เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 2 คนที่เกลียด
นัตสึกิมองมาที่ผมด้วยสายตาที่คมกริบ ขณะที่ผมยังคงจับมือของเธอไว้เงียบๆ
จากนั้นเธอก็เปิดปากพูดอีกครั้ง
“มาทำอะไรที่นี่?”
“แค่เห็นว่าประตูดาดฟ้าเปิดอยู่ ก็เลยเดินมาดูก็แค่นั้น”
เธอตอบพร้อมกับยิ้มเยาะคำพูดของผม
“ฮึ? คิดว่าเธอจะมาที่นี่เพื่อกระโดดลงจากดาดฟ้า
หลังจากโดนปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็กเหรอ? หรือว่าไม่ใช่?”
คิดจะยั่วโมโหกันรึไง แต่ผมเลือกที่จะไม่เถียงกับเธอ ผมหันไปหาพร้อมกับถามเธอ
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่? เธอเปิดกุญแจล็อคประตูใช่ไหม? ทำไมถึงทำแบบนั้น?”
“…ถามเยอะจัง ชิ…”
นัตสึกิพูดออกมาอย่างเยาะเย้ย
ถ้าผมเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมทั่วไป
คงจะเสียอารมณ์ไปแล้วในตอนนี้
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า นัตสึกิกำลังจะจากไปในไม่ช้า
ผมจึงพยายามพูดกับเธออย่างใจเย็น
“ยังไงก็เถอะ มาอยู่ฝั่งนี้เถอะ มันอันตราย ถ้าอาจารย์เห็นจากข้างล่าง
เขาคงรีบวิ่งกันขึ้นมาทันที แล้วถ้าเธอลื่นแล้วตกลงไป จะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของผม สีหน้าที่เคร่งเครียดของนัตสึกิก็กลายเป็นความมึนงง
“ในฝนตกแบบนี้ ไม่มีการทำกิจกรรมชมรมข้างนอกหรอก
นักเรียนและอาจารย์ที่กลับบ้านก็พากันถือร่มกันหมด เขาคงไม่สังเกตเห็นฉันหรอก”
นัตสึกิดูเหมือนจะไม่ได้ฟังคำพูดของผมสักเท่าไร
ผมคิดว่าคงต้องลากเธอข้ามราวบันไดมาฝั่งของผมแล้วล่ะ
“…นายกำลังคิดอะไรที่น่ารำคาญใช่ไหม? ก็ได้…. ฉันจะย้ายไปฝั่งนั้นก็ได้”
นัตสึกิข้ามราวบันไดมาฝั่งของผม
อาจจะเป็นเพราะเธอสัมผัสได้ถึงสีหน้าที่จริงจังของผม
ผมกังวลว่าเธออาจจะลื่นตกไป แต่โชคดีที่ความกังวลของผมเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
เธอยืนอยู่ข้างๆผม ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมาหาผมและพูดว่า
“ฉันขึ้นมาบนดาดฟ้าเพราะอยากอยู่คนเดียว ฉันเปิดกุญแจล็อคเอง
หลังจากหาดูวิธีเปิดจากอินเทอร์เน็ต มันก็ไม่ยากเลย
แค่ใช้คลิปสองสามอันก็เปิดได้แล้ว”
“…แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ก็แค่พูดกับตัวเอง”
นัตสึกิพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด ดูเหมือนว่าเธอจะตอบคำถามของผมไปแล้ว
“เอ่อ…ขอบคุณนะ”
ผมพูดออกไป นัตสึกิยักไหล่เล็กน้อย
“ฉันรู้สึกว่านายดูแปลกๆไปนะ”
ผมสะดุ้งกับคำพูดของเธอ
เธอรู้แล้วเหรอว่าผม “การข้ามเวลา” มา?
“อย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ คงจะเป็นเพราะอกหักจนจิตใจว้าวุ่นใช่ไหมหล่ะ”
ไม่ใช่สินะ…
แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกซับซ้อนอยู่เหมือนกัน…
“ปกติไม่เคยจะสนใจฉัน แต่ตอนนี้อ่อนแอเพราะช้ำรักเลยอยากให้ฉันคุยด้วยรึไง?”
