เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - ตอนที่ 325
ตอนที่ 325 : เจียงเฉินจนจริงหรอ?
ในระหว่างที่เจียงเฉินกําลังคุยกับกลุมพี่ชายไม่นานอาจารย์ใหญ่ก็เดินเข้ามา
เขาเป็นครูผู้ชายวัยกลางคนใส่แว่น รูปร่างอ้วนนิดหน่อย
เขามองไปรอบๆก่อนจะปรบมือและพูดด้วยความสุภาพ สวัสดีตอนบ่ายผู้ปกครองทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณ…) แล้วก็ตัดมาที่หัวข้อ (หวังว่าเราจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับเด็กๆ…) จากนั้นเขาก็โค้งคํานับและพูดขอบคุณอย่างสุภาพอีกครั้ง (ขอบคุณอีกครั้งสําหรับความร่วมมือในครั้งนี้…) จากนั้นก็กล่าวชื่นชมและยกย่องผู้ปกครอง….
แล้วก็กลับมาเข้าประเด็น
ครูใหญ่ “ใครคือผู้ปกครองของลู่เสี่ยวหยูครับ?”
เจียงเฉินยกมือขึ้น “ผมเอง”
อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจ “คุณพ่อลูกว่าจะได้พบคุณมันไม่ง่ายเลย เสียวหยอยู่ในโรงเรียนนี้มาสามปีแล้ว และผมก็เป็นครูใหญ่ที่นี้มาสามปีแล้วแต่นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบคุณ”
เจียงเฉินถอนหายใจและพูดอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์ คุณโชคดีมากแล้ว ปกติผมยุ่งมากขนาดลูกซองผมยังเจอผมได้แค่ปีละครั้งเท่านั้น!”
อาจารย์ใหญ่ตกตะลึง
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็มองเจียงเฉินด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง
ในเมื่อเขาหาข้อผิดพลาดจากเจียงเฉินไม่ได้เขาก็หันไปสนใจที่ผู้ปกครองคนอื่น
“ผู้ปกครองของหลี่เสี่ยวโปคือใครครับ?”
“เป็นผมเองครับอาจารย์
ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดําพูดออกมา
“อาจารย์ ชื่อของผมคือหลี่หยวนหยาง เป็นเจ้าของบริษัทโอเชียนเอ็นเนอร์จี ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายผมก็บอกผมได้เลย ผมจะสั่งสอนเขาให้เอง”
จู่ๆก็มีลมเย็นพัดเข้ามา
“โอเชียนเอ็นเนอร์จี นี่มันไม่ใช่บริษัทพลังงานขนาดใหญ่งั้นหรอ!”
“ใช่ พลังงานกว่า 20% ของเมืองหลวงถูกบริษัทนี้นําเข้ามาจากออสเตรเลีย!”
“มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย….”
หลี่หยวนหยางที่ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันก็รู้สึกภูมิใจ
การที่เขาพูดออกไปแบบนี้จุดประสงค์ของเขานั้นก็คือทําให้ทุกคนหันมาสนใจเขา
อาจารย์ใหญ่ที่ได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลี่หยวนหยางก็อดยิ้มไม่ได้
“พ่อหลี่ พอดีมันเป็นแบบนี้ลูกของคุณหลี่เสี่ยวโป ผมอยากจะรายงานเรื่องของเขาสักหน่อย เขาอายุแค่ 9 ขวบ แต่เขามักจะชนเพื่อนร่วมชั้นไปกินข้าวและครั้งล่าสุดที่เขาพาเพื่อนร่วมชั้นออกไปเขาก็เป็นคนออกค่าอาหารทั้งหมด และบางทีเขาก็จะโดดเรียนไปอยู่ที่สนามเด็กเล่น”
หลี่หยวนหยางขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “ลูกชายของผมทําอะไรแบบนี้ด้วยหรอ?”
