เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย - ตอนที่ 498 สายจากเพื่อนเก่า ตอนที่ 499 คุณไม่ดีใจเหรอ
- Home
- All Mangas
- เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย
- ตอนที่ 498 สายจากเพื่อนเก่า ตอนที่ 499 คุณไม่ดีใจเหรอ
ตอนที่ 498 สายจากเพื่อนเก่า
ถึงหล่อนจะโน้มน้าวแม่ของจิ้นหยวนมาได้ไม่ง่ายก็ตาม หล่อนได้โอกาสเข้าไปในบริษัทจิ้นซื่อ หลังจากที่มองเห็นเขาได้ทุกวัน ไม่นานก็พบว่ามีเรื่องบางอย่างมันดำเนินไปอย่างไม่เหมือนกับที่หล่อนคาดเดาเอาไว้นัก
เพราะเหมือนว่าจิ้นหยวนจะเอาแต่เมินเฉยและไม่สนใจหล่อนเลยสักนิด ถึงแม้ว่าหล่อนจะพยายามทำงานหนักเพื่อให้เขาเห็นมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะแลกกับสายตาของเขาได้เลย
ความมั่นใจของหล่อนมันถูกเขาทำลายไปจนหมด จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่หล่อนทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงตัดสินใจที่จะลงมือด้วยตัวเอง
หล่อนคิดไปคิดมา ตัดสินใจว่าจะเข้าทางครอบครัวของจิ้นหยวน เพราะหล่อนเคยได้ยินแม่พูดว่า เขากับแม่นั้นสนิทกัน
ดังนั้นเธอจึงเริ่มที่จะเข้ามาตีสนิทกับฉินเพ่ยหรง และตอนนี้ดูเหมือนว่าในที่สุดสิ่งที่หล่อนคิดก็กำลังจะเกิดผลแล้ว จึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจสุดๆ
แต่ว่ายังไงนี่มันก็เพิ่งจะเริ่มต้น ถ้าทำอะไรมากไปจะกลายเป็นว่าไม่ได้ทำอะไรเลย หล่อนรู้ซึ้งถึงเหตุผลเหล่านี้ดี ดังนั้นพอหลังจากได้พูดนู้นพูดนี้เกี่ยวกับเรื่องแย่ๆ ของเฉียวซือมู่จบ ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที พยายามหาวิธีทางที่จะทำให้ฉินเพ่ยหรงอารมณ์ดีขึ้นมา
การกระทำแบบนี้ไม่แปลกใจที่จะได้ใจหล่อนมา ด้วยเหตุนี้สุดท้ายฉินเพ่ยหรงก็ดึงมือหล่อนขึ้นมาด้วยสีหน้าซาบซึ้งสุดๆ “เป็นเพราะความใส่ใจของหนูแท้ๆ แต่ก่อนฉันเองก็อยากจะมีลูกสาวที่สนิทกันแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าท้องของฉันมันจะไม่สู้ทนแบบนี้ มุ่งหวังแต่จะมีลูกชาย แถมยังหาคนแบบนั้นมาให้อีก จริงๆเลย…ถ้าเป็นหนูละก็…”
พอกำลังจะพูดจบหล่อนก็ยั้งปากเอาไว้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะชอบเจียงจื่อเสียนแต่ก็รู้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป อย่างไรเสียเฉียวซือมู่ก็มีทายาทของตระกูลจิ้นแล้ว ต่อให้เจียงจื่อเสียนดีแค่ไหนก็คงไม่มีวาสนากับหล่อนอีก
พอหล่อนคิดได้อย่างนั้นก็ตบๆ ลงที่หลังมือของเจียงจื่อเสียน เอ่ยออกมาอย่างละอายใจ “ตอนนี้ฉันเองก็อายุมากแล้ว คำพูดบางอย่างพูดออกมาก็ไม่ทันได้คิด หนูเองก็อย่าใส่ใจเลยนะ”
ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ละก็จะต้องยุ่งยากแน่ ลูกชายของตัวเองหล่อนก็พอเข้าใจอยู่ เด็กสาวคนนี้คงถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่ได้มีวาสนากับตระกูลของหล่อน
แต่ในใจของเจียงจื่อเสียนกลับรู้สึกแค้นเคือง แต่ก็ยิ้มออกมาบางๆ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูเข้าใจความรู้สึกของคุณน้านะคะ คุณน้าสบายใจเถอะค่ะ เฉียวซือมู่จะต้องมีทายาทที่แข็งแรงให้ตระกูลจิ้นแน่ๆ ค่ะ”
