เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1175 ปะทะฝีปาก ตอนที่ 1176 พวกเจ้ากำลังทำอะไร!
ตอนที่ 1175 ปะทะฝีปาก
“ก่อนที่ใต้เท้าซูจะถามผู้อื่น ก็ควรจะตอบคำถามของผู้อื่นก่อนหรือไม่ นี่เป็นมายามเบื้องต้น ใต้เท้าซูไม่เข้าใจหรือ” จี้เหิงหรานปั้นสีหน้าทะมึนตรึง หลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง หากเขาสามารถอารมณ์ดีขึ้นมาได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่แปลกที่สุด
ทันทีที่ซูหลีได้ยินคำพูดนี้พลันหัวเราะขึ้นในทันที นางเหลือบดวงตารูปดอกท้อของตนขึ้นมองจี้เหิงหรานด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความประชดประชัน เอ่ยว่า
“สุภาษิตนั้นพูดได้ดี หากบริสุทธิ์ใจหรือกระทำเรื่องไม่ดี ก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร นี่ใต้เท้าจี้เป็นอะไรไป หรือปิดบังเรื่องไม่ดีไม่สำเร็จก็พลันโมโหเสียแล้ว?”
ขณะที่ซูหลีเอ่ย ใบหน้ายังแสดงความตกใจออกมา
เดิมจี้เหิงหรานนั้นอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อถูกนางเอ่ยถึงเช่นนี้ เพลิงโทสะก็ถูกจุดขึ้นทันที
เขาเพียงรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดที่กระทำในช่วงเวลานี้ล้วนเปล่าประโยชน์! เย่ว์ลั่วอยู่ข้างกายซูหลีมาเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าจะว่าได้รับคำพูดหลอกล่ออะไรของซูหลีหรือไม่ นางถึงได้เย็นชากับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ก็แทบจะเรียกคนสังหารซูหลีครั้งหนึ่ง!
น่าเสียดายที่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้!
เขาทราบดีว่า หากเขากระทำเรื่องเช่นนี้ในเวลานี้ เกรงว่าฉินเย่หานเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยเขาไป หลังจากนั้นเย่ว์ลั่วก็จะไม่ยอมพบหน้าเขาอีกแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทน
คนเหล่านี้มักจะคอยสร้างเรื่องกีดกันเขา ไม่ว่าจะเป็นโจวซื่อหรือซูหลีก็ตาม พวกนางต้องการเห็นเย่ว์ลั่วของเขาอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ พวกนางถึงจะมีความสุข!”
ใต้เท้าซู หากข้าจำไม่ผิด ที่นี่เป็นหอเก็บตำรา เป็นสถานที่ที่สำคัญ หากไม่มีคำสั่งของฝ่าบาท มิอาจเข้าไปได้โดยพลการ! แม้แต่เรื่องเหล่านี้ใต้เท้าซูก็ไม่เห็นในสายตาหรือ”
เพราะเรื่องของเย่ว์ลั่ว ทำให้น้ำเสียงของจี้เหิงหรานเปลี่ยนเป็นไม่ดีเป็นอย่างมาก
เดิมซูหลีก็ไม่มีความรู้สึกดีอะไรต่อเขาอยู่แล้ว กอปรกับเรื่องของสกุลจี้ในอดีต เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงถูกเขาทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา
“ทหารภายนอกหอเก็บตำราไม่ใช่คนเขลา เรื่องนี้ใต้เท้าจี้ล้วนทราบดี ในฐานะที่พวกเขาเป็นคนที่คอยเฝ้าระวังหอเก็บตำรา พวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ดีหรือ”
ซูหลีพูดถึงตรงนี้พลันชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยียบ “ในทางกลับกันใต้เท้าจี้กลับมีท่าทางลับๆ ล่อเช่นนี้ ไม่เหมือนภรรยาของตนจะมาเลยแม้แต่น้อย กลับเหมือนถูกศัตรูตามมาถึงที่มิปาน!”
“ซูหลี!” สีหน้าของจี้เหิงหรานคล้ำเขียว แผดเสียงออกมาด้วยโทสะว่า “ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญต่อเจ้า ข้านั้นก็คอยอดทนยอมถอยให้เจ้า ทว่าเจ้ากลับคิดว่าความอดทนของผู้อื่นที่สิ่งที่ควรกระทำ!”