อาจารย์ใหญ่พยักหน้า “ใช่ครับ ตอนคุณกลับไปบ้านแล้วก็ช่วยสั่งสอนเขาด้วยนะครับ”
หลี่หยวนหยางตบขาของตัวเอง “ไม่ต้องห่วง กลับไปผมจะสั่งสอนเขาอย่างแน่นอน ชักชวน เพื่อนร่วมชั้นโดดเรียนไปอยู่ที่สนามเด็กเล่น มันไม่ไว้หน้าครูกันเกินไปแล้ว ถ้าเกิดมีคนมาพูดว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอนฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
“ถูกต้องครับ” อาจารย์ใหญ่พยักหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็คิดว่าตัวเองคิดผิดและรีบทําการแก้ไขอย่างรวดเร็ว “ไม่ๆ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายความว่าเขายังเด็ก และไม่อยากให้เขาใช้เงินมากมายขนาดนั้น”
หลี่หยวนหยางปาดเหงื่อ “โอ้ อาจารย์ใหญ่หมายถึงแบบนี้สินะครับ ไม่ต้องการให้เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยใช่ไหมครับ…. ไม่ต้องกังวลครับอาจารย์ ผมจะลดเงินค่าขนมเข้าทันทึกลับไป!”
อาจารย์ใหญ่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หลี่หยวนหยางทําท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจารย์ เอาแบบนี้ก็แล้วกันผมจะลดเงินค่าขนมเขา เหลือเพียงแค่ 100,000 ต่อเดือน ”
อาจารย์ใหญ่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
เจียงเฉินปรบมือ
ผู้ปกครองคนนี้โอ้อวดเก่งจริงๆ!
ชื่นชม!!
ในเวลานี้เองผู้ปกครองคนอื่นก็ทนไม่ไหว
งานประชุมผู้ปกครองทั้งทีจะไม่โอ้อวดได้ยังไงกัน?
พวกเขาแต่ละคนต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตถูกไหม?
เพราะถ้าหากต้องการที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ภูมิหลังของครอบครัวจะต้องไม่ใช่คนยากจนอย่างแน่นอน!
“เดือนละ 100,000 ก็พอๆกับลูกสาวของฉันเลย บังเอ็ญอะไรแบบนี้”
“ลูกชายของฉันก็เดือนละ 100,000 เหมือนกัน
“อา? พวกคุณให้เงินลูกของพวกคุณเพียงแค่ 100,000 ต่อเดือนเองเหรอ พวกคุณไม่กลัวว่าลูกของพวกคุณจะล่าบากหรือยังไง?
“ใช่ แค่ 100,000 มันน้อยเกินไปฉันให้ 200,000!”
“ต่อให้ฉันต้องทํางานหนักแค่ไหนฉันก็ไม่ยอมให้ลูกฉันลําบากฉันให้เดือนละ 300,000!”
“300,000 มันจะไปพออะไร รับประกันไม่ได้ด้วยซ้ําว่าลูกของผมจะได้ทานอาหารวันละสามมื้อ ผมให้ 500,000 ต่อเดือน!”
แต่ละคนพากันเชิดหน้า
แสดงออกถึงความหยิ่งผยองของตัวเอง
โอ้อวดความร่ํารวยและอํานาจต่อคนอื่น
ปัง ปัง ปัง
แรงกดดันจํานวนมากเปรียบเสมือนหมัดอันทรงพลังที่ต่อยเข้าใบหน้าของอาจารย์ใหญ่จากระยะเพียงไม่กี่เมตร
ไม่นานครูใหญ่ที่สนับสนุน “ความขยันหมั่นเพียรและความประหยัด” ก็บอบช้ํา
จมูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงใบหน้าบวมเป่ง!
ต้องการยาชาอย่างด่วน!
ต่อมา อาจารย์ใหญ่ก็ดูกลายเป็นคนไร้อํานาจในทันที หลังจากที่บรรดาผู้ครองพากันโอ้อวดกันเสร็จ เขาก็รีบทําการประกาศคะแนนของนักเรียนอย่างรวดเร็วแล้วก็ให้กําลังใจและการประชุมก็จบลง
งานประชุมผู้ปกครองจบลงแล้ว!
