เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 17 บทที่ 4 รอบที่ 3 เหตุผล
- Home
- All Mangas
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 17 บทที่ 4 รอบที่ 3 เหตุผล
“ในที่สุดก็เสร็จแล้ว!”
นี่คือช่วงปิดเทอมฤดูร้อนครั้งที่สาม
ผมกำลังสอนอิโอริอีกครั้ง
ที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัว
ผมช่วยอิโอริทำการบ้านทุกวันหลังเลิกงาน
พาร์ทไทม์
จนถึงวันนี้
ตอนแรกผมคิดว่าอิโอริคงไม่ชอบการใช้เวลา
มากมายไปกับการเรียน
แต่เธอกลับรู้สึกติดค้างผมที่สละเวลาหลังงาน
พาร์ทไทม์มาช่วยเธอ
และที่น่าประหลาดใจคือ
เธอเอาจริงเอาจังกับมันมาก
“ขอบคุณสำหรับความพยายามนะ
วันนี้เธอทำได้ดีมาก”
อิโอริที่เพิ่งทำโจทย์การบ้านเสร็จ
ยืดตัวออกและหันมาถามผมว่า
“ว่าแต่ อากิ พรุ่งนี้ว่างไหม?”
“ก็ไม่มีงานพาร์ทไทม์นะ
แถมการบ้านของเธอก็เสร็จหมดแล้ว
เธออยากทำอะไรล่ะ?”
อิโอริมองผมเหมือนว่าผมโง่และพูดว่า
(ทำไมถึงถามคำถามนี้ล่ะ?)
จากนั้นเธอก็ถอนหายใจยาวก่อนพูดต่อว่า
“ไม่มีทางที่ปิดเทอมฤดูร้อนของโทวะ
จะจบลงไปกับการเรียนอย่างเดียวหรอกนะ!
พรุ่งนี้ต้องเป็นเดทปกติแล้ว!”
“อ้อ แบบนั้นสินะ”
ความมุ่งมั่นของอิโอริทำให้ผมพยักหน้าตกลง
“มีที่ไหนที่อยากไปไหม?”
อิโอริพยักหน้าตอบคำพูดของผม
ก่อนที่เธอจะบอกสถานที่ที่เธออยากไป—
***
“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว! พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ!”
นี่คือวันสุดท้ายของปิดเทอมฤดูร้อน
ตามคำขอของอิโอริ
วันนี้ผมมาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในตัวเมืองกับเธอ
“อากิ มาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบ่อยไหม?”
อิโอริถามพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าคิดดูดี ๆ ผมก็ไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วนะ”
ผมเคยมาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแค่ครั้งเดียว
คงเป็นตอนอยู่มัธยมต้น
คนที่มาด้วยในตอนนั้นคือโคโยอิ
“งั้นเหรอ? ว่าแต่ โทวะมีบัตรรายด้วยนะ!”
อิโอริหยิบบัตรรายปีออกมาจากกระเป๋า
บัตรโดยสารของเธอ
“ทำไมอากิไม่ซื้อบัตรรายปีล่ะ?
ราคาพอ ๆ กับตั๋วธรรมดาสองใบเอง
คุ้มจะตาย!”
ถึงผมอาจจะไม่ได้มาที่นี่บ่อย
แต่บางทีผมกับอิโอริอาจจะ
มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก
ที่สำคัญกว่านั้น
ผมอยากแสดงให้อิโอริเห็นว่าผมยินดีที่จะทำ
ตามใจเธอ
“งั้นก็คงต้องลองดู”
ที่เคาน์เตอร์ ผมซื้อตั๋วรายปี
ตามคำแนะนำของอิโอริ
“เธอมาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบ่อยไหม?”
“สำหรับโทวะนะ…
นี่เป็นครั้งที่สองตั้งแต่ซื้อบัตรรายปีมา!”
อิโอริยิ้มอย่างภูมิใจ
พร้อมยกนิ้วเป็นรูปตัว V ให้ดู
ดูเหมือนว่าเธอชวนผมมาเพราะไม่อยากให้
บัตรรายปีเสียเปล่า
“เอาเป็นว่า เริ่มเดินตามเส้นทางรอบพิพิธภัณฑ์
ก่อนดีไหม?”
อิโอริพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม
แล้วพูดว่า
“การแสดงโลมาจะเริ่มที่…”
ผมดูตารางข้อมูลที่บอร์ดของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
การแสดงโลมามีวันละสามรอบ
และรอบต่อไปจะเริ่มตอน 15:30
“เรายังมีเวลาเหลือเยอะ
งั้นลองเดินดูรอบๆ
ก่อนแล้วค่อยไปดูการแสดงโลมาดีไหม?”
