เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 693-694
บทที่ 693 สเปรยเป็นเจ้าพอมีชายหาโอนและที่ชายหญ่หมิน 3
หลัวซิ่วเฉินได้พูดกับเจี้ยนหยู่หมิน ในขณะที่เธอกําลังแต่งตัวว่า “นอกจากนี้ เราต้องไม่บอกเสี่ยวหลิงเกี่ยวกับเรื่องของเราเมื่อคืนนี้!”
“ทําไมเราถึงบอกให้เสี่ยวหลิงรู้ไม่ได้?” เจี่ยนหยู่หมินถาม
“แน่นอน ว่าฉันบอกให้เธอรู้ไม่ได้! ถ้าหากเธอรู้ว่าฉันได้ทําเรื่องนี้กับพี่ชายของเธอ! เสี่ยวหลิงอาจจะไม่ยอมรับคนอย่างฉันเป็นพี่สาวก็ได้”
“แล้วเธอทําอะไรกับพี่ชายของอีหลิงล่ะ” เจี่ยนหยู่หมินถามขึ้น ในขณะที่เขาขมวดคิ้วและมีสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ทว่า หลัวซิ่วเอินไม่ได้สังเกตเห็นการขมวดคิ้วและความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจียนหยู่หมินแม้แต่น้อย
“คือฉัน…ฉันรังแกพี่ชายเธอ!” หลัวซิ่วเฉินตะโกนออกมาดังลั่น ภายในใจของเธอได้สรุปออกมาแล้วว่า การกระทําเมื่อคืนนี้เกิดจากความมึนเมาของฤทธิ์แอลกอฮอล์ และเธอได้ทําร้ายไอดอลที่เธอชอบมานานหลายปีอย่างโหดเหี้ยม
ดังนั้น เจี่ยนหยู่หมินคือผู้ที่ถูกบังคับและได้รับบาดเจ็บ
อาา นี่มันบาปมาก! ในฐานะที่เป็นแฟนคลับ เธอได้ทําเรื่องดูหมิ่นไอดอลของเธอได้ยังไงกัน!
อาา ต่อจากนี้เป็นต้นไปเธอจะเลิกดื่มอย่างเด็ดขาด จะไม่ดื่มอีกแน่นอน ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็มีความกล้ามากขึ้นจนสามารถทําอะไรก็ได้ เมื่อตัวเธอไร้สติ
หลังจากที่หลัวซิ่วเอ็นแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอก็รีบวิ่งออกจากโรงแรมที่เจี่ยนหยู่หมินพักอยู่อย่างรวดเร็ว
เธอได้ทิ้งอดีตสมาชิกของกลุ่มไอดอลบางคนไว้บนเตียงของโรงแรม จึงทําให้ไอดอลคนนั้น มีสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมแล้ว หลัวจิ๋วเอินก็คิดฟุ้งซ่านและเหม่อลอยตลอดทั้งวัน
เมื่อใดก็ตาม ที่โทรศัพท์มีข้อความเข้าเสียงดังบีบ เธอจะรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อเห็นข้อความจากเจียนอีหลิง หัวใจของเธอก็เต้นแรงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ยังไงก็ตาม ตอนนี้เธอมีความรู้สึกผิด ซึ่งปกติแล้วหลัวซิ่วเอินจะเป็นคนตรงไปตรงมากับการกระทําของตัวเองเสมอ แต่ว่าคราวนี้ เธอพบกับสถานการณ์ที่เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง
เจี่ยนอีหลิงได้ส่งข้อความถึงหลัวซิ่วเฉิน เกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ
“อ๊ะ…เสี่ยวหลิงทําไมเธอถึงมาที่นี่?” เมื่อเห็นเจียนอหลิง หลัวซิ่วเอินก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี และตอนนี้เธอกําลังตกใจเป็นอย่างมาก
การกระทํานี้ทําให้สมาชิกของสถาบันที่ทํางานกับหลัวซิ่วเฉินในเป่ยจิง รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน
นี่ยังเป็นพี่สาวเอินที่พวกเขารู้จักใช่ไหม?
และผู้หญิงคนนี้ ยังเป็นคนเดียวกันกับที่ไม่เคยกลัวอะไรเลยอยู่หรือเปล่า?
และด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขารู้สึกว่าพี่สาวเอินในวันนี้ได้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงอย่างแน่นอน
“การผ่าตัด” เจี่ยนอีหลิงเตือนหลัวซิ่วเฉิน
“โอ้! ใช่ๆ! การผ่าตัด! ว่าแต่วันนี้งั้นเหรอ? โอ้เดี๋ยวนะ เอ่อใช่ เป็นวันนี้จริงๆด้วย”
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หลัววเอินก็โทษตัวเองมากขึ้นไปอีก ทั้งๆที่รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงก่าลังจะทําการผ่าตัดในวันนี้ แล้วทําไมเมื่อวานเธอถึงได้ดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนั้น
อ๊ะ…จริงสิ!
แต่ทว่า การผ่าตัดของเจียนอีหลิงในวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับหลัวซิ่วเฉินมากนัก อีกทั้งหลัวซิ่วเอินก็ไม่ได้เข้าร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดื่มมากแค่ไหนก็ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งใดเลย
เนื่องจากตัวตนของเจี่ยนอีหลิงได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว เธอจึงไม่จําเป็นต้องเตรียมการเป็นพิเศษสําหรับการผ่าตัดอีกต่อไป
จึงทําให้สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย สามารถเห็นและพูดคุยกับเจี้ยนอีหลิงได้
ระหว่างทางไปห้องผ่าตัด หลัวซิ่วเฉินได้ถามเจียนอีหลิงอย่างตะกุกตะกักว่า “เสี่ยวหลิงถ้ามีคนอยากเป็นพี่สะใภ้เธอ เธอจะตอบเขาว่ายังไงงั้นเหรอ?”
การพูดออกมาแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไรนัก
โดยปกติแล้ว หลัวซิ่วเอินจะไม่พูดแบบนี้ออกมาเด็ดขาด
เมื่อได้ยินคําถามนั้น เจียนอีหลิงก็ตอบว่า “คําตอบมีสองแบบที่แตกต่างกันออกไป”
“ทําไมถึงมีสองแบบงั้นเหรอ?” หลัวซิ่วเอ็นรีบถามทันที
“สําหรับคนดีและคนไม่ดี”
หลัวซิ่วเฉินหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคนอย่างเธอถือว่าเป็นคนดีใช่ไหม?
ไม่ใช่ว่าเธอหลงตัวเอง แต่ว่านอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้แล้ว เธอได้ปฏิบัติต่อพี่น้องตระกูลเจี้ยนค่อนข้างดีเสมอมา
แต่เพื่อไม่ให้เจี่ยนอีหลิงเกิดความสงสัยในคาถามดังกล่าว หลัวซิ่วเอ็นจึงตั้งใจจะสอบถามทั้งสองสถานการณ์
“อืม…แล้วถ้าเป็นคนไม่ดีเธอจะทํายังไง?”
“ฉันจะจัดการกับพวกเธอ และจะไม่ให้มีโอกาสเข้าใกล้พี่ชายของฉันเด็ดขาด”
เจียนอีหลิงต้องการปกป้องตระกูลเจียน
ถ้าเป็นคนที่มีเจตนาไม่ดี เจี่ยนอีหลิงจะไม่ปล่อยให้เธอคนนั้นอยู่เคียงข้างพี่ชาย
ของเธออย่างแน่นอน
บทที่ 694 พี่สาวเอินและพี่ชายหญ่หมิน 4
“แล้ว ถ้าเป็นคนดีล่ะ?” หลัวซิ่วเอินยังคงถามต่อ
“ฉันก็จะขอให้เธอโชคดี” เจียนอีหลิงตอบ
“ขอ…ขอให้เธอโชคดีงั้นเหรอ?” หลัวซิวเอินถามย้ําอีกรอบ แล้วเธอก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามอีกครั้งว่า “แล้วถ้าปกติเธอเป็นคนดี แต่กลับทําอะไรที่ไม่ดีมาบ้างล่ะ?”
“อะไรที่เรียกว่าไม่ดี?”
“ยกตัวอย่างเช่น…รังแกพี่ชายของเธอ”
“พวกเธอจะรังแกพี่ชายฉันได้ยังไง?”
เมื่อพูดถึงสิ่งเหล่านี้ เจี้ยนอีหลิงก็ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อนํามาวิเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งการตัดสินของเธอขึ้นอยู่กับขอบเขตของเรื่องที่เกิดขึ้น
และตามที่หลัวซิ่วเฉินได้พูดออกมานั้น เป็นเพียงลักษณะโดยทั่วไป จึงทําให้เจี่ยนอีหลิงไม่สามารถให้ค่าตอบที่ถูกต้องได้
“อาา..เกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง..ที่จริงแล้ว เธออย่ามองเข้าไปในสถานการณ์มากเกินไป ผู้หญิงคนนั้นแค่รังแก…พี่ชายของเธอเท่านั้น..” จนถึงตอนนี้ หลัวซิ่วเอินเกือบจะพูดติดอ่าง
แล้วเธอจะอธิบายสถานการณ์ให้ที่รักฟังได้ยังไงกัน!
เธอจะให้อีหลิงรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ในทางกลับกัน เจี่ยนหยู่หมินมีสีหน้าไม่พอใจตลอดทั้งวัน
และสิ่งนี้ ทําให้น้องชายของเขา เจี่ยนหยู่เจียรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
“พี่ใหญ่ วันนี้เป็นอะไรไป หรือว่ายังเป็นห่วงเรื่องของเสี่ยวหลิงอยู่เหรอ?”
“หยู่เจีย ตอนนี้ฉันไม่มีเสน่ห์แล้วงั้นเหรอ?”
“หือ?” เจี่ยนหยู่เจี้ยมองไปที่เจี่ยนหยู่หมินด้วยสีหน้างุนงง
พี่ชายของเขาเคยเป็นอดีตสมาชิกของกลุ่มไอดอล ทําไมเขาถึงสงสัยในเสน่ห์ของตัวเอง?
และยิ่งไปกว่านั้น เขามีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ?
“ตอนนี้ฉันแก่แล้วเหรอ? หรือว่าฉันกลายเป็นคนขี้เหร่ไปแล้ว?” เจี่ยนหยู่หมินถามขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้น เจี่ยนหยู่หมินก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเปิดกล้องหน้าเพื่อถ่ายรูปตัวเอง
หลังจากที่ดูภาพแล้ว เจี่ยนหยู่หมินรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเขายังปกติดีทุกอย่าง
ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังดูดีมากกว่าเมื่อตอนที่ตัวเองยังเด็ก
แต่อย่างน้อยในวัยนั้น เขาไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าเหมือนในตอนนี้
“พี่ชาย…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจี่ยนหยู่เอี่ยถามด้วยสีหน้าสับสน
ราวกับมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่ชายของเขา…
“ใช่ๆ วันนี้ฉันจะไปร้านขนมหวานกับเสี่ยวหลิง พี่จะไปด้วยกันไหม?”
“ไปสิ!”
เขาต้องไปแน่นอน
แล้ว…
หลังการผ่าตัด เจี่ยนอีหลิงก็พาหลัวซิ่วเอินไปด้วย ในทางตรงกันข้ามเจี่ยนหยู่เจียก็พาเจียนหยู่หมินไปด้วยเช่นกัน
และแล้ว ทั้งสี่ก็ปรากฏตัวพร้อมกันที่ร้านขนม
ทันทีที่หลัวซิวเอ็นเห็นเจียนหยู่หมิน เธอก็รู้สึกเหมือนกาลังจะตาย
เจี่ยนหยู่หมินยังคงขมวดคิ้ว เขายังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าที่ผ่านมา
แต่ทว่า เจี่ยนหยู่เงียและเจี่ยนอีหลิงไม่ได้สังเกตท่าทางของทั้งสอง ในทางกลับกัน พวกเขากําลังจดจ่ออยู่กับการลองชิมขนมหวานหลากหลายประเภท
เนื่องจากพื้นที่ในท้องเธอมีจํากัด เจียนอหลิงจึงสามารถลองของหวานได้ในจำนวนจํากัดเท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งที่เขี่ยนหยู่เงียไปกับเจียนอีหลิง เขาต้องการแน่ใจว่าเธอจะสามารถกินสิ่งที่เธอชอบได้มากขึ้นกว่าเดิม
“เสี่ยวหลิงลองชิ้นนี้สิ ชิ้นนี้อร่อยมากไม่หวานด้วย”
“อือ”
เจียนอีหลิงลองขนมที่เจี่ยนหยู่เงียแนะน่าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้น เจียนหยู่เจียก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ชิ้นนี้ก็ดีเหมือนกันนะ มันหวานแต่ก็มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน”
“อื้อ”
“อาา…ชิ้นนี้ไม่อร่อยเท่าไร มันหวานเกินไป”
“อื้อ”
และด้วยเหตุนี้ เจียนอีหลิงจึงหลีกเลี่ยงขนมชิ้นนั้น
ในทางตรงกันข้าม หลัวซิ่วเอินก้มหน้ามองพื้นโต๊ะอยู่ตลอดเวลา
ทันใดนั้น เจี่ยนหยู่หมินก็ถามขึ้นมาว่า “หยู่เจี้ย เสี่ยวหลิง พวกเธอคิดว่าคนๆหนึ่งควรรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาทําลงไปหรือไม่? มันจะดีงั้นเหรอ ถ้าคนๆนั้นไม่รับผิดชอบต่อการกระทําของตัวเอง?”
“ต้องรับผิดชอบสิ” เจียนหยู่เจี๊ยตอบ เขาไม่รู้ว่าเจียนหยู่หมินกําลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขาแค่แสดงความคิดเห็นต่อค่าถามของเจียนหย่หมินเท่านั้น
“อือ” เจียนอหลิงก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ ไม่ใช่” หลัวซิ่วเฉินรีบพูดขึ้นทันที “ไม่มีใครที่ไม่เคยทําผิด ทุกคนล้วนเคยทําผิดพลาดมาก่อนทั้งนั้น ถ้าหากเธอผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง ก็สมควรจะได้รับการให้อภัยใช่ไหม?”