เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 13 บทที่ 3 ตายไปพร้อมกัน ตายไปพร้อมกัน
- Home
- All Mangas
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 13 บทที่ 3 ตายไปพร้อมกัน ตายไปพร้อมกัน
ฤดูกาลผ่านไปเรื่อยๆ
ฤดูใบไม้ร่วง
ต้นไม้ที่ตายแล้วถูกประดับด้วยไฟประดับ
และประตูบ้านของผู้คนถูกตกแต่งด้วย
คาโดมัทสึ(ต้นสนประตู)
— เวลาผ่านไป และก่อนที่ผมจะรู้ตัว
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ผ่านไปแล้ว
ผมได้ทำการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ที่ผมเคยสอบติดในชีวิตที่ผ่านมา
ผมก็คงสอบติดอีกครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่ผมพูดคุยกับนัตสึกิคือในวันนั้น
วันแรกของงานเทศกาล
ตั้งแต่นั้นมา
นัตสึกิก็ไม่ได้ช่วยผมเรื่องการเรียนอีกเลย
เธอไม่เคยทักทายผมอีก
ไม่ว่าจะดีหรือแย่ ผมก็ไม่ได้คิดถึงเธอเลย
มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
เพราะผมไม่เคยพยายามที่จะสนิทกับเธอ
ผมมองที่วันที่บนหน้าจอมือถือของผม
วันนี้คือวันก่อนวันรับปริญญา
มันคือวันที่นัตสึกิ มิไร จะจบชีวิตของเธอ
ในชีวิตที่ผ่านมา
ผมกำลังรอการติดต่อจากเธอ
ผมจำคำพูดของเธอใต้ท้องฟ้าหลังฤดูฝนได้
[เมื่อไหร่ที่ฉันตัดสินใจที่จะตาย…
นายก็จะตายไปกับฉัน]
ผมได้สัญญากับเธอไว้จริงๆ
ถ้าเธอยังจำคำสัญญานั้นได้
ผมก็น่าจะได้ยินจากเธอเร็ว นี้
–นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ก็ไม่มีการติดต่อจากเธอเลย
เมื่อผมหันไปมองออกนอกหน้าต่าง
ตอนนี้มันมืดแล้ว และกลางคืนก็มาถึง
เธอไม่ติดต่อมา
ผมวางคำพูดสุดท้ายที่เขียนถึงพ่อแม่ลงบนโต๊ะ
–แล้วออกจากห้องไป
…
โรงเรียนในตอนกลางคืน
มันหนาวกว่าที่ผมคาดไว้
ผมปรับปกเสื้อโค้ทแล้วเดินขึ้นบันได
จนกระทั่งผมมาถึงประตูดาดฟ้า
และใช่… ประตูไม่ได้ถูกล็อค
ผมเปิดประตูออก
และที่ตรงนั่น…
เธออยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ
นัตสึกิ มิไร ยืนอยู่ตรงนั้น
ร่างของเธอดูคลุมเครือเหมือนภาพหลอน
เมื่อเธอเห็นประตูดาดฟ้าเปิดออกจึงหันมามอง
“มาทำไม?”
นัตสึกิถามผมด้วยความตกใจ
และมีความดีใจแฝงอยู่
“ก็สัญญากันไว้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
ใบหน้าของนัตสึกิก็ผ่อนคลายลง
เหมือนเธอเข้าใจ
“เข้าใจแล้ว”
เธอกระซิบ
การที่ผมมาที่นี่คงจะดูน่าสงสัยสำหรับเธอ
แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอ
ที่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะตาย
ผมปีนข้ามราวเหล็กแล้วยืนข้างๆ เธอ
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผมเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงาม
และดวงดาวระยิบระยับ
เมื่อมองลงไป
ผมเห็นความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหุบเหว
ที่เปิดปากรอ
“ทำไมไม่ติดต่อมา?”
ผมถามไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหงุดหงิด
“ก็เพราะว่า… นายต่างจากฉัน
นายมีคนที่ต้องการนายอยู่แล้ว”
นัตสึกิตอบ
“นั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่คิดจะให้นายตาย
ไปกับฉัน”
ผมคิดว่าคำพูดของนัตสึกิมาจากใจจริงของเธอ
อย่างที่เธอพูด
แม้สถานการณ์ตอนนี้มันเจ็บปวดถึงขนาดนั้น
เธอก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้น
ขนาดที่จะพาคนอื่นตายไปกับตัวเอง
“ทำไมนายถึงอยากตายไปกับฉันล่ะ?
–โคมะเอะ โคโยอิ และอิโอริ โทวะ
รวมทั้งคนในห้องของเราก็รู้สึกแบบเดียวกัน”
“มีคนอีกมากที่ต้องการนาย”
เมื่อได้ฟังคำพูดของนัตสึกิ
ผมก็ตระหนักว่า
เธอยังคงมีภาพลวงตาเกี่ยวกับผมอยู่
แต่สำหรับผมแล้ว
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เธอคาดหวังแบบนั้น
“เรื่องแบบนั้น… มันไม่สำคัญหรอก”
ความสิ้นหวังที่ผมเก็บไว้ในใจ
ไหลออกมาจากปากผม
“ผมเคยคิดว่าผมสามารถรักใครสักคนได้”
ความทรงจำจากชีวิตก่อนของผม
ทำให้ร่างกายวัย 18 ปีของผม
รู้สึกถึงความรู้สึกนั้น
โดยไม่สนใจนัตสึกิที่มองมาด้วยความตกใจ
ผมพูดต่อไป
“ผมรักโคโยอิมานาน
ผมพยายามอย่างหนักเพื่อเธอ
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถก้าวข้ามขั้นสุดท้ายไปได้
และเสียใจมาตลาด
ผมเคยคิดว่าแม้กับใครสักคนที่ไม่ใช่โคโยอิ
ผมก็ยังสามารถคาดหวัง
ที่จะเติบโตความรักใหม่ๆ
และมีความสุขได้”
–เมื่อหวนคิดถึงความทุกข์ในอดีต
ผมก็กำหมัดแน่นขึ้น
“แต่ผมทำไม่ได้”
ไม่ว่าจะสวยแค่ไหน
ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหน
ไม่ว่าจะจริงใจแค่ไหน
ไม่ว่าจะหลงใหลแค่ไหน–
“แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์จนทำให้ทุก
คนอิจฉาก็ตาม
คำว่ารักที่ผมกระซิบไปนั้น
กลับว่างเปล่าจนไร้ค่า”
–ทั้งชีวิตของผม ผมคิดว่า
ความเสียใจที่ไม่สามารถบอกโคโยอิได้
ว่าผมรู้สึกยังไง
มันได้ทิ้งหลุมใหญ่ในหัวใจของผม
และไม่มีใครสามารถเติมเต็มมันได้
สำหรับนัตสึกิที่ไม่รู้ว่านี้คือชีวิตที่สองของผม
คำพูดเหล่านี้คงไม่มีความหมายสำหรับเธอ
“ดังนั้น ผมดีใจที่ได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่
แม้ว่าเธอจะปฏิเสธผม ผมก็ไม่สน
ผมไม่มีอะไรค้างคาแล้ว
และพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ”
[นายชอบฉันเหรอ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ทำไมฉัน
ต้องไปเดตกับนายด้วย?]
ผมถูกโคโยอิปฏิเสธ แต่ผมก็ยังรู้สึกพอใจ
ผมไม่มีความเสียใจ
ไม่มีความค้างคา
ไม่มีความหมายที่จะมีชีวิตอีกแล้ว
ผมคิดว่าผมสามารถตายทุกเมื่อ
ดังนั้น ผมจึงบอกนัตสึกิบนดาดฟ้าว่า
[เมื่อเลือกที่จะตายเมื่อไหร่
เมื่อนั้นผมจะตายไปกับเธอเอง]
แต่แล้ว–
“แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของโคโยอิ
เมื่อเธอบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเธอให้ผมฟัง
แม้ว่าหัวใจของผมจะเต้นแรง
ผมก็รู้ว่าหัวใจของผมไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว
ตอนนั้นแหละที่ผมตระหนักถึงมัน”
ในวันแรกของวันหยุดฤดูร้อน
[อากิระ ถ้าเป็นนาย… ฉันชอบ… ฉันชอบนาย]
ถึงแม้ว่าโคโยอิที่ผมรักมานาน
จะบอกความรู้สึกของเธอที่มีให้ผม
แม้ว่าผมจะคิดว่าความขี้อายของเธอน่ารัก
และร่างกายวัย 18 ปีของผมเต้นแรงด้วยความ
ตื่นเต้น
–แต่ความทรงจำและหัวใจขอผมในวัย 28 ปี….
ไม่เคยรักเธอ
มันก็เป็นเช่นเดียวกับอิโอริ โทวะ
กับนัตสึกิ มิไร ก็เหมือนกัน
ทุกคำพูดที่ผมเคยพูดกับพวกเขา
ผมไม่สามารถคิดถึงอนาคตกับใครได้
มันคือคำพูดที่หลอกลวงและว่างเปล่า
เหมือนที่ผมเคยกระซิบ
ให้กับคนที่ผมพยายามจะรัก
“ในที่สุด… ผมไม่อยากยอมรับว่าแท้จริงแล้ว
ผมเป็นคนว่างเปล่าที่ไม่สามารถรักใครได้
ผมพยายามหลีกเลี่ยงความคิดนั้น
โดยการโทษตัวเองว่า
เป็นความเสียใจที่ไม่ได้บอกโคโยอิ
ว่าผมรู้สึกยังไง”
ผมบีบอกของตัวเอง
มันมีหลุมใหญ่ที่มองไม่เห็นด้วยตา
อยู่ตรงพรมแดนระหว่างจิตใจและร่างกาย
“ถึงแม้ว่าผมจะเรียนหนัก เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ
ได้งานดีๆ และได้รับการยกย่องในแง่ของสังคม
ถึงแม้ว่าผมจะทำเงินได้จำนวนมหาศาล
และมีผู้หญิงสวยๆ
อยู่ในชีวิตมากมายจนทุกคนอิจฉา..
หัวใจของผมไม่มีวันพอ
มันจะเหี่ยวเฉาจากความหิวกระหายความรัก”
ยิ่งเวลาผ่านไป
ความทรงจำของคนที่อายุ 28 ปี
ก็ยิ่งฝังลงในร่างกายวัยรุ่นนี้
แต่ร่างกายของผม
ไม่สามารถตามทันความทรงจำได้
ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น
หัวใจของผมที่ถูกบังคับ
ให้เข้าไปในภาชนะที่ไม่สมบูรณ์นี้
มันก็กรีดร้องออกมา
ความผูกพันกับชีวิตจางหายไป
และโหยหาความตาย
“ชีวิตแบบนั้นมันไร้ค่า”
ผมมองไปที่นัตสึกิ
เธอมองมาที่ผมโดยไม่พูดอะไร
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก
“นั่นแหละ ทุกอย่างมันไม่สำคัญหรอก
ถึงแม้จะมีใครที่ต้องการผม
ผมก็ไม่สามารถให้สิ่งใดกับใครได้
หัวใจของผมมันขาดอะไรบางอย่างไปตั้งแต่ต้น
ผมไม่มีทางจะมีความสุขได้
และก็ไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้
ผมไม่อาจทนที่จะเผชิญหน้า
กับความน่าเกลียดในตัวเองอีกต่อไป
แต่ถึงอย่างนั้น
— ผมก็ไม่มีความกล้าที่จะตายไปคนเดียว”
ผมแน่ใจว่าใบหน้าของผมตอนนี้
คงบิดเบี้ยวอย่างขมขื่น
และมันคงดูไม่ได้แน่ๆ
“ผมจะไม่ถามหรอก
ว่าทำไมนัตสึกิถึงอยากจะตาย…
ผมไม่อยากฟังด้วยซ้ำ
ถึงแม้ผมจะรู้สึกเสียใจ
และไม่อยากให้เธอตาย
แต่ยังไงสำหรับตัวผมเอง
ผมอยากให้เธอตายไปกับผม”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
นัตสึกิยิ้มเยาะออกมา
และมองมาที่ผมจากมุมลึกสุดของหัวใจ
“คืนสุดท้ายของชีวิตฉัน
ถูกบอกให้ฟังบทกวีที่น่ารังเกียจ
และบิดเบี้ยวแบบนี้…
ฉันอาจจะเป็นคนที่
โชคร้ายที่สุดในโลกตอนนี้ก็ได้”
เสียงของเธอสั่นไหวไปด้วยความโกรธ
ดูเหมือนเธอจะผิดหวังกับคำพูดของผม
ที่มันเกินความคาดหวังของเธอไปมาก
“ขอโทษนะ”
“ฉันคิดว่าฉันชอบนาย แต่ฉันคงเข้าใจผิด…
ฉันแค่รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับคนที่ต่ำกว่าฉัน
ก็แค่นั้น”
นัตสึกิพูดด้วยเสียงที่แสดงความไม่สบายใจ
อย่างชัดเจน
คำพูดของเธอทำให้ผมเจ็บปวด
ความสัมพันธ์ของผมกับนัตสึกิ
เป็นความสัมพันธ์ที่ดี
บางทีเราอาจจะรู้สึกถึง
ความเป็นไปได้ที่จะเข้าใจกัน
ใกล้ชิดกัน และยอมรับกัน แต่—
มันไม่มีอนาคตอย่างนั้นหรอก—
ผมบอกตัวเอง
“นัตสึกิ!”
เธอตอบกลับมาด้วยเสียงเศร้า
[อะไร?]
“ผมต้องการคุณ”
ผมยื่นมือไปหานั้นเธอ
ถึงแม้จะไม่มีใครต้องการนัตสึกิ
ตอนนี้ ผมเอง ไม่ใช่ใครอื่น—
นัตสึกิ มิไร
ผมอยากให้มิไรตายไปพร้อมกับผม
[นัตสึกิ มิไร
ผมอยากมีอนาคตที่เราจะไปตายด้วยกัน]
“แย่ที่สุด”
เธอพูดคำหนึ่งออกมา
แต่ทว่า สีหน้าของเธอกลับเยือกเย็น
มือของเธอจับมือผมเบาๆ
ขณะที่ผมยื่นไปให้เธอ
นัตสึกิและผมมองตากัน
เรายิ้มให้กันอย่างเงียบๆ
ก่อนที่เราจะก้าวไปข้างหน้า
ความรู้สึกที่เหมือนร่างกายกำลังล่องลอย
ขณะที่เรากำลังตกลงไป
ภายใต้อำนาจของแรงโน้มถ่วง
ใจของผมเต็มไปด้วยความสุข
เมื่อคิดถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่ง
แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่
ในขณะที่ผมตกลงสู่พื้น
ผมรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นนัตสึกิ
น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงจากแก้มของเธอ
ผมได้ตระหนักในทันที
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ว่าผมคือขยะ ที่สุดของขยะ
ผู้ชายที่ไม่ได้คิดที่จะช่วยเหลือ
แม้เด็กสาวผู้ไร้เดียงสาร้องไห้อยู่ตรงหน้า
แต่กลับผลักไสเธอไปเหมือนกับคนอื่นๆ
ทำไมไม่มีใครเช็ดน้ำตาที่ไหลของเธอเลย?
บางที
อาจจะมีอนาคต
ที่ผมสามารถหยุดน้ำตาของเธอได้
ผมตระหนักในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่า
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว—
เมื่อเห็นเธอแบบนี้
ผมรู้สึกเสียใจจนแทบจะร้องออกมา
แต่ความคิดของผมหยุดชะงัก
เมื่อผมสัมผัสกับพื้น
ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างทนไม่ไหว
ร่างกายของผมฉีกเป็นชิ้นๆ
โดยไม่สามารถร้องเสียงออกมาในความสิ้นหวัง
และจิตสำนึกของผมก็หายไป