เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 110 ไม่ถึงตานาย
ตอนที่ 110 ไม่ถึงตานาย
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าเบาๆ มองดูผู้คนที่ซื้อสินค้ารอบๆ กระตุกยิ้มแล้วพูด “ฉันเข้าใจแล้ว ท่านชายเฮ่อหมายความว่าตลาดนี้อยู่ในกำมือนาย ถ้านายพูดอย่างนี้ก็จะไม่มีใครกล้าพูดเป็นอย่างอื่นใช่ไหม”
“เหอะๆ ดูเหมือนว่าแกยังยกย่องฉันอยู่ ฉันไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นสักหน่อย” เฮ่อเหยียนข่ายพูด จากนั้นนั่งบนเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์แล้วไขว้ขา “เพียงแต่ว่า…ทุกคนที่นี่เอาใจฉันน่ะ”
“ฉันก็พอจะดูออก เรียกนายว่าท่านชายเฮ่อกันหมดขนาดนี้ ย่อมเป็นการไว้หน้านายอยู่แล้ว” ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ
เฮ่อเหยียนข่ายยิ้มให้เล็กน้อย “ถูกต้อง แต่…ไอ้หนู อิทธิพลของแกที่อ่าวชิงหลงครั้งก่อนล่ะ มีคนแย่งจ่ายเงินให้แกไม่ใช่หรือไง แกเจ๋งไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้านายไม่ให้พวกเขาขาย ฉันแค่ไม่ซื้อก็จบ เหอะๆ นายคือท่านชายเฮ่อผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็หันหลังกลับคิดจะจากไป
อันที่จริงเขาและเฮ่อเหยียนข่ายไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย และเขาไม่คิดที่จะข้องเกี่ยวอะไรกันอีก
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตู เฮ่อเหยียนข่ายก็ยิ้มแล้วเอ่ย “อ้อ ฉันลืมบอกแกไปว่าคนในตลาดอาหารทะเลเมืองตู้เหมินทั้งหมดก็เรียกฉันว่าท่านชายเฮ่อ ฉันเดาว่า…ต่อไปแกอาจจะซื้อของลำบากแล้วล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนแค่นหัวเราะเบาๆ หันกลับมาแล้วกล่าว “งั้นก็เก่งกาจจริงๆ ดูท่าต่อไปฉันจะต้องใช้ขนส่งทางอากาศสินะ”
“ฉันว่าใช้ได้เลยนะ ฉันรู้ว่าแกเป็นเชฟของต้าสือไต้ อำนาจต้าสือไต้ของแกมหาศาลขนาดนั้น เหอะๆ คงไม่มีปัญหาแน่นอน” ขณะพูด เฮ่อเหยียนข่ายจงใจเผยรอยยิ้มแสยะที่ทำให้คนไม่ชอบใจ
“แก…แกแม่งหาเรื่องกันนี่หว่า!” ฟางรุ่ยที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวแล้วชี้นิ้วไปยังเฮ่อเหยียนข่าย
ซ่งจื่อเซวียนห้ามเขาทันที “ยังไม่ถึงตานายพูด!”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยก็ทำได้เพียงลดมือลงอีกครั้ง แต่การหายใจที่หนักหน่วงของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าตอนนี้เขามีน้ำโหแล้ว
อันที่จริงเมื่อครู่ที่เฮ่อเหยียนข่ายกำลังพูดยั่วยุซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยก็ทนไม่ได้แล้ว เขาคิดในใจว่านายท่านรองไม่อยากก่อเรื่องจึงคิดจะเดินจากไปเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าไอ้สารเลวนี้ยังไม่จบไม่สิ้น
ก่อนหน้านี้ที่ฟางรุ่ยตะโกน ภายในร้านก็เงียบลงทันที แต่เมื่อเฮ่อเหยียนข่ายพูดเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะออกมา
หลายคนที่นี่ค่อนข้างรู้จักเฮ่อเหยียนข่าย เพราะพ่อของเขาเป็นผู้ถือหุ้นในตลาดอาหารทะเลหลายแห่งของเมืองตู้เหมิน ถ้าเป็นเถ้าแถ่ที่มีความรู้หน่อยก็จะรู้จักเขา
“ท่านชายเฮ่อ คุณจะเปลืองน้ำลายกับไอ้นี่ทำไม ให้เขาไสหัวออกไปเลยดีกว่าไหมครับ”
“ใช่แล้ว คนประเภทนี้มีคุณสมบัติพอให้พูดคุยกับคุณเหรอครับ”
“ฮ่าๆ ไสหัวไปซะไอ้หนู ในวงการอาหารตู้เหมินไม่มีที่ยืนให้แก!”
