เริ่มทำพาร์ทไทม์เป็นพ่อบ้านได้ไม่ทันไร ดูเหมือนครอบครัวของสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียนจะถูกใจผมเข้าซะแล้ว - ตอนที่ 17 ความรู้สึกของโทโจ อายากะ⑤
- Home
- All Mangas
- เริ่มทำพาร์ทไทม์เป็นพ่อบ้านได้ไม่ทันไร ดูเหมือนครอบครัวของสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียนจะถูกใจผมเข้าซะแล้ว
- ตอนที่ 17 ความรู้สึกของโทโจ อายากะ⑤
พอกลับมาถึงห้องตัวเอง ฉันก็กระโดดฟุบลงบนเตียงทั้งแบบนั้น
「อ้า〜……เหนื่อยจัง ……」
พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง
「อุตส่าห์ได้กินอาหารฝีมือโอสึกิคุงแท้ๆ แต่กลับไม่รู้รสเลยสักนิด ……」
เขาอุตส่าห์ทำซาชิมิที่อลังการขนาดนั้นจากปลาที่ป๊ะป๋าตกมาได้ให้แท้ แต่ป๊ะป๋ากับม่าม้า เรียวตะอีกคนกลับเอาแต่คิดเองเออเองจนไม่เหลือเวลาพอไปเพลิดเพลินกับอาหาร
เขาอุตส่าห์ใช้แก๊สกระป๋องที่ซื้อจากโฮมเซ็นเตอร์ทำซาวาระรนไฟให้แท้ๆ แต่กลับไม่รู้รสเลยสักนิด
「จริงสิ เรื่องสัญญาที่ว่าจะไปสวนสัตว์กับโอสึกิคุง……ทำยังไงดี」
คำสัญญาที่พวกเราให้กันไว้ตอนอยู่ที่โฮมเซ็นเตอร์
ที่จริงแล้วก็กะว่าจะชวนคุยระหว่างที่โอสึกิคุงมาทำงานวันนี้แท้ๆ แต่กลับกลายเป็นไม่มีเวลาทำอย่างนั้นซะได้
เพราะต้องคอยหยุดครอบครัวที่เอาแต่พูดเองเออเองอย่างสุดชีวิต รู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาทำงานของโอสึกิคุงไปแล้ว ผลสุดท้ายคือก่อนจะได้คุยกันดีๆโอสิกิคุงก็กลับไปซะแล้ว
「แต่ว่า ถ้าตอนนั้นคุยเรื่องจะไปสวนสัตว์ด้วยกันละก็ ครอบครัวได้คิดเองเออเองหนักกว่าเดิมแน่ๆ……」
ม่าม้าต้องยิ้มกรุ้มกริ่มพลางพูดหยอกล้อใส่แน่ๆ
แต่ว่า ถ้าแค่นั้นก็ไม่เป็นไร ไม่สิ ไม่เป็นไรซะที่ไหน แต่ก็ยังพอรับได้
เรียวตะเองก็คงจะดีใจน่าดู เพราะงั้นทางนี้ก็ไม่มีปัญหา
ที่เป็นปัญหาที่สุดคือ ป๊ะป๋า
ป๊ะป๋าหลงโอสึกิคุงเข้าอย่างจังแล้ว ม่าม้าเองก็ถูกใจเขาเหมือนกันแต่ ป๊ะป๋านี่สิ ดูเหมือนจะคิดจริงจังว่าอยากได้โอสึกิคุงเป็นลูกเขยของตัวเองไปแล้ว
เมื่อกี้เองตอนที่กำลังกินข้าว ก็ชวนโอสึกิคุงว่า “ครั้งหน้าไปตกปลาด้วยกันเถอะ” อย่างกระตือรือร้นด้วย
「อ้า! ป๊ะป๋าละก็! หนูยังอยู่แค่ม.ปลายเองนะ!!」
ฉันเอาหน้าซุกลงบนหมอนและกรีดร้อง
แต่งงานเอย ลูกเขยเอย มันยังเร็วเกินไปที่จะไปคิดถึงเรื่องพวกนั้น!
