เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1189 ส่งชุดแต่งงานมาให้! ตอนที่ 1190 พบหน้า!
ตอนที่ 1189 ส่งชุดแต่งงานมาให้!
คำพูดนี้ยังไม่ได้เอ่ยออกมา หวงเผยซานก็รู้สึกว่าอยากตายแล้ว!
ตามอุปนิสัยของซูหลี หากเขาถ่ายทอดคำพูดนี้ออกไป ไม่แน่นางอาจทำเรื่องดุเดือดอะไรขึ้น
ทว่าทันทีที่หวงเผยซานเหลือบตาขึ้น เห็นสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็งของฉินเย่หาน พลันรู้สึกว่าตนควรจะปิดปากเงียบไว้
เรื่องนี้หยุดอยู่ที่ทางซูหลี มากที่สุดก็แค่ก่อความวุ่นวาย หากตอนนี้เขาพูดคัดค้านคำพูดของฉินเย่หาน เกรงว่าคงจะรอคำว่า ตาย ออกจากปากของเขา
“บ่าวน้อมรับบัญชา!” หวงเผยซานขานรับทั้งน้ำตา
วันเวลาเช่นนี้คงจะไปไม่รอดแล้ว นายท่านทั้งสองไม่อาจคืนดีกันได้หรือ เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปีอา!
…
เขาสั่งให้ไปทำก็ต้องทำ ฉินเย่หานไม่ให้เวลาหวงเผยซานเตรียมการอะไร และไล่เขาออกจากหอเก็บตำราในทันที
หวงเผยซานจึงออกมาจากหอเก็บตำราอย่างจนตรอก เมื่อเห็นคนใต้อาณัติของตนยกชุดแต่งงานที่งดงามประณีตมา เขาจึงทำได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ เฮือกหนึ่ง
แม้เขาจะไม่สมัครแค่ไหน ก็ยังต้องนำคนไปที่ตำหนักของซูหลี
การไปๆ มาๆ ของเขาครานี้ใช้เวลาไม่มากนัก งานเลี้ยงของซูหลีจึงยังไม่เลิกรา
ยามที่หวงเผยซานถูกคนนำเข้าไป ก็พบกับซูหลีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาคู่นั้นใกล้จะปิดลงแล้ว เป็นท่าทางของคนที่ดื่มสุรากำลังได้ที่
ที่จริงหวงเผยซานนั้นทราบดีว่า ไป๋ฉินบ่มสุราที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะชนิดหนึ่งออกมา ที่ซูหลีดื่มหลายแก้วก็ยังไม่เป็นไร!
“คุณหนู หวงกงกงมาแล้วเจ้าคะ!” ไป๋ฉินก้าวเข้าไปไม่กี่ก้าวก็หยุดอยู่ข้างกายซูหลี จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
หวงเผยซานมองไปโดยรอบครู่หนึ่ง พบว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่ว์ลั่ว
หลายวันมานี้ล้วนเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ จะเป็นประจวบเหมาะที่เย่ว์ลั่วไม่อยู่ ไม่รู้ว่านี่เป็นความบังเอิญ หรือเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่…
“อ้อ!” ซูหลีได้ยินคำพูดนี้แล้ว จึงยกเปลือกตาขึ้น สีหน้าที่แสดงออกมีความไม่ใส่ใจ อีกทั้งหวงเผยซานยังได้ยินนางถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“เขายังไม่กลับไปอีกหรือ”
หวงเผยซาน…
เขาออกไปแล้วรอบหนึ่งแล้ว และกลับมาที่นี่อีกรอบแล้ว!
นายท่านผู้นี้เป็นคนใจกว้างโดยแท้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่เห็นสิ่งของที่เขามอบให้ อารมณ์ของซูหลีจะยังไม่ใส่ใจอะไรเช่นนี้หรือไม่!
