เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 115 ระดับความหนักของกระเช้าดอกไม้
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 115 ระดับความหนักของกระเช้าดอกไม้
ตอนที่ 115 ระดับความหนักของกระเช้าดอกไม้
อันที่จริงไม่ใช่แค่รอยยิ้มของเสี่ยเคอซานเท่านั้น จุดประสงค์ที่เขามาคือมาท้าทายอย่างเห็นได้ชัด ณ จุดนี้ไม่ต้องคิดก็รู้
เขาจงใจพูดว่าเสี่ยเฉิงปาลืมส่งบัตรเชิญให้เขา แต่เสี่ยเคอซานมีหรือจะไม่รู้ว่าเสี่ยเฉิงปาไม่อยากเชิญเขามาอยู่แล้ว
ในวงการอาหารเมืองตู้เหมิน หากนับความสัมพันธ์ของเสี่ยเคอซานกับเฉิงปานั้นถือว่าไม่ถูกกันมากที่สุด เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว วันนี้มาแสดงความยินดีในวันเปิดร้าน…เช่นนั้นต้องมีเจตนาอื่นแน่นอน
แต่เสี่ยเฉิงปาก็ยังกำหมัดคารวะ “แหมสมองของผมเป็นอะไรไม่รู้ ถึงลืมส่งบัตรเชิญให้คุณน่ะเสี่ยซาน โอเคคุณเข้าไปก่อนเถอะ วันนี้มีอาหารกับเหล้าดีนะครับ”
เคอหงเทาหัวเราะ กำหมัดให้แล้วเอ่ยว่า “ได้เลย ถ้างั้นผมเข้าไปข้างในแล้วนะ!”
พูดจบ เขาจึงเดินเข้าไป พร้อมกับลูกน้องสามคนเดินตามหลัง
เสี่ยเฉิงปาเหลือบตามองเขาหนึ่งที “แม่ง เล่นอะไรของมัน มาแต่ไม่มีของขวัญแสดงความยินดี แถมยังพาลูกน้องมาอีก ไอ้ชาติหมา…”
จากนั้น เสี่ยเฉิงปาจึงไปต้อนรับแขกอีกสองสามคน แล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าไป
ภายในห้องรับแขก ซ่งจื่อเซวียนยืนพิงประตูห้องครัวมองแขก ตอนที่เขากับเคอหงเทาสบตากัน ทั้งสองคนไม่พูดอะไร
แน่นอนเขารู้ว่า ตอนแรกไอ้หมอนี่เกือบจะฆ่าตัวเอง สำหรับคนแบบนี้…หากไม่ได้อยู่ในงานสำคัญเช่นนี้ เขาจะไม่คิดเกรงใจและมีมารยาทให้เลยจริงๆ
เนื่องจากเปิดร้านวันแรก ซ่งจื่อเซวียนกับเสี่ยเฉิงปานัดกันแล้ว จะไม่มีข้าวผัดจักรพรรดิให้ ดังนั้นวันนี้จึงไม่มีงานของเขา เขาเป็นแค่เถ้าแก่คนหนึ่งก็พอ
และแขกที่มาในวันนี้โดยทั่วไปมาเพราะเสี่ยเฉิงปา ซ่งจื่อเซวียนจึงว่าง พูดง่ายๆ คือนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นทั้งวันก็พอแล้ว
เพราะวันแรกคนค่อนข้างเยอะ ซ่งจื่อเซวียนจึงไม่อยากสร้างความวุ่นวายเพราะข้าวผัดจักรพรรดิ
“อาจารย์ ไอ้งั่งเสี่ยเคอซานมันมาด้วย!” ซางเทียนซั่วเอ่ย
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า พูดเบาๆ “วันนี้จะไม่มีเรื่องกับเขา มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง อย่ามีเรื่องวันเปิดร้าน!”
