เปิดตำนานจอมเวทผู้สร้างเขตเเดน Mage of the boundary - ตอนที่ 3 เวทระดับกลาง
หลังจากตื่นนอน ดีออนก็พบว่าพ่อของเขาได้มอบเงินส่วนเเบ่ง 250 เหรียญเเอสต้าหรือครึ่งหนึ่งของราคาม้วนคัมภีร์ระดับต่ำทั่วไปเป็นรางวัลเเก่ความพยายาม มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับเด็กอายุ 12 ตัวเล็กๆ อย่างเขา
ดีออนกอดถุงเงินก้อนเเรกที่เกิดจากน้ำพรรคน้ำเเรงตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ทว่าเเทนที่จะเอาไปใช้เที่ยวเล่นตามประสาเด็กทั่วไปดีออนกลับนำเงินจำนวนนั้นมาขอซื้อหมึกเวทมนตร์เเละกระดาษจากพ่อของตัวเองเพื่อฝึกเขียนวงเวท เด็กชายยืนกรานว่าจะจ่ายเงินด้วยตัวเองเเม้ว่าพ่อของเขาจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม
“ผมจะจริงจังกับการเขียนม้วนคัมภีร์เวท !! เพราะงั้นให้ผมจ่ายเองเถอะ !!”
“เฮ้อ….ถ้าลูกว่ายังงั้นก็ตามใจ”
พ่อของดีออนได้เเต่เหม่อมองลูกชายที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างกะทันหันด้วยความงุนงง เจ้าเด็กน้อยที่ประหม่าตอนโดนสายตาจับจ้องหายไปไหนเเล้วกัน นี่นะหรอคือการเปลี่ยนเเปลงของเด็กที่มีความฝันอยากจะทำอะไรซักอย่างอย่างจริงจัง
“พ่อขอให้ลูกทำสำเร็จนะ”
วันเวลาอันเเสนสั้นผ่าไปพริบตาเดียว 1 เดือนก็หายไป
ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาดีออนไม่เพียงเเต่พัฒนาทักษะการเขียนม้วนคัมภีร์ เเต่ยังเรียนรู้วิธีการตรวจสอบคุณภาพของกระดาษเวทเเละหมึกเวทมนตร์ เด็กชายได้เรียนรู้ว่าการซื้อของที่มีคุณภาพเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการยกระดับม้วนคัมภีร์เวท
เเม้จะเป็นเด็กเเต่ดีออนก็ได้รับความไว้วางใจให้ดูเเลร้านในเวลาที่พ่อของตนออกไปทำธุระ ม้วนคัมภีร์เวทคือสินค้าราคาเเพงวันนึงขายได้ 3 ม้วนก็พอประทังชีวิตไปได้หลายวัน ดังนั้นเด็กชายจึงมีเวลาเหลือเฟือให้เกลือกกลิ้งไปทั่ว เขาใช้เวลาว่างที่มีจดจำตำเเหน่งของม้วนคัมภีร์เเต่ละประเภท วิเคราะห์วงเวท ตีความทำความเข้าใจ รวมถึงทบทวนการใช้เวทมนตร์ในจินตนาการของตัวเอง
การจะสร้างม้วนคัมภีร์เวทต้องมีหมึกเวทมนตร์ กระดาษเวท เเละพลังเวทที่มากพอ ดีออนต้องวาดวงเวทด้วยหมึกเวทมนตร์ เขียนลงในเเผ่นกระดาษเเละใส่พลังเวทของตัวเองลงไป พลังเวทที่เขาจะใส่นั้นจะไหลเวียนอยู่ในหมึกเวทมนตร์ ยิ่งเป็นหมึกเวทมนตร์ที่มีคุณภาพสูงมากเท่าไรม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง เเละมีอายุการใช้งานมากขึ้นเท่านั้น
“ตอนนี้เราสามารถเขียนม้วนคัมภีร์เวทบอลไฟ ด้วยพลังเวท 41 หน่วยได้เเล้ว”
ดีออนที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ภายในห้องของตัวเองบ่นพึมพำ พลังเวทที่เขามีคือ 172 หน่วย เขาสามารถเขียนม้วนคัมภีร์ได้ถึง 4 ม้วนต่อ 1-2 วันซึ่งมันมากกว่าพ่อของเขาที่ทำได้อย่างมากเเค่ 3 ม้วน
“ถ้าเป็นเราจะสร้างม้วนคัมภีร์เวทระดับกลางได้ไหมนะ……”
เวทมนตร์ระดับกลางคือเวทมนตร์ที่กินพลังเวทจำนวน 1000 – 5000 หน่วย เเต่หากดีออนเข้าใจไม่ผิด ด้วยทักษะการควบคุมพลังเวทที่เขาหมั่นฝึกฝนเสมอๆ เขาสามารถลดปริมาณพลังเวทที่ต้องใช้ครึ่งหนึ่งหรืออยู่ที่ราวๆ 500 – 2500 หน่วยได้