“ใต้เท้าซู จะพูดอย่างไรหวงกงกงก็เป็นผู้มีฝีมือดีที่อยู่ข้างพระวรกายเสด็จลุง เจ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด!” ฉินมู่ปิงที่อยู่ในงานเลี้ยงเห็นเช่นนี้ จึงเอ่ยกับซูหลีด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีซูหลีไม่ได้เชิญเขามา ทว่าซื่อจื่อท่านนี้เป็นผู้ที่หน้าหนา มักชอบมาเข้าร่วมโดยไม่ได้รับคำเชิญ พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ ซูหลีก็ไม่สนใจเขาแล้ว
หลังจากได้ยินเสียงของเขา ซูหลีจึงแค่นเสียงเย็นออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ปรายตามองที่หวงเผยซานที่อยู่ด้านหลังแล้วเอ่ยว่า
“มีอะไรหรือ หวงกงกงมีธุระอะไรอีกหรือ”
น้ำเสียงนี้ไม่มีความเกรงใจโดยแท้ หลังจากที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ หวงเผยซานก็ไม่เคยเห็นใครปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เกรงใจอีกเลย
มีเพียงซูหลีที่เป็นเช่นนี้ เขายังจะสามารถทำอะไรได้
เขาเก็บสีหน้าลง หวงเผยซานฝืนฉีกยิ้มออกมาและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ใต้เท้าซู ฝ่าบาททรงรับสั่งให้บ่าวมาที่นี่ขอรับ!”
ฝ่าบาท!
ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย คำนี้ไม่ได้ยินมานานแล้ว
นางชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเนือยๆ ว่า “หืม? ฝ่าบาททรงมีรับสั่งอะไรหรือ”
“ตอบคำถามของใต้เท้าซู ฝ่าบาททรงพระราชประทานสิ่งของบางอย่างให้กับใต้เท้าซูขอรับ!”
พระราชทานสิ่งของบางอย่าง?
ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย นางยังคิดว่า ตลอดชีวิตนี้ฉินเย่หานจะไม่ต้องการพบนางแล้วเสียอีก เวลานี้สั่งให้หวงเผยซานส่งอะไรให้นางกัน
“ของอะไรรึ” ซูหลีถามด้วยเสียงแผ่วเบา
ตอนที่ 1190 พบหน้า!
“…คะ คือฝ่าบาททรงพระราชทานชุดแต่งงานให้กับแม่นางเย่ว์ลั่ว อีกทั้งผ้าไหม ปิ่นปักผม…” หวงเผยซานชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นกัดฟันและหลับตาลงเอ่ยคำพูดคำรบนี้ออกมา
ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบเชียบขึ้นทันใด
หวงเผยซานเงี่ยหูฟังแล้ว ดูเหมือนว่าแม้แต่เสียงเครื่องดนตรีและเสียงขับร้องเหล่านั้นจะหายไปหมดแล้ว!
เขารออยู่พักใหญ่ กลับไม่เห็นซูหลีปริปากพูดอะไรออกมา ในเวลานี้จึงรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบลืมตาขึ้นและมองไปทางซูหลี
ทว่าเมื่อเห็นซูหลีที่เดิมดูอ่อนล้าเกินจะเปรียบ กลับลุกขึ้นนั่งตัวตรงในทันที สีหน้าที่แสดงออกมากลับดูเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูก มองดูแล้วทำให้คนที่มองรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ
หวงเผยซานเพียงชำเลืองมองเพียงปราดหนึ่ง จากนั้นจึงก้มศีรษะลง
ใต้เท้าซูผู้นี้อยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้เป็นเวลานานถึงขนาดนี้ แม้แต่กลิ่นอายของฮ่องเต้ก็ยังสามารถเลียนแบบได้แล้ว แต่ก่อนจะมีแค่ยามที่หวงเผยซานอยู่ต่อหน้าฉินเย่หานเท่านั้นที่รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก ทว่าบัดนี้ยามอยู่ต่อหน้าซูหลี เขาก็เกิดอาการเช่นนี้เหมือนกัน!
“ชุด แต่ง งาน!” หวงเผยซานได้ยินซูหลีพูดเน้นคำพูดนี้ทีละคำอีกครั้ง
“ขอรับ!” ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมายแล้ว หวงเผยซานหลับตาและขานตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ขอบังอาจถามใต้เท้าซู แม่นางเย่ว์ลั่วอยู่ที่ใด รีบเรียกนางมารับพระราชโองการเถิด ทางด้านฝ่าบาททรงปลีกตัวออกมิได้ บ่าวจำเป็นต้องรีบกลับแล้ว!”
ในเวลานี้หวงเผยซานอยากรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จและรีบออกไปหาที่ซ่อนตัว มิเช่นนั้นหากซูหลีเสียสติขึ้นมา ก็คงเป็นคนที่ไม่พูดด้วยเหตุด้วยผลแล้ว!
“เหอะ!”
“เพล้ง!” คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาเอ่ยจบ จะมีเสียงดังสะท้อนกลับมาเช่นนี้
ทันทีที่หวงเผยซานเงยหน้าขึ้นมอง กลับเห็นซูหลีโยนจอกหยกขาวในมือจนแตกลงที่พื้น ใบหน้าแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน และไม่มีท่าทางคล้ายกับสะลึมสะลือเมื่อครู่อีกแล้ว!
เพียงแต่ท่าทางเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนกมากกว่าท่าทางเมื่อครู่นี้อีก
หวงเผยซานมองจอกสุราที่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตนควรพูดอะไรออกมาดี ก่อนหน้านี้ก็พู่กันขนสุนัขจิ้งจอก บัดนี้ก็จอกสุรา เพลิงโทสะของนายท่านทั้งสองนี้ดูเหมือนจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งดูเหมือนจะมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำอย่างไรดีเล่า!
“หวงกงกง ขอบังอาจถามหวงกงกง บัดนี้ข้าสามารถออกไปจากที่นี่หรือไม่” ซูหลีโยนจอกสุราลงพื้น ทว่าไม่ได้บันดาลโทสะใส่หวงเผยซาน
เพราะว่าในใจนางทราบดีว่า เรื่องนี้หวงเผยซานเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
หากจะทำอะไร ก็ต้องไปพูดกับฉินเย่หานผู้นั้น!
“ใต้เท้าซูต้องการไปที่ใด” หวงเผยซานอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“แน่นอนว่าต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท” ริมฝีปากนางโค้งเป็นรอยยิ้ม เพียงแต่ในสายตาของหวงเผยซานกลับรู้สึกถึงความเย็นเยียบดุจน้ำแข็งในรอยยิ้มนี้
ทว่า…
อย่างไรหวงเผยซานก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนกลอุบายของฝ่าบาทในครานี้จะได้ผล อย่างน้อยก็สามารถบีบให้ซูหลีออกไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้
“เช่นนั้นก็สามารถออกไปอย่างแน่นอน ใต้เท้าซูต้องการกระทำสิ่งใด ก็ไม่มีคนสามารถขัดขวางท่านได้อยู่แล้ว!” ใบหน้าของหวงเผยซานเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม
ซูหลีได้ยินดังนั้น กลับแค่นยิ้มเย็นออกมาครู่หนึ่ง
ไม่มีใครสามารถขัดขวางนางได้?
นางคิดว่ากลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกตำหนัก เป็นคนที่ฉินเย่หานใช้เฝ้าสงสัยและคุมขังนางไว้เสียอีก!
เพียงแค่คำพูดนี้นางไม่ได้พูดกับหวงเผยซาน กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ในเมื่อเขาใช้วิธีนี้บีบบังคับนาง นางไม่ไปพบหน้าเขาได้อย่างไรกัน
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ!” ซูหลีถือโอกาสไม่ครุ่นคิดอะไรให้มากความ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า จัดอาภรณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง เตรียมจะเดินออกไปพร้อมกับหวงเผยซาน
“นี่ใต้เท้าซูจะไปแล้วหรือ งานเลี้ยงยังไม่เลิกเลย! จะรีบร้อนออกไปเพื่ออะไรกัน” ฉินมู่ปิงที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยถามขึ้น