แต่ว่า ถ้าได้คนที่ทั้งใจดีแล้วก็ทำงานบ้านได้ทุกแขนงอย่างโอสึกิคุงเป็นสามีละก็ คงจะเหมือนฝันเลยแหละ……
「มะ ไม่ใช่สิ ตัวเรา!」
ฉันส่ายหัวไปมาเพื่อรีเซ็ตความคิดของตัวเอง
ครอบครัวก็เริ่มตีค่าโอสึกิคุงสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว แบบว่ารู้สึกเหมือนทางเลือกของตัวเองถูกจำกัดเลย
แต่ว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
กลับกัน ที่ต้องคิดหนักอาจจะเป็น『ทางนี้』ก็ได้
ก่อนเข้าช่วงวันหยุดหน้าร้อน
ถึงจะลืมชื่อไปแล้วก็เถอะแต่ ตอนที่รุ่นพี่อะไรสักอย่างนั่น ใช้เสียงตามสายเรียงฉันออกไปขอแต่งงาน
ฉันในตอนนั้นอายสุดๆจนรีบหนีออกจากที่นั่นทันที
แต่งงานอะไรนั่นก็คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ยังเป็นนักเรียนม.ปลายอยู่แต่มาขอหมั้นเนี่ย รุ่นพี่คนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
แต่ว่า……ถ้าเป็นโอสึกิคุงละก็……
ป๊ะป๋าที่พูดว่าอยากได้โอสึกิคุงมาเป็นลูกเขย เรียวตะที่ถามว่า『จะแต่งงานกันเหรอฮะ?』จนตัวฉันเผลอคิดเออเองไปนิดหน่อย จนเผลอจินตนาการไปซะแล้ว
ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับโอสึกิคุงละก็จะเป็นยังไงกันนะ
ใช่ เรื่องที่หนักหนาที่สุด ไม่ใช่การคิดเองเออเองของครอบครัว แต่เป็นความรู้สึกของ『ตัวเอง』ต่างหาก
ทั้งเรื่องที่ม่าม้าพูดหยอกล้อโอสึกิคุง ทั้งเรื่องที่เรียวตะอยากได้โอสึกิคุงเป็นพี่ชายจริงๆ ทั้งเรื่องที่ป๊ะป๋าถูกใจโอสึกิคุงจนกู่ไม่กลับ ทั้งหมด…………ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเกลียด
ที่ไหนสักแห่งในหัวใจเอง ก็รู้สึกดีใจที่โอสึกิคุงได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวเหมือนกัน
「……ต้องปรึกษา ซากิ」
ฉันหยิบมือถือออกมาและเริ่มติดต่อหาเพื่อนสนิท
ตอนนี้เวลาเลยสี่ทุ่มมานิดหน่อยเพราะงั้น ซากิต้องตื่นอยู่แน่ๆ
พอกดปุ่มโทรออกหน้าจอก็แสดงชื่อไอซาว่า ซากิ
ไม่นานเกินรอก็ต่อสายติด
『เมี๊ยว?』
「ซากิ คือว่านะ ……พอดีมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อยน่ะ……」
『โอ๊ะ? อะไรเอ่ยอะไรเอ่ย? กลุ้มใจเรื่องความรัก?』
ฉันหัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะคำพูดติดตลกของซากิ
「…………………คงงั้น」
『เอ๊ะ!? โกหก!? เอ๊ะ!?!? จริงจัง!?』
ได้ยินเสียงปั่นป่วนอย่างรุนแรงของซากิพร้อมกับเสียงดังโครม! ดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของมือถือ
「เอ๊ะ? เดี๋ยวซากิ? ไม่เป็นไรนะ?」
『ไม่เป็นไรซะที่ไหน!! หมายความว่าไง! การที่อายากะจะมาปรึกษาเรื่องความรักเนี่ย!』
「ใจเย็นก่อน นะ? เอาเป็นว่าใจเย็นก่อน?」
『ใครมันจะไปใจเย็นได้เล่า! ไม่มีทางจะใจเย็นได้อยู่แล้ว! อย่าบอกนะว่า เดี๋ยวนะ? รุ่นพี่ไคโตะคนนั้นเหรอ? ที่จริงแล้วรู้สึกกลุ้มใจหลังจากตอนนั้นไรงี้?』
กลางคืนแท้ๆ แต่เสียงของซากิกลับตื่นเต้นเล็กน้อยด้วยความสนใจ
ว่าแต่ รุ่นพี่ไคโตะคนนั้น? แล้วรุ่นพี่ไคโตะเนี่ยใครน่ะ? อืม〜……อ๊ะ รุ่นพี่เสียงตามสายก่อนวันหยุดฤดูร้อนรึเปล่านะ?
「ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับคนนั้นสักนิด」
『เป็นงั้น? แล้วใคร? เจ้าคนที่สามารถชิงหัวใจของอายากะไปได้มันเป็นใครกัน!?』
「ไม่สิ ถึงจะยังไม่ได้ถูกชิงไปซะทีเดียวก็เถอะ……」
ใช่แล้ว ฉันน่ะยังไม่ได้ตกหลุมรักแน่ๆ……บางทีน่ะนะ
「คือว่านะ……ก่อนหน้านี้ ซากิเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ?」
『หืม? ฉัน? พูดด้วยเหรอ?』
「พูดสิ นั่นไง…………ที่บอกว่าเข้ากันได้กับฉันอะไรนั่นไง」
เพราะอายฉันเลยไม่ได้พูดชื่อออกไป เอาแต่อ้ำอึ้งพลางหน้าแดงอยู่คนเดียว
『หืมม? เข้ากันได้……อา โอสึกิคุง?』
คำพูดของซากิที่ส่งผ่านมือถือมา ทำให้หัวใจของฉันเต้นระรัว
「…………………………อื้ม」
『ว้าา! จริงจัง!? ……เดี๋ยว? แปบนะ? ……ว่าแต่ตอนนี้มันปิดเทอมหน้าร้อนหนิ? แล้วไปเกิดเรื่องแบบนั้นกับโอสึกิคุงได้ยังไงน่ะ?』
「มันก็ เกิดหลายๆเรื่องขึ้นน่ะ……」
『เอ๊ะ? อยากรู้! ไอ้หลายๆเรื่องนั่นอยากรู้สุดๆ!!』
ฉันเริ่มอธิบายตอนที่ได้เจอกับโอสึกิคุงให้ซากิที่เครื่องติดสุดๆฟัง
ทันใดนั้น เสียงตื่นเต้นของซากิที่ดังจนลำโพงมือถือแทบแตกก็ดังไปทั่วห้องของฉัน
『อะไรละนั่นสุดยอดเลยนี่นา!! อย่างกับหลุดออกมาจากมังงะแน่ะ! เรื่องบังเอิญแบบนั้นมันมีด้วยเหรอ!? ไม่อะ ไม่มีทาง!! นี่มันพรหมลิขิตแล้ว! ว่าแต่ โอสึกิคุงสเปคอย่างสูง! เอาเรื่องสุดๆ!』
「อาหารของโอสึกิคุงอร่อยจริงๆนะ」
『โอ๊ะโอ้ว อะไรคะนั่น? จะอวดว่างั้น?』
「มะ ไม่ใช่! ฉันอยากจะปรึกษาซากิต่างหาก!」
『ปรึกษา? สารภาพรักยังไง ไรงี้?』
รู้สึกว่าหน้าของตัวเองเริ่มแดงไปถึงหูเพราะคำพูดนั้นของเพื่อนสนิท
แล้วก็สาเหตุที่รู้สึกว่าร่างกายร้อนสุดๆต้องมาจากการที่พึ่งขึ้นจากอ่างอาบน้ำแน่เพราะงั้น อันนี้ไม่เกี่ยว
「แบบว่า ก่อนจะสารภาพรักอะไรนั่น ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้สึกยังไง……แบบว่า ฉันชอบโอสึกิคุง……จริงรึเปล่า ……แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ เลยอยากปรึกษาซากิน่ะ」
『………………』
หลังจากที่พูดแบบนั้น จู่ๆซากิก็เงียบไป
ไร้การตอบสนอง เอ๊ะ ?อย่าบอกนะว่า หลับไปแล้ว?
หลังจากเงียบไปสักพักจนนึกว่าหลับไปแล้วจริงๆ ซากิก็เริ่มพูดต่อในที่สุด
โล่งอกไปทีที่ยังไม่นอน
『ก็นะ นั่นสินะ ก็อายากะเอาแต่หลีกเลี่ยงเด็กผู้ชายนินะ ถึงอยากจะมีความรักแต่ก็ทำไม่ได้นี่เนอะ ไม่เข้าใจความรู้สึกทำนองนั้นก็ไม่แปลก ไม่แปลกสินะ』
ซากิพูดเหมือนเข้าใจอะไรอยู่คนเดียว
แบบว่ารู้สึกเหมือนถูกเห็นอกเห็นใจสุดๆ คิดไปเอง?
ฉันทนไม่ไหวจนต้องถามออกไป
「หมายความว่ายังไง? ความรู้สึกทำนองนั้นเนี่ยคืออะไร?」
『เรื่องนั้นนะ พูดผ่านมือถือก็ออกจะน่าเสียดาย พรุ่งนี้ออกมาเจอกันได้มั้ย?』
「เอ๊ะ? น่าเสียดาย? พรุ่งนี้ก็เจอได้อยู่หรอก เอ๊ะ? ไม่บอกตอนนี้เหรอ?」
แบบว่า รู้สึกเหมือนซากิจงใจทิ้งให้คาใจยังไงไม่รู้
『เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้เวลาปรึกษาเต็มที่เลย ถ้างั้นพรุ่งนี้11โมงเจอกันที่คาเฟ่อย่างทุกที เครนะ?』
「อือ อืม ก็ได้อยู่หรอกแต่……นี่ บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอ? ว่าฉันไม่เข้าใจอะไร?」
『เอาน่า ใจเย็น ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้』
「เอ๊ะ เดี๋ยว ซากิ? ……ตัดสายไปแล้ว」
ฉันจ้องมือถือที่กลับมาหน้าช่องแชตและลังเลนิดหน่อยว่าจะติดต่อเพื่อนสนิทกลับอีกรอบดีรึเปล่า
แต่ว่า ถ้าเป็นซากิ คงบ่ายเบี่ยงไปมาไม่ยอมตอบแน่
พอคิดถึงนิสัยของเพื่อนสนิทที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อก่อน ฉันก็ยอมแพ้แล้ววางมือถือไว้บนแท่นชาร์ตข้างเตียง
「นี่เรา……ไม่เข้าใจอะไรกันนะ」
ฉันนอนมองเพดานห้องของตัวเอง พลางนึกถึงเรื่องที่เพื่อนสนิทพึ่งพูดไปเมื่อกี้
―…―…―…―…―…―…―…―…―…―
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องทะทุม่าน จนต้องขมัวคิ้วและหันหน้าไปด้านข้างอย่างอดไม่ได้
「อื้อ…‥ง่วงจัง……」
ฉันเช็คเวลาปัจจุบันจากมือถือที่วางอยู่ข้างเตียง
「7โมง ……ต้องลุกแล้ว ……」
เมื่อคืนหลังจากคุยกับซากิ ก็คิดอะไรหลายๆอย่างจนนอนไม่ค่อยหลับ
ก่อนจะหลับไป ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วเพราะงั้น เลยแทบไม่ได้นอน
แต่ว่า วันนนี้มีนัดกับซากิเพราะงั้นต้องรีบลุกไปเตรียมตัวแล้ว
พอฝืนยกร่างส่วนบนขึ้นจากเตียง ก็เผลอหาวออกมาฟอดใหญ่ราวกับร่างกายกำลังประท้วง
รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองถูกเตียงดูดเข้าหาด้วยพลังมหาศาลจนนึกว่าเป็นแม่เหล็กยังไงยังงั้น
ฉันจึงพยายามยกร่างลุกจากเตียงและออกจากห้องแล้วมุ่งตรงไปยังอ่างล้างหน้าด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่
