เพื่อนที่หน้าตาเย็นชาแต่แอบรักผมข้างเดียวนั้นน่ารักจริง ๆ - ตอนที่ 1
บท1 Part 1
เพราะช่วยแมวทำให้ได้พลังวิเศษ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
ตึ่ง!…..อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกถึงการสั่นใหวที่ร่างกาย ผมตกใจจนตื่นขึ้นมา
ดูเหมือนว่าผมจะเผลอหลับไปบนที่นั่งบนรถไฟ ตอนที่ตกใจตื่นขึ้นมา กระเป๋าที่วางอยู่บนตักน่าจะตกลงไปพื้น เมื่อมองไปรอบข้างแล้วก็เห็นเหล่าผู้โดยสารหัวเราะคิก ๆ
ผมแสร้งทำเป็นหยิบกระเป๋าที่เผลอทำตกด้วยท่าทางสงบทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกอาย แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ดูเหมือนว่ายังไม่ได้หลับเลยป้าย น่าจะหลับไปแค่สองถึงสามนาที
ภาพความฝันที่เห็นเมื่อกี้ ภาพเพื่อนเก่าที่กำลังร้องให้ก็ผุดขึ้นมาในหัว
ทำไมผ่านมานานขนาดนี้ ยังฝันแบบนั้นอยู่นะ….
ในกระจกฝั่งตรงข้าม มีภาพสะท้อนหน้าตัวเองอยู่
เน็กไทที่หลุดลุ่ยเล็กน้อยอยู่บนเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของโรงเรียนมัธยมปลายมิเนะบุจิ น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึก ใต้ตาของผมดำเล็กน้อย รอบตัวมีแต่ออร่าของความหม่นหมอง
ถึงผมจะพูดเองก็เหอะ แต่สภาพแบบนี้มันเหมือนเป็นลางร้ายชัด ๆ
“นี่ โคตะ หลับสบายเลยนะ!”
ผมเบี่ยงสายตาไปยังที่มาของเสียง ก็มีเด็กผู้ชายที่หน้าคุ้นตายืนอยู่
“มีอะไรหรอ มิซุคิ”
“มีอะไรล่ะนั่นแหละมันอะไร อุตส่าห์ทักทายทั้งทีแต่กลับโดนเมินซะงั้น”
“………สวัสดีตอนเช้าครับ มิซุคิ”
“อื่ม! สวัสดีตอนเช้า โคตะ!”
สายตาอันเปล่งประกายที่ไร้ความหม่นหมองของนักเรียนที่มีชื่อว่ามิซุคิ ไซอนจิ หนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนของผม ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ปีสองแล้ว ผมก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากมิซุคิ
ผมสีเงินที่ตัดสั้น ดวงตาขนาดใหญ่ที่ดูร่าเริง ตอนที่เห็นในห้องเรียนครั้งแรงผมเผลอเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง แต่ที่ทั้งจริงแล้วเป็นผู้ชาย
แต่ว่า ในบรรดาคนเพศเดียวกัน มิซุคิมีหน้าตาที่โดดเด่น
เอาเถอะ ถ้าเทียบกับผู้หญิงแล้วหน้าอกก็ถือว่าแบนแหละ ชุดนักเรียนก็เป็นชุดผู้ชายด้วย
ทว่า ต้นขาที่ดูรียวนั้น ถ้าเอียงคอเล็กน้อยพร้อมกับทำสีหน้าน่ารักแล้วนั้น ผมก็ไม่สามารถหยุดใจเต้นได้
มิซุคิจับราวโหนของรถไฟ หร้อมกับเอาหน้าเข้ามาใกล้
“แต่ว่าโชคดีมากเลยนะ ถึงแม้จะขึ้นปีสองแล้วก็ยังอยู่ห้องเดียวกับโคตะน่ะ”
นั่นแหละ สีหน้าท่าทางอย่างนั้นแหละ มันน่านักเกินไปแล้วนะโว้ยยย!
ผมจับใหล่ของมิซุคิแล้วพยายามดันออก อย่างน้อยก็ทำให้อยู่ในท่ายืนที่ถูกต้อง
“เอ่อ….พวกเราเข้าปีสองมาได้สองสัปดาห์แล้วนะ ยังคุยเรื่องนี้อยู่อีกหรอ”
“เอาน่า….ฉันมีความสุขมากนะที่ได้อยู่ห้องเดียวกับโคตะ”
รอยยิ้มนั้น มันประเมินค่าไม่ได้
—————————————————————————-
ตึกเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายมิเนะบุจิ ถ้ามองจากด้านบนแล้วจะเป็นรูปตัว コ ด้านบนคือตึกเหนือ ด้านขวาคือตึกตะวันออก ด้านล่างคือตึกใต้
ทางทิศใต้ของตึกใต้นั้นคือตึกเรียนเก่าที่ไม่มีคนใช้ และตรงกันข้ามคือโรงยิมใหม่
ห้องเรียนปีสองห้องสองที่ผมอยู่นั้น อยู่ชั้นสอง ในตึกเหนือตรงสุดทางเดิน
ผมเดินเข้ามาจากประตูโรงเรียนตรงหน้าตึกตะวันออก แล้วเปลี่ยนรองเท้าตรงตู้เก็บรองเท้าที่เตรียมไว้ มิซุคิก็ร้องออกมา “อ่า…” เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หน้าตาก็เริ่มหมองลง
“ฟังฉันนะ โคตะ ตั้งแต่วันนี้ตอนเที่ยงและเลิกเรียนฉันต้องทำสิ่งนั้นน่ะ”
“อ่อ จริงด้วยสิ….” ผมนึกถึงสิ่งที่ครูพูดเมื่อวันก่อนในคาบโฮมรูม ช่วงนี้ มีคนลืมของหรือทำของตกไว้ที่โรงเรียนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยจะให้ใครสักคนในห้องนี้ไปพูดประกาศเตือนตอนเที่ยงและเลิกเรียน
คนที่ได้รับหน้าที่นั้นจะมาจากห้องใหน ดูเหมือนว่าพวกครูจะจับฉลากกันไปแล้ว และผู้พ่ายแพ้ก็คือครูประจำชั้นของห้องเรา หลังจากนั้นในหัองก็มีการจับฉลากอีกรอบ และมิซุคิก็เป็นผู้ถูกเลือก
“ไอ้ประกาศเรื่องระวังลืมของใช่มั้ย มิซุคิ นายแพ้จับฉลากนั่นน่ะสิ”
“โถ่…โรงเรียนเราไม่มีชมรมประกาศข่าวด้วยสิ แต่จริง ๆ งานพวกนี้ครูต้องเป็นคนทำสิ โคตะคิดอย่างนั้นมั้ย”
แม้แต่สีหน้าตอนโกรธก็ยังน่ารัก
“โคตะ ฟังฉันอยู่มั้ย”
“เอ๋…ฟังอยู่ ๆ ดวงซวยนะเนี่ย สู้ ๆ นะ”
“พูดเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเลยนะ…”
—————————————————————————-
เมื่อมาถึงห้องเรียนแล้ว ผมนั่งลงตรงที่นั่งหลังสุดนับจากหน้าต่างมาสองแถว มิซุคิเองก็กำลังดึงเก้าอี้ตรงโต๊ะตัวถัดไปข้างหน้าของผมทำท่าจะนั่งลง แต่ก็ได้ยินเสียงนักเรียนหญิงจากข้าง ๆ เรียก การเคลื่อนใหวหยุดชะงักลง
“เอ่อ…..ไซอนจิคุง ขอคุยด้วยแปปนึงได้มั้ย”
“เอ๋ ฉันหรอ”
มิซุคิที่มีนิสัยสดใสพร้อมหน้าตาที่ดี ตังแต่ตอนอยู่ปีหนึ่งก็มีทั้งผู้ชายผู้หญิงมาชอบ ตอนที่ผมอยู่กับมิซุคิ ก็มีนักเรียนหญิงเรียกมิซุคิไปสารภาพรักหลายครั้ง