เสียงต่างๆ ที่เปล่งออกมาจากฝูงชน เยาะเย้ยถากถางมาไม่ขาดสาย จนถึงขั้นดูหมิ่นเหยียดหยาม
ซ่งจื่อเซวียนแอบกัดฟันกรอด ไอ้เวรนี่เป็นหญ้าบนกำแพงจริงๆ มีกำลังน้อยนิดที่พลิ้วไหวตามลม จากนี้ถ้าฉันให้พวกนายเรียกฉันว่า ‘นายท่านรอง’ ไม่ได้ ฉันก็ไม่ใช่ซ่งจื่อเซวียน!
อันที่จริงช่วงนี้ซ่งจื่อเซวียนเองก็เปลี่ยนไปไม่น้อย เดิมทีเขาแค่อยากให้แม่และพี่สาวมีชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ได้แสวงหาสิ่งอื่นใด
แต่ตอนนี้หลังจากเผชิญกับแผนการกลับกลอกหลอกลวงกันในวงการนี้ แม้กระทั่งเหตุการณ์เสี่ยงตาย เขาก็รู้ดีว่าถ้าไม่แข็งแกร่งก็จะถูกรังแก มีเพียงแค่กำหมัดให้แน่นเท่านั้น ถึงจะไม่มีใครกล้ารังแก
แต่เมื่อถึงจังหวะนี้ เถ้าแก่เฉินก็เข้ามาพูด “ท่านชายเฮ่อ คุณพูดว่าคนคนนี้…คือคนของต้าสือไต้งั้นเหรอครับ”
“ใช่ มีอะไรเหรอครับ อย่างมากก็เป็นแค่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง แล้วยังไงล่ะ”
เถ้าแก่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบข้างหู “ท่านชายเฮ่อ ข้าวผัดจักรพรรดิของต้าสือไต้เป็นที่นิยมมาก ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะครับ ถ้าไอ้หมอนี่เป็นเชฟข้าวผัดจักรพรรดิจริงๆ…”
เมื่อได้ยินเฮ่อเหยียนข่ายถึงกับตกตะลึง ถ้าเป็นเรื่องจริง ในวงการอาหารแยกระหว่างจุดแข็งและจุดอ่อนชัดเจน ถ้าคุณมีเงินก็เป็นเสี่ยหรือนายท่าน ถ้าคุณไม่มีเงินก็เป็นคนแพ้ แต่มีอย่างหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น นั่นคือพ่อครัวชื่อดัง
พ่อครัวชื่อดังเป็นที่หมายปองของบรรดาคนสำคัญอย่างแน่นอน อาจกลายเป็นเจ้าคนนายคนได้ทุกเมื่อ สิ่งเดียวที่ขาดมีเพียงโอกาส
ยิ่งไปกว่านั้นคือต้าสือไต้เองก็ไม่ใช่ร้านอาหารเล็กกระจ้อยร่อย และได้ยินว่ามีภูมิหลังเป็นจ้งอันกรุ๊ป ถ้าไปยั่วโมโห…เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา
แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้งก็คงไม่ใช่ มันน่ะเหรอ มันจะเป็นเชฟข้าวผัดจักรพรรดิ ล้อเล่นหรือเปล่า
“เหอะๆ เถ้าแก่เฉินวางใจเถอะน่า ไม่มีทางหรอก”
“หืม คุณสืบมาแล้วเหรอครับ”
“ถูกต้อง ไอ้เด็กนี่เคยเป็นลูกมือในร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง ใครจะรู้ว่าเข้ามาต้าสือไต้ได้ยังไง ถ้ามันมีฝีมือทำข้าวผัดของจักรพรรดิ มันจะยังเป็นลูกมือหรือไง”
เถ้าแก่เฉินพยักหน้าช้าๆ “สมเหตุสมผล”
