เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 673-674
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 673 นกกระจอกกลายเป็นหงส์
ขณะที่เธอพูดแบบนี้ ไช่ชิงเยว่ก็หยุดชะงักทันที
ไม่มีใครเคยเห็นท่านผู้เฒ่าจ่าย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครรู้ว่าท่านผู้เฒ่ายหน้าตาเป็นยังไง
“เป็นไปไม่ได้…” เป็นชั่วพูด “ตระกูลจ่ายเป็นตระกูลที่มีอํานาจมาก…พวกเขาจะเกี่ยวข้อ งกับเจียนอหลิงได้ยังไง…”
“ใช่ มันค่อนข้างน่าประหลาดใจ อย่างไรก็ตามข่าวแพร่กระจายไปแล้ว ไม่มีใครกล้าสร้างข่าว เกี่ยวกับตระกูลจําย ดังนั้นข่าวนี้จึงเป็นเรื่องจริงเท่านั้น”
จุสื่อโม่มั่นค่อนข้างใจมากว่าที่มาของข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ
ถ้าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม ตระกูลยี่คงจัดการไปนานแล้ว
พวกเขาคงจะไม่ยอมให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเป่ยจิงแน่
สีหน้าของไปชิงเยวและใบหน้าของเวินรั่วแข็งที่อ
เจียนอีหลิงกําลังจะหมั้นกับจํายหวินเจ๋งจริงเหรอ?
เธอจะกลายเป็นว่าที่ภรรยาของนายท่านเชิงจริงๆเหรอ?
ไม่มีผู้หญิงในตระกูลจํายดังนั้น ถ้าเจี้ยนอหลังแต่งงานเข้าตระกูลจําย เธอจะกลายเป็นผู้นําตระกูลหญิงของตระกูลจํายอย่างแน่นอน
จากเด็กผู้หญิงจากครอบครัวเล็กๆในเมืองเหิงหยวนที่ไม่รู้จัก กลับกลายมาเป็นผู้นําตระกูลหญิงของตระกูลยี่ที่โด่งดังที่สุดในเป่ยจิง…
นกกระจอกที่กําลังจะกลายเป็นหงส์งั้นเหรอ…?
สีหน้าของเวินรั่วและไช่ชิงเยวนั้นบิดเบี้ยว
เมื่อเห็นท่าทางของไช่ชิงเยวและเป็นรั่วแล้ว จสื่อโม่ก็รู้ทันทีว่าเป็นรั่วไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังข่าวนี้จากเขา แต่เธอไม่รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นข่าวดีสําหรับจสื่อโม่
เนื่องจากเป็นรั่วเป็นญาติของเจี้ยนอหลิง หากเขาออกเดทกับเงินรั่วและแต่งงานกับเงินรั่วในอนาคต นั่นหมายความว่าเขาจะเป็นคู่เขยกับจํายหวินเชิง
ความสัมพันธ์นี้จะทําให้เขาใกล้ชิดกับตระกูลจํายมากขึ้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สายตาของสื่อโม่ที่มองเวินรั่วยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดไปชิงเยว่และเวินรั่วก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
เนื่องจากจุสื่อโม่อยู่ตรงหน้า พวกเขาทั้งสองจึงพูดอะไรมากไม่ได้
หลังจากที่เมื่อจุสื่อโม่ออกไป ไช่ชิงเยว่ก็ขว้างแก้วลงพื้นด้วยความโกรธ
หลังจากที่เป็นเฉิงตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินว่าหลานสาวเป็นคนช่วยเขาไว้ เมื่อได้ยินแบบนี้เขารู้สึกตกใจมากเหลือเกิน
เมื่อเห็นเจียนอหลิงมาเยี่ยม เขาก็จับมือของเจียนอีหลิงน้ําตาค่อยๆเริ่มไหล
“อีหลิง เธอช่วยชีวิตลงไว้ ลุงไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ” เป็นเฉิงเริ่มต้น พันคํายังน้อยเกินไปที่จะแสดงความขอบคุณในใจ
“ไม่เป็นไร ลุงดีกับฉัน” เจียนอหลิงตอบอย่างจริงจัง
“ที่ไหนล่ะ ลุงไม่ค่อยดีกับเธอเลย” เป็นเฉิงคร่ําครวญ
นอกจากการส่งของขวัญในช่วงวันหยุด เว้นเฉิงไม่ได้ทําอะไรให้ตระกูลเจียนมากนัก
เหตุผลหลักคือเพราะเขายุ่งกับธุรกิจมาก ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองครอบครัวอยู่ไกลกันมาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้พบปะกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่เขาส่งไปในตอนนั้น จริงๆแล้วเป็นเงินที่เขาติดหนี้ของน้องสาว
มันไม่ดีพอสําหรับหลานสาวและหลานชายด้วยซ้ํา
“ลุงปฏิบัติต่อฉันดีมากๆ” เจียนอหลิงเน้นย่า
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเวินเฉิงก็เริ่มปวดเล็กน้อย
ขณะที่มองดูหลานสาว ความรู้สึกอบอุ่นก็แล่นเข้ามาในหัวใจเขา
งานเลี้ยงหมั้นของจํายหวินเชิงและเจี่ยนอีหลิงได้ถูกกําหนดขึ้นในวันที่ 23 ของเดือนนี้
ตามความปรารถนาของจํายหวินเชิงและของเจี่ยนอีหลิง พวกเขาคิดจะเชิญแค่คนที่สนิทเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการงานหมั้นที่ใหญ่โต
ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ได้ขอตามนี้ ท่านผู้เฒ่าจ่ายคงคิดจะจัดงานเลี้ยงทั้งสามวันสามคืน
เจียนหยู่โป๊มาถึงเป่ยจิงเมื่อคืนก่อน
เจียนอีหลิงเป็นคนที่ส่งบัตรเชิญถึงเขา
แต่ทว่าเจียนหยู่โป๊ไม่รู้ว่าควรจะมาหรือไม่ เขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเงามืด เขาไม่รู้ว่าจะสามารถเข้าถึงแสงสว่างแห่งเดียวในชีวิตของเขาได้หรือไม่
แต่ในสุดท้ายเขาก็มา นั่นก็เพราะว่าลึกๆในใจเขายังคงโหยหาแสงสว่างนั้น
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่คู่ควรกับแสงสว่างนั้นก็ตาม
บทที่ 674 ฉันจะคอยดูแลเธอ
ในสํานักงานของจํายหวินเชิง
จํายหวินเชิงและเจี่ยนหยู่โปนั่งตรงข้ามกัน ทั้งคู่อยู่ที่หน้าต่างฝรั่งเศส
“นายมันน่ารังเกียจมาก” เจี่ยนหยู่โป๊กล่าว
“ห์” จ่ายหวินเชิงหัวเราะ เขาไม่โกรธความคิดเห็นนี้ “ฉันไม่เคยเป็นคนดี ตระกูลจํายของเราก็ไม่ใช่คนดี นายเองก็เช่นเดียวกัน”
“นายล่อลวงเธอ” เจียนหยู่โป๊กล่าวถึงข้อเท็จจริง
“ใช่ ฉันทํา ฉันยอมรับ” จยหวินเชิงก็ไม่ปฏิเสธ “ฉันหมั้นกับเธอด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังใช้วิธีเหล่านั้นเพื่อให้เธออยู่เคียงข้าง ฉันรู้ว่าเธอจะต้องตอบตกลง”
“เธอรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณนาย และรู้สภาพร่างกายของนายดี เธอต้องการช่วยนาย ดังนั้นจึงได้ตอบตกลง”
“แล้วไง?” จํายหวินเจ๋งมองเจี่ยนหยู่โป๋ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “นายต้องการหยุดฉันไหม?”
“ฉันหยุดนายไม่ได้”
ถ้าทําได้เจี่ยนหยู่โป๊คงจะหยุดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
สําหรับเขา บางครั้งการมีจิตใจแจ่มใสก็เป็นสิ่งก็เจ็บปวดมาก
เขารู้ข้อดีข้อเสีย และรู้ว่าเขาอะไรทําได้ อะไรทําไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของน้องสาว
ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการทําอะไร เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสนับสนุน
จํายหวินเชิงมองไปที่เจี่ยนหยู่โป๋ จากนั้นเขาก็พูดว่า “เธอต้องการให้นายกลับมาจริงๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจี่ยนหยู่โป๊ก็ไปเงียบครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็ตอบอย่างเบาๆว่า “ฉันจะดูแลเธอเอง”
จะคอยเฝ้าดูเธอทุกย่างก้าวในชีวิต
มองดูเธอมีความสุข
สําหรับเขาแค่นี้ก็พอแล้ว
จํายหวินเชิงขบริมฝีปากและยิ้ม อีกความหมายหนึ่งในคําพูดของ เจี้ยนหยู่โคือเขาจะไม่จากไปในครั้งนี้
เขารู้ว่าถ้ากระต่ายน้อยมาได้ยินข่าวนี้คงจะมีความสุขมากแน่ๆ
และด้วยเหตุนี้จํายหวินเจ๋งจึงชวนเจียนหยู่โป๊มาทานอาหารเย็นด้วยกัน
เจียนอีหลิงกําลังทําอาหารด้วยตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่งเจี้ยนหยู่โป๊ก็ตอบตกลง
บางทีส่วนลึกของหัวใจของเขา ก็ยังต้องการเข้าใกล้แสงสว่างแห่งเดียวในชีวิตนั้นมากขึ้นอีกสักนิด
ในตอนเย็นเจี้ยนหยู่โป๊มาถึงอพาร์ตเมนต์ของจํายหวินเชิงอย่างตรงเวลา
เจียนอี้เฉินและถั่วซวินก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เนื่องจากเจียนอี้เฉินอาศัยอยู่ข้างๆเขา จึงรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอพาร์ตเมนต์ของจํายหวินเชิง
นอกจากนี้เขามักจะมาหาของกินบ่อยๆ ใครจะไม่อยากกินฟรีล่ะ?
ทุกครั้งที่อีหลิงทําอาหาร เขาไม่เคยหายไปจากโต๊ะอาหารเย็นเลย
เขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะขัดขวางกันเจี้ยนอหลิงและจํายหวินเซึ่งจากการพบกันเพียงล่าพัง
ดังนั้นคราวนี้ เขาจึงไม่ได้มาคนเดียวแต่ยังลากลั่วซวินมาด้วย
ขณะที่เจียนอหลิงกําลังยุ่งกับการทําอาหารอยู่ในครัว แต่หลายคนในห้องนั่งเล่นต่างคนต่างมีความคิดเห็นส่วนตัว
โดยเฉพาะเจี่ยนอี้เฉิน เขาคอยสนับสนุนให้ลั่วซวินไปที่ครัวเพื่อช่วยเจียนอีหลิง
แต่ทว่า ถั่วซวินตัดสินใจไม่ทําแบบนั้น เขารู้ว่าเจียนอหลิงกําลังจะหมั้นกับจํายหวินเชิง เป็นผลให้เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้
ลั่วซวินมีความประทับใจที่ดีต่อเจียนอีหลิง ยังไงก็ตามเขาเห็นแค่เจียนอหลิงเป็นน้องสาวคนเล็ก ไม่เกี่ยวอะไรกับความรักเลย
เขาต้องการปกป้องเธอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้อยากสร้างปัญหาใดๆ
ดังนั้นแม้ว่าเจียนอี้เฉินได้บอกใปให้เขาทําบางสิ่งหลายครั้งแล้ว แต่ลั่วซวินก็ยังไม่มีการเคลื่อ นไหว
จ่ายหวินเชิงก็เพิกเฉยเจียนอี้เฉินเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเขาจะทําอะไร หัวใจของกระต่ายน้อยจะไม่เต้นเร็วหรือมีความรู้สึกต่อลัวซวิน
เจียนหยู่โปนั่งเงียบๆอีกด้านหนึ่งของห้อง
เจียนอี้เฉินส่งเสียงดังตั้งแต่เด็ก แต่พอโตมาก็ยังไม่เปลี่ยนเลย
แต่ทว่าเสียงและความตื่นเต้นไม่เหมาะกับเจียนหยู่โป๊
เจียนอี้เฉินเหลือบมองที่เจี่ยนหยู่โป๋ เขารู้ว่าเจียนหยู่โป๊เงียบเหมือนเดิม ราวกับว่าเขาถูกรายล้อมหรือจมอยู่ใต้น้ําด้วยบรรยากาศที่โดดเดี่ยว
ชาติที่แล้วเจี่ยนอี้เฉันไม่รู้เหตุผลของเจี่ยนหยู่โป๋ จนกระทั่งหลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น
ยังไงก็ตามตอนนั้นสายเกินไปแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
ตอนนี้ทุกคนยังอยู่ที่นี่ เขายังมีเวลาและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้