เจียงเฉินลุกขึ้นพร้อมที่จะจากไป
ในเวลานี้เอง ผู้ปกครองดีให้เงินลูกเดือนละ 500,000 ก็ตะโกนอะไรบางอย่างออกมา
“ขอโทษนะครับ ผู้ของทุกท่าน ผมคือจ้าวตงไหล ผมคิดว่าไหนๆทุกคนก็มีส่วนร่วมในงานประชุมผู้ปกครองแล้ว มันก็คงเป็นโชคชะตาที่ให้พวกเราได้มาพบกันทําไมพวกเราไม่ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยล่ะ นี่ก็ใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี……….”
“ทําประธานจ้าวพูดถูก!”
“ใช่ การพบกันเป็นโชคชะตา… พวกเราไปทานอาหารกัน ฉันขอ…”
“นั่นสินะ พวกเราไปทานอาหารด้วยกันเถอะ…”
หลังจากที่พูดคุยกันทุกคนก็ตกลงที่จะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ค้นพบว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นคนที่มีความร่ํารวย ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าที่ทุกคนจะสร้างสัมพันธ์กันเอาไว้
แต่เจียงเฉินก็ไม่ได้สนใจความสัมพันธ์แบบนี้….
ลุกขึ้น
เดินจากไป
“นี่ คุณผู้ปกครองท่านนี้ไม่ไปทานข้าวกับพวกเรางั้นเหรอ?”
ผู้ปกครองดีโอ้อวดว่าให้เงินลูกตัวเองเดือนละ 500,000 หยุดเจียงเฉินเอาไว้
เจียงเฉินพูดขอโทษอย่างสุภาพ “ครับ ผมมีธุระที่ต้องไปทําต่อคงจะต้องกลับบ้านทันที”
จ้าวตงไหลดูกระตือรือร้น “คุณจะรีบกบ้านไปทําไม ไปกับพวกเราดีกว่า ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน มันเป็นโชคชะตานะที่ทุกคนได้มารวมตัวกัน มาทานอาหารกันเถอะครับไปด้วยกัน….”
เจียงเฉิน “…”
ด้วยความกระตือรือร้นแบบนี้มันทําไปเจียงเฉินรู้สึกอึดอัดที่จะไม่ไป
นอกจากนี้ลู่เสี่ยวหยูก็ดึงแขนเสื้อของจียงเฉิงและขอร้องให้เจียงเฉินไปด้วย
เพราะเพื่อนร่วมชั้นของเธอต่างก็ไปกันหมด ถ้าหากเธอไม่ไปเธอนั้นก็จะไม่สามารถเข้าสังคมได้ และตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาเธอนั้นก็ได้รับคําชมจากเพื่อนร่วมชั้นของเธออย่างอิจฉา โดยบอกว่าพ่อของเธอนั้นหล่อมาก มันทําให้เธอรู้สึกดีใจมาก
“ก็ได้ผมจะไปด้วย” เจียงเฉินพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่าๆ ไปกันเถอะไปที่เยว่ไห่ชวนกัน มันเป็นร้านอาหารของผมเอง อาหารอร่อยมากเลยนะ!” จ้าวตงไหลหัวเราะออกมา
“อไรนะ เยวไห่ซวน!”
“นั่นมันร้านอาหารที่บอสหม่าชอบไปไม่ใช่เหรอ?”
“ว้าว ”
ผู้คนที่อยู่รอบๆพากันตกตะลึงออกมา
ตอนนี้สายตาของพวกเขาที่มองจ้าวตงไหลนั้นเปลี่ยนไป
บอสหม่า มหาเศรษฐีตัวจริง!
และร้านที่พวกเขากําลังจะไปเป็นร้านที่มหาเศรษฐีคนนี้โปรดปรานอย่างมาก
จ้าวตงไหลรู้สึกภูมิใจแต่การแสดงออกของเขายังคงดูสุภาพ “แค่กๆ ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจอะไรหรอกครับ”
อันที่จริงทรัพย์สินของคนที่อยู่ที่นั่นไม่มีคนไหนเลยที่เกินกว่า 5 พันล้าน ดังนั้นตอนที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตระดับบอสหม่า พวกเขาจึงพากันแสดงความตื่นเต้นออกมา
“พวกเราไปกันเลยดีกว่า!”
“ใช่ ถ้าไปที่นั่นเราอาจจะโชคดีเจอกับบอสหม่าก็ได้นะ”
เจียงเฉินตกตะลึง
เยว่ไฉ่ซวน?