“แล้วคุณคิดดูนะ สถานะของเชฟข้าวผัดจักรพรรดิเป็นยังไง จะเข้ามาซื้อวัตถุดิบด้วยตัวเองเหรอ ไอ้นี่แม่งเป็นแค่ไอ้กระจอก” เฮ่อเหยียนข่ายจงใจตะเบ็งเสียง เมื่อพูดจบคนรอบๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ภายในร้านกำลังสนุกสนาน จากนั้นก็มีคนห้าหกคนเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม แม้จะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว แต่บางคนก็ยังสวมเสื้อแขนสั้น ชายแขนเสื้อถูกกล้ามเนื้อเป็นมัดรัดแน่นจนตึง เผยให้เห็นรอยสักหลากสีสัน
และคนตรงกลางที่ยืนอยู่ในบรรดาคนเหล่านั้นก็คือ ‘เหล่าหู่’ เถ้าแก่ร้านเมื่อครู่นั่นเอง
ทันทีที่เหล่าหู่เข้าไปก็ชี้นิ้วใส่ซ่งจื่อเซวียนแล้วพูด “แม่ง ตามหาแกมานานแล้ว มาอยู่ในร้านของพี่เฉินนี่เอง!”
สีหน้าซ่งจื่อเซวียนสงบนิ่ง เขาคลี่ยิ้มแล้วถาม “หาผมเหรอ”
“ไร้สาระ ตอนนั้นแกคิดว่าข้าเหล่าหู่จะยอมแพ้หรือไงวะ ตั้งแต่เด็กข้าไม่เคยโดนต่อยตีมาก่อน แต่วันนี้ข้าโดนแกเล่นงาน ตอนนี้ข้าจะมาแก้แค้น!”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ชอบใจ “คุณหมายความว่าโดนผมเล่นงานเป็นคนแรกงั้นเหรอ”
เหล่าหู่เข้ามาด้วยพลังความโกรธที่พรั่งพรู เมื่อจู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้ คนรอบตัวก็หัวเราะออกมาไม่น้อย แต่ด้วยความหยาบคายที่เป็นปกติของเหล่าหู่ และเฮ่อเหยียนข่ายก็อยู่ด้วย ดังนั้นจึงแอบซ่อนเสียงหัวเราะเอาไว้อยู่บ้าง
แต่เมื่อมองคนเหล่านั้นที่เนื้อตัวสั่นไหวอยู่สองสามครั้ง ก็รู้แล้วว่ากำลังแอบหัวเราะอยู่
“ฮ่าๆๆ เหล่าหู่ ทำไมถึงจนมุมล่ะ ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”
เมื่อได้ยิน เหล่าหู่จึงสังเกตเห็นว่าเฮ่อเหยียนข่ายก็อยู่ด้วย จึงรีบสาวเท้าไปด้านหน้าพร้อมประสานหมัดคารวะ “ท่ายชายเฮ่อ ฮึ่ม ไอ้หมอนี่มาก่อเรื่องในร้านผมวันนี้ คนที่เป็นลูกน้องมันยังบีบคอผมด้วย ไอ้คนนี้ไม่มีสายสัมพันธ์อะไรกับคุณใช่ไหมครับ ผมต้องกระทืบมัน!”
เฮ่อเหยียนข่ายระบายยิ้ม “เขาจะไปมีสายสัมพันธ์อะไรกับฉันได้ อ้อใช่ มีสิ!”
“เอ๊ะ คุณรู้จักมันเหรอครับ” เหล่าหู่กระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าเป็นคนที่เฮ่อเหยียนข่ายต้องการปกป้อง เขาคงลงไม้ลงมือไม่ได้จริงๆ
ท้ายที่สุดไม่ว่าเขาจะหยิ่งผยองแค่ไหนก็เป็นแค่คนขายอาหารทะเลเท่านั้น พ่อของอีกฝ่าย ‘เฮ่อเหว่ย’ เป็นผู้ถือหุ้นในตลาดอาหารทะเล พูดได้ว่าเขาเป็นเถ้าแก่ใหญ่!