“เห็นด้วยเลย!”
อิโอริยิ้มและจับมือผมพาเริ่มเดินเที่ยวชม
พิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกลับน่าสนุกกว่าที่ผมคาดไว้
ปลาที่สร้างกระแสไฟฟ้า แมงกะพรุนที่ดูงดงาม
ปลาน้ำลึกที่หน้าตาน่าเกลียด
และแมลงทะเลที่ดูน่าขนลุก
อิโอริเองก็ดูสนุกมาก
เธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
และสนุกกับทุกสิ่งที่ได้เห็น
ผมมองนาฬิกาและเห็นว่าเป็นเวลา
15:30 น. พอดี
ได้เวลาเริ่มการแสดงโลมาแล้ว
“การแสดงโลมาจะเริ่มแล้ว ไปที่เวทีกันเถอะ”
อิโอริพยักหน้าให้คำพูดของผม
และยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่ทันสังเกตเลยว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว”
เรามุ่งหน้าไปยังเวทีแสดงโลมา
สถานที่ค่อนข้างมีคนเยอะ
แต่ก็ไม่ถึงกับแน่นจนหาที่นั่งไม่ได้
เรานั่งแถวบนสุด
เพื่อให้มองเห็นการแสดงทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ไม่นานหลังจากนั้น
เจ้าหน้าที่สามคนที่ดูแลการแสดง
ก็ปรากฏตัวบนเวทีในชุดดำน้ำ
เสียงเพลงที่สนุกสนานดังขึ้น
พนักงานเป่านกหวีด
และโลมาตัวหนึ่งกระโดดพ้นน้ำขึ้นมา
“ว้าว!”
อิโอริที่นั่งอยู่ข้างๆ
จ้องมองการแสดงด้วยดวงตาเป็นประกาย
หลังจากนั้น โลมาก็แสดงท่าทางต่างๆ มากมาย
เช่น ว่ายน้ำพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกาะบนหลัง
กระโดดลอดห่วงฮูลาฮูป และอื่นๆ
ผมเองก็รู้สึกทึ่งไปกับความงดงามของการแสดง
ครั้งนี้
เมื่อการแสดงจบลง เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วบริเวณ
ผู้ชมรอบ ๆ ลุกขึ้นและทยอยออกจากที่นั่ง
ส่วนผมกับอิโอรินั่งรอจนกว่าฝูงชนจะซาลง
ก่อนจะลุกตาม
“อากิ การแสดงสนุกมากเลยนะ!
พวกมันฉลาดมากจริง ๆ แถมยังเชื่องสุด ๆ เลย
ใช่ไหม?”
อิโอริพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมรอยยิ้มกว้างที่สุด
ของวันนี้
“เธอชอบโลมาเหรอ?”
“แน่นอน! มันทั้งฉลาด ทั้งน่ารัก ทั้งมีเสน่ห์”
“ก็จริง โลมามักมีภาพลักษณ์ของสัตว์ที่ฉลาด
เป็นมิตร และอ่อนโยน”
“ฟังดูคล้าย ๆ โทวะเลยนะ…?”
อิโอริพูดแซวแบบติดตลก
ผมจึงตอบกลับด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“แต่รู้ไหม โลมาบางครั้งก็รุนแรงนะ
พวกมันชอบรังแกโลมาตัวเล็กกว่าด้วย”
อิโอริมองผมด้วยท่าทางเย็นชา
เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ดูจะออกนอกประเด็นนี้
“เฮ้ ถึงมันจะน่ารัก
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไหร่
ใช่ไหม?”
เธอพูดหลังจากเว้นจังหวะ แล้วลดโทนเสียงลง
ดูเหมือนอิโอริกำลังพยายามเบี่ยงประเด็น
ผมจึงถามเธออีกครั้ง
ราวกับไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศนั้น
“ทำไมเธอถึงรังแกนัตสึกิเหรอ อิโอริ?”
อิโอริถอนหายใจเสียงดังอย่างเว่อร์วัง
ก่อนจะตอบกลับ
“ฉันรู้แล้วล่ะ อากิต้องพูดเรื่องนี้แน่ ๆ
อากิเป็นเพื่อนกับนัตสึกิ มิไร
ตั้งแต่บอกให้โทวะกับคนอื่นหยุดแกล้งเธอแล้ว
ใช่ไหม?”
“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แต่ตอนนั้นนัตสึกิเกลียดผมมากเลยล่ะ”
ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้ทำให้ผมมั่นใจอีกครั้ง
ว่าอิโอริไม่ใช่คนที่จะรังแกคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล
ผมไม่คิดว่าเธอจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับนัตสึกิอีก
หลังจากปิดเทอมนี้
นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกอิโอริว่า
ผมกำลังสนิทกับมิไร
“แล้วอากิจะทำยังไง ถ้าได้ยินเหตุผลที่โทวะ
แกล้งเธอ?”