ในหมู่บ้านเเทบชนบทห่างไกลความเจริญไม่มีชาวบ้านคนใดเลยที่สามารถร่ายเวทมนตร์ระดับกลางได้ ตั้งเเต่เกิดจนถึงปัจจุบันดีออนเคยเห็นเวทมนตร์ระดับกลางเเค่เพียงครั้งเดียว เเละในครั้งนั้นมันก็กวาดเอากลุ่มโจรเกือบ 50 คนให้หายไปในพริบตา
“อืม….มันจะมีวิธีไหนไหมนะที่เราจะทำได้”
หากมีใครได้ยินประโยคที่เด็กชายกล่าวออกมาคงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น ขนาดนักปราชญจากหอคอยจอมเวทร่วมมือกันค้นคว้ามาหลายปียังคิดวิธีการสร้างม้วนคัมภีร์เวทระดับกลางไม่ได้ เเล้วดีออนที่เพิ่งจะเรียนรู้เวทมนตร์จะไปทำอะไรได้กัน
สาเหตุที่ม้วนคัมภีร์เวทมนตร์บรรจุเวทมนตร์ตั้งเเต่ระดับกลางขึ้นไปไม่ได้เป็นเพราะคุณภาพของกระดาษเวทที่ใช้ในปัจจุบันนั้นต่ำจนรับพลังเวทสูงๆ ไม่ไหว….. เหล่านักปราชญ์จากหอคอยค้นคว้าวิธีการมานับร้อยรูปเเบบเเละได้เเต่ลงความเห็นกันว่าตราบใดก็ตามที่ยังไม่ค้นพบวัสดุอื่นที่มีคุณภาพเหนือกว่ากระดาษเวทก็เเทบไม่มีโอกาศเลยที่จะบรรจุเวทมนตร์ระดับกลางลงไปในคัมภีร์เวทมนตร์
“ถ้ากระดาษเล็กๆ รับไม่ไหวงั้นลองใช้เเผ่นที่ดูใหญ่ขึ้นมาหน่อยละ ??”
เด็กชายกางเเผ่นกระดาษเเผ่นใหญ่ไว้บนโต๊ะก่อนจรดปลายพู่กันเริ่มบรรจงขีดเขียน ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีในทีเเรก จนกระทั่งบนเเผ่นกระดาษเวทมีลวดลายอักขระถึงจุดๆ หนึ่งๆ มันก็เริ่มสลายกลายเป็นเถ้าเนื่องจากทนรับพลังเวทที่บรรจุมากเกินไป
กระดาษเวทที่มีคุณภาพดีที่สุดในปัจจุบันสามารถรองรับพลังเวทได้ 100 หน่วยต่อพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตรเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงกระดาษเวทระดับต่ำที่ดีออนมีเลย
“ปัญหาคือการทับซ้อนของวงเวท การวาดเส้นทับซ้อนกันยิ่งหลายทบเป็นสาเหตุที่ทำให้ความหนาเเน่นของพลังเวทตรงจุดๆ นั้นมากกว่าปรกติ การทำเเบบนี้ทำให้กระดาษเวทรับภาระมากขึ้นกว่าปรกติ เเต่ถ้าจะวาดวงเวทโดยไม่ให้เส้นมันทับซ้อนกันก็ไม่ไหวอีก มันมีวิธีไหนอีกบ้างไหมนะ”
การขีดวงเวททับซ้อนก็เหมือนการวางน้ำหนักให้กดลงที่จุดๆ เดียว การทับซ้อนเส้นวงเวท 1 ครั้งหมายถึง การที่ตำเเหน่งนั้นต้องรับพลังเวทมากกว่าปรกติอย่างน้อย 2 เท่า ในกรณีของเวทมนตร์ระดับต่ำที่มีพลังเวทไหลอยู่น้อยอาจจะพอว่า เเต่สำหรับเวทมนตร์ระดับกลางการขีดเส้นวงเวททับซ้อนนั้นไม่ต่างอะไรกับยิงกระสุนปืนเข้าใส่เเผ่นผ้าเลย
เขาจับปลายคางของตัวเอง เด็กชายเดินวนไปวนมาในห้องของตัวเอง
“คิดสิ…..คิดสิ ดีออน”
ดีออนมัวเเต่มีสมาธิกับการเเก้โจทย์ปัญหา เขาไม่ได้ตระหนักเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอวาดวงเวทระดับกลางทั้งๆ ที่พ่อของตัวเองไม่เคยสอน เด็กชายสามารถต่อยอดเวทมนตร์ระดับต่ำที่ตัวเองคุ้นเคยให้กลายเป็นเวทมนตร์ที่มีระดับสูงกว่า ทั้งยังทำได้สมบูรณ์เเบบจนไม่เหมือนกับว่าเขาเพิ่งศึกษาเวทมนตร์อย่างจริงๆ จังๆ เพียง 1 เดือน ความเข้าใจในด้านเวทมนตร์ของเด็กชายนั้นลึกซึ้งจนเเม้เเต่นักปราชญ์จากหอคอยจอมเวทมาเห็นยังต้องทึ่ง
“จริงสิ !! งั้นถ้าเราเเยกกระดาษออกเป็นชั้นๆ เเทนละ”