นัตสึกิพูดอย่างเยาะเย้ย
ผมได้ยินคำพูดของเธอแล้วทำหน้าจริงจัง
ก็อย่างที่เธอบอก ผมเคยเมินเธอมาก่อนจริงๆ
ไม่ใช่แค่ผมหรอก
นัตสึกิเป็นคนที่ถูกเกลียดที่สุดในโรงเรียนของเรา
“เธอทนความรู้สึกที่ถูกเมินจากทุกคนจนถึงขนาดคิดจะกระโดดลงจากดาดฟ้าหรอ?”
ก่อนหน้านี้นัตสึกิบอกว่าเธอต้องการอยู่คนเดียว
มันไม่ใช่ว่าเธอกำลังทุกข์ใจจากสิ่งรอบตัวเหรอ?
“อะไรนะ? ทำไมฉันต้องฆ่าตัวตายแค่เพราะพวกบ้านนอกไม่สนใจฉันด้วย?”
นัตสึกิหัวเราะเบาๆ ที่คำพูดของผม ก่อนจะพูดต่อ
“ถึงฉันต้องฆ่าพวกบ้านนอกทั้งหมดยังไง ฉันก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่”
ผมรู้ดีว่าเสียงของเธอกำลังแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง
เพราะว่า ตรงข้ามกับคำพูดของเธอ เธอกลับเลือกที่จะตายจากไปในอนาคตอันใกล้นี้
“เธอ… ผมเกลียดเธอ”
“เกลียดฉันเหรอ? ฉันก็เกลียดนายเหมือนกัน”
เธอตอบคำพูดของผมโดยไม่หยุดพัก
แต่คำพูดที่แข็งกร้าวของเธอกลับเริ่มดูเหมือนจะไร้สาระ
“สาวสวยและฉลาดที่ย้ายมาจากเมืองมาที่โรงเรียนในชนบท…
เธอพูดภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานได้เหมือนนักข่าว NHK
แต่เวลาเธอพูดกับพวกเรา เธอมักจะทำเสียงล้อเลียนสำเนียงของพวกเรา”
“ห๊ะ? นั่นมันแค่สิ่งที่พวกนายคิดกันไปเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนด้วยซ้ำ”
นัตสึกิจ้องมาที่ผมแล้วพูด
“ใช่ ผมรู้ดี เธอไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนพวกเรา
เธอแค่ต้องการจะปรับตัวให้เข้ากับพวกเราให้เร็วที่สุด
แต่พวกเรากลับคิดไม่เหมือนเธอ”
นัตสึกิฟังคำพูดของผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเราไม่อยากถูกเหยียดหยามเลยต้องแยกเธอออกจากกลุ่ม
พวกเราตัดสินใจที่จะเมินเธอ
แล้วเธอรู้สึกถึงความชั่วร้ายของพวกคนบ้านนอกรึยังหล่ะ?
มันตลกดีใช่ไหม?”
“มันไม่ตลกสำหรับฉันหรอก เพราะฉันกำลังถูกทำร้ายจากเรื่องแบบนั้น”
“อืม… ก็จริง”
ผมสะดุ้งกับคำตอบของเธอ
“ขอโทษที่ผมเมินเธอนะ”
ผมพูดออกไปแล้วก้มศีรษะให้กับนัตสึกิ
“ถ้านายรู้สึกแย่จริงๆ จะกระโดดลงไปจากที่นี่ไหม…? เออ… แต่คงไม่ได้สินะ”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผมคิดว่าเธอคงไม่อยากให้ผมกระโดดลงจากที่นี่จริงๆ
แต่คงไม่มีทางที่เธอจะให้อภัยคำขอโทษของผม
ที่จู่ ๆก็พูดขึ้นมาแบบนั้น
…ผมปีนข้ามรั้ว
แล้วมองลงไปข้างล่าง
หลังคาของตึกโรงเรียนสี่ชั้น
ไม่มีหญ้าหรือไม้ใหญ่ที่สามารถรองรับการตกได้
และพื้นก็เป็นคอนกรีตแข็ง
ถ้าผมกระโดดลงไป ผมจะจบชีวิตใหม่นี้ในสองอาทิตย์เลยไหมนะ?
ผมไม่รู้เลยว่าจะกลับไปยังอนาคตยังไง…
มันไม่ได้หมายความว่าผมไม่ให้ความสำคัญกับการเรียนหนัก,
การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดี,
การหางานในบริษัทใหญ่ๆ, และการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายหรอกนะ
แล้วถ้าถามว่ามันน่าสนหรือไม่ที่จะใช้ชีวิตแบบที่สะดวกสบาย
หลังจากหาเงินได้จำนวนหนึ่งจากการ
ลงทุนในหุ้นหรือสกุลเงินดิจิทัล, นั่นก็เป็นเรื่องที่ต่างออกไป
ในตอนแรก ผมไม่เคยมีความรู้สึกเสียใจหรือค้างคาอะไรเลย
นอกจากเรื่องที่ผมไม่เคยบอกความรู้สึกกับโคโยอิ
พูดอีกอย่างคือ…
ผมไม่มีจุดประสงค์หรือแรงจูงใจอะไรในการที่จะใช้ชีวิตรอบสองนี้เลย
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้จะทำมันจริงๆหรอก อย่าทำเป็นแสร้งว่าจะทำเลย”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวขณะที่ผมยังคงมองลงไปข้างล่างเงียบ ๆ
ผมก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ตอบคำพูดของเธอ
ถ้าผมก้าวไปอีกก้าวร่างของผมคงตกลงไปที่พื้น
ผมคิดว่าถ้านั่นจะเป็นจุดจบของชีวิตรอบสองที่ไร้ความหมายนี้…
มันก็คงไม่ใช่เรื่องแย่นักผมพยายามที่จะก้าวไปอีกก้าว
แต่ผมทำไม่ได้…
จากนั้นผมก็นั่งลงที่ตรงนั้น
“ขอโทษนะ นัตสึกิ… ผมกลัวเกินกว่าที่จะกระโดดลงไปหน่ะ”
ผมหันไปหานัตสึกิแล้วพูดกับเธอ
ในใจของผม ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุรถชนในอนาคตกลับมาในความทรงจำ
ความเจ็บปวดและความทรมานนั้นมันแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผมไม่อาจลืมมันได้
ถ้าผมตกจากที่นี่ ผมจะต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนที่เคยเป็นตอนนั้นแน่ ๆ
คิดถึงแบบนั้นแล้ว ผมขยับตัวไปไหนไม่ได้…
“โอเค ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายไม่ได้ล้อเล่นหรอก”
นัตสึกิพูดพร้อมกับยื่นมือมาให้ผมขณะที่ผมนั่งอยู่
ผมลุกขึ้น ยื่นมือไปจับเธอแล้วปีนข้ามรั้วอีกครั้ง
“ยังไงก็เถอะ… จากนี้ไปห้ามเมินฉันอีกนะ เข้าใจไหม?”
นัตสึกิพูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ผมคิดว่ามันสวยกว่าท่าทางเคร่งเครียดที่เธอเคยแสดงให้ผมเห็นมาก
ผมมองไปที่เธอ…
รู้สึกว่าเธอสามารถเอาชนะความกลัวของตัวเอง
จนสามารถตัดสินใจคิดทำร้ายตัวเองได้
“ยังไม่ทันไรก็เมินฉันแล้วหรอ?”
นัตสึกิหัวเราะขำๆ ผมรู้ว่าเธอมีใบหน้าที่สวยงาม
เธอคงจะได้รับความนิยมมากถ้าเธอยิ้มบ่อย ๆ
แต่ผมไม่ได้พูดคำนั้นออกไป แต่เลือกที่จะพูดสิ่งที่ผมคิดแทน
“ผมไม่สามารถกระโดดลงไปจากที่นี่ได้หรอก
ผมมันเป็นพวกขี้ขลาดเกินกว่าจะตายคนเดียว…
แต่ผมสัญญา”
–คนเดียว ผมไม่สามารถก้าวลงไปก้าวสุดท้ายได้
“เมื่อเลือกเธอที่จะตายเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมจะตายไปกับเธอเอง”
–ถ้ากับเธอ ผมมั่นใจเลย
ว่าผมสามารถจบชีวิตที่ไร้ความหมายนี้ได้—