“จะทำยังไงงั้นเหรอ?”
อิโอริถอนหายใจอีกครั้งกับคำพูดของผม
จากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียง
ที่เหมือนล้อเลียนตัวเอง
ราวกับเหนื่อยหน่ายเต็มที
“รู้ใช่ไหมว่าโทวะมีข้อดีแค่ความน่ารักเท่านั้น?”
ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นนัก
จึงตอบไปแบบผ่านๆว่า “เอ่อ…”
พอเห็นแบบนั้น เธอก็ยิ้มขมขื่นก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าเทียบกับคนอย่างโทวะแล้ว
นัตสึกิ มิไรทั้งสวย ฉลาด
แถมยังเป็นสาวเมืองที่ดูทันสมัยอีกด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ
เธอคือโทวะเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบ
ก็เลยอิจฉา ก็เลยอยากแกล้งเธอ”
เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น… ผมคิดในใจ
แต่ในขณะเดียวกัน
ผมก็คิดว่ามันก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลนั้น
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ดีพอสำหรับการทำร้ายคนอื่น
โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่ยังไม่โตเต็มที่
ความอิจฉาเป็นเรื่องใหญ่และควบคุมได้ยาก
นอกจากนี้… ถึงอิโอริจะไม่ได้พูดออกมาเอง
แต่ผมรู้ว่านัตสึกิมักจะแสดงท่าทีที่ดูหยิ่งผยอง
และใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรง
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
นัตสึกิคงจะเคยพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง
แล้วการกลั่นแกล้งก็เริ่มต้นขึ้น
“แล้วไง อากิ จะทำอะไรล่ะเมื่อได้ยินเหตุผลนี้?”
“เหมือนที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมจะไม่ทำอะไร
แต่ถ้าอิโอริรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
และอยากจะขอโทษ…
ผมเองก็อยากจะขอโทษด้วย
ที่ตอนนั้นแค่ยืนดูเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย”
อิโอริ โทวะ จะต้องเสียใจกับการแกล้งนัตสึกิ
ในอนาคตอย่างแน่นอน
เพราะผมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ
เด็กผู้หญิงใจดีแบบนี้ต้องมาติดคุก
เพราะก่ออาชญากรรมได้ยังไงกัน?
มันคงเป็นเพราะเธอคิดว่าเธอมีส่วนรับผิดชอบ
ต่อการตายของนัตสึกิ
จนหมดหวังและถูกผู้ใหญ่ใจร้ายหลอกใช้
“แล้วอากิไปดีกับเธอได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
อิโอริก็ถามด้วยสายตาที่หลุบต่ำ
“มันเป็นแค่ความบังเอิญ
ผมแค่ยื่นมือไปหาเธอในตอนที่เธออยู่คนเดียว
และอ่อนแอ แล้วเธอก็ยอมเปิดใจให้ผม—
แค่นั้นแหละ ไม่มีเหตุผลอื่นเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
อิโอริอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น
บางทีเธออาจไม่พอใจ
ที่ผมได้รับการยอมรับง่าย ๆ เพียงแค่นั้น
แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา
“โทวะไม่คิดว่าโทวะอยากจะขอโทษหรอก
แต่ก็ไม่อยากแกล้งเธออีกแล้ว”
“ผมว่ามันก็ดีแล้วล่ะ
ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้
ในห้องเรียนที่มีนักเรียนเกิน 30 คน
มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะมีคนที่เราไม่ชอบอยู่
บ้างจริงไหม?”
อิโอริอาจจะรู้สึกเสียใจ
และรู้สึกผิดหากนัตสึกิตาย
แต่ครั้งนี้… ผมจะหยุดเธอไว้ให้ได้
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขความ
สัมพันธ์ของพวกเธอให้สมบูรณ์แบบ
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
อิโอริก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที
และเดินไปทางทางออก
“พอแล้ว! นี่เป็นเดทวันสุดท้ายของปิดเทอมฤดู
ร้อนนะ เราควรจะสนุกมากกว่านี้!”
“เธอพูดถูก ลืมเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไปเถอะ”
ผมพูดขณะเดินตามเธอไป
“ไม่มีทางที่จะลืมได้หรอก”
อิโอริพึมพำบางอย่างตอบกลับคำพูดของผม
ผมไม่รู้ว่าคำพูดนั้นแฝงความรู้สึกอะไรอยู่
แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
หลังจากนั้น
พวกเราก็เพลิดเพลินกับการเดินชมอควาเรียม
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น