พอล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ตาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นก็เช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ข้างอ่างล้างหน้าแล้วมองหน้าตัวเองในกระจก
「ตาบวมเพราะนอนไม่พอ …… ไม่อยากให้โอสึกิคุงเห็นหน้าแบบนี้ของตัวเองเลย……」
หลังพึมพำอะไรสักอย่างออกมาเพราะหัวยังทำงานไม่เต็มที่บวกกับตาที่ตาบวมเป่ง แต่พอรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมาก็จบลงด้วยอาการหน้าแดง
เลยหันหน้าหนีจากกระจกที่สะท้อนหน้าของตัวเองที่กลายเป็นสีแดงแล้วมุ่งหน้าไปห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่ง
「ตายแล้ว? อรุณสวัสดิ์อายากะ วันนี้ตื่นเช้าจังนะ」
「อรุณสวัสดิ์ม่าม้า」
ในห้องนั่งเล่นมีม่าม้าอยู่ก่อนแล้วและกำลังเตรียมอาหารเช้าในครัว
「วันนี้มีนัดกับซากิ เลยต้องออกจากบ้านก่อน9โมงน่ะ」
「ตายแล้วนัดกับซากิจัง? จะว่าไปพักหลังมานี้ แม่ไม่ค่อยได้เจอกับซากิจังเลยนะ」
「เพราะย้ายบ้านไปไกลล่ะนะ」
ก่อนซากิจะย้ายบ้าน ก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านหลังนี้อยู่บ่อยๆ เพราะงั้นเลยรู้จักมักคุ้นกับม่าม้าด้วย
「ฝากสวัสดีซากิจังด้วยนะ」
「อื้ม เข้าใจแล้ว」
ฉันตอบกลับม่าม้าพร้อมนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร
「ม่าม้าจะไปทำงานแล้วเหรอ?」
ม่าม้าสวมสูทอยู่ในโหมดทำงานเรียบร้อยแล้ว
แล้วก็ ดูเหมือนป๊ะป๋าจะออกไปทำงานแล้ว
「ใช่แล้วจ้ะ วันต้องเข้างานเร็วน่ะ ก่อนจะไปเจอซากิจังช่วยพาเรียวตะไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ?」
「อื้ม ได้สิ」
โรงเรียนอนุบาลของเรียวตะก็อยู่ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนเหมือนกันแต่ ตอนที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานกันทั้งคู่ตั้งแต่เช้า ก็จะเอาไปฝากให้ทางโรงเรียนช่วยดูแล
「กินข้าวเช้ากันเลยไหม?」
「อืม〜 กินเลยก็แล้วกัน」
「เข้าใจแล้วจ้ะ เดี๋ยวไปเตรียมให้ช่วยรอแปบนึงนะ」
พอม่าม้าพูดแบบนั้น ราวๆ10นาทีผ่านไป ข้าวเช้าก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
ฉันตกใจกับข้าวเช้าที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะเล็กน้อย
「เอ๊ะ? แบบว่าวันนี้หรูหราตั้งแต่เช้าเลยนะ เหมือนไปกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเลย」
「ใช่ม้า? อาหารพวกนี้น่ะนะ เป็นของที่โอสึกิคุงทำไว้ให้เมื่อวานน่ะจ้ะ เพราะวันนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ช่วยได้เยอะเลยล่ะ」