เฮ่อเหยียนข่ายพยักหน้าพลางยิ้ม “ใช่ รู้จักกัน คราวที่แล้วมีเรื่องขัดแย้งกับมันนิดหน่อย เมื่อกี้ฉันเพิ่งพูดว่า…ขอเพียงฉันเอ่ยปากก็ไม่มีใครในตลาดนี้กล้าขายของให้มัน เหล่าหู่ นายคงไม่หรอกมั้ง”
ทันทีที่เขาได้ยินเช่นนี้ เหล่าหู่ก็เข้าใจและเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา “ได้ครับ คุณรอดูให้ดีเลย ผมทำตามคำพูดคุณแน่!”
“เฮ้ยๆๆ เหล่าหู่ นายจะทำอะไรฉันไม่สน แต่อย่าก่อเรื่องวุ่นวายในร้านของฉันเข้าใจไหม ฉันยังต้องทำธุรกิจอยู่นะ มีบ่อปลาเยอะแยะ ถ้านายทำพังจะชดใช้ยังไง” เถ้าแก่เฉินรีบก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรเขาก็คือนักธุรกิจ ถึงแม้ในใจจะหวังให้เหล่าหู่ทำตามเฮ่อเหยียนข่ายเช่นกัน แต่ถ้ากระทบกับบ่อปลาล่ะก็ คงไม่ได้อย่างแน่นอน…
“เอาน่าเถ้าแก่เฉิน วางใจเถอะ ผมไม่ทำลายข้าวของในที่ของคุณแน่ ลากพวกมันทั้งคู่ออกไปข้างนอก!”
เหล่าหู่พูดจบ ชายกำยำหลายคนก็สาวเท้ามุ่งไปที่ซ่งจื่อเซวียนและฟางรุ่ย
ซ่งจื่อเซวียนกระซิบ “รุ่ยจื่อ นายมั่นใจไหม”
“เหมือนเล่นสนุกด้วยซ้ำ นายท่านรอง คุณว่ามาเลยว่าอยากได้ผลลัพธ์ยังไง”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินเช่นนี้ก็เข้าใจทันที “จัดการพวกมันเลย ส่วนร้านนี้…ทำให้เละเทะเท่าที่จะทำได้”
“ตามบัญชา!”
เมื่อสิ้นเสียง ฟางรุ่ยก็กระโจนไปข้างหน้าและโจมตีชายกำยำคนหนึ่ง
อย่างไรเขาก็มาจากกองกำลังพิเศษ ฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขามักจะเผชิญคือพวกนอกกฎหมายแถบชายแดนและเหล่าแก๊งใต้ดินต่างชาติ ในแง่ของความรู้และประสบการณ์การต่อสู้ ถือว่าเป็นนักสู้มือฉมัง
และเวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นพวกนักเลงหัวไม้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามีห้าหกคน แม้จะมีเพิ่มมามากกว่านี้ ฟางรุ่ยก็มั่นใจว่าจะกวาดพวกมันได้ในคราวเดียว!
เห็นเพียงชายร่างกำยำกำลังง้างมือต่อยฟางรุ่ย แต่ความเร็วแตกต่างกันมากอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่เขาขยับแขนขึ้นและยังไม่ทันได้ปล่อยหมัดออกไป ก็โดนหมัดธรรมดาของฟางรุ่ยโจมตีถึงหน้าอกของเขาแล้ว
ผัวะ!
นี่คือเสียงที่ได้ยิน เครื่องหน้าทั้งห้าของชายร่างกำยำก็บิดเบี้ยว วินาทีต่อมาก็เผยสีหน้าพะอืดพะอมและล้มพับไปข้างหลัง
บังเอิญมีบ่อปลาอยู่ด้านหลังเขาพอดิบพอดี ฟางรุ่ยเห็นจึงก้าวไปข้างหน้าและยกมือผลักเขาไปด้านหลัง ชายร่างกำยำจึงถูกผลักลงไปในบ่อปลาตรงๆ
ชายร่างกำยำดูเหมือนจะหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ทันทีที่ลงไปในบ่อ น้ำก็ล้นทะลักออกมา ปลาตัวใหญ่มากมายก็ถูกเขาเบียดกระเด็นออกจากบ่อ
“ไอ้หยา ปลาของฉัน ปลาของฉันนน…”
เถ้าแก่เฉินรู้สึกอยากจะร้องไห้ ปลาในบ่อนั้นแพงที่สุดและเลี้ยงด้วยดอกเกลือทะเลมาตลอด แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเละเทะไปหมดแล้ว
ฟางรุ่ยไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ในสายตาของเขามีเพียงคำสั่งของนายท่านรองเท่านั้น จากนั้นเขาก็ถีบอีกหลายคนลงไปในบ่อ บ่อปลาที่ปูด้วยกระเบื้องถูกทำลายด้วยน้ำหนักห้าร้อยกิโลกรัมของพวกเขา
เถ้าแก่เฉินเจ็บปวดใจ แม้ว่าปากเขาจะตะโกน แต่เมื่อการต่อสู้กำลังดุเดือดเลือดพล่านเขาจะกล้าก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร ทำได้เพียงร้องไห้น้ำตาตกในอยู่เงียบๆ
อีกคนก็ชนเข้ากับตู้ปลาที่อยู่ติดกับผนัง กระจกแตกทันที น้ำและสัตว์ทะเลก็ทะลักออกมาส่งเสียงซู่ซ่า สัตว์ทะเลล้ำค่ากระโดดชักดิ้นชักงออยู่เต็มพื้น
ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็อึ้งงัน ไม่มีใครกล้าหัวเราะอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าไอ้คนที่อยู่ข้างซ่งจื่อเซวียนจะเป็นยอดฝีมือขนาดนี้ เขาสู้กับพวกนักเลงห้าหกคนได้ด้วยตัวคนเดียว…
หลังจากจัดการคนทั้งหมดแล้ว ฟางรุ่ยก็ปัดมือเบาๆ แล้วมองไปที่เหล่าหู่ทันที เหล่าหู่เบิกตากว้างราวกับหลอดไฟ เขาจะกล้าพูดอะไรอีก จึงถอยหลังทีละก้าวแล้วส่ายหัว…
ฟางรุ่ยไม่สนใจและเดินตรงไปหาซ่งจื่อเซวียน “นายท่านรอง คิดว่าโอเคหรือยังครับ”
“เยี่ยมมาก ฉันจะให้นายหนึ่งร้อยคะแนน” ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้ม
ในเวลานี้ก็เห็นเถ้าแก่เฉินวิ่งไปดูบ่อปลา จากนั้นก็ไปดูที่ตู้ปลาและเขาก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ “ไอ้หยา นี่มันหลายหมื่นเลยนะ แม่งเอ๊ยพวกแกต้องชดใช้…”
ภายในร้านไม่มีใครกล้าเปล่งเสียง เถ้าแก่บางคนถึงกับรีบออกจากจุดเกิดเหตุเพราะกลัวว่าจะกระทบถึงตัวเอง
เฮ่อเหยียนข่ายลืมตาขึ้นแล้วเดินไปหาซ่งจื่อเซวียน “ไอ้หนู ก่อเรื่องใช่ไหม ได้ เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลาดมาให้ฉัน ระหว่างนี้ก็แจ้งตำรวจ ความเสียหายทั้งหมดของที่นี่ฉันถือว่าเป็นความผิดของแก!”
“ความผิดฉันงั้นเหรอ เหอะๆ มีคนดูอยู่เยอะขนาดนี้ พวกเขาเข้ามาโจมตีพวกเราเอง แล้วตอนนี้นายจะให้ฉันชดใช้อย่างนั้นเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น ชดใช้? นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่เงินนี้…นายท่านรองไม่จ่าย!
“ฮึ่ม งั้นก็ได้ ซ่งจื่อเซวียน บัญชีวันนี้แกต้องชำระและต้องชดคืนให้เถ้าแก่เฉิน เพราะว่า…เหอะๆ ที่นี่ฉันพูดแล้วคือคำขาด!” เฮ่อเหยียนข่ายเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างเย็นชา
“เกรงว่าไม่ใช่ตาของนายที่จะพูดคำขาดที่นี่!”
เมื่อบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัด ก็พลันมีเสียงหนักแน่นดังมาจากนอกประตู!
…………………………………………..