เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 8 บทที่ 2 ดอกไม้ไฟ เข้าใจผิด
- Home
- All Mangas
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 8 บทที่ 2 ดอกไม้ไฟ เข้าใจผิด
“ทำไมเธอถึงมาที่นี่?”
ผมถามโคโยอิที่อยู่ในห้องผม เหมือนกับว่าเธอมาที่นี่เป็นเรื่องปกติ
เธอนั่งตัวตรงและมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ?”
โคโยอิทำท่าทางหงุดหงิด
มันก็จริงที่ผมจำได้ว่าเธอมักจะเข้าห้องผมโดยที่ไม่ขออนุญาตบ่อย ๆ
แต่นั่นก็เป็นตอนมัธยมต้น
เราก็ไม่เคยไปห้องของกันและกันโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังจากที่เข้าเรียนมัธยมปลายแล้ว
อาจจะเป็นความจำของผมที่ผิดไปบ้าง
แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบไว้
โคโยอิไม่ได้ถามอะไรผมอีกเมื่อเห็นว่าผมเงียบ
“ทำไมวันนี้ไม่ไปเรียนเสริมล่ะ?”
โคโยอิถาม
ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นห่วงผมไม่แพ้กับที่นัตสึกิเป็นห่วง
“ผมโดดเรียนน่ะ… ไม่สิ มันไม่ใช่คาบเรียนแบบที่ต้องบังคับให้เข้าหนิ”
“แต่ว่าอากิระจะสอบด้วยไม่ใช่เหรอ?”
ผมพยักหน้ารับคำของโคโยอิอย่างเงียบ ๆ
“งั้นก็ต้องไปสิ”
“ก็จริง ผมมันแย่สุดๆ”
โคโยอิมีสีหน้าไม่พอใจจากคำพูดของผม
“อากิระ เกรดของนายก็ไม่เลวเลยนะ ถ้านั่นยังไม่ดีพอ แล้วฉันล่ะ?
ฉันก็ไม่ได้เรียนเก่งเหมือนอากิระนะ”
ผมไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องเกรด แต่พูดถึงเรื่องมนุษยธรรม โคโยอิดีกว่าผมเยอะ
(TLN: คำว่า “แย่” ที่นี่หมายถึงอะไรแบบว่าไร้ความหวัง/มีปัญหามากกว่า
ไม่ได้หมายถึงความดีหรือความชั่ว เพราะพระเอกมันอยากจะตายนั่นแหละ)
โคโยอิ มองมาที่ผมอย่างจับผิดในขณะที่ผมพูดเรื่องบ้า ๆ
แล้วเธอก็หรี่ตาลงและถามผมด้วยน้ำเสียงที่สั่น
“มันไม่ใช่ว่าจริง ๆ แล้วนายไม่อยากเจอฉัน… ใช่ไหม?”
จากนั้นเธอก็ถามผมต่อ
“จำสัญญาของเรากันได้ไหม?”
สัญญาอะไรและตั้งแต่เมื่อไหร่?
เหมือนที่คิด มันยากที่จะจำสัญญาที่เราทำกันไว้ตอนมัธยม
เมื่อผมเงียบไป เธอก็พูดขึ้น
“ตอนเราจะโตขึ้น นายสัญญาว่าจะทำให้ฉันเป็นภรรยาของนาย”
ผมจำสัญญานั้นได้
“…นั่นเป็นสัญญาที่เราทำกันตอนอนุบาล”
เธอยังจำสัญญาธรรมดาๆ ที่เราทำกันในตอนอนุบาลได้
สัญญาที่ในที่สุดแล้วก็ไม่มีวันเป็นจริง
“ใช่ นั่นแหละ”
โคโยอิยิ้มเขิน ๆ เมื่อรู้ว่าผมจำสัญญานั้นได้
“รู้ไหม อากิระ นายเข้าใจผิด”
เธอพูดออกมาแล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาออดอ้อน
ผมรู้สึกไม่ค่อยดี
“อากิระ ถ้าเป็นนาย… ฉันชอบ… ฉันชอบนาย”
โคโยอิที่เคยปฏิเสธคำสารภาพรักของผม
พึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย
ผมมองไปที่เธอ และเธอก็ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าของตัวเอง
ผมมองเธอและได้ยินคำพูดของเธอ และในทันที—ผมก็เข้าใจ
“—หมายความว่าเพราะตอนที่ฉันสารภาพรักกับเธอต่อหน้าคนอื่น
เธอรู้สึกดีใจแต่เขินเกินกว่าจะพูดว่า [ตกลง] ใช่ไหม?”
แน่นอน ผมเคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้
ไม่ค่อยมีนักเรียนมัธยมคนไหนที่ยอมรับคำสารภาพรักในสถานการณ์แบบนั้น
และแน่นอนว่าโคโยอิไม่ใช่สาวประเภทที่หน้าไม่อายขนาดนั้น
“หืม! นายก็รู้นี่นา!”
“ผมแค่คิดว่าเธอจะคิดแบบนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้น
ผมก็อยากให้เธอบอกความรู้สึกของเธอเร็วกว่านี้”
ผมพูดคำแก้ตัวออกมาโดยไม่ลังเล
โคโยอิจ้องมาที่ผม แล้วพูดว่า
“ขอโทษจริง ๆ แต่คือ… ฉันอายจากความกดดันและสถานการณ์นี่นะ…”
เธอกอดหมอนของผมและซุกหน้าลงไป
ผมมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่เห็นหูของเธอที่โผล่พ้นจากผมทรงสั้นของเธอ
มันแดงก่ำไปหมด
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ผมคิดว่าความรู้สึกไม่ดีของผมมันเป็นจริงแล้ว
จากนั้นเธอก็พูดต่อ
“ฟังนะ เราไม่ควรไปคบกันจนกว่าทั้งสองคนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วนะ?”