ม่าม้าพูดอย่างอารมณ์ดี จนฉันประหลาดใจ
เอ๊ะ? โอสึกิคุงทำของพวกนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย
ขณะที่ฉันกำลังจ้องมองอาหารเช้าอย่างงุนงง ม่าม้าก็เริ่มอธิบายอาหารเช้าทีละเมนู
「มีข้าวหน้าปลากะพง แล้วก็ตรงนี้เป็นปลาอินทรีย่างซอสมิโซะไซเคียวกับปลาหางเหลืองตุ๋น อย่างอื่นก็มี สลัดขาวที่ทำจากผักโขมและแครอทกับแกงจืดปลากะพง」
「สุดยอด……」
มื้อเช้าวันนี้มันอะไร? เอ๊ะ? หรือว่าที่นี่จะเป็นโรงแรม? ทำเอาอาการง่วงนอนปลิวหายไปเลย
ฉันพูด『ทานแล้วนะคะ』และเริ่มทานข้าวเช้าโดยไม่ปกปิดความประหลาดใจ
「……อร่อย」
ข้าวหน้าปลากะพงเข้ากับซุปมาก แล้วก็กลิ่นของขิงกับซีอิ้วลอยเตะจมูกกับความหวานของเนื้อปลากะพงที่ฟุ้งกระจายทั่วปาก
ปลาอินทรีย่างซอสมิโซะไซเคียวเองก็ให้รสสัมผัสนุ่มลิ้นบวกกับรสชาติหวานอมเค็มอ่อนๆซึ่งเข้ากันกับรสชาติไขมันของปลาอินทรีอย่างลงตัว จนเผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำยังไงดีแบบว่า มันหยุดกินไม่ได้
「หุหุ อายากะละก็ ทำหน้ามีความสุขเชียว」
「ก็มัน อร่อยนี่นา」
「นั่นสินะ ต้องขอบคุณโอสึกิคุงเลยเนอะ」
คำพูดนั้นของม่าม้า ทำเอาฉันตกใจและตั้งท่าเตรียมโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่า ม่าม้ากลับไม่ได้พูดหยอกล้อเหมือนเมื่อวานเสียอย่างนั้น แบบว่าถูกมองด้วยสายตาอบอุ่นสุดๆ
ทำไมกันนะ รู้สึกคันยุกยิกนิดหน่อย
「อายากะ」
「……อะไร?」
「ชีวิตวัยรุ่นน่ะนะ ถึงจะเป็นสิ่งที่คงอยู่แค่ชั่วพริบตาในช่วงชีวิตที่แสนยาวนานของคนเรา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตเหมือนกัน มีทั้งเรื่องที่ทำให้รู้สึกสนุก เจ็บปวด ทุกข์ใจ และดีใจ เพราะงั้น ใช้ชีวิตใน『ตอนนี้』อย่างเต็มที่เถอะนะ สิ่งที่ได้รู้สึกในตอนนี้ รับรองว่าสักวันมันต้องกลายเป็นสมบัติของลูกแน่」
「…………อื้ม」
ม่าม้า ขี้โกง
ทั้งที่เอาแต่พูดหยอกล้อแท้ๆ แต่บางครั้งก็ดันทำตัวสมกับเป็น『แม่』เหมือนอย่างตอนนี้
ถ้าถูกพูดแบบนั้นใส่ หนูในฐานะที่เป็น『ลูกสาว』ก็ต้องรู้สึกดีใจอยู่แล้วไม่ใช่รึไง
「แกงจืดนี่……อร่อนเนอะ」
「นั่นสินะ อร่อยเนอะ」
ฉันกับม่าม้าเพลิดเพลินกับอาหารรสชาติแสนอบอุ่นที่โอสึคุงเป็นคนทำด้วยกัน
.
.
.
เนื่องจากพึ่งกลับมาแปลหลังจากห่างหายไปนาน+เป็นคนสมาธิสั้น อาจจะมีบางส่วนที่พิมพ์ผิดพิมพ์ตกหล่นไปบ้างต้องขออภัย อย่างตอนที่แล้วพอกลับไปเช็คก็เจอพิมพ์ผิดเป็นเบือ จะพยายามปรับปรุงแก้ไขครับ ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