“จุ๊ๆ ข้าไม่บังอาจ” ซูหลีส่ายหน้าและอุทานออกมาเบาๆ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเสียดสี
“มองขุนนางทั้งราชสำนัก ยังจะมีใครมีความอดทนเสมือนกับใต้เท้าจี้ ใต้เท้าจี้ไม่เพียงแต่เป็นขุนนางที่ดี ทั้งยังทำให้ทุกคนในสกุลพอใจ เพียงแต่ข้าน้อยขอเตือนท่านประโยคหนึ่ง การกินในชาม ตาอยากจะกินในหม้อ ไม่ใช่นิสัยอันดีนัก!”
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของจี้เหิงหรานแดงก่ำเป็นสีเลือดหมูไปทันใด!
ที่แท้นางได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่เพียงแต่ได้ยิน ยังใช้เรื่องนี้มาเป็นจุดอ่อนโจมตีเขาอีกด้วย!
“อย่างไรก็ถือว่าโชคดี!” หลังจากซูหลีตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่ง พลันเปลี่ยนประเด็นแล้วเอ่ย
“เย่ว์ลั่วเป็นสตรีที่ดี ยังรู้จักกลับตัวกลับใจ ไม่ปล่อยหัวใจให้กับบุรุษหลายใจ อายุของเย่ว์ลั่วก็ไม่น้อยแล้ว หมู่นี้ข้าถึงเตรียมจะหาเรื่องมงคลให้แก่นาง”
“จะพูดอย่างไรใต้เท้าจี้เคยเป็นนายท่านของเย่ว์ลั่ว มีคนที่เป็นตัวเลือกที่ดีอะไรหรือไม่ หากมีก็สู้พูดออก พวกเราจะได้ปรึกษากัน!”
“ซูหลี! เจ้ากล้า!” จี้เหิงหรานที่เดิมสูญเสียการควบคุมแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดคำรบนี้ของนางก็ยิ่งอดกลั้นต่อไปไม่ได้ เขาเดินเข้าไปและตะคอกออกมาเสียงดัง!
ตอนที่ 1176 พวกเจ้ากำลังทำอะไร!
“ทำไมไม่กล้าหรือ แม้แต่เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ใต้เท้าจี้ยังกระทำออกมาแล้ว ข้าก็แค่หาที่พึ่งที่ดีให้กับคนข้างกายเท่านั้น จะมีอะไรที่ไม่กล้ากัน!”
ซูหลีไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังมีประกายความเยียบเย็นพาดผ่าน เชิดลำคอของตนสูง ใช้สายตาที่เย็นชามองที่เขา
จี้เหิงหรานถูกนางทำให้โมโหจนเกือบจะขาดสติ สีหน้าของเขาคล้ำเขียว มือตกอยู่ข้างกายกำเป็นหมัด ดูท่าทางของเขาแล้ว แทบจะสังหารซูหลีให้ตายถึงจะเบิกบานใจจี้เหิงหรานถูกนางทำให้โมโหจนเกือบจะขาดสติ สีหน้าของเขาคล้ำเขียว มือที่ตกอยู่ข้างกายกำหมัดแน่น ดูท่าทางของเขาแล้ว แทบจะสังหารซูหลีให้ตายถึงจะเบิกบานใจ
“ใต้เท้าซูยังเป็นคนที่ไม่ชัดเจน ยังคิดที่จะควบคุมคนข้างกาย เจ้าอย่าลืมไปว่าเย่ว์ลั่วเป็นคนข้างกายข้า บัดนี้ก็แค่ไปอยู่ข้างกายเจ้าไม่กี่วันก็เท่านั้น! หากเจ้ายังบังอาจทำตามอำเภอใจ…”
“ทำไมเล่า” ซูหลีเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ปั้นสีหน้าเย็นชา ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาจากจมูกเสียงหนึ่ง
“หรือใต้เท้าจี้อยากจะกระทำเมื่อคราก่อน ที่ส่งคนมาหมายจะเอาชีวิตข้า!?”
