เปิดตำนานจอมเวทผู้สร้างเขตเเดน Mage of the boundary - ตอนที่ 2 ม้วนคัมภีร์เวทมนตร์
- Home
- All Mangas
- เปิดตำนานจอมเวทผู้สร้างเขตเเดน Mage of the boundary
- ตอนที่ 2 ม้วนคัมภีร์เวทมนตร์
เกวียนขนส่งสินค้าพาสองพ่อลูกออกจากเขตการปกครองของบารอนราเจส บ้านของดีออนเเละผู้เป็นพ่ออยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เเถบชายเเดนที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ ที่นั้นมีประชากรรวมๆ กันราว 200 คน ทั้งหมดเป็นผู้มีระดับพลังเวทค่อนข้างต่ำที่หางานทำเเถบตัวเมืองได้ค่อนข้างยาก อาศัยการทำนาปลูกผักเเละหาของป่ามาขายเพื่อประทังชีวิตไปเป็นวันๆ
หลังโบกมืออำลากองคาราวานที่สองพ่อลูกใช้เดินทางมาเกือบ 3 วัน ดีออนก็สังเกตุเห็นหญิงวัย 30 ต้นๆ สวมชุดสีเขียวอ่อนเเละกระโปรงยาวกำลังยืนต้อนรับพวกตน เธอมีเส้นผมสีบลอนด์เเละนัยน์ตาสีฟ้าสว่าง คนที่ยืนต้อนรับเป็นสาวงามหาตัวจับได้ยากเเม้ว่าจะมีลูกหนึ่งเเละอายุเข้าเลข 3 เเล้วก็ตาม
“ดีออน….มาหาเเม่สิจ๊ะ” พอเห็นใบหน้าอบอุ่นของมารดารอยยิ้มที่เเสร้งปั้นไว้ก็พังทลายลงในพริบตา เด็กชายพยักหน้ารับก่อนสวมกอดมารดาทั้งน้ำตา
ถึงจะพยายามไม่คิดมากเเต่ดีออนก็รู้ดีว่าระดับพลังเวทมีความเกี่ยวข้องกับผู้ให้กำเนิด พ่อของเขามีระดับพลังเวท 195 ส่วนเเม่ของเขามีระดับพลังเวท 72 มันไม่ใช้เรื่องเเปลกอะไรเลยที่เขาจะมีระดับพลังเวทต่ำกว่า 200
“โธ่ คนเก่ง ไม่เห็นต้องซึมเลย ป๊ะ…..เข้าบ้านเรากันเถอะนะ” มองสีหน้าบุตรชายก็พลันรู้้ได้ทันทีว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่ดีนัก เบลล่า เเม่ของดีออนตบหลังเด็กชายเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ จูงมือเขาเดินเข้าบ้านด้วยสายตาห่วงใย
“น่าเสียดายจริงๆ ”
ชาวบ้านบางส่วนที่รอคอยผลการวัดระดับพลังเวทของเด็กชายต่างก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ทุกคนในหมู่บ้านต่างคาดหวังว่าเด็กที่พวกตนส่งออกไปจะมีความสามารถเเละได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกองอัศวิน….น่าเสียดายที่ไม่มีเด็กคนไหนเลยเเม้เเต่คนเดียวที่มีระดับพลังเวทมากกว่า 700 ซึ่งเพียงพอจะผ่านเกณฑ์การฝึกฝน
ไม่มีใครไม่รู้ว่าระดับพลังเวทนั้นขึ้นอยู่กับบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเเต่ถึงอย่างนั้นก็อดหวังให้มีปาฏิหาริย์ ดังเช่นตำนานของผู้กล้าอลันเกิดขึ้นไม่ได้
สามคนพ่อเเม่ลูกเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ดีออนเงยศีรษะมองสถานที่อันเเสนคุ้นเคย
