เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 741-742
บทที่ 741ใครเป็นเจ้าของสิทธิบัตร
หลังจากนั้นหยางเยว่ก็ถูกตํารวจจับตัวไป
ดังนั้น ความร่วมมือครั้งแรกระหว่างเคี่ยนอีหลิง จ๋ายหวินเฉิ่ง ฉันชวนและฉินหยฝานจึงจบลงด้วยความสําเร็จ
ยังไงก็ตามหัวใจของฉันหยุฝานยังคงรู้สึกหนักอึ้งเพราะยังไงหยางเยว่ก็เป็นป้าที่รักเธอ
“ฉันขอถือโอกาสนี้ขอโทษทั้งสองคนแทนเธอป้าด้วย” ฉันหยุฝานพูดกับฉันชวนและจํายหวิน
เชิง
จํายหวินเชิงแค่พยักหน้า ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจเท่าไร
ถ้าไม่ใช่เพราะการยืนกรานของเจียนอีหลิงในการแก้ไขข้อขัดแย้งนี้ เขาคงจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยหรอก
ยังไงก็ตามชื่อเสียงที่ไม่ดีของเขา สําหรับจํายหวินเชิงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติที่จะถูกใส่ร้ายและตกเป็นแพะรับบาป
ฉันชวนตอบว่า “เราแค่อยู่ในตําแหน่งที่ต่างกันและช่วยอะไรตัวเองไม่ได้ ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นน้องสาวของฉัน”
นี่เป็นครั้งแรกของฉันชวนที่รับยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันหยุฝาน
เมื่อได้ยินคําว่าน้องสาว น้ําตาที่ฉันหยุฝานกลั้นไว้ทั้งวันก็ไหลออกมา
เธอแสร้งทําเป็นว่าเธอเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่เสมอ แต่ทว่าที่จริงแล้วตั้งแต่แม่เธอจากไป การเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ทับถมเข้ามาทําให้เธอรู้สึกหมดแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีคนพาเธอมา ในตอนนี้เธออาจจะเหลวแหลกไปแล้วก็ได้
ฉินหยุฝานปาดน้ําตาบนใบหน้าเธอและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันไม่มีพี่ชาย”
จากนั้นฉันหยุฝานก็หันกลับมาถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เจียนอหลิงหลังจากนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ใช่ไหม?”
“ถือ” เป็นเพื่อนกันแล้ว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉันหยุฝาน
รอยยิ้มนั้นจริงใจเหลือเกิน
ไม่ได้ตั้งใจแกล้งทํา
และไม่มีเจตนาเสแสร้งในรอยยิ้มนั้น
มันเป็นรอยยิ้มจากก้นบึงของหัวใจของเธอ
เพื่อน เจียนอีหลิงไม่ได้เป็นเพื่อนกับเธอเพราะเธอเป็นลูกสาวของตระกูลฉิน
เฉินหยฝานกระซิบข้างหูของเจียนอหลิง “ดูเหมือนบรรยากาศของฉันชวนกับจํายเหวินเชิงจะดีขึ้นนะ ดีใจไหม?”
ขณะที่เธอพูดฉินหยฝานและเจียนอหลิงต่างมองไปที่จํายหวินเชิงและฉันชวน
ฉันชวนและจํายหวินเชิงไม่ได้พูดคุยกัน แต่ทว่าทั้งคู่ไม่มีความเกลียดชังระหว่างกัน อย่างน้อย พวกเขาก็อยู่ในความปรองดอง
“ถือ” เจียนอหลิงตอบ เธอไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับจ่ายหวินเชิง เธอไม่อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบในนิยายต้นฉบับ
ดังนั้น เธอจึงต้องแน่ใจว่าทั้งสองจะไม่เป็นศัตรูกัน และเธอไม่ต้องการเดิมพันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
และด้วยเหตุนี้ ถ้าทั้งสองไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็จะเป็นการขัดแย้งกับโครงเรื่องเดิม
“อ้อ จริงสําอาวุธป้องกันตัวมันเกี่ยวอะไรกับแบตเตอรี่พิเศษ อะไรทําให้มีพลังขนาดนั้น” ฉินหยุฝานถาม เธอยังไม่ลืมอุปกรณ์แปลกๆที่เจียนอหลิงมี
“เป็นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ ยังไม่มีจําหน่ายในตลาด” เจี่ยนอีหลิงตอบ
“ไม่แปลกใจเลยที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน” ฉันหยุฝานตอบด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเธอก็เริ่มตั้งคําถามว่า “ใครเป็นเจ้าของสิทธิบัตร ทีมวิจัยใดกําลังพัฒนาเหรอ ฉันต้องการลงทุนด้วย”
จากมุมมองของนักธุรกิจ สินค้าดังกล่าวจะทํากําไรได้อย่างล้นหลามแน่นอน การลงทุนนี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสม
จํายหวินเชิงและฉันชวนก็เห็นเช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อกี้ พวกเขายังคงสื่อสารกับเจียนอีหลิงและฉินหยฝานตลอดเวลา พวกเขาได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านพักของตระกูลฉิน
และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันตัวที่เจียนอหลิงถืออยู่
ทันใดนั้น เจี๋ยนอหลิงรู้สึกเหมือนถูกหมาป่าสามตัวจ้องมองมา
ไม่สิ เธอไม่ได้ถูกหมาป่าสามตัวจ้องมอง แต่พวกเขากําลังจับจ้องไปยังแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ที่อยู่ในมือเธอ
“จะยังไม่มีการผลิตจํานวนมาก” เจียนอหลิงตอบ
“อ๋อ? ถ้ายังไม่ใช่สิ่งที่จะผลิตในปริมาณมาก แล้วเธอมาได้ยังไงเธอรู้จักทีมวิจัยและพัฒนางั้นหรอ?”
“ถือ” เจียนอีหลิงตอบ
“แล้วทีมวิจัยและพัฒนาก็สร้างอาวุธป้องกันตัวพวกนั้นให้เธองั้นเหรอ?”
“พี่หยุ่นโม่สร้างมันขึ้นมา”
“พี่ชายรองของเธอเรียนเอกชีววิทยาไม่ใช่เหรอ?”
“อือแต่เขารู้เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้านิดหน่อย เขาบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กผู้ชายจะสนใจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์”
บทที่ 742 เลิกยุ่งกับบริษัทได้แล้ว คู่หมั้นของเธอสําคัญกว่า
“อาา เธอเป็นพี่น้องกันจริงๆ” ฉันหยุฝานแสดงความคิดเห็น เจียนอีหลิงและเจียนหยุ่นโม่ต่างก็เป็นอัจฉริยะทั้งคู่ IQ ของพวกเขานั้นเทียบไม่ได้กับคนธรรมดาแม้แต่น้อย
เฉินหยฝานพูดต่อว่า “อีหลิงถ้าแบตเตอรี่ใหม่นี้ถูกผลิตออกมาอีกเมื่อไร อย่าลืมฉันนะ ฉันต้องการลงทุนกับสิ่งนี้ ฉันเป็นคนมองโลกในแง่ดี”
“ถือ” เจี่ยนอีหลิงตกลง
หลังจากแยกจากจํายหวินเชิงและเจี่ยนอีหลิงแล้ว ฉันชวนก็ขับรถพาฉันหยุฝานกลับไปยังที่ที่เธออาศัยอยู่
“เธอจะย้ายกลับบ้านเมื่อไหร่?” ฉันชวนถามฉินหยฝาน
“ฉันจะไม่ย้ายกลับไป มันไม่ใช่บ้านของฉันอีกต่อไปแล้ว”
“แม่ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น” ฉันชวนกล่าว
“ไม่จําเป็นต้องสนใจฉัน”
“แต่เธอบอกว่า มันเป็นของตระกูลฉินของแม่เธอน”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉันหยุฝานก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ค่าพูดนั้นแล่นเข้ามาในใจเธอ
“ขอบคุณนะ” ฉันหยุฝานตอบ “แต่ว่าฉันยังคงคิดที่จะแข่งกับนาย ฉันจะไม่ยอมแพ้และมอบตระกูลฉินให้นายแน่ ยังไงแม่ฉันก็ยังเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของฉันกรุ๊ปด้วย”
“ฉันไม่เคยต้องการสืบทอดตระกูลฉิน ฉันสามารถทําสิ่งต่างๆ ให้สําเร็จได้ด้วยตัวเอง ฉันสา มารถทําให้คนอื่นมองมาที่ฉันด้วยความสําเร็จที่ทําด้วยตัวเอง”
เฉินหยฝานจ้องฉินชวนเป็นเวลานาน จากนั้นเธอก็หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
รถแล่นผ่านหน้าต่างไปเรื่อยๆ มันคล้ายกับความคิดเธอ
เธอรู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ บางสิ่งระหว่างเธอกับฉันชวนจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
จํายหวินเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากท่านผู้เฒ่าจ่าย
เขาถูกดอีกแล้วโดยไม่มีเหตุผล
“ช่วงนี้ทําอะไรบ้าง?”
“ผมยุ่งกับงานที่บริษัท” จํายหวินเชิงตอบ จะทําอะไรได้อีก?
“ทําไมถึงยุ่งกับงานบริษัทอยู่ได้กัน?” ท่านผู้เฒ่าจํายถาม น้ําเสียงมีความไม่พอใจ
“หมายความว่ายังไงครับ?” ตอนนี้เขาอยู่ในความดูแลของบริษัท และเขาถามเขาว่าเขายุ่งกับบริษัททําไมงั้นเหรอ? แล้วจะให้เขาทําอะไรได้อีกล่ะ
“ฉันหมายถึงแกกับอีหลิงหมั้นกันมาจนถึงตอนนี้ ทําไมยังไม่พาเธอไปเที่ยวฮันนีมูนล่ะ ดูแลบริษัทอยู่ได้ทุกวันจะมีประโยชน์อะไร?”
โดยปกติ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ของครอบครัวอื่นจะไม่ชอบเด็กและหลานๆที่ใช้เวลาทํางานน้อยเกินไป
แต่ทว่านี่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงสําหรับตระกูลจําย อันที่จริงท่านผู้เฒ่าจํายรู้สึกว่าหลานชายใช้เวลาดูแลธุรกิจมากเกินไปด้วยซ้ํา
“เราแค่หมั้นกัน แต่ยังไม่ได้แต่งงาน”
“แล้วไง หมั้นก็คล้ายกับการแต่งงานนั่นแหละ ไปฮันนีมูนได้เหมือนกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถลองดูได้ โอเคนะ แล้วเรื่องบริษัทฉันจะจัดการเอง ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็พาอีหลิงไปฮันนีมูน แล้วก็ต้องให้ดอกไม้ เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องสําอางกับเธอด้วย แกควรให้ของขวัญกับเธอมากๆ ไม่งั้นเธออาจจะหนีไปก็ได้?”
“ไปได้ยินมาจากไหน?”
“อืม ฉันอ่านเรื่องพวกนี้ทางอินเทอร์เน็ต สาวๆมักจะบ่นเรื่องแฟนไม่ตรงตามความคาดหวัง สุดท้ายสาวๆเหล่านั้นก็เลิกกับแฟนหนุ่ม นอกจากนี้ฉันมองหานักออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิง และขอให้พวกเขาทําเสื้อผ้าให้อีหลิงโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลาแกก็พูดว่านายซื้อเสื้อผ้าให้เธอ”
“อีหลิงไม่ชอบสิ่งเหล่านั้นยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้เธอยุ่งมาก”
“อืม เธอไม่ชอบสิ่งเหล่านั้นไม่สําคัญหรอก ยังไงก็ต้องให้ของขวัญเธออยู่ดี แกควรจะใส่ใจเธอให้มาก”
“ผมดูไม่ใส่ใจเธองั้นเหรอ”
“ต้องแสดงให้เห็นว่าห่วงใยเธอ แกไม่สามารถใส่ใจเพียงแค่ในใจได้ มันไม่มีค่าอะไร ต้องแสดงมันออกมาด้วยการกระทํา” ท่านผู้เฒ่าจํายกล่าว
จ่ายหวินเชิงหงุดหงิดคําพูดของท่านผู้เฒ่าจําย
“รู้แล้ว รู้แล้ว ผมจะให้ของขวัญเธอ รอเมื่ออหลิงว่างแล้วค่อยไปเที่ยว ช่วงนี้เธอค่อนข้างเหนื่อยมาก”
“เหนื่อยมากงั้นเหรอ? เจ้าเด็กเลวนี่ ต้องดูแลใส่ใจร่างกายเธอ อย่ารังแกหลานสะใภ้มากเกินไป”