เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 571 คิดบัญชีย้อนหลัง (7)ตอนที่ 572 ซู่อีที่ตะลึง (1)
- Home
- All Mangas
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 571 คิดบัญชีย้อนหลัง (7)ตอนที่ 572 ซู่อีที่ตะลึง (1)
ตอนที่ 571 คิดบัญชีย้อนหลัง (7)
ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีแล้ว!
“เจ้าทำอะไร?” หลิ่วฟู่ยงขมับเต้นตุบๆ รีบเข้าไปจับมือหลิ่วฮูหยินช่วยถานซวงซวงออกมาจากมือนางคิ้วขมวด “เจ้าทำเช่นนี้หากแพร่ออกไป ต่อไปข้าอย่าหวังจะได้อยู่ในเมืองหลวงอีกเลย เจ้าคิดว่าตระกูลหลิ่วของเราในตอนนี้ยังอนาถไม่พอหรือ?”
“ข้า…” หลิ่วฮูหยินหน้าซีดขาว “ถ้าไม่ใช่เพราะนังสารเลวถานซวงซวง เฟิงหรูชิงก็ยังเป็นลูกสะใภ้ของข้า!”
“พอแล้ว ฝ่าบาทกับฮองเฮาล้วนรังเกียจตระกูลหลิ่วของพวกเราเพียงนี้ พวกเราอย่าได้ฝันอีกเลย”
เมื่อก่อนเขายังเป็นเสนาบดีก็ยังฝันต่อได้
ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น องค์หญิงจะยังเป็นสะใภ้ตระกูลหลิ่วได้อย่างไร…
“มีเวลายังไม่รีบไปตามอวี้เฉินกลับมาอีก เขาไม่กลับบ้านเช้าจรดค่ำนี่มันใช้ได้ที่ไหน!” หลิ่วฟู่ยงขมวดคิ้ว
ตั้งแต่วันนั้น หลังจากเขาห้ามหลิ่วอวี้เฉินไปสู้รบกับสี่แคว้น ลูกชายคนนี้ก็ไม่เคยพูดกับเขาเลยแม้แต่ประโยคเดียว แล้วยังไปแล้วไปลับแม้แต่บ้านก็ไม่กลับ
ตอนนี้เขานึกเสียใจแล้ว!
หากรู้แต่แรกว่าทหารสี่แคว้นจะล่มสลาย เช่นนั้นเขาจะไม่ห้ามหลิ่วอวี้เฉินเลย…
หลิ่วฮูหยินเหมือนก้างปลาติดคอ[1] ไม่กล้าข่มเหงถานซวงซวงอีกรีบเดินออกไปด้านนอก
ถานซวงซวงก้มหน้าตั้งแต่ต้นไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย หน้าผากมีรอยเลือดแก้มบวมแดงเป็นแถบ
เห็นท่าทางน่าอนาถเช่นนี้ของนางแล้วหลิ่วฟู่ยงก็อดที่จะสงสารไม่ได้ “เจ้าไม่ต้องไปสนใจแม่สามีบ้านั่น รีบไปรักษาแผลจะได้ไม่เป็นแผลเป็น”
สีหน้าถานซวงซวงซีดเผือด นางพยักหน้าเบาๆ หันหลังจากไปไม่พูดไม่จา
หลิ่วฟู่ยงมองไปยังทิศที่นางทางจากไปแล้วถอนหายใจ “ถานซวงซวงเคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในแคว้นหลิวอวิ๋น ตอนนี้…กลับเปลี่ยนเป็นน่าอเนจอนาถเช่นนี้ เดิมข้าก็แค้นนางทว่านางน่าอนาถสงสารถึงเพียงนี้แล้วก็แค้นไม่ลง…”
ยิ่งกว่านั้น แม้ถานซวงซวงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังงามจนทำให้คนสงสาร ไม่มีใคร…โกรธนางลง
…
หลิ่วฮูหยินเพิ่งเดินออกมาไม่นานก็ถูกเสียงที่ไม่คุ้นเคยฉุดรั้งเอาไว้
เสียงของหญิงสาวไพเราะดุจนกฮวงอิง[2] และยังบริสุทธิ์สง่างามทำให้คนยากที่จะลืมเลือน
“ขอถามจะไปวังหลวงได้อย่างไร?”
ความจริงแล้วซู่อีนั้นโชคดีจริงๆ
ครั้งแรกตอนที่นางถามทางก็ถามกับจื่อเยียน
ครั้งสุดท้ายนี้ก็ถามหลิ่วฮูหยิน
ทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่เกี่ยวพันกับเฟิงหรูชิง
แล้วยังเป็นคนที่อารมณ์ไม่ดีสุดๆ
หลิ่วฮูหยินเดิมไม่อยากสนใจซู่อีแต่หลังจากได้ยินคำพูดของนางก็ชะงักไป เงยหน้าขึ้นมองซู่อี
หลายปีมานี้เพราะน่าหลานฮองเฮาไม่อยู่ ดังนั้นถานซวงซวงจึงเป็นหญิงสาวอันดับหนึ่งของแคว้นหลิวอวิ๋น
ต่อมาเฟิงหรูชิงกลับผอมลง งามจนผู้คนตกตะลึง
ตอนนี้…หญิงตรงหน้าผู้นี้ถานซวงซวงก็มิอาจเทียบได้
ตั้งแต่เมื่อใดกัน…ที่แคว้นหลิวอวิ๋นมีคนงามปรากฏขึ้นมากมายเช่นนี้?
ทว่าหลิ่วฮูหยินรังเกียจคนงามมาโดยตลอด แล้วยิ่งนางต้องการที่จะไปวังหลวง
ไปวังหลวงทำอะไร? เกรงว่าไม่มีใครไม่รู้!
“นางชั่วคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองงดงาม คิดว่าอาศัยหน้าตาของเจ้าจะสามารถดึงดูดฮ่องเต้ได้ พระองค์ทรงมีรักแน่นแฟ้นต่อน่าหลานฮองเฮา เจ้ามีสิทธิ์อะไรคิดว่าจะมีโอกาสเข้าวังไปเป็นสนมได้? ชีวิตนี้ที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือหญิงที่คิดเพ้อฝันอยากจะแทรกแซงผู้อื่นเช่นเจ้า! แต่ละคนล้วนแต่เป็นจิ้งจอกทั้งนั้น น่าคลื่นไส้! สารเลว!”
หลิ่วฮูหยินระบายความโกรธทั้งหมดใส่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง
อย่างไรนี่ก็เป็นถนนใหญ่! หลายคนหลายปาก!
คำพูดเหล่านี้ของนางหากถูกองค์หญิงรู้เข้า บางทีอาจจะมองตระกูลหลิ่วเสียใหม่ หรืออาจให้โอกาสอวี้เฉิน…
หลิ่วฮูหยินได้ใจยิ่งนัก นึกว่าตนเองฉลาดหลักแหลม!
………………
ตอนที่ 572 ซู่อีที่ตะลึง (1)
ซู่อีตกตะลึง
ชีวิตนี้นางเจอคนมาน้อยนัก กลับไม่มีผู้ใด…เหมือนหญิงตรงหน้านี่ ราวกับหญิงปากร้าย แม้นางจะมีการศึกษาดีเพียงใดก็ยากที่จะทนได้ หากคนตรงหน้าไม่ได้เป็นเพียงหญิงธรรมดาคนหนึ่ง เกรงว่านางคงยับยั้งความคิดที่จะลงมือเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ข้าไม่เคยโต้เถียงกับคนบ้า” ซู่อีแบมือหันหลังจะเดินออกไป
ในตอนนี้เองก็มีเสียงดังปึ้งมาจากด้านหน้า ตอนที่หลิ่วฮูหยินหันไปมองก็เห็นเฟิงหรูชิงนำเหล่าสัตว์วิเศษกรูเข้ามา แววตานางเป็นประกายรีบก้าวออกไปข้างหน้าตรงไปทางเฟิงหรูชิง
…
บนถนน
ชาวบ้านมากมายเข้ามามุงล้อมทั่วทุกทิศ ท่าทีของพวกเขามีความยินดีมองหญิงงามที่ขี่อยู่บนหลังหมาป่าสีขาวด้วยสายตาเคารพชื่นชม เพราะว่านั่น…คือองค์หญิงของพวกเขา
นางในเมื่อก่อนชื่อเสียงฉาวโฉ่วเพียงใด นางในตอนนี้ก็ได้ใจผู้คนมากเท่านั้น!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่รู้ว่าทุกสิ่งที่เฟิงหรูชิงทำไปล้วนมีหลิวหรงแม่ลูกเป็นคนชี้นำ ใจเหล่าประชาชนแคว้นหลิวอวิ๋นก็โกรธแค้นถึงขีดสุด
น่าหลานฮองเฮาปกป้องบ้านเมือง เสียเหงื่อไม่รู้เท่าไหร่จึงจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ได้ วีรชนเช่นนี้ ลูกสาวของนางจะแปลกแยกจนถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นเพราะหลิวหรง!
