เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 3 ประวัติศาสตร์
“แหวะ…”
นัตสึกิพูดมา ขณะที่ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำพูดของผม
จากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลังออกไปจากผม
โดยไม่ละสายตาจากผมเหมือนกับพยายามหนีจากอะไรซักอย่างที่ดูน่ากลัว
ก่อนที่จะออกจากดาดฟ้าไป
เหลือผมอยู่คนเดียวบนดาดฟ้า ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก
แล้วก็…
“ทำไปจนอีกได้…!”
ผมพึมพำออกมาพร้อมกับย่อตัวลงไป
จากมุมมองของนัตสึกิ คนที่เธอเกลียดมาชวนคุยแถมยังขอตายไปพร้อมกันอีก
ดูยังไงๆก็แปลก…
และเมื่อมองในมุมของผม ชายวัย 28 ปีที่มาขอให้เด็กสาวมัธยมปลายตายไปด้วยกัน…
ใครมารู้เข้าก็ต้องคิดว่าผมบ้าไปแล้วแน่นอน
ไม่แปลกเลยที่โคโยอิจะปฏิเสธผมและนัตสึกิพูดว่า “แหวะ” แล้วรีบหนีไป
การย้อนเวลามันทำให้ผมสับสนก็จริง แต่ผมก็ควรจะระวังตัวมากกว่านี้
ผมได้สร้างประวัติศาสตร์อันดำมืดใหม่ๆ มากเกินไปในชีวิตที่สองนี้…
อยากให้ใครสักคนมาจับผมฝังลงดินทั้งอย่างนี้เลย แต่ผมรู้ดีว่าไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก
ผมลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้าอย่างอ่อนล้า
–กลับบ้านดีกว่า
ผมเปิดประตูดาดฟ้าและเดินกลับไปที่ห้องเรียน
หลังจากปิดประตู ผมเดินลงบันไดอย่างเหนื่อยล้า กลับไปที่ห้องเรียนเพื่อเอากระเป๋า
ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นมา
“เก็นโนะ เป็นอะไรไป?”
เขาเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย พูดคุยได้สบาย และเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน
“ไม่ครับ, คือว่า…”
แต่จะให้พูดก็พูดยาก
ผมหมายถึงเมื่อครู่ เขาบอกว่า “เธอด้วย” แสดงเขาคงเห็นนัตสึกิยืนตากฝนด้วย
“เมื่อกี้ครูเดินผ่านนัตสึกิ มีเกิดอะไรขึ้นรึป่าว?”
เขาพูดด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าผมเงียบไป
ตามที่ผมคาดไว้
“นัตสึกิได้เล่าอะไรให้ฟังไหมครับ?”
“ไม่นะ เธอวิ่งผ่านครูไปเลยน่ะ”
เธอคงคิดว่าอธิบายสถานการณ์มันยุ่งยากเกินไป
แต่นั่นก็เป็นเรื่องดี
“…นัตสึกิแค่ได้มานั่งฟังผมบ่นเท่านั้นเองครับ”
ผมโกหกออกไปแบบนั้น
“บ่น…? พูดถึงอะไรเหรอ?”
“ก็… เรื่องที่ผมถูกโคโยอิ ปฏิเสธต่อหน้าคนอื่นเมื่อวันก่อน
และสถานการณ์รวมๆตอนนี้มันเลยค่อนข้างแปลก น่ะครับ…”
เมื่อผมพูดออกไป ครูอัตสึตะพยักหน้าแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “วัยรุ่นสินะ… “
“ก็เลยอยากหาคนคุยด้วย ใครก็ได้ที่ฟังผมได้ แล้วคนๆบังเอิญนัตสึกิก็แค่นั้นเองครับ”
“…ทำไมเป็นนัตสึกิล่ะ?”
ครูอัตสึตะมองผมด้วยสายตาที่คมขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง
เขารู้ดีว่านัตสึกิมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับนักเรียนในห้อง
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะคิดว่านัตสึกิกำลังมีปัญหากับผม
“เธอมีเพื่อนน้อย ก็เลยคิดว่าเธอคงจะไม่เล่าเรื่องที่ผมพูดให้ใครฟัง”
เมื่อผมพูดไปแบบนั้น ครูอัตสึตะก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“นั่นมันค่อนข้างแรงเลยนะ เก็นโนะ…”
เขาตอบกลับมาแบบนั้น
“อ่า…นั้นสินะครับ”
ผมพยักหน้าไป เพราะเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครูเข้าใจนะ แต่… ทำไมตัวเปียกขนาดนี้ล่ะ?”
ครูอัตสึตะถาม
เพราะดาดฟ้าเป็นที่ห้ามขึ้นไปอยู่แล้ว ผมเลยไม่สามารถให้คำตอบที่ตรงไปตรงมาได้
แน่นอนว่าผมก็ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวที่มีเหตุผลได้เช่นกัน
แต่ยังไงก็ต้องแถไปด้วยความมั่นใจ…!
“ในห้องเรียนมันคุยยากครับ ในทางเดินที่ฝนตกไม่มีใครอยู่เลยสะดวกดีครับ
นอกจากนี้ผมรู้สึกเหมือนฝนจะล้างอดีตอันดำมืดของผมไปด้วย…”
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาหม่นหมอง
แล้วหันไปมองที่ครูอัตสึตะทีหนึ่ง
เขากำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังอ่อนแออย่างจริงจัง
–ความใจดีของเขามันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ!
ภายในใจของผม ผมคือผู้ชายแก่กว่าครูอัตสึตะ…
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากมุมตาของผมโดยไม่รู้ตัว
“ครูเข้าใจสถานการณ์ของเธอนะ
แต่การที่พานัตสึกิไปคุยกลางฝนแบบนั้นมันไม่ดีเลยนะว่าไหม?”
ในขณะที่พูด ครูอัตสึตะเช็ดน้ำตาของผมด้วยปลายนิ้ว แล้วก็โอบไหล่ผมเบาๆ
“ครับ จากนี้ไปผมจะระวังให้มากขึ้น”
ครูอัตสึตะยิ้มให้กับคำพูดของผมแล้วพูดต่อ
“เก็นโนะ, จากนี้ไปเธอก็สนิทนัตสึกิเข้าไว้นะ”
จากนั้นเขาก็ตบไหล่ผมเบาๆ สองที
“งั้นก็รีบกลับบ้าน อาบน้ำให้สบายตัว ทบทวนเรียนให้เยอะๆ
แล้วก็นอนพักผ่อนนะ นักเรียนต้องเตรียมตัวสอบให้ดี”
เขาพูดเสร็จแล้วก็เริ่มเดินลงตามทางเดิน
อีกหนึ่งประวัติศาสตร์ดำมืดของผมก็เพิ่มขึ้นมา
แต่โชคดีที่มันไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่
เอ่อ… เช็ดน้ำตาผมด้วยปลายนิ้วแล้วก็โอบไหล่ผม—
ระยะห่างระหว่างเขากับนักเรียนมันใกล้เกินไป หรือผมคิดไปเอง?