“เข้าใจแล้วครับ”
“รุ่ยจื่อไปไหน” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ดูเหมือนจะขึ้นไปย้ายของข้างบน มีอะไรครับ อ้อใช่ เมื่อก่อนเขาเคยอยู่กับเสี่ยเคอซาน อาจารย์ ผมไปบอกเขาก่อนว่าอย่าลงมาดีไหมครับ”
“อืม ไปเถอะ”
เมื่อเห็นซางเทียนซั่วเดินขึ้นไปข้างบน เคอหงเทากลับหัวเราะหนึ่งที แล้วเดินตรงไปหาซ่งจื่อเซวียน
“น้องจื่อเซวียน พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนแสดงใบหน้ายิ้มแย้ม “เหรอครับ ผมรู้สึกว่า…เพิ่งเจอเสี่ยซานเมื่อไม่กี่วันนี้เอง”
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาก็อึ้งไป “หืม อ้อฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมไป พวกเราสองคนเจอกันครั้งแรกก็เหมือนรู้จักกันมานาน เจอกันตอนไหนก็ไม่รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าใช่ไหม”
“แน่นอนครับ และก็…ระหว่างเรายังมีเรื่องเก่าติดค้างกันอยู่ ขอโทษนะครับ ขอตัวก่อน!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เดินออกไปอยู่ข้างๆ ถังหย่าฉี
เห็นเพียงเงาหลังของซ่งจื่อเซวียน เคอหงเทาหรี่ตาทั้งสองข้าง หัวเราะเบาๆ ไอ้หมอนี่…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เคอหงเทาเคยพูดไว้นานแล้ว ไม่ช้าก็เร็วซ่งจื่อเซวียนจะฟื้นตัวกลับมา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้
บทสนทนาของทั้งสองคนเมื่อครู่นี้ไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว จำได้ว่าในตอนนั้น เสี่ยเคอซานมีอำนาจกว่าอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้…มาดของซ่งจื่อเซวียนกลับทรงพลังกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าเขาไม่เสียใจที่ไม่ได้ฆ่าซ่งจื่อเซวียน อย่างไรเพื่อบันทึกหย่งซั่น เคอหงเทาจำเป็นต้องเก็บเขาไว้
แน่นอน เขาไม่รู้ว่า ที่ซ่งจื่อเซวียนยังมีชีวิตอยู่ไม่เกี่ยวกับความเมตตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
“จื่อเซวียน คนนั้นเป็นใคร เพื่อนนายเหรอ” ถังหย่าฉีถาม
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะหนึ่งที “ไม่ใช่ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เคยมีเรื่องกันมาก่อน”
ถังหย่าฉีได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูท่าทางจะไม่ใช่คนดี ต่อไปนายไปมาหาสู่กับคนแบบนี้น้อยๆ หน่อยนะ”
“เหอะๆ บางครั้งไม่ใช่ว่าเราจะไปหรือไม่ไปหาเขา แต่ต้องดูว่าเขาจะมาหาเราเองด้วยหรือเปล่า และคนอย่างเขา…ฉันไม่เข้าใกล้หรอก”
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้พูดผิดเลย ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก ล้วนเป็นเคอหงเทาที่มาหาเรื่องเขาตลอด ชาตินี้เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ
“หืม หมายความว่ายังไง” ถังหย่าฉีถาม
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะหนึ่งที ไม่พูดอะไรต่อ
พิธีเปิดร้านสิ้นสุดลง เสี่ยเฉิงปาจึงเดินไปตรงกลางห้องโถงใหญ่ กล่าวว่า “ทุกท่าน วันนี้มาร่วมให้กำลังใจผมเสี่ยปาคนนี้ ผมขอบคุณมากๆ แน่นอนว่า ของขวัญที่ให้มาจะไม่ทำให้พวกคุณต้องเสียเปล่า อีกสักพักจะมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยคอยต้อนรับนะครับ”
เสี่ยเฉิงปาพูดจบ เสียงปรบมือจึงดังขึ้นมา ขณะเดียวกันเสียงพูดไชโยก็ดังตาม
เสี่ยเฉิงปายิ้มบางๆ “เอาล่ะ ผมพูดไม่ค่อยเก่ง เอาเป็นว่า…ทำตามกฎเดิม มาร่วมงานเสี่ยปา ก็อย่ามาแย่งธุรกิจของผม ไม่อย่างนั้นถึงแม้จะให้เงินของขวัญมา ถึงตอนนั้นก็จะจัดการพวกคุณเหมือนเดิม!”
พอพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงหัวเราะขึ้นมา พวกเขารู้ว่าเสี่ยเฉิงปาพูดล้อเล่น แต่…ถ้าหากมาแย่งเขาจริงๆ คำพูดล้อเล่นนี้จะกลายเป็นจริงได้เหมือนกัน
อย่างน้อยวงการอาหารในเขตเฉิงตงนี้ เฉิงปาเป็นคนที่สามารถทำอะไรรุนแรงไร้เหตุผลได้
เวลานี้ ครัวด้านหลังคึกคักเป็นอย่างมาก ทำอาหารทุกอย่างตามคำสั่งของซ่งจื่อเซวียน อาหารเหมือนกันทุกโต๊ะ ร้านอาหารชั้นบนชั้นล่างมีรวมกันเกือบยี่สิบโต๊ะ แน่นอนว่าจึงมีแรงกดดันอยู่บ้าง
“โอเค ไม่พูดอะไรเยอะแล้ว ทุกคนคุยกันไปก่อน อีกสักพักจะเสิร์ฟอาหารและเหล้า!”
เสี่ยเฉิงปาพูดจบ ก็มีพนักงานเริ่มเสิร์ฟอาหาร เริ่มจากอาหารจานเย็นและเหล้า อย่างน้อยที่สุดต้องรับประกันว่าทุกคนได้ดื่มก่อน แต่เพิ่งจะเสิร์ฟอาหาร เคอหงเทากลับลุกขึ้นยืน
“เสี่ยปา คุณพูดได้ดีงามมาก แต่…ผมเสี่ยเคอซานฟังแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์เลยแฮะ!”
พอพูดออกไป ทั้งงานก็เกิดความเงียบขึ้นมา
คนที่อยู่ในงานจำนวนไม่น้อยเป็นเถ้าแก่มีชื่อเสียงในวงการอาหาร บางคนถึงขนาดมีพรรคพวกใต้ดิน ดังนั้นมองปราดเดียวจึงจำเคอหงเทาได้
พวกเขาย่อมรู้ว่าเสี่ยเคอซานกับเฉิงปาไม่ถูกกัน เสี่ยเคอซานมาในวันนี้…เกรงว่าไม่ได้มาอวยพรจากใจจริง
เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยซาน คุณหมายความว่ายังไง หรือว่าคำพูดตามมารยาทของผมมีปัญหาเหรอครับ”
เคอหงเทาหัวเราะ พยักหน้าเอ่ยว่า “ผมคิดว่า…มีปัญหานิดหน่อย!”
เคอหงเทาไม่สนใจ เอ่ยยิ้มๆ“เสี่ยปา คุณดูลูกน้องของคุณสิ ไม่รอผมพูดจบก็รีบร้อนขนาดนี้ ปกติคุณสั่งสอนพวกเขายังไงครับ”
“เสี่ยเคอซาน มีธุระอะไรก็พูดมา อย่าพูดจาไร้สาระ คุณหมายความว่ายังไง” เสี่ยเฉิงปาถาม
“เหอะๆ ง่ายมาก คุณดูสิ…ผมไม่ได้รับบัตรเชิญ วันนี้ไม่เชิญแต่มาด้วยตัวเอง ประเด็นหลักคือไม่ได้พกของขวัญหรือเงินของขวัญมาด้วย แบบนี้ถือว่าไม่ถูกหรือเปล่า” เคอหงเทาพูด
เสี่ยเฉิงปามองเคอหงเทาอย่างโมโห “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณไหมล่ะ”
“เสี่ยปาคุณโอหังมากเลยนะ คุณไม่ได้ตำหนิอะไร แต่ในคำพูดนั้นบอกว่า วันนี้ที่ให้เงินของขวัญ จะไม่ทำให้ทุกคนต้องเสียเงินเปล่า มีอาหารและเหล้าดีคอยเสิร์ฟ แบบนั้น…”
เคอหงเทาหยิบแก้วเหล้าในมือขึ้นมา เหวี่ยงไปบนพื้นทันที เอ่ยว่า “ผมเสี่ยเคอซานจะไม่ได้ดื่มและไม่ได้กินใช่ไหม”
“แม่งเอ๊ย เสี่ยเคอซาน ถ้ายังกวนอีกฉันจะจัดการแกซะ!” เสี่ยเฉิงปาชี้พลางตะคอกใส่เคอหงเทา
ต้องพูดเลยว่า ทันทีที่เสี่ยเคอซานเหวี่ยงแก้ว ลูกน้องสามคนที่อยู่ข้างหลังต่างก็ลุกขึ้นยืน บวกกับชื่อเสียงในเขตเฉิงซีของเขา แขกคนไหนจะกล้าพูดแบบนี้บ้าง
เมื่อครู่ยังเป็นงานที่สนุกครึกครื้น ตอนนี้กลายเป็นความกระอักกระอ่วนไปในทันที
“ฉันก่อกวนงั้นเหรอ เสี่ยเฉิงปาไม่รู้เรื่องหรือไง ฮ่าๆ วันนี้จะจัดการฉันในเขตเฉิงตงงั้นเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก วันนี้ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน เสี่ยหวงเอาเรื่องแกแน่!”