ไอ้นี่….จะโดนสารภาพรักอีกแล้วหรอ
ผมคิดอย่างนั่น ขณะเดียวกันก็มองสองคนนั้นที่กำลังเดินไปที่มุมห้อง มิซุคิได้รับกระดาษหนึ่งแผ่นจากนักเรียนหญิง สีหน้างงงวยราวกับกำลังสงสัยสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นก็พูดจากันสองสามคำ เสร็จแล้วมิซุคิก็เดินกลับมา แล้วนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้าผม
“เอ้ย มิซุคิ เป็นอะไรไป กระดาษนั้น จดหมายรักไม่ใช่หรอ”
“ลองดูสิ”
ผมมองบนกระดาษที่มิซุคิยื่นมาวางไว้บนโต๊ะ มันคือรูปหนึ่งแผ่น
มันคือรูปมิซุคิในชุดนักเรียนที่กำลังยิ้มมุมปากอยู่ มิซุคิในรูปไม่ได้มองกล้องอยู่ เป็นภาพที่ถ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาติ
“แอบถ่ายหรอ มองจากพื้นหลังแล้ว เป็นถนนตอนเดินมาโรงเรียนนินา…”
“น่าจะอย่างนั้นเหละ เมื่อวานตอนเลิกเรียน เหมือนกับผู้หญิงคนเมื่อกี้เก็บได้ตรงทางเดินชั้นหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าใครทำตกไว้ บางทีเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นแหละ”
“สุดยอดดด…..เรื่องแบบนี้บางทีก็เกิดหรอเนี่ย”
“แต่ว่า เป็นรูปบนกระดาษนี่ก็แปลก ๆ นะ”
“ที่ผ่านมาเป็นรูปในโทรศัพท์น่ะสิ แบบนี้คือใช้กล้องดิจิตอลหรือโทรศัพท์ถ่ายแล้วปริ้นออกมาใช่มั้ยล่ะ จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยหรอ”
“อืม….จริงด้วยแหละ….”
หยุดเถอะ ท่าทางแบบนั้น จะตกหลุมรักจริง ๆ แล้วนะเนี่ย
หลังจากมิซุคิเอียงคอเล็กน้อยตามปกติ แต่ว่าสำหรับผมปัญหาก็เพิ่มมาเล็กน้อย
“แต่ว่านะ….โดนแอบถ่ายโดยไม่รู้ตัวเนี่ย มันรู้สึกไม่ดีเลยนะ”
“อืม…คงเป็นอย่างนั้นเเหละ”
มิซุคิดูท่าทางเศร้า พร้อมดันรูปบนโต๊ะมาทางผม
“เอาเถอะ ยังไงก็ตาม รูปนี้ให้โคตะนะ”
“อะไรเนี่ย ฉันไม่ต้องการหรอก”
“ไม่ตัองบอกก็รู้แล้วแหละ”
“ไม่ ๆๆๆ ชีวิตฉันไม่ได้เศร้าถึงขนาดที่ต้องถือรูปผู้ชายเดินไปเดินมาหรอก”
“แต่ฉันก็ไม่อยากเก็บรูปตัวเองที่ใครไม่รู้ถ่ายนินา”
“ให้เพื่อนเก็บรูปตัวเองไว้โดยรวมก็ไม่ดีหรอก”
“เอ๋…แต่ให้คนรู้จักเก็บฉันไม่เป็นไรนะ”
“ถ้าถึงขั้นต้องเอาไปให้ใครก็เอาไปทิ้งเถอะ”
“เอ่อ….ให้เอารูปตัวเองไปทิ้งมันยังไง ๆ นะ….โคตะเก็บไว้แหละ ถ้าไม่ต้องการก็เอาไปทิ้งให้หน่อยนะ”
“ได้ จะเอาไปทิ้งถังขยะให้ตอนนี้แหละ”
“……ถ้าไม่ทิ้งต่อหน้าให้ฉันเห็นได้ก็ดีนะะ”
—————————————————————————-