เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 0 อารัมภบท
“นายชอบฉันเหรอ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ทำไมฉันต้องไปเดตกับนายด้วย?”
เพื่อนสมัยเด็กของผม โคมาเอะ โคโยอิ พูดพลางหัวเราะออกมา
คำสารภาพรักครั้งเดียวในชีวิตของผมจึงจบลงด้วยความล้มเหลว
แต่ผมก็ไม่รู้สึกเสียใจอะไร
จริงๆ แล้ว ผมกลับรู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำที่ได้พูดความในใจให้เธอฟังตรงๆ
ขณะที่ผมจ้องตาของเธออยู่ ผมก็เริ่มนึกถึงความทรงจำต่างๆ ของตัวเอง
—ผม, เก็นโนะ อากิระ อายุ 28 ปี โสด
และใช่
ผมควรจะตายไปแล้วในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
…เหตุผลที่ผมยังมีสติอยู่ทั้งที่ตายไปแล้วคงเป็นเพราะผมกำลังเห็นความทรงจำต่างๆ
วนกลับมาในช่วงเวลาที่ผมกำลังจะตาย…
ผมมีสิ่งหนึ่งที่เคยอยากทำมาตลอด
ผมแอบชอบเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งมานาน แต่ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่เคยบอกเธอ
เกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง
คงเป็นความเสียใจที่ฝังอยู่ลึกในใจนี่แหละที่ทำให้ผมได้มีโอกาสบอกเธอ
เกี่ยวกับความรู้สึกหลังจากที่ผมตายไป
เพราะ…
แม้ว่าผมจะสารภาพความรู้สึกไป และมันจะจบลงด้วยการที่ถูกเธอปฏิเสธ
สำหรับผม โอกาสที่อัศจรรย์แบบนี้ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง
ผมหยุดคิดและมองไปที่โคโยอิ
ผมเห็นเธอในชุดนักเรียนฤดูร้อนที่ขาวสะอาด
ทรงผมสั้นสีดำของเธอสะท้อนแสงกับผิวขาวเนียน
เธอเป็นสาวสวยที่แม้ไม่ต้องแต่งหน้า แต่ก็ยังดึงดูดสายตาของทุกคนที่มอง
เพื่อนสมัยเด็กคนแรกของผมกลับมาปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง ดั่งที่เคยเป็น
การได้เห็นเธอในแบบที่ผมจำได้ ผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง
แต่เป็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกับภาพความทรงจำในอดีตของผมแน่ ๆ
“ผมรักคุณมาตลอด… ตลอดชีวิตของผม ผมไม่สามารถลืมคุณได้เลย
นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมอยากให้คุณเป็นแฟนของผม”
ผมยืนอยู่ข้างหน้าเธอและสารภาพความรู้สึกไป
–ผลลัพธ์มันก็อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้น, เลวร้ายสุดๆ
–อย่างน้อยๆก็ให้สมหวังหน่อยเถอะ…
ผมบ่นในใจเล็กน้อยกับพระเจ้าที่ให้โอกาสอัศจรรย์นี้แก่ผม…
แต่ก็ดีใจที่ได้บอกความในใจกับเธอ
เธอปฏิเสธคำสารภาพของผม, แต่ผมก็ยังคงรู้สึกพอใจ
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ โคโยอิ หวังว่าเธอจะมีความสุขนะ…”
โคโยอิ มองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่สับสน
ผมคิดว่าการตอบสนองแบบนี้มันคงเป็นเรื่องปกติจากมุมมองของเธอ
แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายรายละเอียดของสถานการณ์
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องอยู่ในโลกที่เหมือนความฝันนี้อีกแล้ว
ก็ในเมื่อผมไม่เหลืออะไรค้างคาในใจอีกแล้ว
…อีกไม่นานนี้ สติของผมก็คงจะค่อยๆ เลือนหายไป
ผมยิ้มออกมา
มันเป็นชีวิตที่สั้นมาก แต่ผมจะจากไปโดยไม่มีความเสียใจ
ผมไม่มีอะไรค้างคาในใจแล้ว
และจากนั้นผมจะรอจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย
ผมขอบคุณพระเจ้าที่ให้เวลาที่เหมือนความฝันนี้แก่ผม—
ยังไงก็ตาม…
ผมเพิ่งตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่ภาพความทรงจำในอดีตอะไรทั้งนั้น
แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นจริงๆ และผมก็ได้แต่สาปส่งเทพเจ้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
นี่คือเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้—