะค่อยๆ โด่งดังขึ้น จนกระทั่ง…ก้าวข้ามต้าสือไต้!” ซุนโส่วเหวินชูแก้วสุราให้ซ่งจื่อเซวียนเพียงคนเดียว ที่พูดมาก็ออกมาจากใจจริงๆ
ได้ยินดังนั้น ถังหย่าฉีก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่แน่หรอกค่ะ ฉันคิดว่า…พรุ่งนี้ออร์เดอร์ก็คงจะหลั่งไหลเป็นเทน้ำเทท่า!”
ได้ยินประโยคนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เปิดโทรศัพท์ดู ที่แท้…
โมเมนต์ของถังหย่าฉีอัปเดตใหม่ ภาพถ่ายสี่รูปแทบจะเป็นงานเปิดตัวร้านอาหารร่ำรวยทั้งหมด อีกทั้งยังมีคำบรรยายประกอบภาพด้วย
คำบรรยาย ‘เชฟข้าวผัดจักรพรรดิเปิดร้านใหม่แล้ว เพื่อนๆ ที่อยากกินก็ต้องมาที่นี่แล้วนะ’
ไม่ใช่แค่นี้ ด้านล่างยังปักหมุดร้านอาหารร่ำรวยไว้ด้วย
“หย่าฉี นี่เธอประชาสัมพันธ์ให้ฉันอีกแล้วนะ” ซ่งจื่อเซวียนยิ้มพูด
ถังหย่าฉีส่ายหัวยิ้มๆ “จะขอบคุณฉันยังไงดี พูดมาสิ จะขอบคุณฉันยังไง”
“เลี้ยงเหล้าเธอไง!”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจอยู่แล้ว อิทธิพลสื่อของถังหย่าฉีนั้นกว้างขวางถึงขีดสุด ต่อให้จะเป็นแค่โมเมนต์วีแชทก็ตาม
เพราะคนในโมเมนต์ของเธอแทบจะเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นสองกันหมด คนพวกนั้นจะอะไรก็ไล่ตามความหรูหราฟุ้งเฟ้อ ตอนแรกก็เพราะโมเมนต์หนึ่งของเธอ ข้าวผัดจักรพรรดิถึงเปิดตัวในต้าสือไต้ได้
และตอนนี้…ร้านอาหารร่ำรวยก็ต้องเป็นเหมือนกันแน่นอน
ขณะที่ในห้องส่วนตัวพูดคุยกันอย่างครื้นเครง โถงชั้นหนึ่งก็เช่นกัน เสียงหัวเราะ เสียงชนแก้ว กระทั่งเสียงตะโกนโหวกเหวกเพราะดื่มไปมากก็ดังขึ้นเป็นระลอกต่อเนื่อง
เสี่ยเฉิงปาเห็นก็ยิ้มกว้างแทบจะถึงรูหู แต่ในขณะนั้นเอง นอกประตูก็มีเสียงหนึ่งดังมา
“เสี่ยเจียงมา!”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปาก็ชะงัก เสี่ยเจียงเหรอ เขามาได้ยังไง…
……………………………………….