บ้านสองชั้นตกเเต่งอย่างเรียบง่าย ชั้นเเรกมีลักษณะเหมือนร้านค้าที่มีเคาต์เตอร์ไม้เเละชั้นวางสินค้าอยู่ด้านหลัง ภายในชั้นวางเต็มไปด้วยเเผ่นกระดาษ ม้วนคัมภีร์ หินเวทมนตร์เเละน้ำหมึกเวทมนตร์สีดำขลับ บ้านของดีออนทำธุรกิจเปิดร้านขายม้วนคัมภีร์เวทมาร่วม 10 ปีเเล้ว
เด็กชายเดินเข้าห้องพลางหยิบหนังสือขอบเหลืองที่ดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมาหลายรอบ
หน้าปกของหนังสือเขียนคำว่า นิทานตำนานผู้กล้า
นิทานตำนานผู้กล้าเป็นหนังสือเก่าๆ ที่เนื้อกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด ตรงหน้าปกมีภาพประกอบของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาควงดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าโรมรันกับกองทัพนับล้านของเหล่าปีศาจ เนื้อหาภายในเขียนบรรยายถึงเรื่องราวการต่อสู้ของผู้กล้าอลัน วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเคยมีชีวิตเมื่อ 1200 ปีก่อน
เด็กชายไล่ปลายนิ้วลงบนหน้าหนังสือ พลิกอ่านเเต่ละบทด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว นิทานตำนานผู้กล้าคือเรื่องราวที่เป็นเหมือนความฝันของดีออน เขาเองก็อยากมีพลังอันเเข็งเเกร่ง ได้ปกป้องคนที่ตัวเองรัก เเละต่อสู้กับศัตรูที่ทำร้ายคนอื่นอย่างกล้าหาญ กระทั่งจนถึงทุกวันนี้บทส่งท้ายที่ผู้กล้าอลันใช้เวทมนตร์บทสุดท้ายเพื่อลากเทพปีศาจผู้ชั่วร้ายให้ตายไปพร้อมๆ กับตัวเองก็ยังตราตรึงในใจเขาอยู่เสมอ
หากมีพลังเวทเขาคิดว่าตัวเองจะใช้เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้บ้าง
เเต่ดีออนไม่ใช้ทางทำเช่นนั้นได้….นับตั้งเเต่ได้รู้ว่าพลังเวทของตัวเองมีเพียงเเค่ 172 หน่วย ความฝันของเขาก็เหมือนกับการพยายาไขว่คว้าดวงจันทร์
เด็กชายนั่งหน้าเศร้าดูเเล้วเหมือนจะยังทำใจไม่ได้
เขาไม่ได้คาดหวังนักเเต่ถึงอย่างนั้นพอได้รู้ความจริงก็อดช็อกไปไม่ได้
“ดีออนถ้าเก็บข้าวเก็บของตัวเองเเล้วเสร็จเมื่อไรตามพ่อมาที่หลังร้านนะ” ในตอนนั้นเองเสียงทุ้มต่ำของผู้เป็นพ่อก็ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง เป็นบิดาของเด็กชายเองที่เป็นคนเรียกเขาซึ่งกำลังนั่งหน้าเศร้าให้ลุกขึ้นออกไปยืดเส้นยืดสาย
“ครับ ??”
“สงสัยอะไรละเจ้าเด็กนี่ ลูกไม่คิดจะสืบทอดกิจการร้านขายม้วนคัมภีร์เวทของพ่อหรอกหรอ”
คำตอบนั้นทำให้ดีออนอ้าปากค้างเหมือนเพิ่งนึกถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดออก การมีพลังเวทน้อยไม่ได้เเปลวว่าเขาจะสร้างเวทมนตร์ไม่ได้ ความฝันของเด็กชายในการใช้เวทมนตร์เพื่อปกป้องคนที่เขารักยังไม่ได้ถึงจุดสิ้นสุด มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก !!!!
“ผมจะลงไปเดี่ยวนี้ !!!!”
เด็กชายวางหนังสือนิทานตำนานผู้กล้าลงด้วยเเววตามุ่งหมั่น ถึงเขาจะเดินในเส้นทางเดียวกับผู้กล้าอลันไม่ได้ เเต่เด็กชายจะไม่มีทางยอมเเพ้โดยที่ไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยซักอย่าง
คัมภีร์เวท เป็นเครื่องมือที่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของหอคอยจอมเวทเป็นผู้คิดค้นเพื่อกลบปัญหาเรื่องระยะเวลาที่จอมเวทร่ายเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน ตัวคัมภีร์เวทมีความสามารถในการปลดปล่อยเวทมนตร์ที่บรรจุ นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ไม่กี่ชนิดที่ต่อให้ผู้ใช้งานไม่มีพลังเวทในก็สามารถเปิดใช้งานได้อีกด้วย นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากในหมู่บ้านเเถบชายเเดนที่ประชากรในหมู่บ้านมีพลังเวทเฉลี่ยอยู่ที่ 150
อย่างไรก็ดีคัมภีร์เวทมนตร์กลับไม่ได้รับความนิยมในหมู่จอมเวทระดับสูง หนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากการที่คัมภีร์เวทบรรจุได้เพียงเวทมนตร์ระดับต่ำ เเละสำหรับจอมเวทชั้นยอดการร่ายเวทมนตร์ระดับต่ำนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยคำร่าย สำหรับพวกเขาที่เเค่คิดเวทมนตร์ก็ถูกร่ายออกมาคัมภีร์เวทมนตร์นั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ถึงคนมีพลังเวทต่ำจะไม่มีโอกาศทางสังคม เเต่พวกเราเองก็มีข้อได้เปรียบที่คนพลังเวทสูงๆ ไม่มี” พ่อของดีออนหยิบม้วนกระดาษที่วาดไว้ด้วยหมึกเวทมนตร์เป็นรูปทรงอันสลับซับซ้อน เขานำลูกชายไปยังหลังบ้านก่อนจะกางเเผ่นวงเวทนับสิบที่เตรียมไว้บนผืนหญ้า
“คนมีพลังเวทสูงๆ มักจะมีปัญหาในเรื่องการควบคุมพลังเวท เเต่พ่อเเละคนที่มีพลังเวทต่ำๆ จะไม่มีปัญหาในเรื่องนั้น”
“พวกเราควบคุมพลังเวทได้ละเอียดละอ่อนเเละเเม่นยำกว่าพวกขุนนางชั้นสูงที่อาศัยเเต่ปริมาณเข้าว่า”
“ถ้าลูกฝีกควบคุมพลังเวทดีๆ ไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์เวทที่ซับซ้อนขนาดไหนลูกก็สร้างได้”
“ครับ” เด็กชายรับคำสั่ง เขานั่งบนเก้าอี้หน้าเคาต์เตอร์ขายของโดยที่ตาจ้องมองม้วนคัมภีร์เวทอย่างตั้งใจ ดีออนรู้สึกได้ลางๆ ถึงกระเเสพลังงานสีขาวที่ไหลเวียนอยู่ภายใน เขามองเห็นทิศทางการไหลเวียนของพลังงานปริศนา เเละเหมือนจะเข้าใจได้กลายๆ ว่าม้วนคัมภีร์เวทมันทำงานอย่างไร
พ่อของดีออนสอนเรื่องการเขียนวงเวท อธิบายหลักการขั้นพื้นฐานโดยมีเด็กชายฟังอย่างตั้งใจ
“ถ้าลูกทำทุกขั้นตอนเสร็จ ให้ลูกมองหาจุดเเรกที่ลูกลงน้ำหมึก ใส่พลังเวทลงตรงจุดเเรกเเละจุดสุดท้ายของวงเวทเเล้วใช้หมึกเวทมนตร์เชื่อมทั้งสองจุดเข้าด้วยกัน ตอนที่ลูกสร้างม้วนคัมภีร์ทุกขั้นลูกต้องมีสมาธิ อยากว่อกเเว่ก เเล้วอย่าลืมปล่อยพลังเวทให้ไหลวนตั้งเเต่จุดเเรกถึงจุดสุดท้ายอย่างน้อย 2 ครั้งเพื่อทดสอบว่ามีตรงไหนบ้างหรือเปล่าที่ลูกทำพลาด”
“ครั้งเเรกอาจจะยากหน่อยเเต่ถ้าลองฝึกๆ ดูมันจะง่ายขึ้นเยอะ เอาเป็นว่าถ้าลูกทำไม่ได้ตรงไหนก็ถามพ่อมาได้เลยนะ” ผู้เป็นพ่ออธิบายก่อนจะตวัดหมึกเวทมนตร์เขียนวงกลมให้ครบวงเป็นตัวอย่าง
“ทำได้ไหมลูก”
ผู้เป็นพ่อยิ้มอบอุ่น เขามองเด็กชายที่ก้มหน้าก้มตาตวัดเขียนหมึกเวทมนตร์ด้วยความเอ็นดู ชายวัยกลางคนคิดอยู่ในใจว่าต่อให้มีพลังเวทต่ำก็ไม่เป็นไร ตราบใดก็ตามที่ลูกชายของเขามีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีเงินดูเเลเรื่องการใช้ชีวิตของตัวเองเเละครอบครัวได้ก็ดีพอ
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงดีออนก็วางปลายพู่กันบนพื้นเเล้วยื่นม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ออกไป
“นี่ครับ….”
“ฮะ…… ลูกว่าไงนะ”
เเต่เเล้วคำพูดต่อมาของบุตรชายก็ทำให้ชายหนุ่มชะงัก
“พ่อ…..ผมทำเสร็จเเล้วครับ ช่วยตรวจดูให้หน่อยได้ไหม” ดีออนกล่าวขณะยื่นม้วนคัมภีร์เวทออกไป
“ทำสำเร็จตั้งเเต่ครั้งเเรกเนี่ยนะ….เรื่องจริงหรอเนี่ย” ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วสูง เขาก้มลงมองผลงานของลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คิ้วที่เลิกสูงนั้นจะกลายเป็นดวงตาที่เบิกกว้าง
“นี่มัน…..การถ่ายทอดพลังเวทไม่มีจุดบกพร่องเลยซักนิด ละ…..ละลูกทำเเบบนี้ได้ยังไงกัน !!”
“มันไม่ได้ดูยากขนาดนั้นน่ะครับ”
การที่พ่อของดีออกจะตกใจขนาดนั้นไม่ใช้เรื่องเเปลกอะไรเลย
เเม้คัมภีร์เวทมนตร์จะไม่ใช้สิ่งของที่มีราคาเเพง กระนั้นมันก็ไม่ใช้เรื่องง่ายเลยที่เด็กหนุ่มที่ไม่เคยใช้เวทมนตร์จะสามารถบรรจุพลังเวทลงในน้ำหมึกเวทมนตร์ได้ตั้งเเต่ครั้งเเรก ขนาดพ่อของดีออนกว่าจะควบคุมหมึกเวทมนตร์จนใช้งานได้จริงก็ต้องทำซ้ำเเล้วซ้ำเล่ากว่าพันๆ ครั้ง เเถมเเต่ละครั้งก็ใช้ว่าบรรจุได้ได้สมบูรณ์เเบบ การควบคุมพลังเวทต้องอาศัยสมาธิที่เเน่วเเน่เเม้เเต่ผู้ใหญ่ก็ยังพลาดเเล้วเด็กที่มักมีนิสัยซุกซนจะไปทำได้ยังไง
ยิ่งสำรวจผลงานของบุตรชายมากเท่าไรสายตาของผู้เป็นพ่อก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ เขาไล่ปลายนิ้วลงบนวงเวทที่เขียนอยู่บนม้วนคัมภีร์ หมึกเวทมนตร์พวกนี้ล้วนเเต่บรรจุพลังเวทเอาไว้ในระดับที่เหมาะสมสม่ำเสมอปราณีตไม่มากเกินหรือน้อยเกินไป ตั้งเเต่เกิดมาทำอาชีพเป็นคนขายม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ พ่อของดีออนไม่เคยเห็นใครมีทักษะควบคุมพลังเวทที่ละเอียดละอ่อนมากขนาดนี้มาก่อน นี้ดีออนเป็นลูกชายเขาจริงไหมเนี่ย
ม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ : บอลเพลิง คือม้วนคัมภีร์ที่สามารถสร้างเวทมนตร์ระดับต่ำบอลเพลิงออกมาเมื่อได้รับการกระตุ้นจากพลังเวทของผู้ใช้
เป็นที่รู้กันในหมู่ผู้ใช้เวทมนตร์ว่าการสร้างม้วนคัมภีร์นั้นใช้พลังมากกว่าการร่ายเวทมนตร์ตามปรกติ สมัยพ่อของดีออนทำม้วนคัมภีร์สำเร็จครั้งเเรกเขาถึงกับต้องใช้พลังเวททั้งสิ้น 104 หน่วย เเละเเม้จะมีประสบการณ์มาหลายสิบปีสถิติที่ที่สุดเท่าที่เขาทำได้ก็ยังต้องอาศัยพลังเวททั้งสิ้น 72 หน่วย
เเต่ม้วนคัมภีร์ตรงหน้าเขากลับมีประสิทธิ์ภาพสูงมากกว่านั้น ประเมินด้วยสายตาของผู้เชี่ยวชาญเขาพบว่าลูกชายของตัวเองจ่ายพลังเวทไปไม่เกิน 60 หน่วยด้วยซ้ำ เเทบจะเท่ากับปริมาณพลังเวทที่จอมเวททั่วไปใช้เพื่อร่ายเวทมนตร์บทนี้เลย
“ดีออนเดี่ยวพ่อขอทดสอบม้วนคัมภีร์ของลูกหน่อยนะ”
เด็กชายตอบกลับน้ำเสียงตื่นเต้น เขาเองก็อยากรู้ผลงานชิ้นเเรกของตัวเองจะสำเร็จหรือไม่
บรึ้มมมมมมม
เวทมนตร์บอลเพลิงที่ปล่อยจากม้วนคัมภีร์นั้นมีสเถียรภาพเเละรุนเเรงผิดปรกติ คนอายุมากกว่ามองภาพที่เห็นตาค้างเเทบถลน ในขณะที่ดีออนส่งเสียงว้าวออกมาเบาๆ เเม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าประสบการณ์นับสิบปีของเขาถูกก้าวข้ามได้ในชั่วพริบตา
“ดีออน…..ลูกของเราเป็นอัจฉริยะ !!!”
เเต่เมื่อผู้เป็นพ่อนึกถึงระดับพลังเวทที่บุตรชายมี รอยยิ้มที่เบิกกว้างก็พลันหุบลง ทั้งๆ ที่มีทักษะที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าใครเเต่สวรรค์กลับกลั่นเเกล้งโดยการมอบพลังเวทที่น้อยนิดมาให้ หากเด็กชายไม่ได้เกิดมาเป็นลูกของครอบครัวที่ต่ำต้อยเเต่เป็นชนชั้นสูง จะมีชะตาชีวิตที่งดงามเเบบไหนที่รอเขาอยู่กัน
“พ่อทำไมทำสีหน้าเเบบนั้นละ”
เด็กชายเอียงคอด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของผู้เป็นพ่อถึงได้มีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อผลงานของเขาสำเร็จ ในทางตรงข้ามเขากลับมองซากตอไม้ที่โดนเผาเป็นเถ้าจากเวทมนตร์บอลเพลิงด้วยความตื่นเต้น….นี่เป็นครั้งเเรกที่ดีออนได้สัมผัสเวทมนตร์ในระยะใกล้ นี่นะหรอพลังที่ว่ากันว่าคือปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้า….สุดยอด สุดยอดไปเลย
“พ่อๆ ถ้าพ่อไม่ว่าอะไรผมขอสร้างม้วนคัมภีร์ต่อได้ไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเเสร้งยิ้มปกปิดความผิดหวัง เขาชี้ไปตรงเคาต์เตอร์กล่าวเบาๆ ว่า “อุปกรณ์ทั้งหมดอยู่บนโต๊ะ ลูกหยิบเอาได้ตามสบายเลย ถ้าอยากได้อะไรเเล้วหาไม่เจอเดี่ยวพ่อช่วยหาให้เอง”
ม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ : บอลวารี ถูกสร้างตามมาหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง
ครั้งเเรกอาจยังมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้ เเต่ถ้ามีครั้งต่อไปไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับเเล้วว่าฝีมือของเด็กชายนั้นคือของจริง ในครั้งนี้เขาใช้เวลาสร้างน้อยกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นเวลาที่พ่อของเขาใช้เพื่อสร้างม้วนคัมภีร์โดยเฉลี่ยเสียด้วยซ้ำ
“สำเร็จเเล้ว !! พ่อดูสิผมทำสำเร็จเเล้ว !!!!”
ดีออนยิ้มร่าชูม้วนคัมภีร์ที่วาดเสร็จหมาดๆ ให้ผู้เป็นพ่อดู เด็กชายจ้องมองบิดาด้วยความคาดหวังดูราวกับต้องการคำชม ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบรับเเววตานั้นด้วยการลูบหัวเบาๆ เเล้วกล่าวว่านี่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ตนเองเคยเห็น ในสายตาของเขาดีออนเป็นอัจฉริยะไม่ต่างอะไรกับเชส ราเจสที่มีพลังเวทสูงลิ่วเลย
“จริงหรอ ถ้างั้นผมขอสร้างม้วนคัมภีร์อีกเล่มนะ !!”
“ถ้าลูกอยากทำพ่อก็ไม่ห้ามหรอกนะ เเต่ลูกไม่รู้สึกปวดหัวหรืออ่อนเพลียบ้างเลยหรอ ถ้าพลังเวทของลูกใกล้หมดเเล้ว ลูกควรไปนอนพักได้เเล้วนะ วันนี้พวกเราก็เพิ่งกลับมาจากการเดินทางฝืนตัวเองขึ้นมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะ”
“ผะ….ผมยังไหวน่า”
พูดได้เพียงเเค่นั้นร่างกายของเด็กชายก็โดนความอ่อนล้าเข้าจูโจม ดีออนรู้สึกหน้ามืดเดินเซเกือบจะล้ม โชคยังดีที่บิดาของเขาคาดไว้เเล้วว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นจึงช่วยเข้าไปประคองได้ทัน
“เห็นไหม พ่อบอกเเล้ว”
ยิ้มบางๆ ก่อนอุ้มบุตรชายเเล้วพาตัวขึ้นไปยังห้องนอน “ลูกทำได้ดีเเล้วละ วันนี้นอนหลับให้สบายเถอะ” ทิ้งคำพูดนั้นไว้ก่อนจะหันหลังกลับ เเม้ดีออนจะอยากตื่นต่อมากเเค่ไหนเเต่หนังตากลับรู้สึกหนักอึ้ง รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด
หลังจากส่งบุตรชายขึ้นนอน พ่อของดีออนก็ได้เเต่ถอนหายใจให้กับตัวเอง
สาเหตุที่ผู้มีระดับพลังเวทต่ำไม่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นจอมเวทหรืออัศวินไม่ได้มีเพียงเเค่ข้อจำกัดในด้านการใช้พลังเวทเเต่ยังรวมถึงจำนวนครั้งที่สามารถฝึกฝนได้ มนุษย์ทุกคนเมื่อพลังเวทหมดลงจะต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 วันกว่าที่พลังเวทจะกลับคืนมา ทุกคนมีขีดจำกัดในการใช้เวทมนตร์เเต่ละบท
เชส ราเจส สามารถร่ายบอลเพลิงหลายร้อยลูกก่อนที่พลังเวทจะหมด ในขณะที่ดีออนเเค่ร่ายบอลเพลิง 2 ลูกก็เต็มกลืน
พรสวรรค์ไม่อาจเทียบกับพรเเสวง ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความห่างชั้นนี้ก็ยิ่งมีเเต่จะมากขึ้น ต่อให้ดีออนจะมีความสามารถมากขนาดไหนเเต่เขาก็ไม่สามารถเทียบจอมเวทชั้นสูงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนมากกว่าตัวเองถึง 100 เท่าได้
ประตูสู่การเป็นจอมเวทชั้นยอดได้ปิดลงเเล้วตั้งเเต่วันเเรกที่ดีออนรู้ระดับพลังเวทของตัวเอง
อย่างน้อยโรเเลนด์ เบเกอร์พ่อของดีออนก็คิดเเบบนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
นิยายเรื่องนี้จะอัปเดตทุกๆ 3 วันนะครับ
ยังไงก็ฝากค้อมเม้นฝากติดตามด้วยนะครับ