เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 1 การกลับมาพบกัน
ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่ผมสารภาพรักกับเพื่อนสมัยเด็กชื่อโคโยอิและถูกปฏิเสธ
หลังเลิกเรียน ผมมองเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
และผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับเสียงรบกวนเหล่านั้น…
มีบางคนเคยบอกว่าตอนที่เรากำลังจะตาย
ความทรงจำเก่าๆจะย้อนกลับมาให้เห็น
เขาเรียกมันว่า “การย้อนความทรงจำ” (Flashback)
แต่น่าเสียดายที่ผมซึ่งคิดว่าตัวเองตายไปในโลกเดิม
กลับไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นเลย
โลกนี้ในตอนนี้มันช่างมีความรู้สึกสมจริงเหลือเกิน
ทุกสิ่งที่ผมเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู และสัมผัสด้วยผิวหนัง
มันชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าอย่างนั้น ถ้านี่ไม่ใช่โลกของความทรงจำ
แล้วอะไรคือปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับผม
ที่เป็นผู้ชายอายุเกือบ 30 ปี แต่กลับมาเป็นนักเรียนมัธยมอีกครั้ง?
บางที–มันก็คงเป็นอะไรแบบ [การข้ามเวลา]
ผมยังไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร
หรือเหตุใดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับผม
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ผมไม่เคยมีความเสียใจใหญ่ๆ ในชีวิตเลย
ความเสียใจเดียวของผมคือไม่สามารถบอกความรู้สึกกับโคโยอิได้
และตอนนี้ที่ผมก็ได้ปล่อยวางเรื่องนั้นไปแล้ว
การเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นนักเรียนมัธยมอีกครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผม
แถมในครั้งนี้
ชีวิตมัธยมของผมกลับมีความอับอายที่ผมไม่มีในชีวิตมัธยมที่ผ่านมา
“นายยังเศร้าอยู่เหรอ? ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ!”
“ชะ ใช่ๆ มีสาวๆ อีกเยอะแยะในโลกนี้ นอกจากโคโยอิ เพื่อนสมัยเด็กของนาย”
“แล้วถ้านายไปสารภาพรักแบบนั้นอีกครั้งรับรอง”
“ไม่มีสาวคนไหนจะกล้าปฏิเสธนายหรอก!”
เพื่อนร่วมชั้นของผม
พวกเขาดูเป็นห่วงก็จริงแหละแต่ก็ยังมีรอยยิ้มบางๆ และแกล้งผมไปในตัว
ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่ามันเป็นแค่ภาพความทรงจำในอดีต
เลยสารภาพรักกับโคโยอิในห้องเรียน
ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นโดยไม่ได้คิดถึงเวลาและสถานที่เลย
ด้วยเหตุนี้
ผมก็ถูกเรียกไปที่ห้องพักครูและถูกสั่งให้เขียนจดหมายขอโทษ
พร้อมทั้งได้รับคำตักเตือน
แต่สาเหตุที่ผมไม่ได้ถูกลงโทษสถานหนักอาจเป็นเพราะถูกปฏิเสธไป
ครูคงจะรู้สึกสงสารผมนั้นแหละ
ตอนนี้ผมอยู่ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้จากเพื่อนร่วมชั้น
และพวกเขาก็แกล้งผมเรื่องการถูกปฏิเสธจากโคโยอิ ต่อให้พวกผู้ชายจากห้องอื่นๆ
ที่ผมไม่เคยคุยด้วยมาก่อนก็เริ่มมาล้อผมบ้าง –
ผมรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็มันแค่การแกล้งกันตามกระแสจากพวกเด็กบ้านนอก
เดี๋ยวคงเบื่อไปเองในไม่ช้า
และผมรู้ดีว่าการหงุดหงิดไปมากกว่านี้มันแค่ทำให้ผมเหนื่อยเปล่าๆ
ภาคเรียนแรกใกล้จะจบแล้ว ส่วนใหญ่พวกเราจะตั้งใจเรียน
เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีสาม
และในภาคเรียนสอง การสารภาพรักของผมจะหายไปจากความคิดของพวกเขา
ถึงแม้ว่าผมจะรู้แบบนั้นในใจ… แต่ผมก็ไม่สามารถหยุดความหงุดหงิดในตัวเองได้
ผมลุกจากที่นั่งไปเงียบๆ อยากจะกลับบ้านเร็วๆ
แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามีคนมากมายจะเข้ามาพูดคุยหรือแกล้งผมระหว่างทางกลับ
ผมคงต้องรอให้พวกเขากลับไปก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
ผมทิ้งกระเป๋าไว้และตัดสินใจออกจากห้องเรียนในทันที
แต่โชคร้ายที่ผมกลับไปชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเรียน
“ขอโทษครับ” ผมขอโทษหญิงสาวที่ชนผมและถอยหลังออกไป
“ขอโทษเหมือนกันค่ะ! อ๊ะ… อากิระ…” ผู้หญิงที่ผมชนเข้าไปก็คือโคโยอิ นั่นเอง
เธอมองมาที่ผมและเรียกชื่อผมด้วยท่าทางอึดอัด
ผมได้ใช้โอกาสนี้สารภาพความรู้สึกกับเธอไปแล้ว
และผมก็ไม่ได้เสียใจกับการกระทำของผมก็จริง
แต่ในใจมันก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่
ผมจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสายตาของเธอและเริ่มเดินไปตามทางเดิน
โคโยอิเรียกผมอีกครั้งจากข้างหลัง แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบและเดินขึ้นบันไดไป
ผมเดินขึ้นบันไดและมาถึงประตูที่นำไปสู่ดาดฟ้า
ประตูดาดฟ้าจะถูกล็อคตลอดเวลาเป็นปกติอยู่แล้ว
นักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะขึ้นมาที่นี่ด้วย
แม้กระทั้งตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครตามปกติ
ผมตัดสินใจจะอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนจะเอนตัวพิงราวบันได
เพื่อพอจะฆ่าเวลา
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือเก่าของผมที่ทำให้รู้สึกชวนคิดถึงออกมาจากกระเป๋า
ขณะที่เสียงฝนตกหนักดังเข้ามาจากประตูดาดฟ้า
เสียงฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้ผมรู้สึกหดหู่
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ผมย้อนเวลากลับมาในอดีต ยังไม่เคยมีวันที่แดดออกเลยซักวัน
ผมรู้แหละว่ามันเป็นฤดูฝน แต่การฝนตกต่อเนื่องแบบนี้มันช่างชวนให้รู้สึกหดหู่สุดๆ
ผมเผลอเหลือบตามองไปที่ประตู และตอนนั้นเองผมก็สังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกไป
กุญแจล็อคที่ปกติจะใช้ล็อคประตูนั้นหายไป และประตูก็เปิดอยู่
ผมสงสัยว่ามีใครอยู่บนดาดฟ้าหรือเปล่า… ด้วยความอยากรู้ ผมค่อยๆ เปิดประตูออก
แม้ว่าทัศนวิสัยจะไม่ดีเท่าไหร่จากฝนที่ตกหนัก ผมก็เห็นนักเรียนคนหนึ่งบนดาดฟ้า
เธอสวมชุดนักเรียนหญิง แต่ผมไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้จากด้านหลัง
ผมสงสัยว่าเธอเป็นใครและทำไมถึงขึ้นมาที่ดาดฟ้า
แต่เอาเถอะ ผมไม่อยากเดินฝ่าฝนโดยที่ไม่มีร่ม…
ผมพยายามจะปิดประตูกลับไปเหมือนไม่ได้เห็นอะไร
แต่…
ก่อนที่ประตูจะปิด ผมเห็นบางอย่างที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ
นักเรียนหญิงคนนั้นปีนข้ามราวบันได…
ทันใดนั้น ความรู้สึกแย่ๆ ก็เต็มไปหมดในหัวของผม
ถ้าเธอกระโดดลงไปจริงล่ะ ผมจะรู้สึกแย่มากเลย
ถ้าเกิดผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมจึงเปิดประตูออกอีกครั้งและรีบเดินไปข้างหลังเธอ
ตัวผมเปียกโชกไปหมด
แต่ฝนกลับกลายเป็นโชคดีในที่นี้เพราะทำให้ผมเดินไปข้างหลังเธอโดยที่เธอ
ไม่ทันสังเกต
ผมจึงค่อยๆ วางมือบนไหล่ของเธออย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เธอตกใจ
ในตอนนั้นเอง ผมก็นึกขึ้นได้ ในความทรงจำของผม
ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนักเรียนคนไหนกระโดดจากหลังคาโรงเรียนก่อนวันหยุดฤดูร้อนเลย
สาวคนนี้อย่างน้อยวันนี้คงจะไม่กระโดดไปแน่ ผมรู้สึกโล่งใจในใจ แต่—
” …มือของนาย เอาออกไป”
เธอหันหน้ามามองผม และทันใดนั้น ความทรงจำของผมในอดีตก็กลับมา
สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียด
บ่งบอกถึงความรำคาญอะไรซักอย่างและสิ่งนั้นไม่ได้มาจากเส้นผมที่
เปียกแนบติดอยู่บนใบหน้าของเธอ
“…นัตสึกิ มิไร”
ผมพึมพำชื่อของเธอออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอเป็นสาวที่ย้ายมาจากโรงเรียนมัธยมในโตเกียวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีที่สองของเรา
เธอเป็นสาวเมืองที่ดูมีความซับซ้อน บริสุทธิ์ สวยงาม และเรียนเก่ง
เธอยังเคยถูกเรียกว่าสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนนี้
แต่ผมมั่นใจว่าคำชมเหล่านั้นคงไม่มีความหมายอะไรกับเธอเลย
“เฮ้…เอามือออกไปเดี๋ยวนี้”
เธอกล่าวกับผมอีกครั้ง แต่ผมกลับไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยมือของตัวเองหรือไม่
เพราะในอนาคตที่ผมรู้จัก ก่อนที่เธอจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้—
เธอคนนี้จะจบชีวิตลงด้วยตัวเธอเอง
TLN: ผลงานแรกและน่าจะผลงานเดียว(มั้ง) ยังไม่ชินกับการจัดหน้ากระดาษเท่าไหร่
ติชมกันได้นะครับ