“หืม, ทำไมล่ะ?”
ผมไม่สามารถข่มความคิดในใจได้
[ทำไมต้องมีเงื่อนไขในการเป็นแฟนกันด้วย?]
เธอก็พูดต่อ
“เพราะฉันไม่สามารถ… ฉันน่ะ
ไม่มีความมั่นใจที่จะสลับโหมดจากการเตรียมสอบ
แล้วก็สลับมาเนโหมดแฟนสาวหรอก”
แต่เธอก็ดูเหมือนจะอธิบายในทางที่ทำให้ผมเข้าใจได้
“ถ้าเราไปคบกัน ฉันแน่ใจว่าฉันจะรบกวนอากิระ ฉันคงจะยั้งตัวเองไม่ได้
อยากอยู่กับนายตลอดเวลาและคงจะหึงจนไม่สามารถตั้งใจเรียนได้…”
ผมฟังคำสารภาพของเธออย่างเงียบ ๆ
“แต่ถ้าเรารู้ว่าเราจะได้คบกันก็ต่อเมื่อเราผ่านการสอบ…
ฉันก็มั่นใจว่าจะสามารถตั้งใจเรียนได้ดีขึ้น”
โคโยอิ มองมาที่ผมด้วยสายตาหวาน ๆ และยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“งั้น… รออีกหน่อยนะ… ได้ไหม?”
แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าจะต้องตอบคำถามของเธอยังไง
ผมควรจะตอบว่าไม่
เมื่อหลุดพ้นจากคำสาปนั้น
ผมไม่สามารถจินตนาการถึงอนาคตที่ใช้ชีวิตอยู่กับโคโยอิได้อีก
ถ้าผมตอบเธอไปในทางให้ความหวังตอนนี้…
มันจะทำให้เธอเสียใจเมื่อผมจากไป
นอกจากนี้ โคโยอิเองก็มีอนาคตที่เธอจะมีความสุขโดยไม่มีผม
ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะพรากความสุขนั้นจากเธอ
ดังนั้น ผมจึงตอบเธออย่างชัดเจน
“ก็ได้” (TLN: อ่าวไอนี้)
แต่คำพูดที่ออกมาจากปากผมกลับตรงข้ามกับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่
“จริงเหรอ? นายโอเคเหรอ…?”
เธอถาม ยังคงกอดหมอนอยู่เหมือนกับการยืนยัน
ผมพยักหน้าเงียบ ๆ
“สำเร็จ!!”
โคโยอิอยู่บนเตียง หน้าซุกอยู่ในหมอนที่เธอกอดไว้ ขาเธอสะบัดไปมา
แสดงถึงความดีใจสุดๆ
การเห็นเธอแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงความน่ารักอย่างไม่สามารถต้านทานได้
และผมก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงในอก…
ไม่นานหลังจากนั้น โคโยอิก็หยุดเคลื่อนไหว
จากนั้นเธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตู
และหยุดอยู่ที่ประตูโดยหันหลังให้ผม
“เป็นอะไรไป?”
ผมถามด้วยความสงสัย และเธอตอบโดยที่ยังไม่หันกลับมามองผม
“ถ้าฉันอยู่ในห้องของอากิระนานกว่านี้… ฉันคงจะห้ามตัวเองไม่ได้แน่ๆ”
หลังจากเปิดประตูห้องเธอ เธอก็พูดต่อ
“ฉันจะตั้งใจเรียนนะ… อากิระ ก็ขอให้ตั้งใจด้วยนะ”
“อ่า… อืม”
“ราตรีสวัสดิ์”
พูดจบ โคโยอิก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้น ผมถอนหายใจอย่างหนัก และมองที่ประตูที่ปิดอยู่
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นรักแรกของผม แต่ในสายตาของผมในวัย 28 ปี
โคโยอิแค่เป็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ จากชนบท
ผมรู้ดีในหัวของตัวเอง แต่เหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้น่ะ
เพราะร่างกาย 18 ปีของผมมันดึงดูดความรู้สึกนี้
ไม่ว่าผม ชายวัย 28 ปี
จะพยายามแยกแยะในหัวว่ารักของผมมันจบลงแล้ว
แต่ร่างกาย 18 ปีของผมกลับปฏิเสธและอยากอยู่กับเธอ
มันเป็นสภาพที่ยุ่งเหยิง
ผมควรจะปฏิเสธการสารภาพรักของเธออย่างแน่นอน
ผมได้ทำความเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองกับเธอแล้ว
ผมไม่คิดว่าผมจะหยุดตายแม้ว่าผมจะได้คบกับเธอตอนนี้
ผมนอนหงายบนเตียง เอาหัวพิงมือ
แล้วผมก็ได้กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคย
มันคือกลิ่นของโคโยอิ
และผมเกลียดร่างกาย 18 ปีของตัวเองที่ตอบสนองต่อสิ่งนี้
โอย…บ้าเอ้ย
ผมคิดในใจ มองไปที่เพดานห้องอย่างเหม่อลอย
ถ้าผมตายไป โคโยอิจะเหลือแผลใหญ่ในใจ
และยังไงก็ตาม ผมมันเห็นแก่ตัวจนไม่คิดที่จะหยุดการตายครั้งนี้
หรือคิดจะอธิบายอะไรให้เธอฟังอย่างจริงใจ
ผมรังเกียจตัวเองและเบื่อหน่ายกับตัวเองเหลือเกิน
TLN: อย่างน้อยๆพระเอกเรื่องนี้จะโลเล แต่ใจมันได้สุดๆเลยนะครับ
อย่าเอาไปเทียบกับหนุ่มมหาลัยที่คุณก็รู้ว่าใครเลยครับ