“ใต้เท้าซูก็ลองทำดูสิ!” จี้เหิงหรานได้ยินดังนั้น จึงยกมุมปากแค่นยิ้มเย็นออกมาครู่หนึ่ง เพียงแค่เขาในเวลานี้ดูอันตรายจนถึงขีดสุด กลิ่นอายของร่างกายแทบจะเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง ทำให้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
อย่าว่าแต่จี้เหิงหรานผู้นี้ รูปร่างหน้าตาและกลอุบายนั้นถือเป็นอันดับหนึ่ง มิเช่นนั้นคงไม่กลายเป็นคนสนิทข้างกายของฉินเย่หานในช่วงอายุเช่นนี้
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ในสายตาของซูหลีก็เทียบกับเรื่องที่แต่งภรรยาแล้วไม่ได้ ทั้งยังมีท่าทีที่พัวพันกับเย่ว์ลั่วอีก ทำให้นางสะอิดสะเอียนนัก
“ใต้เท้าจี้ พวกเราเป็นขุนนางทำงานที่เดียวกัน อย่างหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า เจ้าก็แค่คิดไปเองฝ่ายเดียว ในหัวใจของเย่ว์ลั่วนั้นไม่มีเจ้าแล้ว ถึงเจ้าจะข่มขู่ข้าก็ไม่มีทางได้รับหัวใจของนาง นี่จะมีประโยชน์อะไร…”
“หุบปาก!” ใบหน้าของจี้เหิงหรานบิดเบี้ยวหมดแล้ว บัดนี้สิ่งที่เขาไม่อยากรับฟังที่สุดก็คือเรื่องที่ในหัวใจของเย่ว์ลั่วไม่มีเขาแล้ว!
เส้นเอ็นสีเขียวบนใบหน้าเต้นตุบๆ เห็นได้ชัดว่าถูกซูหลีกระตุ้นอารมณ์จนถึงขีดสุดแล้ว
ซูหลีเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา พลันหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“นี่ใต้เท้าจี้เป็นอะไรไป เรื่องเหล่านี้ที่เจ้ากระทำ คนอื่นจะพูดออกมาไม่ได้หรือ ว่ากันตามเหตุผล ครั้งนี้จี้ฮูหยินสมควรมาที่นี่ เพื่อให้พวกที่มีความคิดที่ไม่สมควรมี เก็บความคิดไม่ดีของตนถึงจะถูก!”
“ซูหลี เจ้า…” จี้เหิงหรานอดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาก้าวไปด้านหน้าหลายก้าว ซูหลีเห็นเส้นเอ็นสีเขียวที่เต้นตุบๆ ท่าทางที่มีโทสะอยู่มหาศาลนั่นแล้ว นางจึงหรี่ตาเล็กน้อย
นางได้ยินมาว่า จี้เหิงหรานไม่ใช่ขุนนางฝ่ายบุ๋นทั่วไป และไม่ผอมอ่อนแอเหมือนคนทั่วไป ว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้วควรเป็นขุนนางฝ่ายบู๊
แม้จะพูดว่าใต้เท้าเซ่าฟู่ผู้สง่าผ่าเผยท่านนี้ ไม่อาจกระทำเรื่องทำร้ายสตรีได้ ทว่าทุกเรื่องจักต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนเสมอ
โดยเฉพาะจี้เหิงหรานเป็นคนที่ซูหลีไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจมาโดยตลอด!
“ทำไมหรือ นี่ใต้เท้าจี้แค้นใจจนเกิดโทสะ ต้องการจะลงมือกับข้าหรือ” ซูหลีถอยไปก้าวหนึ่ง ภายนอกยังปรากฏท่าทางเย้าแหย่เช่นนั้นอยู่
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร!?” เมื่อจี้เหิงหรานเดินเข้ามาทีละก้าว ทว่ายังไม่ทันถึงด้านข้างของหน้าต่าง ก็ได้ยินคำพูดที่เย็นยะเยียบดุจน้ำแข็งประโยคนี้เสียก่อน
เขาหยุดฝีเท้าเหลือบตาขึ้น แม้แต่ซูหลีที่มองเห็นอยู่ภายในยังตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง เมื่อหมุนกายกลับไปก็ปรากฏคนที่เดินเข้าจากทางด้านหลังผู้นั้น
ฉินเย่หาน
หลังจากจี้เหิงหรานเห็นฉินเย่หานจึงหลับตาลง เขาอยากที่จะสั่งสอนซูหลีผู้กำเริบเสิบสานผู้นี้สักครั้ง ทว่าบัดนี้เมื่อเห็นฉินเย่หานแล้ว ทำให้เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาทันที
ซูหลีไม่เพียงแค่เป็นสตรีที่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ อีกทั้งนางยังมีความเป็นได้สูงว่า…จะกลายเป็นมารดาหนึ่งเดียวของแคว้นในราชวงศ์ต้าโจว
จี้เหิงหรานหลับตาลง อดทนไว้!
เรื่องของเย่ว์ลั่ว อย่างไรก็ไม่ใช่มีซูหลีคนเดียวที่เป็นผู้ตัดสิน!