นี่มันร้านที่พี่หม่าชวนไปทานอาหารค่ําด้วยกันไม่ใช่หรอ?
บังเอิญอะไรขนาดนั้น?
แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเค้านั้นได้รับปากไปแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้อีก
ในไม่ช้าผู้ปกครองทุกคนก็พากันไปขึ้นรถ
ขบวนรถหรูขับออกจากประตูของโรงเรียนที่ละคัน
แล้ว…
พวกเขาทั้งหมดต่างก็เห็นเจียงเฉินที่กําลังเดินอยู่!
“อะไรนะ! ผู้ปกครองคนนั้นไม่มีรถงั้นหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไงกันทําไมเขาถึงไม่มีรถ?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนจนที่น่าสงสาร
“นั้นสินะถ้าไม่มีรถขับ นั่นก็แปลว่าเขาไม่มีเงินจริง!”
“ลูกชายของฉันไปโรงเรียนพร้อมกับลูกสาวของคนจนแบบนี้ได้ยังไงกัน ฉันต้องไปคุยกับผู้อํานวยการของโรงเรียนเรื่องนี้!”
“คนจนที่น่าสงสารมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวของฉันได้ยังไงกัน”
ผู้ปกครองหลายคนพาท่านพูดออกมาด้วยความสงสารแต่ภายในใจพวกเขานั้นได้วางแผนให้เจียงเฉินกับลู่เสี่ยวหยูต้องอับอายเอาไว้แล้ว
คนจนไม่สมควรเป็นเพื่อนกับคนที่แข็งแกร่ง
ทางฝั่งของเจียงเฉินเขาก็พาลู่เสี่ยวหยูเข้าไปที่รถของเขา
โลลิตัวน้อยมองไปรอบๆด้วยความรู้สึกตะลึงฃ
“ลุง นี่คือรถของลุงหรอ?”
“ใช่”
“ราคาแพงไหม?”
“ไม่รู้สิ คนอื่นให้มา”
หลังจากนั้นก็ขับรถไปจนถึง [เยวไห่ซาน]
แล้วก็เข้าไปที่ห้องขนาดใหญ่ [โถงซานไห่] แล้วก็หาที่นั่ง
หลังจากนั้นการสนทนาก็เริ่มขึ้นส่วนเด็กๆก็ไปหาที่เล่นกัน
“คุณทํางานอะไรงั้นเหรอ?”
“ผมเป็นเจ้าของ XX Group ผมได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว!”
“ตอนนี้อินเทอร์เน็ตทําให้การทํางานของผมง่ายขึ้นและได้ผลกําไรมากขึ้นไม่น้อยเลย!”
“โอ้ ไม่ล่าบากเท่าไรหรอก หนึ่งก็ทําเงินได้หลายพันล้านอยู่เหมือนกัน!”
“ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อปีที่แล้วผมทํางานได้สองพันสามร้อยล้าน ไม่ลําบากเลย!”
“เรือยอร์ชที่ผมเพิ่งซื้อมาก็ใช้การไม่ได้แล้ว คงต้องซื้อใหม่แล้ว”
“ใช่ ผมเองก็เพิ่งซื้อเฮลิคอปเตอร์มาแต่ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
หลังจากที่พูดคุยทําความรู้จักกัน รูปแบบการพูดคุยของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นการโอ้อวด
ปากของเจียงเฉินกระตุก
คนพวกนี้จะอยู่ไม่ได้เลยหรือยังไงกันถ้าไม่ได้โอ้อวด –
ไม่ไหวเลยจริงๆ
ในเวลานี้ทุกคนดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อเจียงเฉิน และไม่มีใครต้องการพูดคุยกับเจียงเฉินเลยแม้แต่น้อย
และเจียงเฉินเองก็ไม่ได้อยากจะพูดคุยกับคนพวกนั้นเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ในทางกลับกันจ้างตงไหลก็หันมาพูดคุยกับเจียงเฉินยู่บ้าง
หลังจากพูดคุยกับไปครึ่งชั่วโมงอาหารก็เริ่มเข้ามาเสิร์ฟ
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาค่ํา
รถ Audi คันหนึ่งก็ขับเข้ามาในลานจอดของ [เยว่ไห่ซาน]
บอสหม่ากับเลขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหารและตรงไปที่ [โถงหลิงเซียว]
นั่งลง
และโทรหาเจียงเฉิน
“น้องชายมาถึงรึยัง?”
“ยังครับพี่หม่า มาถึงแล้วหรอครับ?”
“ยังไม่ถึงน่ะแต่ใกล้แล้วอีกประมาณ 10 นาที
หลังจากวางสายไปแล้วเลขาของเขาก็เข้ามาพูด
เลขา “เจ้านาย เสี่ยวหวางเพิ่งโทรมาบอกผมว่าเขาเจอคุณเจียงอยู่อีกห้องหนึ่ง”
บอสหม่า “???”
เลขารีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “คาดว่าคุณเจียงน่าจะไม่สามารถออกมาได้ตอนนี้ เขาก็เลยบอกว่าเขายังมาไม่ถึง
บอสหม่า “แล้วห้องนั้นมีใครอยู่บ้างล่ะ?”
เลขาเดินออกไปถามและกลับมาในเวลาไม่กี่นาที
“เจ้านาย ผมได้ยินมาว่าพวกเขามาทานอาหารหลังจากไปประชุมผู้ปกครองมา”
“ประชุมผู้ปกครอง?”
บอสหม่ายกเลิกความคิดที่จะไปหาเจียงเฉินทันที
[ห้องโถงซานไห] หลังจากที่เจียงเฉินวางสายพี่หม่าไปเขาก็เริ่มคิดว่าเขาจะจบงานเลี้ยงนี้ยังไงดี
เพราะสุดท้ายแล้วสําหรับเขางานเลี้ยงแบบนี้มันค่อนข้างน่าเบื่อ
ในเวลานี้เองจ้าวตงไหลเจ้าของร้านก็ได้รับโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
“เป็นอะไรไปหรอบอสจ้าว?”
ผู้ปกครองคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของจ้าวตงไหลก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆ งั้นฉันจะบอกข่าวดีกับทุกคนก็แล้วกัน พนักงานของฉันเพิ่งบอกฉันมาว่าพี่หม่ามหาเศรษฐีรวยที่สุดในประเทศจีนมาที่ร้านอาหารของเรา!”
“เรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“จริง!”
ผู้คนพากันกระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที!
“คนที่รวยที่สุดในประเทศมาทั้งที่เราควรพวกเขาหน่อยไหม?”
“ใช่ เขาเป็นถึงคนที่ร่ํารวยที่สุดในประเทศฉันไม่เคยมีโอกาสได้พบเขาใกล้ๆมาก่อนเลย”
“ไปหาเขางั้นเหรอ?”
“แต่พวกเราไม่รู้ว่ามันจะทําให้บอสหม่าโกรธเปล่า? เพราะถ้าหากไปกันแบบนี้มันจะเป็นการรบกวนการทานอาหารของgเขา”
“อืม ก็เป็นไปได้
ในเวลานี้เองจ้าวตงไหลก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาได้พูดที่อยู่ของมหาเศรษฐีที่ร่ํารวยที่สุดในประเทศไปแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าบอสหม่าจะโกรธไหม ถ้าหากเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ ชื่อเสียงของร้านอาหารของเขาก็พังทลาย
เจียงเฉินส่ายหัวแล้วหัวเราะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนกลุ่มนี้จะตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อเสียงของพี่หม่า
เจียงเฉินเห็นว่าตอนนี้ก็เกือบถึงเวลานัดแล้ว
เขาก็ลุกขึ้นมา
“ผมมีเรื่องต้องไปทําต่อดังนั้นผมคงต้องขอตัวก่อน”
หลังจากที่ดื่มไวน์หมดแก้วเจียงเฉินก็หันหลังเดินจากไปทันที
แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาดังออกมา
“ก็ไปสิ ใครอยากจะรู้จักนาย”
“ใช่แล้ว”
ผู้ปกครองสองคนหัวเราะกันออกมา
“หืม?”
เจียงเฉินขมวดคิ้วและหันกลับไป
“ผมว่าผมรู้จักคุณอยู่นะ คุณแซ่เพิ่งใช่ไหม…” เจียงเฉินหรี่ตาลง
“ใช่ มีปัญหาอะไรล่ะ ถ้ามีก็พูดออกมา” คนแซ่เจิ้งพูดออกมาอย่างเยาะเย้ย
เจียงเฉินหัวเราะออกมา “ก็ไม่ได้มากอะไรหรอก เพียงแต่ผมอยากจะบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเยาะเย้ยใคร พอผมจําได้ว่าก่อนหน้านี้คุ้นโอ้อวดว่าคุณขาดทุนสองหมื่นล้านแต่เพียงแค่สัปดาห์เดียวคุณก็สามารถคืนทุนได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อวานนี้ใครไปที่บริษัทลงทุนกั่วดูแล้วอ้อนวอนร้องไห้เพื่อขอเงินกู้ 300 ล้าน….”
“นายรู้ได้ยังไง…. ไม่ นายกําลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา!” ผู้ปกครองคนนั้นพูดออ กมาด้วยความโกรธ
เจียงเฉินไปหาผู้ปกครองอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ “แล้วก็ตอนที่อยู่ในการประชุมผู้ปกครอง ตอนนั้นผมจําได้ว่าคุณโอ้อวดออกมาว่าขาดทุนร้อยล้านมันแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ผมก็จําไม่ได้เหมือนกันว่าใครเพิ่งจะขาดทุนไปห้าร้อยล้านจากการลงทุนครั้งล่าสุดและตอนนี้ชื่อของคุณก็ถูกธนาคารขึ้นบัญชีดําและกําลังตามทวงหนี้…”
“ผายลม ฉันจะไปถูกธนาคารทวงหนี้ได้ยังไงกัน” ผู้ปกครองที่เจียงเฉินพูดถึงกระโดดลุกขึ้นด้วยความโกรธ
เจียงเฉินขี้หูตัวเอง “อย่าเสียงดังสิ ขี้หูผมมันไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่นะ”
ยิ้มอย่างเหยียดหยาม
หันหลังกลับและเดินออกจากห้องทันที
ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบ
ใบหน้าของผู้ปกครองสองคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีม่วง –
ผู้ปกครองคนอื่นก็พากันมองไปที่สองผู้ปกครองคนนั้นที่กําลังอยู่ภายใต้ความสิ้นหวัง
จากปฏิกิริยานี้พวกเขาสามารถสรุปได้ทันที่ว่าสิ่งที่เจียงเฉินพูดมานั้นเป็นความจริง!
แต่สิ่งที่ทําให้ปกครองประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือเจียงเฉินสามารถรู้เรื่องราวของสองคนนี้ได้!
และคนที่จะรู้ข้อมูลขนาดนี้ได้คงไม่ใช่คนจนหรอกถูกไหม?
ดังนั้นเจียงเฉินจะต้องไม่ใช่คนจนอย่างแน่นอน!
“ฮ่าๆ” ผู้ปกครองแซ่เจิ้งหัวเราะออกมา “คนๆนั้น ก็แค่พูดเรื่องไร้สาระอย่าไปเชื่อเขา เลย….ตอนนี้บอสหม่ามาที่นี่แล้ว เราไปพบเขาหน่อยดีกว่าไหม พวกเราที่อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็มีทรัพย์สินมากมายมหาศาลอย่างน้อยก็หลายพันล้าน ถ้าพวกเราไปพบเข้าพร้อมกันก็คงจะดูเหมาะสมอยู่นะถูกไหม?”
ผู้ปกครองอีกคนหนึ่งที่ถูกเจียงเฉินดูถูกก็พูดออกมา “ใช่! โอกาสที่อาจจะได้เป็นเพื่อนกับคนที่ร่ํารวยที่สุดในประเทศไม่ได้มีบ่อยๆ เราไปกันเถอะ!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็หยิบแก้วขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป
ส่วนผู้ปกครองคนอื่นก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจได้สําเร็จ พวกเขาทั้งหมดเดินไปที่ [ห้องโถงหลิงเซียว] พร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
แล้ว…….
พวกเขาก็ได้เห็นผู้ปกครองลู่ (เจียงเฉิน) ก่าลังเดินเข้าไปในห้องนั้น!!!