ถ้าเเยกกระดาษออกเป็นหลายๆ ชั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าม้วนคัมภีร์เวทจะทนพลังเวทไม่ไหว เเทนที่จะเขียนวงเวททับซ้อนก็ให้มันอยู่บนกระดาษอีกเเผ่นหนึ่งเเทน เมื่อต้องการจะใช้งานก็เเค่ประกบทุกอย่างลงมาในคราวเดียว ดีออนดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อพบว่าวิธีการนี้อาจได้ผลจริง เขาพุ่งตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้ก่อนบรรจงฉีดเเผ่นกระดาษอย่างเร่งรีบ
ดีออนไม่ใช้คนเเรกที่สามารถคิดวิธีนี้ เพียงเเต่ทุกคนที่เคยค้นพบกลับพบว่าการคัดเเยกเวทมนตร์ระดับกลางออกเป็นวงเวทในกระดาษหลายใบๆ นั้นไม่ใช้เเค่การเเยกเส้นออกมาอีกเส้นเเต่ต้องทำให้วงเวทในเเผ่นกระดาษอีกทุกเเผ่นที่เเยกออกมามีความเสถียรเเละเชื่อมต่อกับวงเวทอื่นๆ ได้ มันคือโจทย์ที่ต้องอาศัยการคำนวนซ้ำไปซ้ำมาเเละซับซ้อนเกินกว่าที่คนธรรมดาจะคิดออก
วิธีการของดีออนทำให้การสร้างม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ยากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าๆ กระบวนการนี้ทำให้การวาดวงเวทต้องอาศัยทักษะการควบคุมเวทมนตร์ที่ยากจนเเทบเป็นไปไม่ได้ หากนักปราชญ์จากหอคอยจอมเวทมาเห็นยังต้องกุมหัว อย่างไรก็ตามเขามองเห็นความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดจากกระบวนการนี้ มันคุ้มค่าที่จะศึกษาต่อ
“เเต่ถ้าทำเเบบนั้นเราก็จะกำหนดทิศทางปล่อยพลังเวทไม่ได้…..”
“ช่างถอะ….ของอย่างงี้ไม่ลองดูก็ไม่รู้ ทำให้เสร็จก่อนเเล้วค่อยๆ มาปรับเอาละกัน”
การสร้างเวทมนตร์ระดับกลางจำเป็นต้องอาศัยพลังเวทเเทบจะทั้งหมดในตัวของดีออน เขาจำเป็นต้องรอให้พลังเวทฟื้นฟูอย่างน้อย 1 วัน ในระหว่างที่กำลังรอนี้ดีออนตั้งใจจะใช้เวลาสำหรับการคิดค้นสูตรเวทมนตร์ที่จะร่าย เขาสร้างเวทมนตร์ระดับกลางด้วยการนำเอาเวทมนตร์ระดับต่ำหลายๆ บทมาผสมรวมกัน คัดลอกลวดลายอักขระเเล้วหาจุดเชื่อมต่อจนไม่รู้วันรู้เวลา
เเม้เเต่ดีออนการสร้างเวทมนตร์ระดับกลางก็เป็นเรื่องที่ยากเหลือเชื่อ เขาโยนม้วนกระดาษภาพร่างลงถังขยะไปเกือบ 10 เเผ่น เเละดูไม่มีทีท่าว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ
พ่อของดีออนที่ซ่อนอยู่หลังบานประตูเเอบเข้ามาดูการพัฒนาของบุตรชายด้วยความสนใจ เขาเป็นเพียงคนๆ เดียวในบ้านที่รับรู้ว่าลูกชายของตัวเองพัฒนาได้ไวขนาดไหน ชายหนุ่มรอจนกระทั่งลูกชายเข้านอนจึงหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาตรวจสอบ ปรกติเขามักช่วยชี้เเนะจุดที่เด็กชายทำพลาด อย่างไรก็ตามวันนี้กลับเป็นวันเเรกที่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าลูกของตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“ดีออน….ลูกมันอัจฉริยะชัดๆ ”
เเม้ไม่เข้าใจเเต่เขาก็มองออกว่าสิ่งที่ดีออนทำนั้นเหนือกว่าม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ระดับต่ำอย่างเเน่นอน ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรพ่อของดีออนก็มักจะรู้สึกเศร้าใจ หากว่าดีออนไม่ได้เป็นลูกของเขาเเต่เป็นลูกของขุนนางชั้นสูงที่ได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจังละก็ ใครจะไปรู้กันละว่าเขาจะพัฒนาไปได้มากขนาดไหน
“มันต้องเเบบนี้สิ !!!”