หลิวหรงทนไม่ยอมทนกับความเหงา ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง[3] ตระกูลหลิวก่อกบฏ ทั้งยังจงใจสอนองค์หญิงให้ไม่รู้จักญาติพี่น้อง ไม่แยกแยะดีชั่ว!
คนเช่นนี้โทษตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่พอ!
พวกเขาเกียจชังหลิวหรงมากเพียงใดก็เคารพเฟิงหรูชิงมากเพียงนั้น
ในตอนที่พวกเขากำลังมองเฟิงหรูชิงด้วยความเคารพอยู่นี้ ร่างร่างหนึ่งก็วิ่งออกมาจากถนนตรงหน้า ราวกับเงามาอยู่ตรงหน้าเฟิงหรูชิง
อุ้งเท้าหมาป่าสีขาวหยุดไม่ทันถีบเข้าไปหนึ่งทีเกิดเป็นเสียงร้องอย่างอนาถขึ้นฉับพลัน และยังทำให้ซู่อีที่อยู่ไม่ไกลหันกลับมามอง…
“องค์หญิง” หลิ่วฮูหยินหน้าซีดขาวยังฝืนยิ้มออกมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลองค์หญิง”
เฟิงหรูชิงลูบปลายคางก้มหน้าลงมองหลิ่วฮูหยินที่นั่งอยู่กับพื้นแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ฮูหยินท่านนี้ข้ารู้จักกับท่านหรือ?”
สีหน้าหลิ่วฮูหยินแข็งทื่อ กระแอมไอด้วยความเก้อเขิน
“องค์หญิง หม่อมฉันเป็นอดีตแม่สามีของท่าน ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่เดือนท่านลืมข้าแล้วหรือ…”อดีตแม่สามี…
คำพูดไม่กี่คำของนางออกมา เฟิงหรูชิงยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคนอื่นๆ ก็แย้มยิ้มกันเสียแล้ว
“หลิ่วฮูหยิน ลูกชายเจ้าไม่ภักดีต่อองค์หญิงก่อน เป็นชู้กับถานซวงซวง ทำให้องค์หญิงเกือบต้องโขกศีรษะตายที่ตระกูลหลิ่ว เขาถูกองค์หญิงหย่าร้างไปแล้วเจ้ายังมีหน้ามีเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก?”
“ยังโชคดีที่ตอนนั้นองค์หญิงเป็นเพียงคนอ้วนหนักสองร้อยห้าสิบจิน หลิ่วอวี้เฉินจึงไม่ยุ่งเกี่ยวองค์หญิง องค์หญิงเป็นผู้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ คนที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์เช่นเขามีค่าพอที่จะยุ่งเกี่ยวหรือ?”
โลกใบนี้ก็เป็นเช่นนี้ ตอนที่เจ้าไม่ดีพอไม่ว่าเจ้าพูดอะไรก็ล้วนผิด
เปรียบดั่งเมื่อก่อน ทุกคนพูดแต่เพียงว่าเฟิงหรูชิงเป็นคางคกขี้เกียจอยากกินเนื้อห่านฟ้า มีเพียงหญิงที่งดงามเช่นถานซวงซวงเท่านั้นจึงจะควรค่าที่จะเป็นภรรยาของหลิ่วอวี้เฉิน
ตอนนั้นไม่มีใครพูดว่าถานซวงซวงบุกรุกห้องนอน ไม่มีใครเห็นใจเฟิงหรูชิง ทุกคนล้วนรังเกียจนาง เกลียดชังนาง อยากจะให้นางหายไปจากโลกใบนี้
ตอนนี้ถึงทีของนางแล้ว กลับกลายเป็นหลิ่วอวี้เฉินไม่คู่ควรกับนางอีก!
นางหย่าร้างหลิ่วอวี้เฉินเป็นสิ่งที่สมควร!
แต่ทว่า…ไม่พูดถึงสองร้อยห้าสิบนี่ได้หรือไม่?
…………………….
[1] ก้างปลาติดคอ หมายถึง มีคำพูดในใจแต่พูดออกมาไม่ได้ ทรมานมาก
[2] นกฮวงอิง หมายถึง นกขมิ้น
[3] ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง หมายถึง นอกใจ มีชู้