พอพูดเช่นนี้ ผู้คนในงานจำนวนไม่น้อยยิ่งตกใจ ทำไม่ถึงมีเสี่ยหวงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ
โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเสี่ยหวงคือผู้ที่นั่งเก้าอี้ตัวแรกของวงการอาหารในเมืองตู้เหมิน มีเรื่องกับเขา ถึงแม้จะไม่ถูกซัดจนตาย แต่จะถูกบีบให้ล้มละลาย นี่คือพลังที่แข็งแกร่ง!
และคนอย่างเคอหงเทาย่อมไม่อวดดีกล้าพูดถึงเสี่ยหวงเองแน่นอน ดังนั้น ประโยคนี้น่าจะมีเหตุผล
“เสี่ยเคอซาน แกแม่งขู่ฉันเหรอ เสี่ยหวงจะสนใจแกเหรอ”
“ฮ่าๆๆ สนไม่สนแกก็ลองดู” ขณะพูด เคอหงเทาก็มองไปที่ซ่งจื่อเซวียน “ฉันได้ยินว่าร้านอาหารร่ำรวยนี้แกไม่ใช่เถ้าแก่เพียงคนเดียว ไอ้หยา นั่นคือน้องชายฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนสีหน้าไร้อารมณ์ เงยหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
ในสายตาของเขา ในเมื่อยังเดาเจตนาการมาของเคอหงเทาไม่ได้ เปิดปากพูดตอนนี้ถือว่าเร็วไป
แต่เสี่ยเฉิงปาไม่สนใจ เอ่ยว่า “ไหนน้องชายของแก แกโง่หรือเปล่า นี่น้องชายของฉัน เกี่ยวอะไรกับแกด้วย”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องตื่นเต้น จะยังไงก็ได้ แต่…คนที่เสี่ยหวงต้องการตามหาแกก็ยังกล้าปกป้อง แถมยังปกป้องจนเปิดร้านใหม่นี่ เฉิงปา…แกเบื่อโลกแล้วใช่ไหม”
นี่คือเรื่องที่เสี่ยเฉิงปากังวลมากที่สุด แล้วก็เกิดขึ้นจนได้
เคอหงเทาพูดเรื่องเสี่ยหวงตามหาซ่งจื่อเซวียนอีกครั้ง สงสัยวันนี้เขาจะมาก่อกวนจริงๆ
พอเขาพูดแบบนี้ คนที่อยู่ในงานก็ต่างซุบซิบเสียงเบากัน อย่างไรนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จากคำพูดของเคอหงเทาก็ฟังออกว่า ซ่งจื่อเซวียน…อาจจะไปล่วงเกินเสี่ยหวงเข้า
เสี่ยเฉิงปาโกรธแล้ว ที่เขาเกลียดที่สุดคือมีคนข่มขู่ตัวเอง และสิ่งที่เคอหงเทาทำก็ชัดเจนมากว่าใช่!
“แม่งเอ๊ย ไล่ไอ้เลวนี่ออกไปจากร้านที!”