หล่อนฟังแล้วก็พยักหน้า มองดูสีหน้าของเธอที่มีแต่ความมุ่งมั่น เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกชอบเธอเข้าไปใหญ่ เอ็นดูฝีปากของเธอที่ช่างพูดช่างเจรจา ส่วนเฉียวซือมู่น่ะเหรอ…เฮ้อ…
แต่หล่อนไม่รู้เลยสักนิดว่าภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนโยนนั่น จริงๆ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
วันนี้จิ้นหยวนจะกลับมาช้ากว่าปกติ เขาโทรมาบอกว่าช่วงเย็นมีการสังสรรค์กัน จึงจะกลับมาช้าหน่อย และบอกว่าให้เธอเข้านอนก่อนเลย จากตอนแรกที่เธอกำลังรู้สึกแย่เพราะเรื่องของเจียงจื่อเสียน พอมาได้ยินข้อความจากจิ้นหยวนแบบนี้แล้วก็ยิ่งเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีก ในใจมันรู้สึกแย่จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น
แต่ทว่ากลางดึกในขณะที่เธอกำลังเปิดดูข่าวไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามีข่าวจากเพื่อนเก่ามาทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
รูปในข่าวนั่นมีใครบางคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทำเอาเธอตกตะลึงไปเลย ยังไม่ทันจะกู่สติกลับมาได้ ก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้นมา
เธอกดรับสาย พบว่าบนหน้าจอนั่นปรากฏเบอร์แปลกขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อกดรับสายไปจึงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมา “มู่มู่”
น้ำเสียงนุ่มสุขุมนั่นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยมาก ทำเอาเธอต้องเบิกตาอย่างประหลาดใจ
“ฉีหย่วนเหิง?”
“ผมเอง เป็นอะไรไป? ทำไมฟังดูตกใจแบบนั้นล่ะ?” ฉีหย่วนเหิงพูดหยอกล้อ
“ก็ต้องตกใจสิ ช่วงที่ผ่านมาหายไปไหนมาเนี่ย?” เฉียวซือมู่ไล่ถาม
ในช่วงที่ผ่านมานี้ ถึงแม้ว่ารอบๆ ตัวของเฉียวซือมู่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้ที่เคยช่วยเหลือเธอมาอย่างมากมาย แต่สิ่งที่เธอต้องแปลกใจก็คือ ไม่ว่าเธอจะพยายามติดต่อแค่ไหนก็ไม่เคยติดต่อได้เลย จนสุดท้ายเบอร์โทรของเขาก็กลายเป็นเบอร์ที่ไม่สามารถติดต่อได้อีก
ตอนที่ 499 คุณไม่ดีใจเหรอ
มีครั้งหนึ่งที่เธอเกิดกังวลขึ้นมาสุดๆ คิดอยากจะให้จิ้นหยวนช่วยตรวจสอบให้ ถึงแม้ว่าสีหน้าของจิ้นหยวนจะดูไม่พอใจเท่าไร แต่วันถัดมาเขาก็เอาข้อมูลที่ไปสืบมาให้ตรงหน้า เธอถึงได้รู้ว่าฉีหย่วนเหิงถูกทางบ้านส่งไปอยู่ที่เมืองนอก เป็นที่ทั้งเล็กและห่างไกล และถึงแม้ว่าเธอเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับตระกูลฉีมากนัก แต่เธอก็พอจะเข้าใจ ท่าทางฉีหย่วนเหิงคงถูกเนรเทศซะแล้ว
และแวบหนึ่งที่เธอรู้สึกสงสัยจิ้นหยวน แต่กลับถูกจิ้นหยวนดุสั่งสอนอยู่หลายครั้งจนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตัวเธอเองก็พยายามคิด ว่าอย่างจิ้นหยวนคงไม่มีความสามารถมากพอที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในตระกูลฉีหรอก
นานวันไป เธอก็ค่อยๆ ลืมเรื่องของฉีหย่วนเหิง เพราะยังไงเขาก็แค่ไปอยู่เมืองนอก ไม่ได้เป็นอะไร
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลืมเรื่องของเขาเรื่อยๆ นั้นเอง กลับได้ยินเสียงเขาเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกตกใจได้ยังไง?
ฉีหย่วนเหิงหายไปนานขนาดนี้ แต่ตอนที่พูดออกมาก็ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน ทั้งอ่อนโยนและสุขุม ให้ความรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก “ผมไปอยู่เมืองนอกมา พัฒนาตัวเองอยู่ระยะหนึ่งเลยล่ะ พอคนในครอบครัวเห็นว่าผมทำได้ดี ก็เลยเรียกกลับมา อะไรกัน? ได้ยินเสียงผมแล้วไม่ดีใจเลยเหรอ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่เธอก็ยังจับได้ถึงความทุกข์ใจที่อยู่ในน้ำเสียงนั่น ดูท่าว่าการเดิมพันของตระกูลในครั้งนี้จะทำให้เขาลำบากไม่น้อยเลย
เธอนึกถึงแต่ก่อนที่เขาคอยดูแลเธอมาตลอด เธอจึงพูดขึ้นอย่างจริงใจ “ต้องดีใจสิ คุณเป็นเพื่อนของฉันนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จู่ๆ มาได้ยินเสียงแบบนี้ก็ต้องแปลกใจสิ”
เธอพูดออกไปอย่างจริงใจ ปลายสายอย่างฉีหย่วนเหิงที่พอได้ยินแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ คิดถึงใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอ ในใจของเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “งั้นช่วงนี้เราออกมาเจอกันหน่อยดีไหม”
เธอลังเลไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบออกไปทันที ตอนนี้ร่างกายของเธอมันไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว แถมถ้าจิ้นหยวนรู้เข้าจะต้องหึงอีกแน่ๆ
แล้วถ้าเขาเกิดหึงหวงขึ้นมา แถมรู้ว่าอีกฝ่ายคือฉีหย่วนเหิงละก็ เธอก็พอจะนึกออกว่าตัวเองจะมีสภาพที่น่าเศร้าขนาดไหน
พอเธอเงียบไปแบบนั้น ฉีหย่วนเหิงก็รู้ถึงความกังวลของเธอได้ทันที จึงรีบเอ่ยขอโทษ “ผมทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า? ขอโทษด้วยนะ คำเชิญแบบนี้มันดูบุ่มบ่ามไปสินะ คุณลืมๆ มันไปเถอะ”
“ไม่ ไม่หรอก” เธอสัมผัสได้ถึงความเสียใจเล็กๆ ในน้ำเสียง ในใจเธอเองก็รู้สึกรนขึ้นมา “ที่จริง เป็นเพราะว่า…”
เธอคิด จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ฉีหย่วนเหิงเองก็พอจะรู้ว่าเธอคงพูดอะไรมากไม่ได้ จึงพูดแทรกขึ้นเสียเลย “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าคุณเองก็ลำบาก งั้นพวกเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ ช่วงนี้คุณสบายดีไหม? เขา…เขาดีกับคุณหรือเปล่า?”
ตอนที่พูดถึงจิ้นหยวน น้ำเสียงของเขาก็ดูอึกอัก
เธอบีบมือแน่น แล้วพูดออกไป “เขาดีกับฉันมากเลยล่ะ”
“จะว่าไป เขาก็เป็นผู้ชายที่คุณเลือกเอง จะต้องดีแน่ๆ ขนาดผมเองก็ยังต้องยอมแพ้ หรืออาจเป็นเพราะผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพอละมั้ง…” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความผิดหวัง
ในใจของเธอรู้สึกแย่ไปหมด “ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คุณเองเป็นผู้ชายที่ดีนะ แต่พวกเราไม่เหมาะสมกันต่างหาก”
เธอก็พูดได้แค่นี้
“ไม่หรอก ไม่ใช่ไม่เหมาะสม แต่เป็นเพราะผมมาช้าไปก้าวหนึ่งต่างหากล่ะ…” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มีความแหบพร่าดังเข้ามาในหูของเธอ
เธอชะงักนิ่งไป ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับ ในตอนที่จะพูดอะไรออกไป กลับได้ยินแค่เสียงวางสายดังขึ้นเสียอย่างนั้น
เธอชะงักงัน แล้ววางมือถือลงบนโต๊ะเงียบๆ