เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 763-764
บทที่ 763 ไม่ให้เกียรติ
และด้วยเหตุนี้เว่ยกรุ๊ปจึงพยายามทําทุกอย่างที่ทําได้เพื่อทําให้จิตใจของผู้ถือหุ้นมั่นคง แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นราคาหุ้นของบริษัทยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นเช่นนี้เว่ยรุ่ยเริ่มตื่นตระหนก
หากเป็นแบบนี้ต่อไป มูลค่าตลาดของเว่ยกรุ๊ป ก็จะลดลงอย่างมาก ทรัพย์สินมากมายทั้งหมดของเขาก็จะหายไป
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงเทียบไม่ได้กับตระกูลจํายอย่างแน่นอน พวกเขาอาจประสบปัญหาในการรักษารากฐานในปัจจุบันได้ยาก
ดังนั้น เว่ยจีรุ่ยจึงไม่สามารถนั่งรอความตายได้อีกต่อไป
เขาขอให้สมาคมจงอี้จัดประชุมขึ้น
พวกเขาทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งโดยสมาคมจงอี้ หากตระกูลใดตระกูลหนึ่งมีปัญหา โดยปกติแล้วตระกูลอื่นจะไม่นั่งนิ่งอยู่เฉยๆ
นี่คือรูปแบบความสัมพันธ์ของสมาคมจง
ภายในไฉ่หนิงชวน เว่ยฉีรุ่ย ชายชราอ้วนและสมาชิกอีกสี่คนของสมาคมจงอี้นั่งอยู่ด้านใน
รอบโต๊ะกลม
เว่ยฉีรุ่ย ชายชราอ้วนและหัวหน้าตระกูลอีกสี่ตระกูลอยู่ที่นี่
คนสุดท้ายที่มาถึงคือจ่ายหวินเชิงและเจียนอีหลิง
สีหน้าของเว่ยฉีรุ่ยแย่มาก มีรอยคล้ําใต้ตาสองข้าง เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอน
“ผมเชื่อว่าทุกคนรู้เหตุผลที่ผมเรียกประชุมครั้งนี้ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเว่ยกรัปประสบปัญหาเล็กน้อย ผมจึงอยากขอความช่วยเหลือ
เว่ยจีรุ่ยผู้ซึ่งหยิ่งยโสอยู่เสมอกําลังอ้อนวอนขอให้คนอื่นช่วย
หลายคนไม่พูดแต่มองมาที่จ่ายหวินเชิง
ให้ตระกูลจํายเป็นคนตัดสินใจว่าจะช่วยเว่ยกรุ๊ปไหม
จํายหวินเพิ่งเริ่มพูด “อืม ผมบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า บริษัทที่เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมจงอี้จะไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นั้นอยู่เหนือการควบคุมของสมาคมจงอี้ แต่ดูเหมือนว่าเว่ยกรัปต้องการสิ่งอื่น ย้อนกลับไปคุณยืนยันที่จะทําเช่นนั้นเอง”
เมื่อได้ยินแบบนี้เว่ยรุ่ย เริ่มตื่นตระหนก
“ในสถานการณ์นั้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มผลประโยชน์ของบริษัทให้สูงสุด ช่วยให้เว่ยกรุ๊ปได้รับอิทธิพลในสังคมมากขึ้น พอเวลาเปลี่ยนไปมันยากสําหรับเราที่จะประสบความสําเร็จ หากเรายังต้องการเดินตามเส้นทางเดิม”
“แล้วมาขอให้เราช่วยทําไม” จยหวินเชิงถาม
“ผม…” เว่ยจีรี่ยพูดตะกุกตะกัก เขาถึงกับพูดไม่ออก
ตอนนี้เขากําาลังมีปัญหาอย่างมาก
