เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 669-670
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 669 ถ้างั้นให้ฉันจูบเธอนะ?
บนเตียงพยาบาล ร่างเล็กๆถูกคลุมด้วยผ้าห่มหนา
จํายหวินเชิงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง เขาก้มหน้าลงไปเพื่อมองดูใบหน้าเล็กๆที่ดูเหนื่อยล้า
“เธอควรนอนพักสักหน่อย หลังจากนั้น เธอค่อยไปจัดการกับเรื่องอื่นที่หลัง” จํายหวินเชิงพูดเสียงเบากับเจียนอหลิง
“อืม” เจียนอหลิงตอบก่อนหลับตาลง
เธอรู้ว่าจํายหวินเชิงจะอยู่เคียงข้างเธอ เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอ
หลังจากงบหลับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เจียนอีหลิงก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อเธอลืมตา เธอก็เห็นจํายหวินเชิงทันที
เขายังคงอยู่ที่เดิม
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“อ็ม”
“หิวไหม?”
“อม”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ ฉันจะขอให้ใครไปหาอะไรมาให้เธอกิน”
“อม”
เจียนอหลิงตอบ “อม” สามครั้งติดต่อกัน ราวกับว่าเธอจะตอบแบบนี้ทุกคําถาม
และด้วยเหตุนี้จํายหวินเชิงจึงถามว่า “ถ้างั้นให้ฉันจูบเธอนะ?”
แต่ทว่า เจี่ยนอีหลิงนั้นไม่ยอมโดนหลอก เธอรีบดึงผ้าห่มมาปิดหน้าทันที
เขาช่างไร้ยางอาย
จํายหวินเชิงหัวเราะ “เธอไม่เห็นจะอายเลยสักนิดเมื่อตอนที่ฉันขอให้เธอมาเป็นคู่หมั้น ทําไมตอนนี้เธอถึงอาย? นอกจากนี้เรายังเป็นคู่หมั้นกันแล้วด้วย แน่นอนว่าในอนาคตเราคงได้ทําอะไรมากกว่าจูบ”
“หยุดเลยนะ” เจียนอหลิงส่งเสียงตอบจากใต้ผ้าห่ม ถ้าเขาพูดมากกว่านี้ เธออาจจะเริ่มนึกเสียใจที่ได้หมั้นกับเขา
ที่โรงพยาบาล ทั้งตระกูลเจียนและตระกูลเงินยังไม่จากไป
แม้ว่าชีวิตของเงินเฉิงจะพ้นจากขีดอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังคงอยู่ในห้องไอซียู
โดยตระกูลเป็นรออยู่หน้าห้องไอซียู และทางตระกูลเจี้ยนก็ก่าลังรอเจียนอหลิง
ในตอนนี้เจี่ยนชูฉิง เป็นนวนและเจี่ยนหยุ่นเฉิงต่างคิดทบทวนสิ่งต่างๆมากมาย ความคิดของ พวกเขาแล่นเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
พวกเขามีหลายอย่างที่อยากจะถามกับเจียนอหลิง แต่ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน
ในท้ายที่สุด เจี่ยนหยุ่นเฉิงตัดสินใจโทรหาเจี่ยนหยุ่นโม่
แต่ยังไงก็ตามเห็นได้ชัดว่าเจี่ยนหยุ่นโม่รู้อยู่แล้วว่าเจียนอีหลิงคือ DrFS.
“ใช่ หลิงในตอนนี้มีความสามารถมาก นั่นเป็นเพราะว่าอีหลิงในอดีตที่ไม่มีความสามารถนั้น ไม่มีใครชอบหรือไว้ใจเธอแม้แต่น้อย”
คําพูดของเจี่ยนหยุ่นโม่ ทําให้เจี้ยนหยุ่นเฉิงหยุดชะงัก มือของเจียนหยุ่นเฉิงที่กําลังถือโทรศัพท์เริ่มรู้สึกเย็นขึ้นมา
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็หาเสียงของตัวเองเจอ “เมื่อไหร่นายจะกลับมา? อีหลิงกําลังจะหมั้น”
“ถ้าฉันกลับไปตอนนี้ นายคงต้องเห็นฉันสู้กับจํายหวินเชิงแน่”
เจี่ยนหยุ่นโม่รู้เรื่องหมั้นของน้องสาวแล้ว เจี่ยนอีหลิงบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ยังไงก็ตามแน่นอนว่าเขาไม่มีความสุขเลยสักนิด ไอเจ้าลูกหมาป่านั้นกล้ามาขโมยน้องสาวของเขาไป มันเร็วเกินไป!
นอกจากนั้น เขาเป็นแค่ลูกหมาป่าที่อ่อนแอ
แต่ทว่าเช่นเดียวกับย่าเจี่ยน เจี่ยนหยุ่นโม่นั้นไม่อยากทําร้ายหัวใจของเจียนอหลิง ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรและไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของเธอ
ยังไงก็ตาม ถ้าเขาได้เห็นจํายหวินเชิงด้วยตัวเอง
คงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
ดังนั้น เจี่ยนหยุ่นโม่จึงตัดสินใจไม่กลับมาในขณะนี้
“ฉันเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองด้วย” เจี่ยนหยุ่นเฉิงตอบ
“ฝากดูแลน้องสาวเราด้วย”
จากนั้น การโทรระหว่างเคี่ยนหยุ่นเฉิงและเจียนหยุ่นโม่ก็สิ้นสุดลง
สิบนาที่ผ่านไป
ในที่สุดเจี่ยนอีหลิงก็ออกจากห้องที่เธออยู่
“อีหลิง..” เป็นนวนร้องเรียกขณะที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปวดใจ จ้องมองไปที่ลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“หนูไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง” เจียนอีหลิงตอบ
“อือ..” เป็นนวนตอบขณะที่ตาของเธอเริ่มแดงอีกครั้ง
ค่าพูดของลูกสาวทําให้เธอโล่งใจและเศร้าในเวลาเดียวกัน
“อีหลิง ชีวิตของลุงพ้นขีดอันตรายแล้ว นี่เป็นเพราะความพยายามของลูก” เจียนชูจึงกล่าว
“นั้นคือสิ่งที่ควรจะทํา เขาเป็นคนที่ห่วงฉันมาก” เฉียนหลงกล่าว เธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและความรักของเวินเฉิงที่มีต่อเธอ
บทที่ 670 ด็อกเตอร์จู่เคียดแค้น
ขณะที่เป็นเฉิงห่วงใยเธอ เจียนอีหลิงก็ไม่รีรอที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของเงินเฉิง
สิ่งนี้ทําให้เจี่ยนชูฉิง และเป็นน่วนต่างก็ภูมิใจแต่ก็รู้สึกเศร้าไม่น้อยเลย
พวกเขาภูมิใจที่ลูกสาวมีความสามารถมาก ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
พวกเขายังต้องการให้เธอเป็นแค่สาวน้อยไร้เดียงสาที่กอดขาและขอความรักจากพวกเขา
ท่านผู้เฒ่าหวิน และผู้อํานวยการของโรงพยาบาลก็ยังไม่จากไปเช่นเดียวกัน
เมื่อท่านผู้เฒ่าหวินเห็นว่าเจียนอหลิงสบายดี เขาก็หันหลังกลับและจากไป
ในทางกลับกัน สายตาของผู้อ่านวยการจับจ้องอยู่ที่เฉียนอีหลิงราวกับว่าเขากําลังมองดูสมบัติของชาติ
ก่อนหน้าที่ท่านผู้เฒ่าหวินจะมาหาเขาในวันนี้ เขาไม่รู้มาก่อนว่าเจียนอีหลิงคือ Dr. FS.
Dr. F.S. อายุน้อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก
นอกจากนี้ รูปร่างหน้าตาเธอค่อนข้างบอ
บบางและน่ารัก
เธอดูคล้ายกับหลานสาวของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะท่านผู้เฒ่าหวิน ผู้อํานวยการคงไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้น คือ Dr. FS. ศัลยแพทย์ในข่าวลือนั้น
ตามค่าพูดของท่านผู้เฒ่าหวิน คนๆนี้เกิดมาเพื่อยืนอยู่ที่โต๊ะผ่าตัด หัวใจและมือของเธอนั้นทั้งเยือกเย็นทั้งมั่นคง
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้ คนๆนี้กําลังอยู่ในโรงพยาบาล
ผู้อํานวยการมีความสุขมาก เขาคิดที่จะขโมยเธอมาจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮียหลิง
“เจียนอหลิง อย่ากังวลไปเลย ฉันขอให้ทุกคนในโรงพยาบาลไม่พูดถึงเรื่องนี้ คนนอกจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่นอน”
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร ด้วยความยินดี พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าทําให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป”
หลังจากคุยกับเจียนอหลิงแล้ว ผู้อ่านวยการก็กลับสํานักงานของตัวเองอย่างไม่เต็มใจนัก
ด็อกเตอร์ฉ่และหมอคนอื่นที่เห็นทุกอย่างก็กลับมาที่สํานักงานเช่นเดียวกัน
ท่าทางของด็อกเตอร์นั้นดูน่าเกลียดอย่างมาก
เหตุการณ์ที่เมื่อกี้นี้มันตบหน้าเขาชัดๆ เขาต้องการที่จะรู้ให้ได้
แพทย์อีกคนในสํานักงานเย้ยหยัน “ด็อกเตอร์จี้ คุณไม่ได้ดุเจียนอีหลิงเรื่องเมื่อวันก่อนหรอ? ตอนนี้คุณรู้สึกแย่กับคําพูดนั้นใช่ไหมล่ะ?”
“แกเป็นใครถึงมายุ่งเรื่องนี้ ไปสนใจเรื่องของตัวเองซะ” ด็อกเตอร์ฉ่ส่งเสียงขู่กลับ
แต่ทว่าหมอคนนั้นยังคงเยาะเย้ยด็อกเตอร์จี้ “ทําไมคุณต้องหัวเสียด้วยล่ะ? ผมแค่พูดความจริง เราทุกคนได้ยินว่าคุณล้อเลียนและดุเจียนอหลิงเมื่อวานนี้ยังไง ปรากฏว่าเธอในตอนนั้นมีคุณสมบัติที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวตั้งแต่แรก นอกจากนี้ความสําเร็จของเธอนั้นยิ่งใหญ่กว่าของคุณมาก คุณเป็นเพียงแพทย์ทั่วไป แต่เธอเป็นถึงศัลยแพทย์มืออาชีพอยู่แล้ว”
“เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเดียวเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าเธอเป็นหมอที่ดีจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลขนาดเล็กไม่ควรเปรียบเทียบกับแพทย์ที่ดูแลโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง”
“ชิ ผมเดาว่าคุณคงสามารถปลอบใจตัวเองได้ด้วยคําพูดเหล่านั้น”
“สนใจแค่เรื่องของตัวเองเถอะ!”
หลังจากโต้เถียงกับหมออีกคนแล้ว ดอกเตอร์จี้ก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
จํายหวินเชิงมาพบจสื่อโม่และเวินรั่วเป็นการส่วนตัว
“ฉันขอให้ลืมทุกสิ่งที่เห็นในวันนี้ซะ”
“ไม่ต้องกังวลนายท่านเชิง ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ความจริงแล้วผมไม่คิดจะบอกพ่อแม่ด้วยซ้ํา” จสื่อโม่รับรองกับจ่ายหวินเชิง
จุสื่อโม่ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากจํายหวินเชิง
เขาไม่สนใจเกี่ยวกับ Dr. FS. สักนิด ยังไงก็ตามเขารู้ผลที่ตามมาของการไม่เชื่อฟังจํายหวินเชิง ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมรับคําขอของจํายหวินเชิงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้าม อารมณ์ของเว้นรัวยังคงแย่มาก พ่อแม่ของเธอยังคงนอนอยู่บนเตียงพยาบาลส่งผลให้เธอไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องอื่น
“นายท่านเชิง ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังได้ไหม” เป็นรั่วถาม
“ไม่” จํายหวินเชิงตอบ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อหารือเรื่องนี้กับเวินรั่ว
ตอนไม่ครบ เนื้อเรื่องขาด ติดปัญหา ติดต่อได้ที่แฟนเพจ หน้าหลักนะครับ