“เฉิงปาแกลองดูสิ ฉันรับรองว่าร้านอาหารร่ำรวยของแกจะเปิดได้ไม่เกินสามวัน! ไม่เชื่อพวกเราก็คอยดู!”
เคอหงเทาตบฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ พูดตะคอกเสียงดัง
ถึงแม้จะเป็นเขตเฉิงตง แต่อำนาจกลับถึงขั้นกดขี่เสี่ยเฉิงปาได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเสี่ยหวงคอยหนุนหลังอยู่
บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนถึงขีดสุด แม้แต่พนักงานที่เสิร์ฟอาหารยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรเสิร์ฟอาหารหรือไม่
ตอนนี้เอง นอกประตูก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“กระเช้าดอกไม้จากประธานหลินจ้งอันกรุ๊ปมาแล้ว!”
ทุกคนตกใจ จ้งอันกรุ๊ป ประธานหลิน นี่มัน…ดูจะน่าตื่นตะลึงกว่าเจ้าถิ่นในวงการอาหารเสียอีก!
เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียนแล้ว เขาจึงรีบเดินเข้าไป ยื่นสองมือไปจับมือ “เถ้าแก่ซ่ง ยินดีกับคุณด้วยนะครับ วันนี้เปิดร้าน ท่านประธานส่งผมมามอบกระเช้าดอกไม้ นี่คือเงินของขวัญครับ!”
ซุนโส่วเหวินพูดพลางหยิบบัตรใบหนึ่งยื่นให้ซ่งจื่อเซวียน
ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรเรียกว่าเงินของขวัญ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเงินของขวัญ เงินหนาๆ ปึกหนึ่งจะมีประโยชน์อะไร ต้องให้บัตรสิถึงจะถูก ไม่น่าจะใช่แปดพันหยวนหรือหนึ่งหมื่นหยวนแน่นอน
เคอหงเทาก็ตกตะลึง เขาขมวดคิ้ว คนของจ้งอันมาได้อย่างไร หรือว่า…ต้าสือไต้จะไม่ใช่ธุรกิจส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงคนนั้น
ตอนที่เขายังไม่ได้สติกลับมา ก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่ง
“บริษัทเยียนจิงซานเหม่ย รองประธานสมาคมจุนเค่อ กระเช้าดอกไม้จากคุณหงหยวนเซินมาแล้ว!”
“จุนเค่องั้นเหรอ”
“ให้ตาย สมาคมจุนเค่อก็มาเหรอ”
“พวกเขาแทบจะตัดสินได้เลยว่าร้านอาหารร้านหนึ่งจะเดินไปถึงตำแหน่งสูงสุดได้ไหม”
“จริงหรือหลอกเนี่ย เสี่ยปาหน้าใหญ่เกินไปแล้วหรือเปล่า”
เคอหงเทาก็งุนงง เรื่องของจ้งอันยังไม่ทันเข้าใจ คนของจุนเค่อก็มาด้วยเหรอ
ตอนนี้หงหยวนเซินเดินเข้ามา และเหมือนกับซุนโส่วเหวิน เขาเดินตรงไปหาซ่งจื่อเซวียนเท่านั้น
“คุณซ่ง พวกเราเจอกันอีกแล้ว!” หงหยวนเซินเอ่ยยิ้มๆ
ซ่งจื่อเซวียนก็ประหลาดใจเหมือนกัน เอ่ยว่า “คุณหง คุณมาได้ยังไงครับ คุณรู้ได้ยังไง…”
“เหอะๆ คุณซ่ง วงการอาหารนี้…จะมีความลับที่ไหน โดยเฉพาะเชฟที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอกได้คุยกับคุณซุนสองสามประโยค ได้ยินว่ามีคนมาหาเรื่อง ผมกับคุณซุนเลยเข้ามา!”
ทุกคนงงกันยกใหญ่ กระเช้าดอกไม้สองกระเช้านี้ มีน้ำหนักมากกว่าที่ให้มาก่อนหน้านั้นเป็นกอง!
พูดจบ หงหยวนเซินกับซุนโส่วเหวินแทบจะมองไปที่เคอหงเทาในเวลาเดียวกัน!
………………………………………..