ตรงข้ามกับบิดาที่กำลังเศร้าใจดีออนในตอนนี้กลับกำลังรู้สึกสนุกจนเหมือนเสพติด การสร้างอักขระเวทมนตร์ก็เหมือนกับการไขปริศนา ยิ่งได้เล่นยิ่งอยากฝึกให้มากกว่านี้ ต่อให้เขาจะไม่ได้บรรจุพลังเวทลงไปเเต่ดีออนกลับมองปราดเดียวก็รู้ว่าผลงานนี้มันล้มเหลวหรือว่าสำเร็จ เขาจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในหัว ทบทวนบทเวทมนตร์ระดับกลางที่คิดค้นขึ้น
ดีออนใช้เวลาคิดค้นเวทมนตร์ระดับกลางที่น่าจะเป็นไปได้นับสิบบทด้วยเวลาเพียง 1 เดือนเต็มๆ
“สำเร็จเเล้ว !! นี่มันสมบูรณ์เเบบ !!!!”
เขากระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องเพียงคนเดียวราวกับคนบ้า ดีออนโยนม้วนคัมภีร์เเบบร่างทิ้งเเล้วเดินป่าวประกาศผลงานให้คนทั้งหมู่บ้านฟังเเม้ว่าทางด้านคนฟังจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม
“วางเเผนเสร็จเเล้ว ตอนนี้ก็เหลือเเค่สร้างมันขึ้นให้สำเร็จ”
เช้าตรู่ของวันนั้นดีออนเดินออกจากหมู่บ้านเข้าไปในป่า ดีออนรู้ดีว่าเวทมนตร์ระดับกลางนั้นมีอานุภาพมากขนาดไหน เขาไม่อยากเสี่ยงทำให้บ้านของตัวเองต้องโดนระเบิดทิ้งเพราะความผิดพลาด ยิ่งกับเวทมนตร์ที่ตัวเองคิดค้นขึ้นยิ่งเเล้วใหญ่
เเต่เเล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“เอะ….พลังเวทไม่พองั้นหรอ……” ดีออนเลิกคิ้วสูง เขาวางกระดาษที่บรรจุเวทมนตร์เสร็จยังไม่ถึงหนึ่งในสิบเเล้วขมวดคิ้ว เด็กชายประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป เขาน่าจะยังไม่ชินกับการควบคุมของพลังเวทที่มากขึ้น เด็กชายวางเเผ่นกระดาษในมือลงในกล่องเขาตั้งใจจะสร้างม้วนคัมภีร์ต่อหลังจากที่พลังเวทฟื้นฟูดีขึ้นเเล้ว
เเละนั้นก็เป็นอีกครั้งที่ดีออนไม่ได้ตระหนักถึงข้อดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวงเวทที่ตัวเองคิดค้นขึ้น
วงเวทที่เด็กชายคิดค้นคือวงเวทที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวททั้งหมดในคราวเดียว เเต่สามารถเเบ่งพลังเวทที่นีออกเป็นส่วนๆ เเล้วรวบรวมมันเข้าด้วยกันในภายหลัง เขาสามารถสร้างเวทมนตร์ที่ใช้พลังเวท 1000 หน่วยด้วยกระดาษเวทมนตร์เเผ่นละ 50 หน่วย 20 เเผ่น โดยที่ความรุนเเรงเเทบไม่ต่างกันเลย
ในทางทฤษฏีตราบใดก็ตามที่เขายังมีหมึกเวทมนตร์กระดาษความรู้เเละเวลาที่เพียงพอ ดีออนสามารถร่ายเวทมนตร์ที่มีความรุนเเรงมากขนาดไหนก็ได้ การค้นพบของเด็กหนุ่มหากนำไปเผยเเพร่คงทำให้เขามีชื่อเสียงในระดับประเทศ !!
ในอนาคตวงเวทนี่เเหละที่จะทำให้ดีออนกลายเป็นชายคนเเรกของโลกที่ร่ายเวทมนตร์ระดับมหาเวทได้ด้วยตัวคนเดียว
ในภายหลังมันจะได้รับการตั้งชื่อว่าหนึ่งในเทคนิคชั้นยอดของดีออนว่า กระบวนเวทไร้ขีดจำกัด
หลังจากค้นพบทางสว่าง เด็กชายก็ใช้เวลาทั้งสิ้น 12 วันในการสร้างม้วนคัมภีร์เวทระดับกลางเล่มเเรกในประวัติศาสตร์ได้เป็นผลสำเร็จ
“เเล้วเราจะทดลองยังไงดีละ”
เด็กชายตระหนักได้ดีถึงความอันตรายของม้วนคัมภีร์เล็กๆ บนฝ่ามือ ปริมาณพลังเวทที่เขาอัดลงไปในกระดาษเล็กๆ กว่าพันใบรวมๆ เเล้วมากกว่า 1200 หน่วย ทั้งมันยังมาจากตัวเขาที่มีทักษะในการควบคุมพลังเวทอันยอดเยี่ยม ดีออนประมาณการคร่าวๆ คิดว่าม้วนคัมภีร์ในฝ่ามือตัวเองอาจมีความรุนเเรงเทียบเท่าเวทมนตร์ที่ถูกร่ายด้วยพลังเวทประมาณ 2400 หน่วย หรือเทียบเท่ากับเวทมนตร์ระดับกลางชั้นยอดได้เลย
เด็กชายไม่อาจประเมินได้ว่ามันมีความรุนเเรงเท่าไร เเละยิ่งไม่มั่นใจด้วยว่าหากเขาทดลองด้วยตัวเองจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรหรือไม่
ดีออนตัดสินใจฝังม้วนคัมภีร์ไว้ในเขตล่าสัตว์บริเวณชายป่าของหมู่บ้าน ในเขตนี้จะมีเเต่นักล่าเท่านั้นที่อนุญาติให้เข้าไป พวกเขาสามารถวางกับดักเพื่อล่าสัตว์ป่าในเขตนั้นเป็นอาหารได้ เด็กชายฝากให้นักล่าสัตว์วัยกลางคนคนหนึ่งนำม้วนคัมภีร์ออกไป เขาย้ำซ้ำๆ ถึงความอันตรายของม้วนคัมภีร์ในมือเเม้ว่าอีกฝ่ายจะมองด้วยความเอ็นดูก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงหรอกดีออน ลุงเข้าใจเเล้วละ”
“วางไว้ห่างๆ จากจากเส้นทางที่พวกนักล่าเดินนะครับลุงการิก คิดซะว่ามันเป็นกับดักที่ถ้ามีใครมาเหยียบจะเกิดการระเบิดขึ้น ผมไม่อยากให้มีใครโดนลูกหลง” ใบหน้าของเด็กชายมีเเต่ความตึงเครียด
การิกพยักหน้าเออออตามๆ ไป เขาทำตามคำขอของเด็กชายที่ตัวเองเอ็นดูเหมือนลูกอีกคน เเต่ถึงอย่างนั้นในใจกลับไม่ได้เชื่อเลยซักนิดว่าไอ้เจ้าก้อนกระดาษกลมๆ พรรคนี้จะมีความรุนเเรงเทียบเท่าเวทมนตร์ระดับกลาง
การิกคิดเช่นนั้นจนกระทั่งกลางดึกของคืนนั้นเองที่ตัวเองสะดุ้งตื่นจากเสียงระเบิดกึกก้อง
ตู้มมมมมมม
เสียงระเบิดส่งให้เเผ่นดินสั่นไหวจนเเก้วใบโปรดของเขาตกกระเเทกพื้น การิกรีบวิ่งออกจากบ้านเช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ลุกขึ้นมาด้วยความร้อนรน
“เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ”
เเละก็เป็นในตอนนั้นเองที่เขามองเห็นเสาเพลิงขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นกลางป่า มันปลดปล่อยไอร้อนรุนเเรงจนเเม้เเต่เขาที่ยืนห่างออกไปหลายร้อยเมตรยังรู้สึกเเสบผิว
การิกจำได้ทันทีเลยว่าตำเเหน่งที่เสาเพลิงปรากฏขึ้นคือที่ใด
“ไอ้เด็กเวร…..นี่เอ็งทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย”