เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 697-698
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 697 ขอโชยเลือนปีเป็นเจ้าอินทจริง นายห้อที่ขายกันจริงๆเหรอ
เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาก็เห็นสารรูปที่น่าสมเพชของเจี่ยนอี้เฉิน
ถัดจากเขา มีผู้ชายที่มีท่าทางจริงจังและเคร่งขรึมนั่งอยู่บนโซฟา
ท่าทางของผู้ชายที่นั่งบนโซฟานั้นดูเรียบเฉย
ยิ่งไปกว่านั้นริมฝีปากของเขายังเป็นเส้นตรง
มีกลิ่นอายความแข็งแกร่งออกมาจากร่างกายของชายคนนั้น ทําให้รู้สึกอึดอัดเมื่อมองมัน
ไม่ต้องเดาเลย หนุ่มหล่อเย็นชาคนนี้คือลูกชายคนโตของเนี่ยจวิน เจียนอี้เพิ่งพี่ชายของเจียนอี้เฉิน
จากพี่น้องเจี่ยน เจี่ยนอี้เหิงเป็นคนที่มีพลังต่อสู้มากที่สุด บางทีพลังการต่อสู้ของพี่ชายอีกเจ็ดคนรวมกันก็ไม่สามารถเอาชนะเจี่ยนอี้เพิ่งได้
เจี่ยนหยู่เงียรู้สึกโชคดี ที่เชี่ยนอี้เหิงไม่ได้มาแย่งน้องสาวของเขาไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีทางสู้ได้
เจียนอีหลิงมองดูเจี้ยนอี้เหิง หน้าตาเขาดูดีกว่าที่คิด
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะเจอผู้ชายที่แข็งแกร่งมาก เหมือนกับแชมป์เพาะกายพวกนั้น
แต่ทว่ารูปลักษณ์นั้นไม่ได้เกินจริงเลย เขาไม่ได้มีกล้ามที่ใหญ่ขนาดนั้น ในทางกลับกันร่างกายเขามีสัดส่วนที่ดี เขาดูแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เจียนอี้เฉินเริ่มบ่นทันทีที่เห็นเจี้ยนอีหลิง
“อีหลิง ฉันโดนรุมอีกแล้ว”
“ทําไมนายถึงโดน?” เจี่ยนอีหลิงถาม
“พี่ชายใหญ่ดูถูกฉันที่อ่อนแอเกินไป เขาบอกว่าครั้งล่าสุดที่ฉันถูกลักพาตัวไปมันน่าอาย เขาเลยจะฝึกให้ฉัน”
หลังจากพูดจบ เจี่ยนอี้เฉินเขาก็จ้องมองไปที่พี่ชายใหญ่เจี่ยนอี้เหิงอย่างโกรธเคือง
ก่อนหน้านี้ เขาไม่กล้าที่จะสบตาพี่ชายแบบนี้
แต่ทว่าตอนนี้ที่เจี่ยนอีหลิงและคนอื่นอยู่ที่นี่ เขามั่นใจว่าพี่ชายจะไม่ทุบตีเขาต่อหน้าพี่น้องคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถประท้วงด้วยสายตาได้
เจียนอี้เหิงให้ค่าอธิบายอย่างว่างเปล่า “ฉันไม่ได้ตีเขา ฉันแค่ฝึกเขาเท่านั้น เขาอ่อนแอเกินไป”
เจียนอี้เฉินโต้กลับอย่างรวดเร็ว “ผมอ่อนแอยังไง ผมก็แค่คนธรรมดา”
เขาปกติ สิ่งที่ผิดปกติคือ คือพี่ชายใหญ่ที่แข็งแรงเกินไป
ไม่มีใครเหมือนเขา เขาสามารถเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวได้ทุกแขนง และเขายังแข็งแกร่งมากเกินไป
“นายต้องออกกําลังกายเพิ่มอีก ครั้งต่อไปนายจะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้เมื่อถูกลักพาตัว”
“ผมคิดว่าผมไม่เป็นไร อีหลิงเธอคิดว่าไง”
เจี่ยนอี้เฉินขอความเห็นชอบจากเจียนอีหลิง
“อือ ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงตอบ
เจียนหยู่หมินพูดแทรกทันที “อย่าแม้แต่จะถามอีหลิงก็บอกพี่น้องคนอื่นแบบนี้เหมือนกันนั้นแหละ เธอทนไม่ได้ที่จะทําร้ายหัวใจของนาย”
เจี่ยนอี้เฉินกําลังจะยิ้ม แต่ทว่าเมื่อเขาได้ยินคําพูดของเจี่ยนหยู่หมินก็ขมวดคิ้วทัน
“หยู่หมินนายพูดจริงเหรอ?”
“อืม ฉันพูดจริง ถ้าไม่เชื่อก็ถามหยู่เฉียได้” เจี่ยนหยู่หมินตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้นเจี่ยนอี้เฉินก็ยิ่งหงุดหงิด
เจี่ยนหยู่เจียมองดูใบหน้าที่เศร้าโศกของเจี่ยนอี้เฉิน เขาไม่ต้องการใช้คําพูดโจมตีเขา แต่ทว่าสิ่งที่เจี่ยนหยู่หมินพูดนั้นก็เป็นความจริงเช่นเดียวกัน
“อาาา พวกนายรังแกฉันกันหมด” เจี่ยนอี้เฉินบ่น
“เลิกเสแสรั้งได้แล้ว ฉันรู้ว่านายเป็นยังไง”
เจียนอี้เพิ่งพูดอย่างไร้ความปราณี
“นายคือพี่ชายฉันจริงๆเหรอ” เจี่ยนอี้เฉินบ่น
ท่าทางของเจี่ยนอี้เหิงยังคงจริงจังและเยือกเย็นต่อไป เขาไม่ค่อยพอใจกับค่าพูดของเจี้ยนอี้เฉินเท่าไรนัก
“ใช่ ฉันเป็นพี่ชายของนายถึงอยากให้นายแข็งแกร่งขึ้น ไม่เช่นนั้น ครั้งต่อไปถ้าสิ่ง นี้เกิดขึ้นอีก ก็ยากที่จะบอกว่านายจะยังมีชีวิตรอดได้”
เจี่ยนอี้เหิงจริงจังทุกครั้งที่ทําหรือพูดอะไร บุคลิกเขาแตกต่างจากของเจี่ยนอี้เฉินอย่างสิ้นเชิง
บทที่ 698 อาหารของอีหลิงสุดยอดมาก 1
ประคับประคองกันไปด้วยนะครับ ผู้แปลจะได้อยู่จนจบเรื่อง
เมื่อได้ยินแบบนี้เจี่ยนอี้เฉินก็พูดว่า “พี่ชายใหญ่ ได้โปรดยอมแพ้เสียเถอะพี่ก็รู้จักผมดี ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมไม่สามารถมีร่างกายที่แข็งแรงได้ มันเป็นไปไม่ได้สําหรับผม ยิ่งไปกว่านั้นผมเป็นพี่สาวของอีหลิง นายทั้งเจ็ดคนก็รับผิดชอบในเรื่องแฟนหนุ่มไป ส่วนอีหลิงและฉันจะรับผิดชอบในความสวยงามเหมือนกับดอกไม้เอง”
“อีหลิงรับผิดชอบความสวยได้ ส่วนนายก็รับผิดชอบในการเป็นดอกไม้ได้” ในสายตาของเจี่ยนหยู่หมิน ดอกไม้ เป็นดาราตลกที่เห็นในรายการโทรทัศน์ พวกเธอแต่งหน้าจัดมาก แต่ก็ยังน่าเกลียดอยู่ดี
“พี่หยู่หมิน ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็หาแฟนไม่ได้แล้ว “เจี้ยนอี้เฉินพูดพลางมองเจี่ยนหยู่หมินด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่
“พูดราวกับว่านายกําลังจะมีแฟน” เจียนหยู่หมินตอกกลับเสียงดังมาก
ยังไงก็ตามยังไม่มีใครมีแฟนทั้งนั้น ดังนั้นอย่าดูถูกใครเลย
เจี่ยนหยู่เจียรีบพูดว่า “ฉันยังเด็ก อย่ามองที่ฉัน
เจียนอี้เฉินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันก็ยังเด็กเหมือนกัน”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ช่างไร้ยางอาย
จากนั้นเจี้ยนอี้เฉินถามเจี่ยนอี้เหิงว่า “พี่ชายใหญ่ พี่พลาดงานหมั้นของอีหลิง พี่ไม่ต้องให้ของขวัญกับเธอเพื่อชดเชยเหรอ”
เจียนอี้เฉินต้องการให้เจี้ยนอี้เพิ่งพูดกับเจี้ยนอีหลิงสักหน่อย
“ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญมา” เจี่ยนอี้เหิงตอบ
เจี่ยนอี้เฉินรีบหาข้ออ้างให้พี่ชาย “อาา…เป็นเพราะพี่ยุ่งเกินไปสินะ พี่อยู่ในเขตสงครามน อาจมีทรัพยากรไม่มากนัก
อันที่จริง คงอภัยให้ไม่ได้ที่เจี้ยนอี้เหิงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ แต่ยังไงก็ตามชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อในเขตสงคราม คงไม่มีเวลาที่ไหนมาเตรียมของขวัญหรอก
“อืม ฉันยุ่งจนลืม” เจี่ยนอี้เพิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา
จากนั้นเจียนอี้เหิงก็หันหน้ามามองเจียนอีหลิง
เจียนอี้เพิ่งจํารูปร่างหน้าตาของเจี่ยนอีหลิงได้ไม่ชัดเจนนัก ตอนนั้นดูเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ
ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ต่างไปจากเดิม ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่รู้สึกได้ว่าถ้าไม่ระวังอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
ในทางตรงกันข้าม น้องชายดูแข็งแกร่งกว่ามาก
สายตาของเจี่ยนอี้เหิงจ้องไปที่เจียนอหลิงเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้น สายตาก็เลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับเจียนอี้เหิง คนอื่นจึงตัดสินใจไปทานอาหารเย็นกับเขา
เจียนอหลิงลงมือทําอาหารเย็นให้กับพี่น้องของเธอเอง
รอบนี้เจี่ยนอีหลิงเตรียมหมูทอด ไก่พริกไทย ปลาเปรี้ยวหวานกับผักกาดดอง เนื้อสันในกระทะร้อนๆ ใบมันเทศผัด ซุปหมูสามชั้น
เพราะเจี่ยนอี้เหิงชอบกินเนื้อ ถึงแม้ว่าเขาจะกินมังสวิรัติด้วย แต่เขาชอบกินเนื้อ มากกว่า
เนื่องจากมีครัวแบบเปิดอยู่ในบ้านของเจี่ยนอี้เฉิน เจี่ยนอี้เพิ่งจึงเห็นเจี่ยนอีหลิง ขณะทําอาหารได้
เจียนอี้เหิงกําลังถือนิตยสารอยู่ในมือ สีหน้าเขายังคงจริงจัง ยังไงก็ตามเขาจะเหลือบมองไปทางห้องครัวตลอด
ในขณะเดียวกัน จมูกของเขาก็ได้กลิ่นของอาหารที่เจี่ยนอีหลิงกําลังทํา
ด้วยฝีมือการทําอาหารของเจี่ยนอีหลิง กลิ่นหอมเริ่มเย้ายวนและกระตุ้นต่อมรับรส ของผู้คน
เขากลืนน้ําลายโดยไม่รู้ตัว
เจียนอี้เพิ่งเริ่มฟุ้งซ่านและเสียสมาธิเล็กน้อย
เขาดูตั้งหน้าตั้งตารออาหารเย็นวันนี้นิดหน่อย
ขณะนําอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ เจี่ยนอี้เหิงก็พบว่ามีอาหารโปรดของเขาเต็มโต๊ะ ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เจี่ยนอี้เหิงไม่ใช่จุกจิก เมื่อคราวที่แล้วเขาอยู่ในเขตสงคราม อาหารไม่ค่อยจะสดเท่าไร เขาก็ยังกินอยู่ดี
แต่ทว่าคนมักจะโหยหาอาหาร ความอยากอาหารเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ และเจียนอี้เหิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
เจียนอี้เพิ่งรีบใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างรวดเร็ว
รสชาติของมันช่างอร่อยเช่นเดียวกับกลิ่นหอมที่เปล่งออกมา
กรอบนอกแต่ข้างในนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นซอสที่เคลือบหมูนั้นกาลังพอดี
อย่าอ่านดึกเกินไปนะรู้ไหม ไม่งั้นจะได้กินมาม่ายามดึก