เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 9 บทที่ 2 ดอกไม้ไฟ การบ้าน
- Home
- All Mangas
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 9 บทที่ 2 ดอกไม้ไฟ การบ้าน
หลังจากที่โคโยอิสารภาพความรู้สึกกับผมไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
เวลาก็ล่วงผ่านไป ในระหว่างนั้นผมยังคงไม่ได้ไปเรียนเสริม
แต่กลับไปตั้งใจทำงานพาร์ทไทม์แทน
โคโยอิโทรมาครั้งหนึ่งบอกให้ผมตั้งใจเรียน
แต่เธอก็ไม่ได้บอกให้ผมไปเรียนซะทีเดียว
วันนี้ผมก็มีงานพาร์ทไทม์เหมือนเดิม
พอเตรียมตัวเสร็จแล้วกำลังจะออกจากห้อง
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ผมมองดูหน้าจอแล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของนัตสึกิ
งานของผมยังไม่เริ่มเลย เลยตัดสินใจรับโทรศัพท์
[ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า? การบ้านที่ต้องทำล่ะ?]
ถามมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“ยังไม่ได้ทำเลย…”
[กะไว้แล้วแหละ]
เสียงถอนหายใจดังมาเล็กน้อย แล้วนัตสึกิก็ถามต่อ
[หยุดอีกทีเมื่อไหร่ล่ะ พ่อหนุ่มพาร์ทไทม์?]
“วันศุกร์นี้ครับ”
[งั้นวันศุกร์ 1:30 ที่ร้านอาหารที่เราไปเมื่อวันนั้น
เอาการบ้านไปด้วยแล้วฉันจะรอที่นั่นนะ]
นัตสึกิพูดเสร็จก็วางสายไปเลย
ผมรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่เธอจองเวลาผมโดยไม่ถามความสมัครใจ
แต่ก็คงเพราะเป็นห่วงผมเรื่องการเรียนที่ไม่ค่อยเอาไหน
เลยไม่สามารถเมินเธอได้
ผมจดตารางเวลาไว้ในปฏิทินมือถือแล้วก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ต่อ…
จนกระทั่งวันศุกร์มาถึง
“อืม มาถึงแล้วเหรอ”
พอไปถึงร้านอาหารตามสั่ง
นัตสึกิก็นั่งอยู่ในชุดนักเรียน
แน่นอนว่าเธอคงจะพึ่งจะกลับมาจากการเรียนเสริม
“กินอะไรมาหรือยัง?”
นัตสึกิกำลังกินพาสต้าไข่ข้นอยู่แล้วถามผม
“เรียบร้อยแล้ว”
ผมเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะช่วยเรื่องการบ้านของนายก็แล้วกัน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นายก็สำนึกถึงบุญคุณของฉันไว้ก็แล้วกัน”
นัตสึกิพูดด้วยท่าทางภูมิใจพลางป้อนพาสต้าเข้าปากไป
“ครับๆ ขอบคุณมากครับ”
ผมตอบไปแบบทั่วไป แล้วก็เหลือบมองเธอเล็กน้อย
เธอเป็นนักเรียนที่ยุ่งมาก ต้องใช้เวลาในการเรียนของตัวเอง
แต่เธอก็ยังสละเวลามาช่วยผมทำการบ้าน
ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนที่ขาดเรียนเสริมเป็นประจำ
เธอเป็นคนดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
“มีปัญหาอะไร?”
นัตสึกิถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมจ้องมองเธออยู่
“อยากได้เครื่องดื่มเพิ่มไหม?”
ผมมองไปที่แก้วของนัตสึกิที่มีน้ำเหลืออยู่เพียงนิดเดียว
สีของน้ำในแก้วเป็นสีน้ำตาลอ่อน
“ชาเย็น”
นัตสึกิพูดสั้นๆ
ผมลุกไปที่บาร์เครื่องดื่ม แล้วก็เทชาเย็นให้นัตสึกิ
จากนั้นก็กลับมาที่ที่นั่งและยื่นแก้วชาเย็นให้เธอ
“อืม ขอบคุณ”
ผมดื่มชาอู่หลงของตัวเอง แล้วเริ่มหยิบการบ้านออกมาจากกระเป๋า
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเนื้อหาการบ้านในชีวิตนี้
บางอย่างที่เคยเรียนในมัธยมปลายผมลืมไปหมดแล้ว
แต่บางเรื่องก็ยังจำได้อย่างน่าประหลาดใจ
ผมหยิบการบ้านพลิกไปพลิกมา
เป็นอะไรที่ชวนคิดถึงสุดๆ
“อิ่มแล้วค่ะ”
หลังจากผ่านไปสักพัก นัตสึกิก็เหมือนจะทานเสร็จแล้ว
เธอเช็ดโต๊ะด้วยผ้าเช็ดมือหลังจากที่พนักงานเก็บจานของเธอไปแล้ว
“เริ่มได้เลยนะ ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามมาได้เลย”
ผมไม่ลังเลที่จะถามคำถามเธอ
“–“
“–“
“นี่? นายติด 1 ใน 20 ในห้องจริงๆ เหรอ?”
“คงเพราะทำงานพาร์ทไทม์มากไป ก็มีหลงๆลืมๆกันบ้าง”
“อย่ามาล้อเล่นนะไอบ้านี้!!”
นัตสึกิที่ฟังคำถามของผมอยู่ดูเหมือนจะตกใจจนหน้าตาเหวอไปเลย
ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้ากังวลจริงจัง
แต่การสอนของนัตสึกิมันเข้าใจง่ายดีจริงๆ
ผมแก้บางปัญหาที่เคยลืมไปแล้วได้อย่างง่ายๆเลย
“ตามที่ฉันสอนทันสินะ เก่งมากๆ”
“ครับๆ สอนดีจริงๆ เลยครับ”
“น่าแปลกที่นายเป็นนักเรียน
แต่ว่าทำงานพาร์ทไทม์หนักจนลืมไปว่าต้องเตรียมตัวสอบ”
หลังจากพูดจบ นัตสึกิก็มองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
ผมเองก็หันไปมองนาฬิกาบนผนังร้าน
เราทั้งคู่ก็มีพักระหว่างเรียนไปบ้างแล้ว
แต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นพอดี
เวลาผ่านไปเร็วมาก
เพราะผมตั้งใจเรียนจนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามันผ่านไปขนาดนี้
“วันนี้เหนื่อยจัง เริ่มเรียนมาตั้งแต่บ่ายเลย วันนี้พอแค่นี้ละกัน ไว้เจอกันครั้งหน้า”
“แล้วเธอจะช่วยผมทำการบ้านอีกเหรอ…
แล้วการเรียนของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“คิดว่าฉันคือใคร?”
นัตสึกิหันมามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะพูดต่อ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้มาช่วยนายฟรีๆ หรอกนะ”
“จะมาขอส่วนแบ่งพาร์ทไทม์ผมรึไง?”
“ไม่ใช่ย่ะ”
นัตสึกินอนเอาแก้มแนบกับโต๊ะแล้วพูด
“ฉันไม่รู้ค่อยจักเมืองนี้เลย พาไปเที่ยวหน่อยสิ”
หลังจากจ่ายเงินที่ร้านอาหารตามสั่ง
นัตสึกิก็พูดให้ผมพาเธอไปที่ไหนสักแห่งที่น่าสนใจ
ผมเลยพาเธอมาที่ที่หนึ่งที่ผมจำได้
มันเป็นแม่น้ำที่ผมเคยมาเที่ยวกับเพื่อนๆ ตอนยังเป็นเด็กประถม
“ว้าว! ฉันไม่รู้เลยว่ามีแม่น้ำสวยแบบนี้อยู่ที่นี่”
ตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว แต่ยังพอมีแสงอยู่
ผิวน้ำที่สะท้อนแสงอาทิตย์ทำให้มันระยิบระยับสวยงาม
ผมไม่ได้มาที่นี่มานานแล้ว
“นี่ๆ ที่นี้สามารถตกปลาได้เหรอ?”
นัตสึกิมองไปที่คุณลุงคนหนึ่งที่ถือเบ็ดตกปลาอยู่
“ที่นี่ดังเรื่องการจับปลาอายุ (Ayu sweetfish) นะ”
“อยากตกปลาด้วย!”
นัตสึกิพูดพร้อมกับยิ้มสดใส
แต่ผมไม่มีเบ็ดตกปลา ปกติแล้วผมจะยืมจากเพื่อน
แต่ที่นี่ก็ต้องขอใบอนุญาตจากสมาคมประมงเพื่อที่จะตกปลาได้
สรุปว่าไม่สามารถตกปลาได้
เมื่อผมบอกแบบนั้น นัตสึกิก็ทำหน้าเศร้า “งั้นก็ไม่ได้สิ…”
“แต่ไปเล่นน้ำในแม่น้ำได้นะ”
ผมพูดจบ นัตสึกิก็ถอดถุงเท้าและรองเท้าออก
แล้วเดินเท้าเปล่าลงไปในน้ำ
“น้ำเย็นมากเลย!”
น่าสนใจที่นัตสึกิยังดูตื่นเต้นและมีความสุข
“นายเองก็ลงมาสิ!”
ผมถอดรองเท้าแตะ
แล้วเดินลงไปด้วยความรู้สึกว่ามันเกินจริงไปหน่อย
“ยะ ยะ เย็นโว้ย!”
ผมสงสัยว่านัตสึกิชอบอะไรในที่นี้ แต่ก็ไม่รู้ทำไม
ผมเองก็รู้สึกตกใจกับความเย็นของน้ำเหมือนกัน
ผมหันไปมองนัตสึกิที่กำลังพยายามจับปลายามุที่ว่ายอยู่ในน้ำ
แต่มันก็ไม่สำเร็จสักที
“โดนปลายนิ้วตลอดเลย ไม่ใกล้เคียงเลยอะ!”
เธอพูดด้วยความหงุดหงิด
ผมก็พยายามจับมันเหมือนกัน แต่ผลก็เหมือนนัตสึกิ
ผมยังรู้สึกว่าไม่ได้ใกล้เคียง แม้ว่าจะพอสัมผัสมันได้ก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นาน นัตสึกิและผมก็นั่งลงข้างกันบนฝั่งที่มีหินใหญ่อยู่
แล้วแช่เท้าลงไปในน้ำ
“ฉันไม่เคยกินปลาอายุมาก่อนเลย”
“มันมีก้างเยอะ แต่ก็อร่อยนะเวลาย่างเกลือ”
“อ๋อ… งั้นฉันจะพยายามอีกหน่อย”
นัตสึกิพูดพลางม้วนแขนเสื้อขึ้น
“อย่าหาทำเลย ผมไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะ
แต่ไม่มีทางที่เธอจะจับมันได้หรอก
แล้วที่นี่ก็ต้องมีใบอนุญาตตกปลาถึงจะจับมันได้ด้วย”
“ไอบ้านี่ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก!”
นัตสึกิมองมาที่ผมด้วยสายตาผิดหวัง
“ก็ตามนั้นแหละ”
ความผิดหวังของนัตสึกิทำให้ผมยิ้มออกมา
มันเป็นเรื่องแปลกที่ได้เห็นเธอแบบนี้
เพราะปกติแล้วเธอมักจะเงียบและไม่พูดมากที่โรงเรียน
“ฉันเกิดและโตในโตเกียว นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้…
มันสนุกพอสมควรเลยนะ”
นัตสึกิพูดพร้อมกับมองไปที่น้ำและยิ้มบางๆ
ผมเลยตัดสินใจถามเธอเรื่องที่ผมคาใจ
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากรู้จักเมืองนี้ล่ะ…?”
“ปีหน้า ฉันจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่โตเกียวแล้วออกจากเมืองนี้
คงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
นัตสึกิพูดแบบไม่แสดงสีหน้าหรือความเศร้าเลย
เหมือนแค่บอกเรื่องธรรมดา
“ฉันไม่มีความทรงจำดีๆ จากที่นี่หรอก
พอโตขึ้น ฉันคงคิดแค่ว่ามันเป็นที่ที่แย่ที่สุดที่เคยอยู่”
ถ้าเธอมีชีวิตที่ยาวกว่านี้ เธอคงพูดแบบนั้นได้
เพราะเธอจะต้องย้อนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่โดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน
“แต่… ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย
มันคงไม่ถูกต้องที่ฉันจะพูดว่าที่นี่มันแย่ทั้งๆ
ที่ไม่รู้อะไรเลยใช่ไหมล่ะ?
ฉันแค่อยากรู้ว่าที่นี่มันมีอะไรบ้างก่อนจะบอกว่ามันแย่”
“แย่สินะ… คนเราเวลามีอคติ
ก็มักจะบอกว่าสิ่งนั้นแย่ไปก่อนอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักสิ่งนั้นดีพอ”
ได้ยินที่นัตสึกิพูด แล้วผมจึงเสริม
การพูดร้ายๆ โดยไม่รู้จริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป
แม้ในตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น
“มันเหมือนกับพวกที่ว่าร้ายฉันโดยไม่รู้จักฉันดี
แต่ฉันเป็นคนที่ดีกว่าพวกนั้น…
เลยไม่ทำเรื่องน่าเบื่อแบบพวกนั้นหรอก”
คำพูดของนัตสึกิทำให้ผมเข้าใจเธอมากขึ้น
มันเหมือนจะเป็นความตั้งใจของเธอด้วย
ผมไม่ปฏิเสธหรือยอมรับคำพูดของเธอ
มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะถูกหรือผิด
แต่ผมคิดว่ามันยากที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคำพูดร้ายๆเหล่านั้น
นัตสึกิที่เห็นผมเงียบก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดเบาๆ
“แต่…ก็เพราะนาย ฉันอาจจะชอบที่นี่ขึ้นมา 1% แล้ว”
ผมมองไปที่นัตสึกิในขณะที่แสงแดดเริ่มจะลับขอบฟ้า
“คราวหน้าผมจะพาเธอไปที่อื่นอีกนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม นัตสึกิก็มองมาที่ผม
“ขอบคุณนะ”
นัตสึกิพูดเสียงเบา
เธอดูมีความสุข—แก้มของนัตสึกิแดงเล็กน้อยในแสงแดดยามเย็น