และด้วยเหตุนี้เว่ยรุ่ยจึงกล่าวถึงสมาคมจงอี้อีกครั้ง “การดําเนินงานของสมาคมจงอี้นั้นเชื่อมโยงถึงกัน ยิ่งไปกว่านั้นในอดีตเมื่อใดก็ตามที่ตระกูลใกประสบปัญหา ตระกูลที่เหลือก็เต็มใจช่วยเหลือ ดังนั้น มันเป็นธรรมดาที่ผมจะคุยเรื่องนี้กับพวกคุณไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้จํายหวินเชิงก็หัวเราะ “เชื่อมต่อถึงกันงั้นเหรอ เป็นธรรมดาเหรอ คุณไม่เคารพผู้นําตระกูลหญิงของตระกูลจ่ายด้วยซ้ํา ไม่หน้าอายไปหน่อยเหรอที่จะพูดเรื่องนี้”
เว่ยรุ่ย กัดฟันมองจํายหวินเชิง จากนั้นเขาก็มองไปที่เจี่ยนอีหลิงที่ยืนอยู่ด้านข้างจํายหวินเชิง
ตั้งแต่เดี๋ยนอหลิงเข้ามาในห้อง เธอก็เงียบราวกับว่าเธอเป็นเพียงเครื่องประดับที่ติดอยู่กับจํายหวินเชิงเท่านั้น
เว่ยรุ่ยพยายามอธิบายว่า “นายท่านเชิงนั่นเป็นคนละเรื่องกัน ผมไม่คิดว่าคุณหนูอีหลิงเหมาะที่จะเป็นผู้นําตระกูลหญิงของตระกูลย มีคนที่เหมาะสมกว่านั้นแน่นอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพตระกูลจํายอะไรทํานองนั้น”
“เว่ยฉีรุ่ยเจ้าคิดว่าผมจะเชื่อเรื่องไร้สาระที่คุณพูดงั้นเหรอ?”
“นายท่านเชิงหมายความว่ายังไง?”
ชายชราอ้วนกล่าวว่า “ฉีรุ่ยคุณควรกลับไปแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง ความหมายของนายท่านเชิงนั้นชัดเจนมาก”
“แล้วพวกคุณล่ะ? พวกคุณคิดยังไง?” เว่ยรุ่ยถามพลางกัดฟันแน่น
“ทัศนคติของนายท่านเชิงแสดงถึงทัศนคติของสมาคมจง” ชายชราอ้วนตอบด้วยน้ําเสียงหนักแน่น
สมาชิกอีกสี่คนของสมาคมจงอี้นิ่งเงียบ
เว่ยจีรี่ยมองไปรอบๆโต๊ะ และเขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้อะไรสักอย่างเลยในวันนี้
แต่ทว่าเมื่อนึกถึงหุ้นของบริษัทที่กําลังตกต่า เขาก็ไม่พอใจ
ดังนั้น เขาจึงถามจํายหวินเชิงว่า “นายท่านเชิง จะไม่สนใจเว่ยกรุ๊ปจริงๆเหรอ?”
บทที่ 764 คําร้องขอความช่วยเหลือถูกปฏิเสธ
“ไม่” จํายหวินเชิงตอบ คําตอบเขาเฉียบขาด ขณะที่ท่าทางยังคงเย่อหยิ่งจองหอง
เมื่อได้ยินคําพูดของจํายหวินเชิง ใบหน้าของเว่ยฉีรุ่ยก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“นายท่านเชิง นี่เป็นวิธีปฏิบัติต่อสมาชิกของสมาคมจงอึ้งั้นเหรอ?” เว่ยฉีรุ่ยถาม
“นี่คุณแกล้งความจําเสื่อมเหรอ คิดว่าผมโง่มากรึไง? หือ” จํายหวินเชิงตอบพลางเลิกคิ้ว
เว่ยฉีรุ่ยรู้สึกผิดชั่วขณะ “ผมไม่เข้าใจ นายท่านเชิงกําลังพูดถึงอะไร”
“อืม ถ้าคุณมีสมอง คุณควรจะจ่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เว่ยรุ่ยโกรธจัด ทันใดนั้นเขายืนขึ้น
“โอเค ได้ ในเมื่อคุณรู้สึกแย่มาก งั้นผมไม่คาดหวังอะไรจากคุณอีก!”
จากนั้นเว่ยรุ่ยก็กระแทกประตูแล้วเดินออกไป
ทิ้งให้ทุกคนมองหน้ากัน
ในขณะที่ค่าขอความช่วยเหลือนั้นไร้ผล เว่ยรุ่ยพยายามทําอย่างอื่นเพื่อช่วยบริษัทของเขา
“ใครเป็นหัวหน้าของบริษัทโปลัง”
“บอสเราตรวจสอบดูแล้ว ตัวแทนของบริษัทนั้นธรรมดามาก ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขา เราไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย”
“ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยงั้นเหรอ?”
“ผู้ชายคนนั้นมาจากประเทศอื่น นอกจากข้อมูลพื้นฐานเช่นชื่อและอายุแล้ว ก็ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นใด นอกจากนี้ ชายคนนั้นน่าจะเป็นแค่หุ่นเชิด เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสมาชิกหลักของบริษัทโปลังเลย”
“อะไรนะ หมายความว่าแกไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยใช่ไหม? ไร้ประโยชน์!”
เว่ยจีรุ่ยโกรธจัด หลังจากโต้ตอบกับจํายหวินเชิง
ดังนั้น ผู้ช่วยทําได้เพียงก้มหน้าและถูกตําหนิอย่างเชื่อฟังเท่านั้น
หากพวกเขาคิดวิธีแก้ปัญหาดีๆไม่ได้ หุ้นก็คงตกลงไปอีกในวันพรุ่งนี้
เว่ยจีรุ่ยตอนนี้หัวเดียวกระเทียมลีบ
เว่ยจีรี่ยหมดหวังและไปหาจางชวีหมิงอีกครั้ง และพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือที่เขากล่าวถึงก่อนหน้านี้
บางทีนี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยบริษัทได้ในตอนนี้
แต่ทว่าจางชวีหมิงบอกเว่ยจีรุ่ยว่าเขาไม่ได้รับผิดชอบเรื่องของบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ถึงแล้ว
เพราะฉะนั้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกับเขา ถ้าเว่ยจีรุ่ยต้องการคุยกับใครซักคน เขาต้องพูดกับผู้สืบทอดของจางชวีหมิง
และด้วยเหตุนี้เว่ยฉีรุ่ยทําได้เพียงขอร้องจางชวีหมิงให้บอกข้อมูลการติดต่อของผู้สืบทอดตําแหน่งให้เขา
หลังจากนั้นในที่สุดเว่ยรุ่ยก็ขอข้อมูลติดต่อของหุ้นส่วนลึกลับจากจางชวีหมิงได้สําเร็จ
แต่สิ่งที่จางชวีหมิงมอบให้เขาคือวิธีการติดต่อซอฟต์แวร์ส่วนตัว
และด้วยเหตุนี้เว่ยฉีรุ่ยจึงลงทะเบียนบัญชีและไปติดต่อคนที่ชื่อ “ท่านท่านรอง”
[ ผมรอคอยที่จะได้พบคุณมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้คุยกับคุณ ผมชื่อเว่ยรุ่ย มาจากเว่ยกรุ๊ป ]
ผ่านไปครู่หนึ่งเว่ยรุ่ยก็ส่งข้อความไปอีกครั้ง
[ มิสเตอร์จางได้พูดถึงโครงการล่าสุดของเราให้คุณฟังไหม ]
หลังจากที่รอเป็นเวลานานเว่ยฉีรุ่ยก็ยังไม่ได้รับคําตอบจากอีกฝ่าย
และเขาก็ส่งข้อความไปอีก
[ เร็วๆนี้คุณว่างไหม เรามาเจอกันเพื่อคุยเรื่องนี้กันได้ไหม ]
แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้เว่ยรุ่ยจะไม่ทําสิ่งนี้อย่างแน่นอน
หลังจากที่รอเป็นเวลานานในที่สุดเว่ยรุ่ย ก็ได้รับการตอบกลับจาก “นายท่านรอง”
[ พรุ่งนี้ 12 น. ชั้น 12 บริษัทอปกรณ์ทางการแพทย์หมิง ห้อง CEO]
เมื่อเขาเห็นข้อความนี้เว่ยฉีรุ่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่เป็นก้าวแรก ตราบใดที่เขาได้พบกับอีกฝ่าย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก