เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 689-690
บทที่ 689 ฉันเป็นแค่ขยะ
ทันทีที่รู้ว่าเจียนอหลิงเจอปัญหา ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยเธอ
เจียนอหลิงตอบกลับ [พวกเขาเป็นคนเข้มแข็ง พวกเขาจะไม่เสียใจ
[พวกเขามีแค่ร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้น ยังไงก็ตามหัวใจของพวกเขาเปราะบางเหลือเกิน อันที่จริง หัวใจพวกเขาเปราะบางเหมือนกับแก้ว เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเธอหมั้น พวกเขาก็ไม่มีแรงที่จะทํางานอีกต่อไป พลังการต่อสู้ของกลุ่มฉันคงลดลงแน่ๆ]
เจียนอหลิงรู้ว่าหัวหน้าทีมหร่วนพูดเกินจริงและกําลังล้อเล่น เธอตอบกลับว่า [ขอให้โชคดี]
เมื่อได้รับการตอบกลับนี้หัวหน้าทีมหร่วนจึงส่งข้อความถึงเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง [งั้นถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา บอกพวกเราได้เลยไม่ต้องเกรงใจ
[โอเค]
อีกอย่าง ที่พวกเราตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลฉิน ฉันส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไปที่คอมพิวเตอร์ของเธอแล้วนะ หัวหน้าทีมหร่วนไม่ลืมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของเจียนอีหลิง เขารู้ว่าเธอเป็นห่วงพี่ชายของเธอมาก
[โอเค]
จากนั้นเจี้ยนอีหลิงก็วางโทรศัพท์ลง เธอเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านรายละเอียดที่หัวหน้าทีมหร่วนส่งให้
หูเจียวเจียวและอันหยางมาถึงบ้านของเจี่ยนอีหลิง
“อีหลิง เธอยอดเยี่ยมมาก”
ใบหน้าของหูเจียวเจียวเต็มไปด้วยความชื่นชม พวกเขาเพิ่งรู้ว่าเจียนอีหลิงคือ Dr.F.S
จากนั้น หูเจียวเจียวก็ก้มหน้าลงก่อนจะพูดว่า “อาา เธออย่าเอามาเปรียบเทียบกันเลยนะ ถ้าเธอทํา…ฉันมันก็แค่ขยะ…”
อันหยางหัวเราะเมื่อเขาได้ยินอย่างนี้ “ยืม ไม่แปลกใจเลย นอกจากการนอนและกินแล้ว เธอทําอะไรอีก? เธอง่วงนอนทั้งตอนเช้า กลางวัน หรือแม้กระทั่งตอนกลางคืน”
เมื่อได้ยินดังนั้น หูเจียวเจียวก็ตอกกลับว่า “อืม ความง่วงเป็นสัญชาตญาณของม นุษย์! ฉันแค่ทําตามสัญชาตญาณของร่างกายแค่นั้น!”
“ฉันคิดว่าคติก่อนสอบเข้าวิทยาลัยของเธอคือ ทําไมถึงต้องนอนเมื่อยังมีชีวิตอยู่? เราสามารถนอนหลับได้เมื่อตายไปแล้ว เธอเปลี่ยนคติหลังจากสอบเข้าวิทยาลัยไปแล้วงั้นเหรอ?”
ในตอนนั้น หูเจียวเจียวเขียนบทนี้ทุกครั้งที่รู้สึกง่วง เพราะถึงแม้จะพยายามเรียนหนังสือ แต่ก็รู้สึกง่วงทุกครั้งที่ต้องอ่านอะไรสักอย่าง
หเจียวเจียวพยายามอธิบายว่า “ฉันไม่ได้เปลี่ยน ฉันแค่วางแผนที่จะนอน เมื่อฉันตื่นขึ้น ฉันก็จะฟื้นคืนชีพ! นั่นคือชีวิตใหม่สําหรับฉัน!”
อันหยางยอมรับ “อาา…ฉันชนะเธอไม่ได้เลยสินะ”
ระดับภาษาจีนที่หูเจียวเจียวชอบใช้มักจะเป็นระดับสูง
แม้ว่าอันหยางและหูเจียวเจียวจะดูเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ว่าความ สัมพันธ์ของพวกเขาก็ดําเนินไปได้ด้วยดี
ขณะที่เจี่ยนอีหลิงมองพวกเขา รอยยิ้มที่หายากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ
หลังจากนั้น อันหยางก็พูดว่า “ว่าแต่บอส ฉันได้ยินจากลุงว่าเธอเป็นผู้นําตระกูลหญิงของตระกูลจําย แต่ไม่ว่ายังไง บางคนก็ยังดูถูกเธออยู่เลย ยิ่งไปกว่านั้นบางคนก็กําลังพูดลับหลังเธออยู่”
สิ่งนี้ทําให้อันหยางโกรธมาก แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้อยู่ดี
เขาไม่สามารถสู้กับคนจากครอบครัวที่มีอํานาจได้
ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังคงโกรธมากๆอยู่ดี คนเหล่านั้นพูดเหมือนกับว่าตัวเองมีค่าคู่ควรที่จะหมั้นกับนายท่านเชิง
ถ้าฉันไม่สามารถกินองุ่นได้ ฉันก็แค่มองหาความผิดของคนที่กินองุ่น เพราะฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร
บางครั้ง การเกิดและมีฐานะทางสังคมก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ถึงยังไงพวกเขาก็ยังชอบพูดจาลับหลังกันอยู่ดี
สิ่งนี้ทําให้อันหยางและหูเจียวเจียวโกรธเป็นอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นกับเจียนอหลิงบ้าง?
พวกเขาไม่รู้จักเจียนอีหลิงด้วยซ้ํา
“ถือ” เจียนอหลิงตอบ
“บอส เธออยากให้พวกเราทําอะไรให้เธอไหม?”
“ใช่ๆ”
อันหยางและหูเจียวเจียวมองเจียนอหลิงด้วยความคาดหวัง
บทที่ 690 พริกบอกว่านี่จะทําให้เธอมีความสุข
“ไม่ ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอไม่ได้สนใจว่าพูดในอินเทอร์เน็ตเลย
“ไม่เป็นไรหมายความว่ายังไง? ฉันเป็นลูกน้อง! ให้ฉันจัดการเรื่องพวกนี้เถอะ! นี่คือหน้าที่ของฉัน!”
อันหยางประกาศอย่างแน่วแน่ถึงบทบาทของเขาในฐานะ “ลูกน้อง”
แต่ทว่า ที่บอกว่าเขาเป็นลูกน้อง ค่าพูดของเขาหนักแน่นและมั่นใจ ฟังดูเหมือนว่าเขาเป็นเจ้านาย
“ใช่ ใช่” หูเจียวเจียวเห็นด้วยและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“นี่…พวกเธอคิดจะทําอะไร?” เจียนอีหลิงถาม
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
อันหยางกล่าวว่า “เราได้ระดมความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว! เราจะแอบรวบรวมข้อมูลของคนที่พูดถึงเธอลับหลัง จากนั้น เราจะขอให้แฮ็กเกอร์เผยแพร่ข้อมูล”
อันหยางคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาแค่ยังไม่ลงมือทําตามแผนที่วางไว้
หูเจียวเจียวพูดเสริมอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เราจะหาบุคคลที่มีชื่อเสียงบนอินเทอร์เน็ตมาโพสต์อะไรบางอย่าง! เราจะทําให้พวกเขาเข้าใจว่าไม่ใช่เธอที่ไม่คู่ควรกับนายท่านเชิง แต่เป็นนายท่านเชิงต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเธอ!”
หเจียวเจียวและอันหยางไม่ได้มีไอเดียดีๆเป็นพิเศษ แต่พวกเขาก็ต้องการตอบแทนบุญคุณให้แก่บุคคลที่ซ่อนตัวอยู่หลังจอ
อันหยางพูดต่อ “นายท่านเชิงมีอะไรดียังงั้นเหรอ? เขาแค่เกิดมาในตระกูลที่ดี! เขาไม่คู่ควรกับบอส! พวกเขากล้าดียังไงที่มาบอกว่าบอสของฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่หมั้น?!”
เมื่ออันหยางพูดจบ สองคนตรงหน้าเขาก็ไม่พูดอะไรต่อไปอีก
“เป็นอะไรไป? ทําไมพวกเธอมองฉันแบบนั้น? ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”
“พวกเขาคงมองมาที่ฉัน”
เสียงของจํายหวินเชิงดังมาจากด้านหลังของอันหยาง
อันหยางกลายเป็นหินทันที
อาา ดูเหมือนว่าจํายหวินเชิงจะอยู่ที่บ้านด้วยสินะ
แต่ทว่า ในตอนที่เขาไม่ได้ออกมา อันหยางคงเข้าใจผิดคิดว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
“นายท่าน…นายท่านเชิง…” อันหยางพูดตะกุกตะกักและค่อยๆหันกลับมา เมื่อเห็นยิ้มอ่อนๆของจํายหวินเชิง อันหยางถึงกับกลืนน้ําลายหนึ่งอีก
จํายหวินเพิ่งยิ้มให้อันหยางต่อ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
สิ่งนี้ทําให้อันหยางกังวลเหลือเกิน
ไม่ว่าเมื่อกี้นี้เขาจะพูดตรงไปตรงมาแค่ไหน แต่เขาก็ยังพูดถึงนายท่านเชิงอยู่ดี! มีใครในเป่ยจิงบ้างที่ไม่รู้ว่าอย่าทําให้นายท่านเชิงต้องขุ่นเคือง?
“นายท่านเชิง..ผม…ผมพูดไร้สาระเมื่อกี้นี้… ผม…” อันหยางพูดตะกุกตะกัก เขาค่อนข้างกลัว
รอยยิ้มของจํายหวินเจิ่งน่ากลัวเกินไปแล้ว
อาา เขารู้ว่าเขาทําผิด
ณ เวลานี้ อันหยางจุดธูปสามดอกอย่างเงียบๆในความคิด
บางที วันนี้ในปีหน้าอาจจะเป็นวันครบรอบการจากไปของเขา
เมื่ออันหยางรู้สึกเหมือนหัวใจกําลังจะวาย สายตาของจ่ายหวินเชิงกละออกจากร่างกายของเขา
ทันใดนั้น อันหยางก็รู้สึกเหมือนกลับมีชีวิตอีกครั้ง
อันหยางและหูเจียวเจียวอยู่กับเจี่ยนอีหลิงสักพักก่อนจะกลับไป
หลังจากที่พวกเขากลับไป เจี่ยนอีหลิงและจํายหวินเชิงก็กลับไปที่ห้องทํางานและทํางานต่อ
ปกติแล้ว ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ทว่าความสัมพันธ์ก็ยังกลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
สําหรับจํายหวินเชิง มิตรภาพที่เงียบสงบนี้เป็นความหรูหราที่ได้รับมาอย่างยากล่าบาก
ผ่านไปสักพัก จยหวินเชิงก็ลุกขึ้นไปเทน้ําดื่ม ตอนที่เขาเดินกลับ เขาก็ผ่านฝั่งของเจี้ยนอีหลิง
“รอเดี๋ยว” เจี่ยนอีหลิงเรียกจ่ายหวินเชิงเอาไว้
จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นและกางแขนออก ก่อนจะโอบแขนของเธอไปรอบๆจํายหวินเชิง
แขนเธอโอบรอบเอวเขาไว้
“ทํา…ท่าอะไรน่ะ?”จํายหวินเชิงถาม เขาตกใจกับการกระทําของเจี่ยนอีหลิงอย่า
งกะทันหันนี้
มือข้างหนึ่งยังคงถือแก้วน้ําอยู่ เขาไม่รู้ว่าจะวางมืออีกข้างไว้ที่ไหน
“พริกบอกให้ฉันกอดนายบ่อยๆ เธอบอกว่านี้จะทําให้นายมีความสุข ไม่ว่ายังไง นายก็คือคู่หมั้นของฉัน”
“พริกพูดอย่างนั้นเหรอ?”